สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ 61 เคสที่ 31 หาย (2)

ตอนที่ 61 เคสที่ 31 หาย (2)

สำหรับอาคารเรียนหลักของจิตตฯ จะแบ่งชั้นเรียนออกเป็นสามส่วน ชั้นหนึ่งกับสองเป็นสำหรับมอสี่ และชั้นที่เหลืออีกสี่ชั้นก็จะไล่ไปตามลำดับ

ซึ่งต้นเหตุของปัญหาก็น่าจะอยู่ที่ชั้นหนึ่งไม่ก็สอง ผมจึงแยกย้ายกับเรย์ในการหาต้นตอ

อ้อ…ส่วนมัธยมต้นจะอยู่อีกตึกนึง และการแบ่งชั้นก็คล้ายๆแบบนี้แหละ

“…เป็นวิญญาณที่พลังวิญญาณต่ำหรือไงกัน?”

ไม่ว่าจะเดินหาแค่ไหน แต่กลับไม่พบร่องรอย

ในเมื่อไม่พบร่องรอย จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นวิญญาณหรือภูตผีประเภทไหน

เอ…ผีไทยที่สามารถทำให้ของหายรวมถึงคนหายได้นี่ มันน่าจะมีอยู่ไม่กี่ประเภทหรอก แต่ก็นะ ผมมันไม่รู้จักสักประเภทเลยนี่หว่า

ลองโทรถามพลอยดูดีกว่า

ผมที่ตัดสินใจเช่นนั้นก็หยิบโทรศัพท์

“ไม่มีสัญญาณ…?”

แปลกชะมัด ไม่สิ…ที่แปลกกว่าคือทำไมรอบๆมันถึงเงียบขนาดนี้ต่างหากล่ะ

จริงอยู่ว่าเป็นช่วงเลิกเรียนที่นักเรียนออกจากตึกเรียนไปหมด แต่ก็น่าจะต้องเห็นครูสักสองสามคนนี่นา…

ติดต่อเรย์ …ไม่มีเบอร์แฮะ และต่อให้มีก็ไม่มีสัญญาณอยู่ดี

ผมจึงลงไปชั้นหนึ่งอีกครั้งเพื่อรวมกลุ่มกับเรย์

เมื่อลงมาก็พบเรย์ที่กำลังตรวจเช็กอย่างขะมักเขม้น

“เรย์”

“หะ ครับ? อ้าว ไม่ใช่ว่านัดเจอกันชั้นบนหรอกเหรอ?”

“สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีน่ะ เลยลงมาดู …แล้ว…เจออะไรบ้างมั้ย?”

เรย์ส่ายศีรษะ

“ไม่เลยครับ ประธานล่ะ?”

“ไม่เจอเลย”

“อืม…อย่างนี้อาจต้องแจ้งตำรวจจริงๆแล้วรึเปล่า? อาจจะไม่ใช่เพราะวิญญาณก็ได้”

…มีความเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นฝีมือวิญญาณล่ะก็ อย่างผมก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอะไรสักอย่าง…

……

“เรย์ ใช้โทรศัพท์นายโทรหาพลอยให้หน่อย”

“ได้ครับ…ของประธานแบตหมดเหรอ?”

“ไม่มีสัญญาณน่ะ”

“ลองเปลี่ยนค่ายมั้ยครับ? อย่างของผมใช้เป็น…”

“ไม่ต้องหรอก แค่ลองโทรให้หน่อย”

ว่าแล้วเรย์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนปลดล็อคหน้าจอและพบว่า

“อ้าว? ของผมก็ไม่มีสัญญาณเหมือนกัน”

“งั้นเหรอ…”

“ลองออกไปหาสัญญาณข้างนอกดูดีมั้ยครับ?”

ผมพยักหน้า แต่ในใจก็คิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น

ทันทีที่จะก้าวเท้าออกจากอาคารเรียน

ปัง…!

หน้าเรย์กระแทกกับบางอย่างเสียงดัง

“โอ๊ย! อะไรเนี่ย!”

ผมลองยื่นมือออกไป และก็ผลลัพธ์เดียวกัน ไม่สามารถออกไปด้านนอกอาคารเรียนได้ ราวกับว่ามีกำแพงโปร่งใสมาขวาง

…โดนจนได้สินะ

“ประธานครับ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

“เรย์ นายเป็นคนไทยสินะ”

“อ๊ะ ครับ! แต่ที่จริงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ะครับ…”

“เรื่องนั้นช่างมันก่อน ช่วยบอกชื่อของผี วิญญาณ หรือความเชื่ออะไรก็ได้ ที่เกี่ยวกับการที่ทำให้คนหายให้ฉันฟังหน่อย”

เรย์กุมคางครุ่นคิด

“…อืม ‘ผีลักซ่อน’?”

“อธิบายด้วย”

“เอ่อ…เป็นผีที่จะโผล่ออกมาช่วงกลางค่ำกลางคืนน่ะครับ บ้างก็ในที่ลับตาคน จะชอบจับเด็กไปอยู่ด้วย ทำให้เด็กหายโดยไม่ทราบสาเหตุน่ะครับ”

“อ่า…”

“แล้วก็……โทษทีครับ ผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน”

นั่นสินะ แต่แค่นี้ก็ขอบใจมากแล้ว …นึกเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เอาพลอยมาด้วย

“จับไปอยู่ด้วยที่พูดนั่น…หมายถึงจับไปไหน รู้รึเปล่า?”

“จะไปรู้ได้ไงครับ ผมแค่เคยได้ยินคุณแม่พูดเท่านั้นเอง”

“เข้าใจล่ะ”

ลงความเห็นว่านี่เป็นฝีมือของผีลักซ่อนไปก่อนแล้วกัน ข้อมูลมีไม่เยอะ …ต่อไปก็ต้องหาตัวผีลักซ่อนนั่นให้เจอและจัดการ

ซึ่งจากสถานการณ์ตอนนี้…ก็น่าจะหาได้ไม่ยากแล้วด้วย

เรย์ขมวดคิ้ว

“ประธานหน้าเครียดเชียว…ตกลงเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมเราออกจากตึกเรียนไม่ได้?”

ก่อนจะตอบคำถามนั้น ผมเร่งอาคมไปที่ฝ่ามือจนเปล่งออร่าสีดำ พร้อมต่อยไปยังกำแพงโปร่งที่มองไม่เห็นนั่น…

ปัง…!

“…ไม่รับความเสียหายจากอาคมงั้นเหรอ?”

ไม่น่าแปลก ในเมื่อผม ‘ติดอยู่ที่นี่’ แล้ว การตีกรอบของมิติคงแน่นหนาเกินกว่าที่ผู้หลงเข้ามาด้านในจะออกไปได้

เหลือแค่ต้องกำจัดต้นตอลง

“เรย์ ตั้งใจฟังดีๆ แล้วอย่าสติแตกล่ะ”

“…เริ่มจะไม่อยากฟังขึ้นมาแล้วสิครับ…”

“พวกเรากลายเป็นคนหายไปแล้ว”

“ครับ?”

เรย์งงเป็นไก่ตาแตก

ผมอธิบายเพิ่ม

“ฉันไม่รู้ว่าผีลักซ่อนคืออะไร แต่ปรากฏการณ์แบบนี้น่ะ คือพวกเราหลงมาอยู่อีกมิตินึงที่วิญญาณเป็นผู้สร้าง…ซึ่งต่อให้ใช้อาคมแบบไหนก็แหกออกไปไม่ได้ ต้องจัดการเจ้าของมิติ”

“งงอะครับ”

“จะอธิบายระหว่างตามหาสไปรท์แล้วกัน”

ผมวิ่งขึ้นบันได ดูเหมือนจะจำเป็นต้องตรวจทุกชั้นยันดาดฟ้าเลยสินะ

เรย์วิ่งตาม

“สไปรท์? ประธานเจอเธอแล้วเหรอครับ?”

ผมตอบด้วยการชี้ไปด้านล่าง

“นี่ไม่ใช่มิติที่พวกเราอยู่”

“หะ???”

“เป็นอีกมิติที่วิญญาณสร้างขึ้น ฉันก็ไม่รู้ทำไมผีไทยถึงมีของแบบนี้ แต่น่าจะเป็นกรณีเดียวกับตัวที่ฉันรู้จัก”

“จะบอกว่าคนที่หาย คือหายมาอยู่ที่นี่เหรอครับ???”

“ใช่ ทั้งเพื่อนของเจ้าของเคส แล้วก็สไปรท์ …แต่ปัญหาคืออยู่ที่ไหนของตึกนี้ล่ะนะ”

ขณะเล่าถึงตรงนั้น พวกผมก็ยังไม่หยุดสำรวจไล่ขึ้นไป

เรย์พูดขึ้น

“ฟังดูแฟนตาซีจังเลยนะครับ…”

“งั้นเหรอ?”

“คงเพราะใช้คำว่ามิติด้วยล่ะมั้งครับ? อ๋อ ประธานเป็นคนต่างชาตินี่นะ”

“งั้นถ้าเป็นที่ไทย ต้องเรียกว่าอะไร?”

เมื่อผมถามไปแบบนั้น เรย์ก็คิดไปครู่นึงก่อนตอบ

“โลกคู่ขนาน?”

“ก็เกือบใช่อยู่นะ”

“หรือว่า…นิวรณ์?”

“เอามาจากเกมเรอะ?”

“ประมาณนั้นครับ …หรือเรียกว่าเขตแดนดี?”

“เอามาจากการ์ตูนสินะ…”

“รู้ดีจังนะครับเนี่ย สมแล้วที่เป็นลูกซาตาน”

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก เป็นเพราะพี่น้ำมากกว่า”

“เห…”

เรย์ครางในลำคอ

“เฮ้อ…ช่างเถอะ อยากเรียกยังไงก็แล้วแต่ เอ้า ต่อไปเหลือแค่ดาดฟ้าแล้ว”

พวกผมที่สำรวจทุกซอกทุกมุมจนเหลือแค่ดาดฟ้า ก็เปิดประตูเข้าไป พร้อมรับสายลมที่ตีเข้าหน้า

เมื่อขึ้นมาดาดฟ้าก็พบแต่ความว่างเปล่า ถึงท้องฟ้าที่มองเห็นจะเป็นท้องฟ้ายามเย็นตามปกติ แต่สถานที่นี้เป็นอีกฝากนึงของโลกตามปกติ

มิติ…ใช้คำว่าโลกคู่ขนานคงได้ล่ะมั้ง? เป็นโลกที่ทุกอย่างจะเหมือนโลกเดิมเป๊ะ เว้นเสียแต่ทุกสิ่งที่เห็นเกิดจากวิญญาณเจ้าของมิติสร้างขึ้น…

ดูเหมือนมิติจะครอบคลุมแค่บริเวณอาคารเรียน

ดังนั้น ทั้งคนหายและรวมถึงวิญญาณก็น่าจะอยู่สักที่นี่…

“แล้วทำไม…ประธานถึงรู้ว่าพวกเราติดอยู่ในนิวรณ์ล่ะครับ?”

“แค่ที่พวกเราออกไปนอกตึกเรียนไม่ได้ก็น่าจะเป็นเหตุผลแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ก็จริงครับ”

“แล้วยังมีสัญญาณโทรศัพท์นี่อีก ขนาดขึ้นมาดาดฟ้าแล้วยังไม่มีสัญญาณก็แน่ใจสุดๆแล้ว…”

จู่ๆก็สัมผัสได้…

…กลิ่นอายวิญญาณ

สูงข้นคลั่ก

ผมดันเรย์ถอยไปด้านหลัง ขณะที่ด้านหน้าเริ่มปรากฏเงาสีดำ

ร่างนั้นค่อยๆปรากฏอย่างชัดเจน วิญญาณรูปร่างมนุษย์ที่สวมเสื้อสีดำเทา ไม่มีจุดเด่นเป็นพิเศษ

“ไง ผีลักซ่อน”

“…ซาตาน?”

วิญญาณพูดเสียงเรียบๆแบบนั้น รู้จักผมด้วยงั้นเรอะ?

ผมจ้องหน้าวิญญาณก่อนถาม

“เออ แกจับลูกน้องฉันไปไว้ไหน?”

วิญญาณเงยหน้า

“…หมายถึงเสือสมิงรึ?”

“…”

“…ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกจะได้ไปอยู่กับมันด้วย”

“ปากดีจริงนะ …อาภรณ์แห่งเงา จงปรากฏเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์แก่ข้า…‘ชาโดว์ สกิน’”

สิ้นคำ ร่างผมก็ปกคลุมด้วยสีดำ เงาหัวที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์หายไปและคืบคลานเข้าปกคลุมร่างกาย

…ล่าสุดก็ใช้ไปตอนครั้งที่ช่วยพี่ต้นล่ะนะ

เรย์ตะโกน

“ไอ้การแปรงร่างที่เหมือนหลุดมาจากการ์ตูนนั่นมันอะไรครับ!!!???”

“ถอยไปก่อนเถอะน่า”

“โคตรเท่! นี่พวกเรากลายเป็นตัวเอกในการ์ตูนไปแล้วเหรอ!? ส่วนผมเป็นผู้ช่วย???”

“นายนี่น่าจะคุยกับพี่น้ำรู้เรื่องนะ…แต่ถอยไปก่อนได้มั้ย?”

เรย์ท่าทางตื่นเต้น แต่ก็กลั้นใจถอยไปหลังประตูทางเข้าดาดฟ้า

วิญญาณเอียงคอและชูฝ่ามือหยาบๆมาทางผม

“ข้าคือผีลักซ่อน ทุกสิ่งที่ข้าสัมผัสจะหายไป…”

สรุปเป็นผีลักซ่อนจริงๆด้วยแฮะ

ว่าแล้ว มันก็สัมผัสเข้ากับคอมเพรสเซอร์แอร์ที่อยู่ข้างๆ

และก็หายไป

“…และทุกสิ่งในนิวรณ์แห่งนี้ เมื่อโดนข้าสัมผัสอีกครั้งจะสาบสูญตลอดกาล”

“แล้วพื้นที่แกเหยียบไม่หายไปหรือไง?”

“…ข้าใส่รองเท้า”

อยากจะขัดว่าทำไมรองเท้าถึงยังอยู่ แต่เอาเถอะ อีกอย่าง ผีที่นี่เรียกมิติว่านิวรณ์สินะ เรย์พูดถูกแฮะ

ผมวิ่งเข้าใส่ผีลักซ่อน

วิธีจัดการวิญญาณสำหรับผมก็ง่ายๆ เพราะถ้าเร่งอาคมให้เต็มที่เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ จะวิญญาณหน้าไหนก็รับไม่ไหวจนสลายไป

เพราะงั้นเกมจะจบลงตอนที่ผมซัดหน้าเจ้าวิญญาณนี่ได้ล่ะนะ!!!

ผีลักซ่อนยื่นมืออย่างรวดเร็ว ผมเบี่ยงตัวหลบและเหวี่ยงหมัด

หมัดที่ปกคลุมด้วยชาโดว์สกินจนราวกับเป็นค้อน

แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น วิญญาณเอี้ยวตัวหลบพร้อมกับสัมผัสที่หัวไหล่ของผมดังหมับ!

“สาบสูญไปซะ…ตลอดกาล”

…ผ่านไปหลายวินาที ร่างของผมก็ยังอยู่เหมือนเดิม

วิญญาณชักมือออก

“ทะ ทำไมกัน!?”

“แกรู้จักซาตานไม่ใช่เหรอ? คิดว่าอาคมเด็กเล่นของวิญญาณจะทำอะไรฉันได้เรอะ?”

“…ชิ!”

“เอาล่ะ แค่นี้ก็รู้ผลแล้วนะ อยากลงนรกแบบไหน? ให้ฉันต่อยจนแกหายไปหรือจะเอาไฟนรกดี? เลือกมาได้เลย”

ผมยิ้มเยาะใส่ผีลักซ่อน

และก็รู้สึกพลาดที่มัวแต่พล่ามไม่ยอมปิดงานให้จบๆไป…

วิญญาณชูมือไปด้านข้าง พริบตานั้นเองที่ปรากฏร่างของสไปรท์กับเด็กสาวที่ผมไม่รู้จัก คาดว่าคือเพื่อนของเจ้าของเคส

“สไปรท์!?”

เรย์ตะโกน

“บ้าจริง! ด้วยนาม…!”

ผมเตรียมใช้เฮลไฟเยอร์ แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้น วิญญาณก็แทรกขึ้นมา

“ถ้าไม่หยุด ข้าจะแตะเสือสมิงนี่! เข้าใจความหมายสินะ? ซาตาน หึหึ…”

พร้อมหัวเราะในลำคอ

“วิญญาณอย่างพวกแกนี่…ชอบรังควานคนเป็นจังนะ”

“ข้าก็แค่เล่นสนุกไปเรื่อย …ข้าจะยอมปล่อยพวกแกสองคนออกไป แลกกับชีวิตเสือสมิง ว่าไง?”

“ฉันไม่ต่อรองกับวิญญาณ”

“งั้นจะส่งข้าไปนรกก็ได้ …แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้น หึ ข้าว่าข้าคงลบเด็กสาวสองคนนี้ได้ก่อน”

…คำพูดนั้น ทำเอาผมขยับมากกว่านี้ไม่ได้

แน่นอนว่ากับวิญญาณตรงหน้า ผมจัดการส่งลงนรกได้ไม่ยาก แต่ก็อย่างที่มันบอก ถ้าผมพยายามจะทำ…มันได้แตะสไปรท์กับเพื่อนเจ้าของเคสจนหายไปทั้งคู่แน่

เสียท่าแล้วงั้นเรอะ…

“หึ…หึ…”

ในกรณีนี้ ทำได้แค่ยอมถอยไปพร้อมกับเรย์ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะหาวิธีช่วยสไปรท์ได้ อีกทั้งที่ผมเข้ามาในมิตินี้ได้เพราะความบังเอิญหรือความตั้งใจของผีลักซ่อนก็ไม่ทราบ

เพราะถ้าเป็นความตั้งใจของมัน แสดงว่าถ้าผมกลับไปตอนนี้ ผมอาจไม่มีวิธีเข้ามาในมิติของผีลักซ่อนอีกเลย

และก็จะเสียสไปรท์ไปตลอดกาล

คิดสิ…เราเป็นซาตานนะ กับอีแค่ผีไทยน่ะ

ใช้อาคมควบคุม…ไม่ได้ ฝั่งนั้นเป็นวิญญาณจึงไม่รับผลของวาจาสั่งการ…

“…บ้าจริง!”

…ถึงจะพยายามคิดหาวิธี แต่ก็คิดอะไรไม่ออก

สุดท้าย ผมปลดชาโดว์สกิน

ผีลักซ่อนแค่นเสียงในลำคอ

“…เข้าใจเลือก งั้นก็รีบไสหัวไปจากนิวรณ์ของข้าได้แล้ว! ซาตาน!”

ไม่อยากต้องทำงี้เลย แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว

ผมหันไปบอกเรย์

“เรย์ โทษทีนะ…ฉันเสี่ยงมากไปกว่านี้ไม่ได้”

บุกเข้าไปตรงๆ โอกาสช่วยสไปรท์ก็เท่ากับศูนย์ อย่างน้อยๆถ้ายอมถอยตอนนี้ โอกาสที่จะช่วยสไปรท์ได้ในอนาคตก็ยังมี

แม้จะเป็นตัวเลือกที่ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องทำ…

จากนั้นค่อยปรึกษาคนในสภาอีกที…

“…เรย์?”

ที่ประตูทางเข้าดาดฟ้า ไม่มีใครอยู่เลยตรงนั้น

ระหว่างที่สงสัยนั่นเอง ที่ด้านหลังของวิญญาณเกิดแสงสว่างสีฟ้าจนแสบตา

เรย์เข้าประชิดตัวผีลักซ่อนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ

“กะ แก!? ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้!?”

“โดนเจ้าประธานบ้านั่นลากมาช่วยงานไงเล่า!”

“ฮึ่ม…!”

ผีลักซ่อนเอื้อมมือจะแตะสไปรท์ อีกเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น สไปรท์จะหายไปตลอดกาล…

เรย์ตะโกนลั่น

“ไรเมย์!!!”

สิ้นเสียง สายฟ้าก็ผ่าลงปกคลุมร่าง เรย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนราวกับบรรยากาศถูกฉีกกระชาก ก่อนที่จะสาวหมัดเข้าหน้าของผีลักซ่อนเต็มๆ

“อั่ก!”

ผีลักซ่อนกระเด็นจนชิดขอบดาดฟ้า

…จังหวะนี้ล่ะ!

ผมร่ายอาคม

“ด้วยนามแห่งข้า! เปลวเพลิงแห่งนรกจงปรากฏเพื่อล้างผลาญ! เฮลไฟเยอร์!”

พื้นดาดฟ้าปริแตก พร้อมกันนั้นที่ไฟนรกพวยพุ่งปกคลุมร่างผีลักซ่อน

“ดะ เดี๋ยวก่อ…อ๊าก!!!”

เสียงร้องโหยหวนของวิญญาณ ไฟนรกทำการเผาผลาญและส่งตั๋วเที่ยวเดียวสู่นรก

พริบตาที่ผีลักซ่อนหายไป บรรยากาศหนักอึ้งก็สลายโดยพลัน

สัมผัสได้ถึงอาคมที่แหลกสลาย พวกผมพร้อมกับสไปรท์และเพื่อนเจ้าของเคส กลับมาจากมิตินั้นได้แล้ว

ผมมองท้องฟ้า

“…ให้ตายสิ ไม่คิดว่าจะจบเคสได้นะเนี่ย”

“หยุดบ่นพึมพำสักทีได้มั้ยครับ!? มาช่วยผมดูอาการพวกเธอหน่อย!”

เรย์ตะโกนลั่นขณะที่อ้อมแขนประคองร่างสไปรท์ที่หมดสติ

ผมเกาศีรษะ

“อะ โอ้…โทษที”

 

…ผมกับเรย์แบกสไปรท์กับเพื่อนเจ้าของเคสออกมาจากอาคารเรียน นั่งกันอยู่ตรงบันไดทางออกตึก

เพื่อนเจ้าของเคสตื่นขึ้นมาก่อน

“อะ อ้าว…นี่ฉัน”

พร้อมอาการปวดศีรษะจนเธอกุมหน้า

“เวียนหัวใช่มั้ย? อีกเดี๋ยวก็หาย”

“ประธานนักเรียน!? กะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ!?”

“ก็…เธอโดนผีลักซ่อนเอาตัวไปน่ะ ไม่ต้องสนใจก็ได้ ฉันกับหมอนี่จัดการให้แล้ว”

“อ๊ะ ค่ะ…”

ดูเหมือนจะยังงงๆ ไว้ค่อยให้เจ้าของเคสไปอธิบายเอาเองแล้วกัน

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ กลับบ้านไหวรึเปล่า? ฉันไปส่งได้นะ”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ งะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ”

“อืม ถ้าอาการไม่ดีก็โบกแท็กซี่กลับเอาล่ะ”

เพื่อนเจ้าของเคสพยักหน้าและเดินตัวเซเล็กน้อยจากไป จนผมเป็นห่วงเล็กๆ

เรย์ที่ให้สไปรท์พิงไหล่อยู่ก็เอ่ย

“สไปรท์ยังไม่ตื่นเลยครับ”

“คงต้องพาไปโรงบาลมั้งเนี่ย?”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ ประธานคิดว่าไง?”

“คิดว่าอีกเดี๋ยวก็ตื่นแหละ คงเกิดผลกระทบตอนโดนผีลักซ่อนจับและพวกเราไปถล่มมิติซะยับล่ะมั้ง?”

“เหมือนไม่ค่อยมั่นใจเลยนะครับนั่น…”

“เออสิ”

มิติ…นิวรณ์นั้นไร้ขอบเขต ต่อให้ผมจะเป็นซาตานแต่ก็ไม่ได้รู้หลักการทำงานของมันแน่ชัด คงเพราะเป็นสิ่งที่ตัววิญญาณสร้างขึ้น และยังเป็นสิ่งที่อยู่เหนือสามัญสำนึกนั่นแหละ

เหนื่อยใจชะมัด…ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาทำเรื่องแบบนี้ที่นี่

“อะ อือ…”

“สไปรท์!? ตื่นแล้วเหรอ!?”

เรย์ดีใจออกนอกหน้า เป็นห่วงสุดๆเลยนะนั่น

สไปรท์กะพริบตามอง

“เลย์?”

“ออกเสียงให้มันถูกๆหน่อยสิเฮ้ย!? เรย์ต่างหากเรย์!”

…เอาน่า อย่างน้อยก็ถือว่ายังจำได้ล่ะนะ ถึงจะออกเสียงผิดก็เถอะ

“หืม? พี่คริสโตเฟอร์ก็อยู่ด้วย? แล้วทำไมหนูมานั่งตรงนี้เนี่ย เดี๋ยวก็เข้าเรียนสายกันพอดี”

“โรงเรียนเลิกไปตั้งนานแล้ว”

เมื่อผมตอบแบบนั้น

“เอ๋! ได้ไงอะ! หนูเผลอหลับในห้องน้ำนานขนาดนั้นเลยเหยอ!?”

“ตกลงคือเธอหายไปตอนอยู่ในห้องน้ำงั้นเรอะ…”

ไปโดนผีลักซ่อนจับเอาตอนอยู่ห้องน้ำเรอะ? ไอ้เจ้าวิญญาณนั่นขอให้นรกทำโทษหนักๆเลยแล้วกัน

สไปรท์ตั้งตัวตรง

“เลย์ให้เค้านอนพิงเหยอ?”

“หยุดเรียกเหมือนฉันเป็นขนมมันฝรั่งทอดกรอบสักทีได้มั้ย!?”

“แหะๆ ยังไงก็ไม่รู้แหละ ขอบคุณมากน้า~”

สไปรท์ยิ้มร่า

ซึ่งจากมุมมองผมก็รอยยิ้มน่าเตะตามปกติของสไปรท์ แต่เรย์กลับหน้าแดงและหันหลบไปทางอื่น

“เออ! ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!”

“แล้วเกิดไรขึ้นอะ? พี่คริสโตเฟอร์ทำเคสกับเลย์? แล้วเลย์เข้าสภาแล้วเหยอ? อ๊ะ!? ยังงี้หนูจะโดนไล่ออกมั้ยนิ!?”

ผมถอนหายใจตอบ

“เรย์แค่มาช่วยเฉยๆ ยังไม่ได้เข้าสภาหรอก”

“บู้ เสียดายจัง ถ้ามีเลย์ด้วยน่าจะสนุก”

“…!”

เรย์ไหล่กระตุก

ผมคลี่ยิ้ม

“เห…งั้นเหรอๆ ถ้าเรย์เข้าสภาแล้วเธอจะดีใจเหรอ?”

“ก็อยากมีเพื่อนรุ่นเดียวกันในสภามั่งงะ”

“อืมๆ เข้าใจๆ เธออยู่มอสี่คนเดียวนี่นะ …ไม่อยากพูดงี้หรอก แต่เรย์บอกฉันว่าไม่อยากเข้าสภาน่ะ”

เรย์เสียงสั่น

“ดะ เดี๋ยวสิครับ ประธาน…”

“หืม?”

“พะ ผมยังไม่เคยพูดสักหน่อยว่าไม่อยากเข้าสภา”

“เอ้า? เห็นบอกอยู่ชมรมกลับบ้านอะไรนั่นไม่ใช่เรอะ?”

“บอกไปแล้วนี่ว่าเป็นแค่คำเรียกเฉยๆ! ไม่ใช่ชมรมสักหน่อย…ครับ!”

“แล้วอยากเข้าสภามั้ยล่ะ?”

ถามถึงตรงนั้น เรย์ก็ตะกุกตะกัก

สไปรท์ยิ้มร่า

“เลย์จะเข้าสภาเหยอ!? เอาสิ! พี่คริสโตเฟอร์อุตส่าห์ชวนเลยนะ!”

“กะ ก็นะ…”

เอ็งหยุดทำหน้าเขินๆแบบนั้นสักทีได้มั้ยเนี่ย เห็นแล้วขนลุกไงชอบกล

“งั้นก็พรุ่งนี้เจอกันที่สภา! เค้ากลับบ้านก่อนนะ! ไว้เจอกาน! เลย์ พี่คริสโตเฟิ่น! บั๊ยยยย~”

ไม่ทันที่พวกผมจะได้ตอบอะไรกลับ สไปรท์ก็วิ่งหายไป ดูท่าจะลืมกระเป๋าด้วย วิ่งตัวปลิวเลยนั่น…

ว่าแต่ จะไม่สนใจหน่อยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ภาพตัดไปตั้งแต่ตอนพักเที่ยงมารู้ตัวอีกทีตอนเย็นนี่มันก็น่าจะมีคำถามหลายอย่างอยู่นะ…

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับเรย์

“เรย์”

“คะ ครับ?”

“…นายบอกว่าอาคมฉันเหมือนแปรงร่างในการ์ตูนสินะ”

“ก็จริงนี่ครับ?”

“แล้วไอ้ ‘ไรเมย์’ นั่นของนายล่ะ? ฉันว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”

เล่นตะโกนอย่างกับพระเอกการ์ตูนปล่อยท่าไม้ตาย เพราะงั้นไม่มีสิทธิ์ว่าผมหรอกนะ

เรย์เกาศีรษะ

“…ก็ มันเป็นคำพูดไว้ใช้เรียกสายฟ้าน่ะครับ”

“ภาษาญี่ปุ่น?”

“ครับ บอกแล้วนี่ว่าผมเป็นลูกครึ่ง อ๋อ…เผื่อประธานไม่รู้ ไรเมย์แปลว่าสายฟ้าน่ะครับ”

“งั้นก็ตะโกนว่าสายฟ้าก็ได้มั้ง? ใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบนั้น มันจะบ้าการ์ตูนเหมือนพี่น้ำเอานะ”

“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่ใช้ภาษาญี่ปุ่นจะเรียกออกมาไม่ได้น่ะครับ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน”

“…นายบอกว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นสินะ”

“ใช่ครับ?”

“แน่ใจนะว่าไม่รู้เชื้อสายของตัวเอง?”

เรย์รับคำถามและนิ่งไปสักพัก

“…ผีตายจากเสาไฟฟ้า?”

“ฉันว่าไม่ใช่หรอกมั้ง…”

ผมยิ้มแห้ง 

เรย์ลุกขึ้น

“งั้นถ้าประธานรู้เมื่อไหร่ ก็มาบอกผมด้วยละกันครับ”

“ฉันจะไปรู้ได้ไง? ตระกูลนายเองแท้ๆน่ะนั่น?”

“ถือว่าช่วยๆผมหาคำตอบก็ได้ครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าอาคมพวกนี้มาจากอะไร”

ว่าแล้วเรย์ก็ลั่นสายฟ้าที่ฝ่ามือ ก่อนจะกำหมัดแน่น

“ไว้ผมจะไปสมัครเข้าสภานะครับ”

“อ่า ฉันยินดีต้อนรับ”

“ขอบคุณครับ! ผมกลับบ้านก่อนนะครับ”

“โชคดี”

ถึงจะอยากเข้าสภาเพราะเหตุผลจากความเสน่หาก็เถอะ แต่จากวันนี้ก็ทำให้รู้ว่าเรย์ช่วยผมทำเคสได้ดีเยี่ยม อีกทั้งผมก็ชอบหมอนี่เป็นการส่วนตัวอยู่แล้วด้วย ถ้าได้มาเข้าสภาก็ดีสุดๆเลยล่ะ

ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไว้ให้เรย์ลากสไปรท์มาเข้างานก็ยังได้

ผมบิดขี้เกียจสุดตัว

“เราก็กลับบ้านบ้างดีกว่า พรุ่งนี้ไว้ค่อยแจ้งครูใหญ่แล้วกัน”

และแล้ว…เคสผีลักซ่อนก็จบด้วยดี ถึงเรย์จะบอกว่าแฟนตาซีไปหน่อย แต่สำหรับผมแล้ว เวลาสู้กับวิญญาณมันก็อะไรประมาณนี้แหละ

เคสที่ 31 หาย (ผีลักซ่อน) /จบ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

สภานักเรียนกับโรงเรียนสิ่งมีชีวิตลี้ลับ

Score 10
Status: Completed
คริสโตเฟอร์ ลูกชายของซาตาน ผู้ที่ลงมายังภพมนุษย์และศึกษาอยู่ในโรงเรียนสำหรับภูติผี ...หะ? ว่าไงนะ? โรงเรียนที่ว่านั่น เจ้าลูกชายซาตานเป็นประธานนักเรียนด้วยอย่างงั้นเหรอ!? แล้วยังงี้คริสโตเฟอร์ที่ต้องมานั่งแก้ปัญหาหนักอกหนักใจของวัยรุ่นเชื้อสาย 'ผีไทย' จะทำยังไงเนี่ย!?

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset