การสอบของโรงเรียนอาคมจิตตวิทยานั้น ก็ไม่ต่างจากโรงเรียนทั่วๆไป(คิดว่านะ) เป็นการสอบรายวิชา วิชาละหนึ่งชั่วโมงไปจนถึงสองชั่วโมง ตามแต่วิชา
ส่วนวิชาทั้งหลายทั้งแหล่นั้นก็ได้แก่ วิชาหลัก วิชารอง วิชาแยก วิชาเสริม วิชาไม่จำเป็น วิชาหน้าที่พลเมืองที่ไม่รู้จะเรียนไปทำไม
ซึ่งจากที่ว่ามาทั้งหมด การสอบจะเริ่มขึ้นต้นสัปดาห์และจบลงที่ท้ายสัปดาห์พอดี
แน่นอนว่าการจัดโต๊ะที่นั่ง จะเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันเด็กนักเรียนลอกคำตอบกัน เนื่องด้วยเหตุนั้น ก็จะมีบางคนที่ได้ไปสอบนอกห้องโดยเหตุผลที่ว่า เนื้อที่ในห้องไม่พอ
คิดๆแล้วก็คงเหมือนโรงเรียนปกติทั่วๆไปจริงๆนั่นแหละ…งั้นละไว้ในฐานที่เข้าใจ
ผมที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับทั้งพลอยและดิวที่อยู่มอห้าเหมือนกัน ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้โฟกัสกับข้อสอบตรงหน้า
ถึงสองคนนั้นคงไม่ทำอะไรเป็นจุดสังเกตมากนัก แต่การที่ไม่ได้อยู่ในเวลาสภาแต่กลับต้องมาอยู่ห้องเดียวกับสมาชิกสภา ความเห็นส่วนตัวผมคือรู้สึกว่ารบกวนสมาธิ
เพราะงั้นจะบอกว่าการสอบเป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้พักสมองกับเรื่องต่างๆก็ไม่ผิด
ที่อยู่ตรงหน้า ก็แค่ข้อสอบเท่านั้น
ข้อสอบที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยคิดว่ายาก
ใช่ๆ ผมเก่งขนาดอวดได้ไม่อายปากแบบนั้นเลยล่ะ ต่อให้ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาต้องแบ่งเวลาไปติวให้สมาชิกสภา ก็ไม่มีทางทำให้ผมสอบตกหรือได้ที่ต่ำกว่าที่หนึ่งของชั้นเรียนเด็ดขาด
วิชาแรกคือภาษาอังกฤษ …เห็นแล้วก็นึกถึงสไปรท์ขึ้นมาเลยแฮะ หวังว่าจะทำได้อย่างที่พูดนะ ยัยเด็กนั่น
ผมยิ้มเล็กน้อย
เสียงออดดังไปทั่วตึกเรียน สัญญาณว่าการสอบวิชาแรกเริ่มขึ้นแล้ว
ผมไม่รอช้า คว้าปากกาและเปิดกระดาษคำถามทันที
แต่ถึงผมจะเคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่กลับมีคนที่เร็วกว่า ราวกับเขารอช่วงเวลานี้มาทั้งชีวิต…
“เอ้าๆ คริสโตเฟอร์สอบตกเพราะลอกข้อสอบนะ”
“เดี๋ยวก่อนว้อย!!!”
โต๊ะสอบสะเทือนจากแรงกระแทกที่ผมทุบ
อาจารย์ที่ในมือถือปากกาแดงซึ่งเมื่อครู่นำมาขีดหัวกระดาษของผมตัวใหญ่ๆ ก็ขมวดคิ้ว
“อย่าขึ้นเสียงกับครูสิ แล้วเธอสอบตกแล้วนะ ครูขอเก็บกระดาษเลย…”
พร้อมดึงกระดาษทั้งคำถามและคำตอบไปจากโต๊ะ
ผมกดมือรั้งกระดาษทั้งสองแผ่น
“พึ่งเริ่มสอบไม่ถึงวิ! ใครมันจะไปลอกทันกันละครับ!”
จะให้เป็นขั้นเซียนมาจากไหนก็เถอะ ใครมันจะอัศจรรย์ขนาดลอกข้อสอบทันทีที่เริ่มสอบได้กันเล่า! และผมยังไม่ได้ยุ่งกับกระดาษคำตอบเลยสักนิด!
“ก็ครูเห็นนี่นา? หรือคริสโตเฟอร์จะบอกว่าครูโกหกกัน?”
อาจารย์คุมการสอบ จะหมุนเวียนไปตามวันตามการสุ่มที่เกิดขึ้นในห้องพักครู ในส่วนนั้นผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เนื่องจากเหตุดังกล่าว ในการสอบแต่ละครั้งจะไม่มีทางรู้เลยว่าวันนี้จะได้อาจารย์คนไหนมาเป็นคนคุมสอบ
และหมอนี่…ก็เป็นคนสุดท้ายที่ผมอยากให้มาคุมการสอบห้องผมที่สุด
อาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่สอนควบตั้งแต่ชั้นมอสี่ถึงมอหก ดีกรีเด็กจบนอก ความมั่นใจในตัวเองสูงเสียดฟ้าจนมองแล้วเมื่อยคอ
‘อาจารย์ชัยเดช’นั่นเอง
ผมฉุดแย่งกระดาษกับอาจารย์ชัยเดช
“ถ้าครูเห็นอย่างนั้นก็ไปตัดแว่นซะใหม่เถอะครับ! ผมว่าสายตาครูน่าจะฝ้าฟางเต็มทีแล้ว!”
“น้อยๆหน่อยเถอะ เห็นยังงี้ครูก็มองชัดแจ๋วเลยนะ? เห็นเต็มๆตาเลยว่าเธอทุจริต”
“ตามหลักเหตุผลแล้ว ผมยังไม่ได้เขียนลงไปเลยสักตัว ถ้าไปยื่นฝ่ายปกครองผมชนะแน่”
“โห? จะบอกว่าที่กระดาษคำตอบเธอว่างเปล่าหมายถึงยังไม่ได้เริ่มทุจริตหรอกเหรอ? แหมๆ เธอนี่น่ารักจริงๆเชียว …เธอคิดว่าครูเป็นครูมากี่ปี? เห็นเด็กพยายามลอกข้อสอบมาแล้วกี่คน? ใช่มั้ย? เธอก็เห็นใช่มั้ยว่าคริสโตเฟอร์แอบมองคำตอบเธอน่ะ”
อาจารย์ชัยเดชหันไปหาเด็กสาวเพื่อนร่วมชั้นของผมที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ …แล้วเอ็งพึ่งเป็นครูได้ไม่กี่ปีเองไม่ใช่เรอะ
เด็กสาวที่โดนถามเช่นนั้น กลอกตาด้วยใบหน้ากังวล
“อะ เอ่อ…แต่หนูยังไม่ได้เขียนอะไรเลยนะคะ คริสโตเฟอร์ไม่น่าจะลอกได้…”
“เห็นมั้ยล่ะ! เธอลอกข้อสอบจริงๆด้วย!”
“ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ!? หา!!!?”
เมื่อผมเดือดใส่ อาจารย์ก็ปล่อยมือ
“ที่นักเรียนเธอพูดแบบนั้นก็เพราะกลัวคริสโตเฟอร์จะไปฟ้องครูใหญ่ต่างหาก ครูพูดถูกรึเปล่า?”
“อะ เอ่อ อย่าลากหนูไปเกี่ยวได้มั้ยคะ…เดี๋ยวทำข้อสอบไม่ทัน…”
สรุปก็กลายเป็นคิดว่าผมไปแอบขู่สินะนั่น
มั่วไปเรื่อยชัดๆ แล้วถึงผมจะสนิทกับครูใหญ่ก็เถอะ ผมไม่เล่นนอกเกมด้วยการไปฟ้องประเด็นปัญหาไร้สาระที่เกิดในห้องเรียนหรอก
จะบ้าตาย
“คืองี้นะจารย์…ผมเข้าใจนะว่าทำไมจารย์ถึงได้พยายามจะทำให้ผมสอบตก…”
“หมายถึงเพราะเรื่องที่เธอเป็นซาตานน่ะเหรอ?”
“ตัวเองก็รู้เหตุผลไม่ใช่เรอะ!?”
ไม่รู้ว่าเพราะจบนอกหรือเปล่า ถึงได้อคติกับคำว่าซาตานกว่าคนไทยคนอื่นๆ นั่นเป็นเหตุที่ผมไม่อยากให้อาจารย์ชัยเดชมาเป็นคนคุมสอบ
เพราะมันจะเป็นแบบนี้ไงเล่า!
อาจารย์ชัยเดชส่ายศีรษะ
“เฮ้อๆ เธอเนี่ยน้า ครูเป็นครูนะ ไม่ได้มีอคติส่วนตัวกับนักเรียนสักหน่อย ต่อให้เธอจะเป็นใครมาจากไหนก็เถอะ”
“กล้าพูดมาได้นะครับนั่น…”
“ครูแค่หมั่นไส้ที่เธอทำข้อสอบวิชาครูได้คะแนนเต็มทุกครั้งแค่นั้นเอง”
“อ๋อ… เฮ้ย! ไอ้นั่นคือเหตุผลจริงๆสินะ!? หา!?”
ถ้าจะหมั่นไส้ขนาดนั้น ตัวเองก็เป็นคนตรวจคำตอบไม่ใช่เรอะ? ทำไมไม่ให้ผมศูนย์คะแนนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ
…อ๊า ทำงั้นก็ไม่ได้สินะ
เพราะถ้าผมไปยื่นฟ้องขึ้นมา ครูชัยเดชได้โดนหักเงินเดือนไม่ก็โดนไล่ออกแน่
ทางเลือกที่เหลือก็มีเพียง ภาวนาให้ได้คุมสอบห้องผมและกาหัวกระดาษให้ผมตกๆไป…
ผมพ่นลมหายใจ
“เมื่อกี้ผมจะไม่ถือแล้วกันครับ …ผมขอกระดาษคำตอบใหม่ แล้วให้ผมแลกที่กับคนที่สอบนอกห้องก็ได้ จะได้รู้ไปเลยว่าผมไม่ได้ทุจริต…”
“ทำงั้นแล้วครูจะหาเรื่องให้เธอสอบตกได้ไง?”
“ใครก็ได้! มาเปลี่ยนห้องกับไอ้ครูบ้านี่ที!!!”
ผมยกมือตะโกน
“ครูบ้าเลยเหรอ? พูดแรงจังนะนั่น เจ้าเด็กชอบทุจริต”
และคำพูดกวนส้นเท้านั่นก็ทำผมฟิวส์ขาด จนลืมตัวไปแป๊บนึง…
“ใครมันจะไปอยากลอกข้อสอบพวกควายๆในห้องนี้กัน! หา!!!!!?”
สิ้นเสียง ทั้งห้องก็หันมามองเป็นตาเดียว
บรรลัยแล้วไง เผลอตัวไปหน่อย…
อาจารย์ชัยเดชทำหน้าอึ้งๆ
และก่อนที่เขาจะพูดอะไรสักอย่างผมก็…
“ด้วยนามแห่งข้า จงรับฟังแต่โดยดี …จงลืมที่ฉันพู……”
“ช่วยกันอุดปากคริสโตเฟอร์เร็ว! ไอ้เด็กเวรนี่จะลบความทรงจำพวกเรา!!!”
“เรียกใครเด็กเวรกัน!? ไอ้ครูหน้าหนานี่ …หะ เฮ้ย!?”
ผมโดนเหล่าเพื่อนร่วมชั้นพากันรุมอุดปาก เมื่อเปล่งเสียงไม่ได้ก็ใช้อาคมไม่ได้
ส่วนที่พวกเขาลุกฮือกันแบบนั้น ก็คงเพราะในหัวพากันคิดว่าความสามารถของซาตานเป็นสิ่งเลวร้ายนั่นแหละ แค่อาคมนิดหน่อยก็กลัวกันหัวหด ทั้งๆที่ผมอยากแค่ลบความพลั้งปากเมื่อกี้เองแท้ๆ…
ให้ตายสิ…พวกผีไทย
…เมื่อการยับยั้งทางกายภาพที่ประเคนเข้าใส่ผมเสร็จสิ้น ห้องเรียนก็กลับสู่สภาวะปกติ
อาจารย์ชัยเดชหัวเราะเบาๆ
“ฮะฮะ แหมๆ ครูแค่ล้อเล่นเองน่า คริสโตเฟอร์อย่าซีเรียสนักสิ”
พร้อมยื่นกระดาษแผ่นใหม่มาให้ผมด้วยสีหน้าเบิกบาน จนไม่รู้ว่าใจจริงพี่แกกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“งั้นก็พยายามเข้าล่ะ นักเรียนคนอื่นก็ฟังไว้ด้วย! ถ้าใครสอบตกวิชาครูจะให้สอบซ่อมหนักๆเลย!”
““คร้าบ…/ค่า…””
นักเรียนพากันตอบรับเสียงค่อยและเริ่มทำข้อสอบ ผมก็เช่นกัน
…เดิมทีก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการกระทำของอาจารย์ชัยเดชคืออะไรกันแน่ แต่หลักๆก็คงอยากหาเรื่องให้ผมสอบตกสักวิชาให้ได้ ส่วนนั่นก็คงเป็นวิธีแรกที่ถ้าเกิดฟลุ๊คก็ถือว่าเป้าหมายสำเร็จ…
ที่ผมคิดว่าเป็นแบบนั้น เพราะในการสอบวิชาต่อๆมา ผมก็โดนอาจารย์ชัยเดชกลั่นแกล้งสารพัด
“อะ โอ๊ะ! ขอโทษๆ กาแฟครูหกน่ะ หว๋าย…ยังงี้ต้องเปลี่ยนกระดาษใหม่สินะเนี่ย? เวลาสอบเหลือน้อยด้วยสิ แย่เลยเนอะ?”
อีกฝ่ายทำเครื่องดื่มหกใส่กระดาษคำตอบผม ซึ่งทำให้มันไม่สามารถเข้าไปในกระบวนการตรวจของครูท่านอื่นได้ อีกทั้งยังจงใจทำตอนเวลาสอบใกล้หมดอีกต่างหาก…
“ตายๆ สงสัยกระดาษคำถามจะไม่พอสินะเนี่ย…ขาดของคริสโตเฟอร์คนเดียวเลยด้วย รอแป๊บนะ เดี๋ยวครูรีบไปเอามาให้”
อีกฝ่ายทำเป็นว่ากระดาษคำถามไม่ครบ พอออกไปจากห้องตามที่ว่านั่นแหละ ก็เล่นหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง แน่นอนว่าทำให้เวลาทำข้อสอบผมหายไปเกินครึ่ง…
“ว้า…เหมือนครูจะลืมหยิบแฟ้มข้อสอบวิชานี้มานะเนี่ย…คริสโตเฟอร์ไปเอาให้หน่อย ครูลืมไว้ห้องน้ำสักชั้นนึงนี่แหละ”
ส่วนรอบนี้คือแกล้งทำเป็นลืมทั้งแฟ้มกระดาษเลยทีเดียว ไอ้รอบนี้ส่งผลให้ผมต้องรีบวิ่งหาตามห้องน้ำชั้นต่างๆ ไม่พอยังทำให้นักเรียนคนอื่นๆในห้องทำข้อสอบช้าไปด้วย…
การกระทำที่หมายจะกลั่นแกล้งผมนั่น ส่งผลให้บรรยากาศในห้องที่อึมครึมจากการสอบอยู่แล้ว หนักข้อยิ่งกว่าเดิม
จะมีก็แต่เจ้าชัยเดชนี่แหละ ที่นั่งอยู่หน้าชั้นเรียนพลางกระดกกาแฟด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ฮืม..ฮื้ม~”
แหม ฮัมเพลงซะด้วย
ผมทำข้อสอบด้วยความหงุดหงิด นี่ก็เป็นวิชาสุดท้ายของวันนี้แล้ว อดทนอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้ก็เปลี่ยนตัวคนคุมสอบแล้ว…
อาจารย์ชัยเดชลุกขึ้นและทำท่าเป็นเดินตรวจตรา ซึ่งมองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเป้าหมายการเดินคือมาที่โต๊ะของผม
เขาหยิบปากกาแดงขึ้นมา
“เอ้าๆ คริสโตเฟอร์สอบตกเพราะลอกข้อสอบนะ”
ดูเหมือนจะใช้หลายวิธีแล้วไม่ได้ผล จึงได้งัดไม้แรกสุดมาใช้ จนปัญญาแล้วสินะนั่น…
ผมดึงกระดาษหลบ
“อย่าหลบสิ”
“ถามจริง…ไม่เหนื่อยเหรอครับ?”
“ไม่เหนื่อยๆ หน้าที่ตรวจความเรียบร้อยของห้องสอบก็เป็นหน้าที่ครูอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นก็ไปกาหัวโต๊ะข้างหลังโน้น! มันลอกกันตั้งแต่เช้าจนแทบจะเปลือยหมดแล้วนะว้อย!!!”
อาจารย์ชัยเดชชะเง้อมองไปยังโต๊ะด้านหลัง ซึ่งคือนักเรียนที่ผมแอบเห็นมาตั้งแต่วิชาแรกๆว่าลอกข้อสอบ
“ไม่เห็นจะลอกกันเลยนี่?”
“ที่อยู่บนหน้าจารย์มันลูกกะตาหรือเม็ดถั่วกันครับ!”
นั่นล่ะฮะ มันจะมีครูอยู่ประเภทนึง ที่ไอ้เราก็เห็นเต็มๆตาว่าโต๊ะอื่นลอก แต่คนเป็นครูดันตาถั่วมองไม่เห็น …คิดว่าน่าจะเคยเจอใช่มั้ยล่ะ?
ว่าแต่ ทำไมตูต้องมาปวดสมองกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย ดวงซวยชะมัดที่ได้หมอนี่มาคุมสอบ
…ถึงแม้จะโดนกลั่นแกล้งสารพัด แต่ก็ไม่ถึงขนาดกระทบกับผลสอบของผมก็เถอะนะ …ทำไงได้ คนมันเก่ง
“ฮึ้บๆ…”
เสียงฮึดในลำคอของอาจารย์ชัยเดชที่ชูสร้อยมาที่หน้าผม
“นั่นครูทำบ้าอะไรอยู่น่ะครับ?”
อาจารย์ชัยเดชดันแว่นตอบ
“กำลังไล่วิญญาณร้ายน่ะ ฮึ้บๆ…”
พอดูดีๆ …ไอ้สร้อยที่พี่แกใส่อยู่นั่นมันไม้กางเขนนี่หว่า
แต่ฤทธิ์อ่อนไปนิด ผมมีภูมิคุ้มกันวัตถุศักดิ์สิทธิ์สูงกว่าเชื้อสายวิญญาณร้ายทั่วๆไปอยู่แล้ว ถ้ามีฤทธิ์แค่นี้ไม่ทำให้ผมออกอาการ
เผลอๆ ไม้กางเขนที่ครูสมศักดิ์ซื้อมาจนโดนผมโยนทิ้งตอนนั้น จะแรงกว่าด้วย
“ทำไมไม่เป็นไรเลยนะ? ที่เคยเห็นน่าจะต้องทุรนทุรายสิ”
“แล้วที่บอกเคยเห็น คือครูไปเห็นที่ไหนเหรอครับ?”
“ในหนังน่ะสิ”
“… ลองเอามาแตะหน้าผากผมก็ได้ ของอ่อนๆแบบนั้นทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“เป็นผีชั่วที่แข็งแกร่งจริงนะ เธอเนี่ย”
“ลองพูดว่าชั่วอีกทีสิครับ…”
เดี๋ยวตูจะจ่ายตั๋วเที่ยวเดียวลงนรกให้
อาจารย์พยายามอยู่สักพัก ก่อนจะลดมือลง
“ไม่ไหวๆ จะใช้วิธีไหนก็ไม่ได้ผลเลยแฮะ ตอนแรกว่าจะให้ร้อนรนจากไม้กางเขนจนทำข้อสอบไม่ไหวนะเนี่ย …เอาไว้ลองใหม่สอบรอบหน้าดีกว่า ล้างคอรอไว้ได้เลยนะคริสโตเฟอร์”
ด้วยคำพูดเหมือนตัวร้ายใกล้ตาย จากนั้นก็หันหลังให้
“หะ หา? แค่นี้พอแล้วเหรอ???”
“ใช่สิ ขืนมากกว่านี้จะเกินขอบเขต แล้วครูมีสิทธิ์จะโดนไล่ออก …บ้าจริง อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ!”
ทำท่าดีดนิ้วเจ็บใจซะน่าโมโห ไม่ติดว่าเป็นครูบาอาจารย์จะลุกไปถีบให้
แล้วก็นะ ไอ้ก่อนหน้านี้ก็เกินขอบเขตหน้าที่ความเป็นครูไปไกลแล้วล่ะ…
วันศุกร์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
…สัปดาห์แห่งการสอบผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรให้น่าจดจำหรือเล่าถึง ก็แค่สัปดาห์ที่มีแต่สอบ สอบ สอบ แล้วก็สอบ
และในวันนี้ ก็ได้เสร็จสิ้นการสอบปลายภาคประจำเทอมหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย
ระหว่างวันที่เหลือก็อย่างที่บอกไว้ว่าอาจารย์คุมสอบจะผลัดเปลี่ยน ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ในวันที่เหลือ อาจารย์ชัยเดชได้ไปคุมสอบห้องอื่น
เรียกว่าทำให้ผมมีสมาธิกับการสอบขึ้นหลายเท่า
คงได้แต่ภาวนาว่าการสอบครั้งต่อไป อาจารย์คุมสอบที่จะเจอในแต่ละวัน จะไม่มีหมอนี่อีกก็แล้วกัน
ครั้งนี้ถือซะว่าฟาดเคราะห์ ปีนี้มันอะไรกันน้า…ปีที่แล้วไม่เคยได้เขามาคุมสอบเลยสักวัน สงสัยต้องไปล้างซวยสักหน่อยแล้วมั้ง?
ไม่สิ…เอาเป็นก่อนสอบครั้งหน้า ไปล่อให้เข้าโรงบาลเลยน่าจะง่ายกว่าแฮะ…
ผมที่คิดเช่นนั้นระหว่างเดินออกมาจากห้องเรียน
“ประธาน! เป็นไงบ้างคะ!”
พลอยที่พึ่งออกมาจากห้องข้างๆก็ส่งเสียงทัก
ผมถอนหายใจตอบ
“ถ้าไม่นับวันแรกสุด…ก็ปกติดีนะ”
“วันแรกมันทำไมเหรอคะ?”
“โดนจารย์ชัยเดชแกล้งน่ะสิ พี่แกอยากให้ฉันสอบตก”
“อืมๆ เข้าใจเลยค่ะ ดิฉันได้ยินมาว่าอาจารย์ท่านนั้นเขาหมั่นไส้ประธานที่สอบได้คะแนนเต็มทุกวิชาตลอดน่ะค่ะ”
อันนั้นก็ถือเป็นข่าวลือในหมู่นักเรียนสินะนั่น? มิน่า ผมที่เอาหูไปนาตาไปไร่ถึงพึ่งมารู้เอาไม่นานนี้
“สอบได้เต็มทุกวิชา คนเป็นครูก็น่าจะภูมิใจในตัวนักเรียนไม่ใช่หรือไงกัน…”
“เอ…รู้สึกจะพูดประมาณว่า ‘เพราะเป็นเด็กนอกเลยสอบวิชาฉันได้เต็มแบบนี้! มันขี้โกงชัดๆ!’ ด้วยค่ะ”
“…”
เหตุผลแค่นั้นมันทำให้หมั่นไส้กันได้ถึงเพียงนี้เลยรึ…ให้ตายเถอะ ความคิดความอ่านเด็กจบนอกทั้งที ทำไมเซลล์สมองถึงไม่ต่างจากสไปรท์เลยนะ
อีกอย่าง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ใจแคบจริงนะ เจ้าครูนั่น…
“ช่างเถอะ ยังไงก็สอบเสร็จแล้วด้วย …พักหัวไว้ไปปวดอีกที ตอนดวงซวยได้เจ้านั่นมาคุมสอบอีกรอบก็แล้วกัน”
คงทำได้แค่นั้นนั่นล่ะ
พลอยเห็นผมทำหน้าเซ็งก็หัวเราะคิกคัก
“เธอล่ะ? เป็นไงบ้าง?”
“นั่นสินะคะ…วันๆได้แต่สอบ กลับบ้านก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอีก… เฮ้อ พอรู้ว่าจบแล้ว ก็โล่งใจขึ้นเป็นกองเลยค่ะ”
พลอยกุมอกพ่นลมหายใจ ขอบตาคล้ำหน่อยๆนะนั่น? สงสัยจะอ่านหนังสือทุกคืนอย่างที่ว่าจริงๆ
“นั่นมันความคิดของคนทำข้อสอบไม่ได้ไม่ใช่เรอะ?”
“แหม…ประธานนี่ก็ ไม่ใช่คนอื่นจะเรียนเก่งเหมือนประธานสักหน่อยนี่คะ”
“แค่ข้อสอบมัธยมมันยากตรงไหน?”
“ไปพูดงั้นให้คนอื่นได้ยิน …เดี๋ยวก็พากันหมั่นไส้ประธานเอาหรอก”
เอาไงก็เอา ความเห็นผีไทยไม่นับรวมอยู่ในหลักการใช้ชีวิตของผมร้อก
พลอยเดินตามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วจะไปสภาต่อเลยรึเปล่าคะ?”
“อืม ไหนๆก็สอบเสร็จแล้ว แวะไปสักหน่อยก็ดี เผื่อมีเคสอะไรให้ทำ”
ในเมื่อหมดช่วงสอบอย่างเป็นทางการ จะบอกว่าตามหลักการแล้ว สภาต้องเปิดทำการเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ว่าได้
แต่ก็นะ…คงไม่มีใครมาหรอก ป่านนี้น่าจะรีบกลับบ้านกลับช่องกันหมดแล้วล่ะ สอบวันสุดท้ายนี่นะ ต่อไปก็ปิดเทอม
อ๋อ ลืมไป วันจันทร์หน้าต้องมาเอาผลสอบเพื่อดูว่าใครจะต้องสอบซ่อมด้วยนี่นา…
“คนอื่นๆจะมามั้ยน้า…”
พลอยกุมกระเป๋าด้วยสีหน้าร่าเริง
ผมหัวเราะในลำคอ
“หึ…ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้นัดไว้ด้วย เผลอๆจะมีแค่เราสองคนนี่แหละ ไปทำความสะอาดทิ้งไว้สักหน่อยน่าจะดี เพราะกว่าจะได้มาอีกทีก็เปิดเทอมหน้าโน่น”
“สะ สองคนเหรอคะ…”
“เป็นอะไรของเธอเนี่ย?”
“ปะ เปล่าสักหน่อย!”
…อย่างที่คาด สุดท้ายผมก็อยู่ห้องสภากับผีนางรำสองคนจนหมดเวลาชมรม
เคสที่ 20 สัปดาห์แห่งการสอบ /จบ