สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ 7 เคสที่ 4 ชมรมวิจัยอนิเมะ (1)

ตอนที่ 7 เคสที่ 4 ชมรมวิจัยอนิเมะ (1)

ผมคิดว่าควรพักเรื่องราวที่เกี่ยวกับสมาชิกสภานักเรียนไปสักหน่อยดีกว่า

เพราะยังไงหน้าที่ของพวกผมก็คือการช่วยเหลือเหล่านักเรียนที่กำลังเดือดร้อนกับลักษณะพิเศษแต่กำเนิดของตนเอง…

…หรือต่อจะให้ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า แต่สภานักเรียนก็ต้องช่วยอยู่ดีก็เถอะนะ…

ที่จริงนึกอยากเปลี่ยนป้ายหน้าห้องสภาเป็น ‘ร้านรับจ้างสารพัด’ อยู่เหมือนกัน 

แต่เอาเถอะ ถึงสภาจะช่วยนักเรียนได้ในหลายๆเรื่อง ก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่างานเกี่ยวกับสภาต่างๆก็ต้องทำกันอยู่ดี

ยกตัวอย่างก็เช่น งบประมาณชมรม

ที่ไม่ว่าจะดูเท่าไหร่ก็ยังไม่ลงตัวสักที …ให้ตายสิ ปกติประเทศไทยจริงจังเรื่องชมรมเบอร์นี้เลยเหรอ? ไม่ใช่ญี่ปุ่นนะว้อย

และความน่าปวดหัวก็มาตกที่ผมที่เป็นประธานนักเรียนนี่แหละ

นึกสงสัยครูใหญ่แล้วสิว่าคิดยังไงถึงได้ให้มีการตั้งชมรมในโรงเรียน…

…ช่างมันประไร ผมที่เป็นคนต่างชาติพูดอะไรไปก็อาจจะไม่เข้าหูก็ได้ 

ดังนั้น หลับหูหลับตาทำไปตามหน้าที่ก็แล้วกัน

“หือ…?”

ทำไมงบประมาณของชมรมนี้มันเยอะกว่าชาวบ้านชาวช่องเขากันนะ? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่ลงตัวสักที

ผมเลื่อนสายตาไล่ตามแผ่นกระดาษในมือและดูชื่อของชมรมดังกล่าว

“…ชมรมวิจัยอนิเมะ/มังงะ/การ์ตูน/เกม/นิยาย/แฟนฟิค/คอสเพลย์”

ชื่อยาวซะจนอ่านแล้วเมื่อยปาก

ที่สำคัญคือเป็นชมรมที่มีอยู่เพื่อบ้าอะไร? และไหงถึงได้งบประมาณเยอะกว่าชมรมอื่นที่ดูจะเป็นชมรมมากกว่าอย่างเช่นชมรมกีฬาเสียอีก

เฮ้อ…เรื่องน่าปวดหัวอีกแล้วสินะ

ผมเงยหน้าขึ้นและมองไปยังโต๊ะรับแขก

วันนี้คนที่อยู่ในห้องสภาได้แก่ พลอย และก็พี่น้ำ

…ผีนางรำ …ผีไร้หัว

รู้สึกวันนี้ดิวจะถูกอาจารย์ประจำชั้นเรียกคุยเรื่องผลการเรียน 

ดิวเรียนไม่ค่อยเก่งนี่นะ ที่เธอยังกระเสือกกระสนขึ้นมอห้ามาได้นี่ผมก็แปลกใจเหมือนกัน

เคยดูใบเกรดของดิวอยู่ครั้งหนึ่ง …เรียกว่าสร้างความประหลาดใจปนสมเพชไม่น้อยเลยล่ะ

เสียชื่อสภานักเรียนหมด

ผมบ่นเช่นนั้นในใจ

ส่วนพี่ต้นก็เดิมๆล่ะนะ ไปช่วยนักเรียนหญิงทำโน่นนี่นั่น …เนื้อหอมจังเลยนะ พี่ต้นเนี่ย

อ้อ ลืมยัยสไปรท์ไปซะสนิท เอาเถอะ ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่

แต่ก็น่าแปลกใจตรงที่ปกติสไปรท์จะตัวติดกับพี่น้ำเป็นเหาฉลาม แต่วันนี้พี่น้ำกลับมาห้องสภาแค่คนเดียวซะงั้น

“นี่พลอย”

“ว่าไงคะ? ประธาน”

เด็กสาวนางรำมองมาทางผมพร้อมจัดชฎาบนศีรษะให้เข้าที่

ถ้าจะถามอะไรก็ต้องถามจากรองประธานก่อนนั่นแหละ

“ไอ้ชมรมวิจัยอนิเมะนี่คืออะไร?”

“หมายถึง ‘ชมรมวิจัยอนิเมะ/มังงะ/การ์ตูน/เกม/นิยาย/แฟนฟิค/คอสเพลย์’ รึเปล่าคะ?”

“…!”

รู้สึกได้ว่าพี่น้ำสะดุ้งเล็กน้อย ถึงจะไม่มีศีรษะแต่ก็จับสังเกตได้จากท่าทาง

แต่ช่างไปก่อน

“นั่นแหละ มันเป็นชมรมที่มีหน้าที่อะไร? นี่มันใช้งบประมาณเยอะกว่าชมรมอื่นหลายเท่าเลยนะ?”

พลายใช้นิ้วขาวเรียวยาวแตะคาง

“อืม…ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ คิดว่าเป็นชมรมสำหรับนั่งดูอนิเมะหรืออ่านมังงะกันหลังเลิกเรียนมั้งคะ?”

“งั้นเหรอ? เข้าใจล่ะ”

ผมตอบพร้อมยืน

พลอยที่เห็นดังนั้นก็สงสัย

“จะไปไหนเหรอคะ?”

“ถามได้ ก็ไปยุบชมรมน่ะสิ”

“เมื่อตัดสินใจก็พร้อมลงมือทำ สมแล้วที่เป็นลูกซาตานค่ะ”

“บอกว่าสมเป็นประธานจะดีกว่ามั้ง?”

ชมรมไร้สาระที่ไม่สมควรมีอยู่มันต้องยุบทิ้งให้สิ้นซาก เก็บไว้ก็หาประโยชน์มิได้ แทบยังผลาญงบประมาณโรงเรียนที่ให้ไว้สำหรับชมรมไปมากโข

อย่าว่าแต่แค่ยุบชมรมเลย ใจจริงผมอยากไปทุบห้องชมรมทิ้งเลยด้วยซ้ำ

ผมกำลูกบิดประตูพลางหันไปถาม

“ไปด้วยกันมั้ย? พลอย”

“ถ้าเป็นคำสั่งของประธานล่ะก็…”

พลอยคลี่ยิ้มบางๆพร้อมลุกขึ้น

จังหวะเดียวกันกับที่พี่น้ำตะโกน

“ดะ เดี๋ยวก่อน! น้องคริส! น้องพลอย!”

“ครับ?”

“มีอะไรเหรอคะ? พี่น้ำ?”

ผมกับพลอยสงสัยต่อท่าทีลุกลี้ลุกลน

พี่น้ำเดินมาจับข้อมือพวกผมเบาๆ และพาลากกลับไปที่โต๊ะรับแขก

“ใจร้อนกันจังเลยนะทั้งสองคนเนี่ย ก่อนจะไปยุบชมรมใครก็ต้องคุยกันให้แน่ใจก่อนสิ…”

“ผมแน่ใจสุดๆแล้วครับ”

“หนูก็เห็นด้วยกับประธานนะคะ พี่น้ำมีปัญหาอะไรเหรอคะ?”

พี่น้ำผสานมือพร้อมทำเสียงจริงจัง

“ถึงจะเป็นชมรมที่ชื่อแปลกๆไปสักหน่อย แต่อาจจะทำประโยชน์ให้โรงเรียนมากกว่าที่คิดก็ได้นะ?”

“ไม่น่าใช่มั้งครับพี่ ชมรมอย่างนั้นจะไปทำอะไรได้นอกจากนั่งผลาญเวลาไปกับอนิเมะล่ะครับ?”

“หมายถึงมังงะ การ์ตูน เกม นิยาย แฟนฟิค และก็คอสเพลย์ด้วยใช่มั้ยคะ?”

“นี่หล่อนจะขัดฉันให้ได้ทุกคำเลยหรือไงหา?”

ผมเขม่นใส่พลอย 

ส่วนพลอยก็แค่ยักไหล่จนชฎาขยับเล็กน้อย

พี่น้ำถอนหายใจ แต่ผมกลับรู้สึกได้ว่าไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจจะยุบชมรมของผม

บางทีคงเกิดจากเหตุผลอื่น…

“เฮ้อ… อย่างน้อยน้องคริสก็ควรลองถามนักเรียนคนอื่นๆก่อนดีกว่านะ”

“ถามให้ได้อะไรล่ะครับ? อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่สมาชิกในชมรม ต่อให้ชมรมไหนจะโดนยุบก็ไม่มีนักเรียนคนไหนสนใจหรอกครับ”

เรียกว่าถ้าไม่เกี่ยวกับตัวเอง มนุษย์ส่วนใหญ่ก็ไม่เสียเวลามาสนใจกันหรอก 

สำหรับชมรมวิจัยอนิเมะที่ผมจะยุบทิ้งนี่ก็ด้วย ถึงจะถามนักเรียนคนอื่นไป ลงท้ายถ้าไม่ใช่สมาชิกในชมรมก็คงจะตอบกลับมาว่า ‘อยากยุบก็ยุบไปสิ’ อยู่ดี

จะผีหรือคนก็มีพื้นเพมาจากสิ่งมีชีวิตมีจิตใจที่เรียกว่ามนุษย์ล่ะนะ อ่านได้ไม่ยากนักหรอก

ยิ่งกับผมที่เป็นลูกซาตานแล้วด้วย

ผมมองหน้า…ไม่สิ บริเวณที่ควรจะเป็นหน้าของพี่น้ำด้วยสายตาแน่วแน่

ไม่ว่ายังไงผมก็จะยุบชมรมวิจัยบ้าบอนี่ให้ได้ และถ้าคำค้านของพี่น้ำไม่ดีพอ ก็ไม่จำเป็นต้องคุยต่อ…

“สะ สภานักเรียนมีสิทธิ์ยุบชมรมด้วยเหรอ?”

และนั่นคือที่พี่น้ำพูดออกมา …ทำไมรู้สึกเหมือนพี่แกเข้าตาจนไงชอบกลล่ะเนี่ย?

ผมพูดเหมือนถอนหายใจ

“…ชมรมจะก่อตั้งได้โดยใช้สมาชิกห้าคนเป็นอย่างต่ำ และได้ความเห็นชอบจากอาจารย์หนึ่งคนเพื่อให้เป็นที่ปรึกษาประจำชมรม …ซึ่งในกรณีดังกล่าว สภานักเรียนจะไม่มีสิทธิ์ในการออกความเห็น”

“ถะ ถ้างั้น…!?”

พี่น้ำที่ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้ามีความหวัง …ถึงจะไม่มีหัวแต่ก็อย่างที่บอกว่าเป็นการแสดงออกทางร่างกายน่ะนะ

แต่ผมยังพูดไม่จบ

“นั่นสำหรับการก่อตั้งชมรม ส่วนการยุบชมรมนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหมดสามวิธี หนึ่งคือสมาชิกในชมรมยินยอมจะปิดหรือยุบชมรมด้วยตัวเองโดยเกิดจากความเห็นชอบเกินกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ของสมาชิกชมรมในขณะนั้น”

“โห…”

พลอยทำปากอ้าพร้อมฟังถ้อยคำที่ผมร่ายออกไป

“สอง อาจารย์ที่ปรึกษายื่นคำร้องว่าจะยุบชมรม…กรณีนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก”

เพราะถึงกฎจะต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาหนึ่งคน แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ตัวอาจารย์ ที่จริงคือตัวอาจารย์แทบไม่มีหน้าที่อะไรในชมรมเลยด้วยซ้ำ 

ในเมื่อไม่ได้สร้างความลำบากหรือสร้างประโยชน์ จะก่อตั้งต่อไปหรือยุบก็ไม่ต่างกัน อาจารย์ส่วนใหญ่จึงไม่มีความคิดจะยุบชมรมเลยแม้แต่น้อย

หลักๆก็อาจไม่อยากสร้างความไม่พอใจให้นักเรียนด้วยล่ะนะ

“สาม ผู้ที่มีอำนาจซึ่งได้รับมอบหมายจากครูใหญ่โดยตรง สามารถพิจารณาความเป็นไปของชมรม กระนั้นก็ไม่รวมถึงการก่อตั้งชมรมใหม่ขึ้นมาเอง จะทำได้แค่…จะปล่อยให้ชมรมคงอยู่หรือยุบทิ้งเท่านั้น”

พี่น้ำกำมือแน่น

“ละ แล้วผู้มีอำนาจที่ว่าหมายถึงใครกันล่ะ!?”

ผมเชิดหน้าขึ้น มือขวาจับไปยังสายคาดสีแดงที่อยู่บนต้นแขนซ้าย

และตอบพี่น้ำกลับไป

“‘ประธานนักเรียน’ไงครับ”

 

และแล้ว ผมกับพลอยก็ปล่อยให้พี่น้ำเฝ้าห้องสภาไปทั้งๆอย่างนั้น

ก่อนจะออกมา พี่น้ำก็ถามผมด้วยเสียงดังสนั่น

“น้องคริสคิดขึ้นมาเองรึเปล่าเนี่ย!? ถึงจะเป็นประธานแล้วจะมีอำนาจขนาดนั้นได้ยังไง!?”

ผมก็ตอบคำถามด้วยการวางสมุดประจำตัวนักเรียนไว้บนโต๊ะ

“ลองอ่านดูครับ เขาแจกให้ตั้งแต่ตอนเข้าเรียนแล้วครับ”

พี่น้ำขบริมฝีปาก …ขี้เกียจจะพูดแล้ว เอาเป็นว่าผมรู้ว่าพี่เขาขบริมฝีปากอยู่ก็แล้วกัน

“ฝะ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

คำพูดเหมือนพวกตัวร้ายใกล้ตายในอนิเมะไม่มีผิด

ยังไงพี่น้ำก็เป็นคนชอบดูอะไรพวกนั้นอยู่แล้วด้วยสิ

ครั้งก่อนก็พูดถึงอนิเมะเรื่องหมอหิน …ที่ตัวเอกชื่อเซ็นคูอะไรนั่นสินะ?

อืม รู้สึกจะมีเงื่อนงำแปลกๆไงชอบกลชอบใจ

หรือว่าที่พี่น้ำดูอารมณ์เสียที่ผมจะยุบชมรมวิจัยอนิเมะ ก็อาจเกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่านะ?

“คิดอะไรอยู่เหรอคะ? ประธาน”

พลอยเอ่ยถามระหว่างเดินไปยังห้องชมรมวิจัยอนิเมะ

เนื่องจากเป็นหลังเลิกเรียนแถมยังเป็นตึกชมรม จึงเห็นนักเรียนอยู่มากแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นหนาแน่น น่าจะไปขลุกกันทำกิจกรรมชมรมในห้องที่เรียงรายอยู่ข้างๆนี้

ได้ยินเสียงหัวเราะโหวกเหวกดังมาเป็นระยะๆด้วยสิ

“…คนแบ่งงบประมาณชมรมน่ะ เป็นหน้าที่ใคร?”

ถึงผมจะเป็นคนเช็กความเรียบร้อยประจำไตรมาสของงบประมาณ แต่ก็ไม่ได้มีหน้าที่ในการแบ่งสรรค์ปันส่วน

ส่วนพลอยก็เป็นรองประธาน หน้าที่ของเธอคือช่วยอำนวยความสะดวกให้ผมเสียส่วนใหญ่

งานจิปาถะอื่นๆจะเป็นหน้าที่ของสมาชิกนอกเหนือจากผมและพลอยแทน

พลอยนึกไปครู่หนึ่ง

“ฉันคิดว่า…น่าจะเป็นพี่น้ำมั้งคะ?”

“คิดว่า งั้นเหรอ?”

“ก็…น่าจะมีน้องสไปรท์ช่วยด้วยอีกแรงน่ะค่ะ”

ถ้างั้นก็คงจะมีแค่พี่น้ำนั่นแหละ อย่างสไปรท์ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มาก พี่น้ำน่าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับงบประมาณ

“หรือว่าที่งบมันแปลกๆ เพราะพี่น้ำแบ่งงบไปให้ชมรมวิจัยอนิเมะมากกว่าที่ควรรึเปล่า?”

“จะบอกว่าพี่น้ำทุจริตเหรอคะ?”

“ก็ต้องว่ากันตามความจริงล่ะนะ …จะให้ไปคะยั้นคะยอให้ตอบเอาตอนนี้ก็ใช่ที”

เมื่อกี้ก็พึ่งออกมาจากห้องสภาโดยที่โดนตะโกนไล่หลังมาว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ!’ ด้วย

ตอนนี้ก็แค่แน่ใจประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น คงต้องหาหลักฐานชัดๆไว้มัดตัวก่อนล่ะนะ…

ผมถอนหายใจ

“เอาเถอะ ไว้ค่อยไปหลอกๆถามจากหัวหน้าชมรมวิจัยอนิเมะเอาก็ได้”

“ถ้าฝั่งนั้นเป็นผู้ร้ายปากแข็งล่ะคะ?”

“อยู่ต่อหน้าซาตานจะปากแข็งได้ขนาดไหนกันล่ะ?”

พูดจบ ผมก็แค่นหัวเราะอย่างสะใจ

พลอยบ่นอุบอิบเสียงค่อย

“…เป็นแค่ลูกซาตานเองแท้ๆ”

“เมื่อกี้ว่าไงนะ?”

“ไม่มีอะไรค่ะ! ถึงแล้วนะคะ!”

เธอชี้นิ้วไปด้านข้าง ผมหันสายตามองตาม

บานประตูที่มีป้ายกระดาษเขียนด้วยปากกาเมจิกว่า ‘ชมรมวิจัยอนิเมะ/มังงะ/การ์ตูน/เกม/นิยาย/แฟนฟิค/คอสเพลย์!!!’

อีกทั้งบนป้ายรวมถึงรอบกระจกประตู ยังประดับด้วยสติ๊กเกอร์ลายการ์ตูนชื่อดังหลายเรื่อง เข็มกลัดที่กลัดทับป้ายกระดาษและยึดเหนี่ยวด้วยสก็อตเทป

“บ้าจริง…ทำทรัพย์สินโรงเรียนเสียหมด”

“นั่นสินะคะ สติ๊กเกอร์พวกนี้ดึงออกยากด้วยสิ”

“เฮ้อ…เดี๋ยวต้องไล่ตักเตือนชมรมอื่นๆด้วยนะเนี่ย ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีกรณีแบบนี้อีก”

ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ระหว่างทาง ก็ไม่เห็นว่าชมรมอื่นจะแปะสติ๊กเกอร์บ้าๆบอๆให้ทรัพย์สินของโรงเรียนเสียหายเหมือนชมรมนี่เลยสักนิด

…มีเรื่องต้องพูดกับหัวหน้าชมรมวิจัยอนิเมะหลายเรื่องเลยล่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมเคาะประตูอย่างมีมารยาท

แต่ว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นจากภายใน ดังนั้นพวกเขาคงไม่ได้ยินเสียงเคาะ

ผมจึงใส่แรงเพิ่มอีกหน่อย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

…ยังไม่มีใครตอบ

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

…ยังไม่มีใครตอบ

ก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!

“ค่าา!!”

ได้ยินเสียงของเด็กสาวดังกังวานจากด้านใน …ไม่รอนิ้วตูหักก่อนเลยล่ะ

“ใช้เวลานานเหมือนกันนะคะเนี่ย?”

“ดูทรงน่าจะทำอะไรไร้สาระกันอยู่จนไม่ได้ยินเสียงเคาะนั่นแหละ”

เนื่องจากกระจกประตูเป็นกระจกขุ่น ต่อให้จะเห็นว่ามีคนอยู่อีกฝั่งของประตูก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร 

กระนั้น นี่ก็เป็นห้องชมรม ที่จริงก็ควรจะเปิดรับให้ใครก็ตามที่เข้ามาเยี่ยมชมอยู่แล้ว

แต่ว่า…เด็กสาวที่อยู่อีกฝั่งกลับถามมาแบบนี้

“ใครเหรอค้า?”

ผมมองหน้าพลอยเล็กน้อยก่อนตอบ

“สภานักเรียนครับ”

“คนไหนเอ่ย?”

“ประธานกับรองประธานครับ…”

เริ่มอยากจะพังประตูเข้าไปซะแล้วสิ… 

แต่ก็ได้คิด เพราะผมไม่อยากทำลายทรัพย์สินของโรงเรียนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

เด็กสาวหลังประตูพูดด้วยเสียงลากยาวเหมือนจงใจกวนโอ๊ย

“ที่นี่ไม่รับคนนอกชมรมค่า~ ไว้มาใหม่โอกาสหน้าเนอะ~”

“เฮ้ย!? เดี๋ยว!”

ผมออกแรงบิดลูกบิดประตู แต่ก็แน่ล่ะ ล็อคไว้

ถ้าไม่รับคนนอกชมรมอย่างที่ว่าจริงๆ ทำไมตอนแรกถึงถามว่าเป็นสภานักเรียนคนไหนกันล่ะ…? 

 

อืม…เริ่มจะเข้าใจแล้ว งั้นใช้ไม้นี้ก็น่าจะได้

“ฉันมาแทนพี่น้ำ ต้องการคุยเรื่องงบประมาณชม…”

พูดยังไม่ทันจบ ประตูก็ถูกเปิดออกทันที

“โอ้ว!? งบประมาณสินะ!? เข้ามาเลยๆ!”

เด็กสาวเปิดประตูให้อย่างว่าง่าย

แต่เมื่อผมกับพลอยมองไปที่เด็กสาวคนนั้นก็ต้องเอียงคออย่างฉงน

เธอก็ใส่ชุดนักเรียนไทยตามปกตินั่นแหละ เว้นเสียแต่เหมือนกำลังคอสเพลย์เป็นตัวอะไรสักตัวอยู่ด้วย

…เสื้อคลุมสีแดงแขนกุด หมวกฟางที่มีสายคาดสีแดงอยู่ด้านบน

ใบหน้าของเด็กสาวใช้ปากกาเมจิคสีดำขีดเป็นเหมือนรอยแผลเป็นที่ด้านล่างตาซ้าย…

“มาทรงจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลยนะคะนั่น…”

“นี่พลอย …อย่าพึ่งตบมุกตอนนี้ได้มั้ย?”

“ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย!”

เด็กสาวที่ดูทรงน่าจะสติไม่สมประกอบแทรกมาเช่นนั้นอย่างร่าเริง

ผมไม่สนใจและเข้ามาด้านในพร้อมกับพลอยและปิดประตู

“จะมาดูอนิเมะเหรอ? หรือจะอ่านมังงะก็ได้น้า~”

เธอผายมือไปยังชั้นหนังสือที่มีหนังสือการ์ตูนตั้งอยู่เต็มไปหมด

ผมส่ายศีรษะ

“ฉันมาคุยเรื่องชมรมนี้ต่างหาก”

“งบประมาณ?”

“ไม่ใช่”

“อ้าว? ไม่ใช่เรื่องงบประมาณหรอกเหรอ? พอดีช่วงนี้มังงะออกใหม่เต็มเลยแหละ กำลังอยากได้งบเพิ่มอยู่พอดี”

“นี่หล่อนเอางบประมาณไปล้างผลาญกับหนังสือการ์ตูนเรอะ!? หา!?”

“อะไรของนายเนี่ย? จะตะโกนทำไม?”

“นั่นสิคะ อย่าตะโกนสิคะประธาน”

…เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพลอยเป็นพวกใครกันแน่ จังหวะนี้มันต้องอยู่ฝั่งผมไม่ใช่เหรอ?

เด็กสาวที่สวมชุดคอสเพลย์เอ่ยพร้อมส่ายศีรษะ

“โกหกว่าจะมาคุยเรื่องงบประมาณงั้นสินะ? เชิญกลับไปได้เลยค่า ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้ว”

“จะกลับได้ไงเล่า? อีกอย่าง ชมรมต้องต้อนรับทุกคนไม่ใช่เรอะ? ที่เธอไม่เปิดประตูให้ฉันเมื่อกี้น่ะ ฉันเอาไปแจ้งฝ่ายปกครองได้เลยด้วยซ้ำ”

“หว๋าย พวกขี้ฟ้องแหละ”

““ขี้ฟ้องๆ!””

สมาชิกคนอื่นในชมรมที่อยู่ในชุดนักเรียนบ้าง คอสเพลย์บ้างตามน้ำมาแบบนั้น

เด็กสาวส่ายศีรษะอีกครั้ง

“ให้ตายสิน่า…เอางั้นก็ได้ ไหนๆก็มาแล้ว มีอะไรก็รีบพูดมา”

“ฉันมายุบชมรมเส็งเคร็งนี่”

“พูดใหม่อีกทีซิ?”

“ฉันมาในฐานะประธานนักเรียน จะยุบชมรมเส็งเคร็งไร้ประโยชน์ที่เรียกว่าชมรมวิจัยอนิเมะนี่ซะ”

“จะยุบชมรมแต่จำชื่อชมรมไม่ได้เหรอ?”

“ชื่อยาวๆไร้ความหมายแบบนั้น ฉันไม่เก็บมาจำให้รกสมองหรอก”

เมื่อผมว่าเช่นนั้น ก็โดนสายตาอาฆาตจ้องมอง

ผมไม่หลบสายตา

…ใครจะว่าอะไรก็เชิญ แต่ผมไม่ได้กลั่นแกล้ง แค่มาในฐานะความถูกต้องก็เท่านั้น 

โห? เรานี่มันก็เท่เหมือนกันนะเนี่ย

อีกฝ่ายก้มหน้าลงเหมือนกำลังอดกลั้นบางอย่าง

ก่อนพูดเหมือนกัดฟัน

“ไม่ยอมหรอก…”

“อย่างเธอจะทำอะไรได้? อำนาจฉันสูงกว่า”

ก็เป็นประธานนักเรียนนี่นะ ส่วนหล่อนก็แค่สมาชิกชมรม…หรือจะเป็นหัวหน้าชมรมด้วยรึเปล่านะ?

“ถ้างั้นก็ต้องจัดการให้สิ้นซาก!”

เด็กสาวตะโกนพร้อมกำหมัดและง้างทั้งแขนไปด้านหลัง

“จะใช้กำลังเรอะ?”

ทำร้ายร่างกายมีโทษพักการเรียนเลยนะ? 

ที่จริงจะยอมโดนๆไปก็ได้ อย่างผมน่ะ ไม่เจ็บไม่คันอยู่แล้ว

แต่ว่าถอยให้ห่างจากระยะหมัดก็แล้วกัน คนที่ยืนนิ่งๆให้ต่อยก็มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ

ผมเดินถอยหลัง

วินาทีนั้นเองที่พลอยพูดขึ้น

“เอ่อ ประธานคะ ต้องถอยมากกว่านี้อีก…”

“พูดอะไรเนี่ย?”

“คือเด็กคนนี้เขาเป็น…”

ไม่ทันที่พลอยจะพูดจบ

เด็กสาวชมรมวิจัยอนิเมะก็ตะโกนอีกครั้ง

“หมัดยางยืด!!!”

พริบตาที่ปล่อยหมัด ท่อนแขนก็ยืดยาวจนผิดกับสรีระร่างกายโดยสิ้นเชิง

ระยะหมัดเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และกระทบที่แก้มของผมอย่างพอดิบพอดี

และเป็นหมัดที่รุนแรงน่าดู

“อึก…!”

ผมถอยหลังไปชนกับประตูจนเกิดเสียงโครมคราม

“ฮะฮ่าๆ นี่ฉันยังไม่ได้เอาจริงเลยนะ! ประธานนักเรียนสินะ? นายน่ะ!!”

“……”

ผมลูบแก้ม

พลังกำลังเหนือกว่าเด็กสาวทั่วๆไป แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ถึงขนาดทำให้ฟกช้ำ ร่างกายผมเหนือกว่ามนุษย์หรือภูตผีตนอื่นๆ

เนื่องจากที่นี่เป็นโรงเรียนสำหรับภูตผีอย่างที่รู้กัน ไม่ว่าจะนักเรียนหรืออาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับทั้งสิ้น

เพราะงั้น เด็กสาวคนนี้ก็ต้องเป็นแบบนั้นเช่นกัน

“ตัวอะไรอีกล่ะเนี่ย…”

พลอยช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น

และตอบข้อสงสัย

“…แม่นากน่ะค่ะ”

อืม เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงใส่คอสเพลย์เป็นตัวละครตัวนี้

ถ้าให้ว่าตามความเห็นของผมก็คงจะเป็น…

ไร้สาระชะมัด…

เคสที่ 4 ชมรมวิจัยอนิเมะ (แม่นาก) /มีต่อ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

Score 10
Status: Completed
คริสโตเฟอร์ ลูกชายของซาตาน ผู้ที่ลงมายังภพมนุษย์และศึกษาอยู่ในโรงเรียนสำหรับภูติผี ...หะ? ว่าไงนะ? โรงเรียนที่ว่านั่น เจ้าลูกชายซาตานเป็นประธานนักเรียนด้วยอย่างงั้นเหรอ!? แล้วยังงี้คริสโตเฟอร์ที่ต้องมานั่งแก้ปัญหาหนักอกหนักใจของวัยรุ่นเชื้อสาย 'ผีไทย' จะทำยังไงเนี่ย!?

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset