วันนี้ผมก็อยู่ที่ห้องสภานักเรียนเช่นเดิม
ช่วงหลังเลิกเรียนหรือเวลาชมรม
ภายในห้องประกอบด้วยสมาชิกสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา
พลอย เด็กสาวผีนางรำ ผู้ซึ่งมีใบหน้าอ่อนหวานและมีรอยยิ้มประทับบนใบหน้าตลอดเวลา สัดส่วนเพรียวบางน่าจับต้องที่เข้ากันได้ดีกับเครื่องแบบนักเรียนไทย
แต่ที่เด่นกว่าใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูนั้น คือจอนหูสีทองอร่ามที่ตัดกับเส้นผมสีดำขลับได้อย่างพอดิบพอดี พร้อมด้วย ‘ชฎา’ บนศีรษะที่เตะตายิ่งกว่า
ตำแหน่ง รองประธาน
ส่วนอีกคน ดิว เด็กสาวผีปอบ ใบหน้าที่ดูเหมือนง่วงๆตลอดเวลา แม้จะกินเยอะแต่ก็ตัวเล็กเสียจนสงสัยว่าไอ้ที่กินเข้าไปมันหายไปไหนหมด
ตำแหน่ง เลขานุการ พร้อมด้วยลูกเจี๊ยบบนไหล่ที่เลี้ยงไว้อีกหนึ่ง
หน้าตาก็จัดอยู่ในระดับน่ารักพอๆกับพลอย สวมใส่เครื่องแบบนักเรียนไทยทับด้วยเสื้อคลุมสีม่วง
พวกเธออยู่มอห้าเช่นเดียวกับผม
…และถึงจะบอกว่าน่ารักพอๆกัน แต่ไม่ต้องมาถามผมนะว่าผมชอบใครมากกว่า
ขอยื่นคำขาดไว้ตรงนี้เลยแล้วกัน ‘กะอีแค่ผีไทยน่ะ ผมไม่สนใจหรอก’
และนั่นก็คือสองคนหลักๆที่ได้มาแนะนำจริงๆจังๆเสียที ซึ่งถ้าตามที่เดาไว้ วันนี้ก็ควรจะเป็นเรื่องราวของใครสักคนจากสองคนนี้
แต่ก็ได้แค่คิด… เพราะวันนี้จะเป็นเรื่องราวที่โฟกัสไปยังสาวรุ่นพี่แทน
…บานประตูเปิดออกพร้อมด้วยเด็กสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาอีกสองคน
“สวัสดีจ้า!”
“มาเข้างานแล้วน้า~”
“เวลาชมรมเริ่มไปเป็นชั่วโมงแล้วครับ ไปเถลไถลที่ไหนกัน?”
ผมถามไปแบบนั้นหลังจากที่ทั้งสองกล่าวทักทาย
เด็กสาวทั้งสองที่เดินเข้ามาคือสมาชิกสภา
คนแรก เป็นเด็กสาวหน้าตาแก่นแก้ว ดวงตาสีฟ้าสดใส พร้อมด้วยเส้นผมสีทองทรงทวินเทลที่เหมือนไปลอกใครสักคนมา…
…ไม่สิ ควรเรียกว่าทริปเปิ้ลเทลแทนรึเปล่านะ? มีมัดไว้เป็นจุกเล็กๆกลางศีรษะอีกมัดหนึ่งด้วยนี่นา…
แม้นิสัยจะซุกซนจนน่ารำคาญไปบ้าง แต่ก็เป็นที่รักของเพื่อนๆในชั้นเรียนดี
เด็กที่อายุน้อยที่สุดในสภานักเรียน …มอสี่ สไปรท์
เสือสมิง ที่มีตำแหน่งเป็นอะไรก็ไม่รู้ในสภานักเรียนแห่งนี้
“เดินเล่น!”
“เดินเล่นมันใช่งานมั้ยหา?”
“โธ่ๆ พี่คริสโตเฟอร์นี่ก็บ่นได้ทุกวันเลยเนอะ!”
“บอกให้เรียกว่าประธานไง”
ที่ย้ำแบบนี้ก็ไม่ใช่รอบแรก สมาชิกสภาคนอื่นนอกจากพลอยกับพี่ต้น ผมก็พูดจนปากจะฉีกถึงรูหู แต่ลงท้ายก็โดนเรียกเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ประธานอยู่ดี
“เรียกแค่ประธานเฉยๆมันจะไประบุตัวได้ไงเล่า!”
“แล้วมันมีประธานคนอื่นนอกจากฉันอีกหรือไง?”
“ก็…อย่างพี่พลอยก็เป็นประธานไม่ใช่เหรอ?”
พลอยที่ได้ยินดังนั้นก็กุมแก้มเบาๆอย่างลำบากใจ
ส่วนผมกุมขมับ
“นี่เธอแยกคำว่าประธานกับรองประธานไม่ออกเรอะ…”
“จำเป็นต้องแยกให้ได้ด้วยเหรอ?”
อืม เข้าใจล่ะ เลิกคุยดีกว่า พูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง
“แต่พี่แอบโกรธที่น้องคริสพูดเมื่อกี้เหมือนกันนะ?”
พี่น้ำเอ่ยแทรกด้วยเสียงเย้ายวน
สาวรุ่นพี่ผู้ซึ่งมีสัดส่วนอย่างกับดาราAV หน้าอกใหญ่โตมโหฬาร ที่ขนาดเครื่องแบบที่ใส่ยังต้องสั่งตัดพิเศษเพื่อให้เข้ากับขนาดตัว ถึงอย่างนั้นร่างกายก็กลับสมส่วนได้รูปผิดหลักกับก้อนเนื้อสองก้อนที่ใหญ่ผิดกันกับเด็กสาวอายุเท่าๆกัน
หน้าตา ไม่มี
…ไม่ใช่ว่าพี่เขาหน้าตาบ้านๆจนหาจุดเด่นไม่ได้หรอกนะ ก็แค่พี่น้ำเขาไม่มีหัวก็เท่านั้นเอง
สาวรุ่นพี่ผีไร้หัว ตำแหน่งเหรัญญิก …มอหก พี่น้ำ
ตั้งแต่ช่วงคอขึ้นไปของพี่เขาไม่มีศีรษะ
ผมมองไปที่อาณาเขตพิศวงที่ควรจะเป็นใบหน้าของพี่น้ำก่อนเอ่ย
“ผมไปพูดอะไรให้น่าโกรธตอนไหนกัน? แล้วก็บอกให้เรียกว่าประธานไงครับ”
พี่น้ำพูดเหมือนไม่สนใจ
“ที่บอกเดินเล่นมันไม่ใช่งานน่ะ”
“ก็ถูกนี่ครับ?”
“อื้มๆ ที่จริงก็ถูกแหละ แต่พี่อยากให้น้องคริสมองเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานแต่ก็มีความสำคัญเทียบเท่าดูน่ะ”
“อ่า…ครับ?”
ทำไมคนรอบๆตัวผมถึงชอบพูดอะไรงงๆอยู่เรื่อยเลยน่ะ เริ่มขี้เกียจจะทำหน้างงแล้วสิ
“น้องคริสรู้จัก ‘วัฒนธรรมและประเพณี’ รึเปล่า?”
หมายถึงของประเทศไทยสินะ…
ผมพยักหน้า เรื่องนั้นผมก็พอรู้อยู่บ้าง
แต่พูดถึงขึ้นมาทำไมนี่ ไม่รู้แฮะ
พี่น้ำกอดอกจนหน้าอกหน้าใจโดนดันขึ้น …ใหญ่จริงๆนั่นแหละ
“ที่พี่กับน้องสไปรท์เข้าสภาช้าน่ะ ต้นเหตุก็มาจากสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมและประเพณีนั่นแหละ”
“ช่ายๆ!”
สไปรท์ก็เออออตามมา
ส่วนผมก็หันมองพลอยเพื่อขอความเห็น
พลอยแค่คลี่ยิ้มและทำหน้าราวกับจะบอกว่า ‘จัดการเอาเองสิคะ’
“วัฒนธรรมกับประเพณีอันดีงามที่สืบทอดต่อกันมา …น้องคริสก็รู้ว่าพี่กับน้องสไปรท์เป็นภูตผีอะไร ดังนั้นก็น่าจะเข้าใจใช่มั้ย?”
เข้าใจแค่ว่าเป็นผีไร้หัวกับเสือสมิงเท่านั้นแหละ
แต่ผมก็มีความรู้เกี่ยวกับผีไทยเท่าหางอึ่งซะด้วยสิ
“ไม่ค่อยเข้าใจครับ”
พี่น้ำก็ตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจพร้อมโบกนิ้ว
“การเดินเล่นหลังเลิกเรียนก็ถือเป็นประเพณีอันดีงามที่สืบทอดต่อกันมา…”
“โอเค ทั้งสองคนโดนทำโทษข้อหาเข้าสภาสายกับพูดเรื่องไร้สาระนะครับ”
“เดี๋ยวสิ!”
“พี่คริสโตเฟอร์จะทำอะไรเนี่ย!?”
ผมรับคำแย้งของทั้งสองก่อนขมวดคิ้ว
“ทำโทษไง? อย่าคิดว่าเป็นสภานักเรียนแล้วจะมีสิทธิพิเศษกว่านักเรียนคนอื่นนะ ยิ่งเป็นสภานักเรียนด้วยแล้วยิ่งต้องรักษากฎให้เคร่งครัด”
ที่จริงยังแอบสงสัยเลยว่าสองคนนี้รู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองเป็นสภานักเรียน
“ทะ ถ้าจะพูดอย่างนั้น! ต้นก็ยังไม่มาเลยไม่ใช่เหรอ?”
เป็นข้อโต้แย้งที่ฉลาดมาก เพราะตอนนี้พี่ต้นก็ยังไม่เข้าสภาอย่างที่พี่น้ำว่าจริงๆ
แต่ว่า…
“พี่ต้นออกไปช่วยนักเรียนครับ และถึงพี่ต้นเขาจะไม่เข้าสภาก็จะทักมาบอกผมก่อนตลอด ผิดกับพวกพี่น้ำที่ไม่บอกไม่กล่าวเลยสักคำ”
“นี่มันลำเอียงกันชัดๆเลยนี่!”
“ช่าย! ช่าย! ลำเอียง! ลำเอียง!”
“ไม่ได้ลำเอียงครับ …ถึงต่อให้ลำเอียงจริงๆ อัตราส่วนการทำงานของพี่ต้นก็ไม่มีอะไรให้น่าตำหนิจนพอจะอนุโลมให้ได้อีกต่างหาก”
ผิดกับสองท่านนี่ที่ทำงานก็น้อยและยังมาสาย
แม้มองจากภายนอกอาจจะลำเอียงจริงๆก็เถอะ แต่ถามตรงๆเลยนะ? คนที่ผมควรจะเข้มงวดใส่น่ะ ถ้าให้เลือกระหว่างพี่ต้นกับสองคนนี้ ผมควรจะต้องเข้มงวดใส่ใครกันล่ะ?
อืม ได้คำตอบตั้งแต่เริ่มตั้งคำถามเลยล่ะ
พี่น้ำทุบโต๊ะที่ผมนั่งอยู่
“ต้นเนี่ยนะทำงาน? ก็แค่ไปช่วยเด็กผู้หญิงไม่ใช่เหรอ!?”
“พี่น้ำหมายความว่าไงครับ?”
“จะบอกว่าต้นก็แค่ใช้คำว่างานบังหน้าแล้วไปกระหนุงกระหนิงกับเด็กรุ่นน้องต่างหาก!”
“พูดงี้ผมเคืองนะครับ?”
ผมทำหน้าจริงจังเล็กน้อย
พี่น้ำก็หัวเราะในลำคอพร้อมกอดอก
“หืม? จะโกรธแทนต้นงั้นเหรอ? นี่ไงล่ะ มองยังไงก็ลำเอียงชัดๆ!”
“ก็ต้องโกรธสิครับ …คิดว่าผมจะบอกว่าพี่ต้นไปทำงานโดยที่ไม่ได้ไปเช็กสภาพการทำงานของพี่เขาเลยหรือไงครับ?”
“เอ๊ะ?”
“แม้คำขอที่พี่ต้นได้รับจะมาจากพวกนักเรียนหญิงอย่างที่ว่าจริงๆ ทีแรกผมก็คิดเหมือนพี่น้ำนั่นแหละครับ แต่พอไปแอบดูเข้าหลายๆครั้ง ก็แน่ใจแล้วว่าพี่ต้นไม่ได้ไปกระหนุงกระหนิงกับเด็กที่ไหนแน่นอน”
“อะ อึก”
“พี่ต้นเป็นคนทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ต่อให้นั่นจะเป็นคำขอไร้สาระแค่ไหนก็ตาม …ที่พี่น้ำบอกว่าพี่ต้นใช้คำว่างานบังหน้าน่ะ ผมมองว่าเป็นการสบประมาทได้เลยด้วยซ้ำ”
ถึงตอนนี้ ผมก็ลุกขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
พี่น้ำก็ถอยหลังไปเล็กน้อย
“นะ น้องคริส…”
“พี่น้ำเป็นถึงรุ่นพี่ ก็หัดดูพี่ต้นเป็นตัวอย่างบ้างครับ …ไม่ใช่เอะอะก็หาโทษคนอื่นให้ตัวเองผิดน้อยลง”
“คะ ค่ะ…”
พูดถึงตรงนั้น พี่น้ำก็ก้มหน้าลงอย่างสลด …ที่จริงพี่เขาก็ไม่มีหน้าหรอก แค่ลักษณะร่างกายมันแสดงออกมาเป็นอย่างนั้น
ผมหันไปหาสไปรท์
“เธอก็ฟังไว้ด้วยล่ะ…”
“ฟ่อ!”
สไปรท์กำลังทำท่าเหมือนแมวกำลังขู่ หล่อนเป็นเสือสมิงไม่ใช่เรอะ…
พลอยก็พูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล
“แหม เมื่อครู่ประธานทำท่าน่ากลัวเกินไปจนน้องสไปรท์ระแวงเลยนะคะนั่น”
“ก็พูดตามปกติไม่ใช่เรอะ?”
“ตอนน้องคริสจริงจังเกินเบอร์ก็ชอบปล่อยออร่าน่ากลัวออกมานี่สิ…”
เมื่อพี่น้ำพูดเช่นนั้น ผมก็เกาศีรษะ
ลักษณะของซาตานก็งี้แหละ เผลอจริงจังหน่อยก็ทำให้คนอื่นผวาไปหมด
“ขอโทษด้วยครับ พี่น้ำ สไปรท์ …แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น ต่อไปจะเป็นการลงโทษนะครับ”
“อืม…”
“ฟ่อ!!”
หยุดขู่ได้แล้วน่า ยัยเด็กนี่
“ที่จริงก็มีประเด็นที่วันสองวันก่อนพวกพี่ไม่มาเข้าสภาด้วย ผมขออนุญาตรวบยอดไปเลยนะครับ”
“เป็นสภานักเรียนนี่ลำบากจัง…”
“ถึงงั้นผมก็ไม่ยอมให้พี่ลาออกหรอกครับ”
พอผมเผลอพูดไปแบบนั้น พี่น้ำก็ครางในลำคอ
“เห…น้องคริสไม่อยากให้พี่ออกจากสภางั้นเหรอ?”
“…คนมันไม่พอครับ”
“ปากไม่ตรงกับใจเลยน้า~ ที่จริงจะเด็กผู้ชายคนไหนก็นึกฝันอยากสนิทกับพี่ด้วยกันทั้งนั้น อย่างน้องคริสนี่ถือว่าโชคดีจนไม่อยากปล่อยให้พี่หลุดมือไปเลยใช่มั้ยล่ะ?”
ไม่รู้ทำไมพอพี่น้ำพูด ผมกลับรู้สึกจิตสังหารจากพลอยได้ซะอย่างนั้น
ผมไม่สนใจก่อนตอบ
“แค่ผีไทย ผมไม่สนหรอกครับ”
“จ้าๆ”
ถ้าไม่ติดว่าหาคนอยากเข้าสภายากจนเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรล่ะก็ อย่างสองคนนี้ที่ทำงานไม่คุ้มกับตำแหน่งก็อยากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเหมือนกัน
เอาเถอะ มีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น เป็นหน้าที่ผมที่ต้องตบๆตีๆให้สองคนนี้เข้าที่เข้าทางล่ะนะ
“ว่าแต่จะทำโทษยังไงเหรอ?”
พี่น้ำสงสัย
แต่ที่บางคนสงสัยกว่า ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ว่าทำไมพี่น้ำที่เป็นผีไร้หัวถึงสามารถพูดคุยและสื่อสารได้ …บอกตามตรงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่แกใช้อวัยวะไหนในการเปล่งเสียง ช่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
ผมก็พอรู้จักภูตผีที่ไร้ศีรษะอยู่บ้าง คิดว่าหลักการก็น่าจะไม่ต่างกันเท่าไร
หรือก็คือไม่ต้องไปสนใจนั่นแหละ
“สำหรับพวกพี่เอาเป็น…ถ้าวันนี้มีใครมาให้ช่วย พวกพี่รับงานไปทำกันสองคนแล้วกันครับ”
มันก็เป็นหน้าที่ตามปกติของสภาล่ะนะ แต่อย่างสองคนนี้ที่นานๆทีจะเห็นทำงานน่ะ เอาเป็นแบบนี้ไปก็แล้วกัน
สไปรท์ชี้นิ้ว
“นั่นมันงานของพี่คริสโตเฟอร์ไม่ใช่เหรอ!? คิดจะโยนงานให้คนอื่นทำหรือไง!!!”
“งานของสภาต่างหากว้อย!!!”
“อ้าว? เป็นงั้นหรอกเหรอ?”
ยัยเด็กนี่มันคุยไม่รู้เรื่องจริงด้วย
เห็นทีต้องกำชับกับพี่น้ำแทนแล้วค่อยให้ไปคุยกันเอาเองอีกที
“เข้าใจนะครับ? พี่น้ำ”
พี่น้ำฟังแล้วก็กุมคาง …แค่ท่าทางเท่านั้นที่ทำให้ดูเป็นอย่างนั้น
“อืม…จะเป็นเคสไหนก็ได้งั้นเหรอ?”
“จะว่างั้นก็ได้ครับ”
“งั้นพี่มีเรื่องจะขอให้ช่วยพอดี”
“ก็แย่แล้วพี่ ผมหมายถึงให้ช่วยเหลือนักเรียนต่างหาก”
พี่น้ำเอียงคอ
“พี่ก็เป็นนักเรียนนะ? หรือสภานักเรียนที่มีหน้าที่ช่วยเหลือนักเรียนจะปัดตกคำขอของนักเรียนหญิงที่น่าสงสารคนนี้…”
พร้อมทำท่าจะบีบน้ำตา แต่ขอทีเถอะ ผีไร้หัวแบบพี่น่ะ น้ำตามันจะไปออกตรงไหนกันเล่า
เฮ้อ ถ้าปฏิเสธตอนนี้คงได้ยินอะไรน่าปวดหัวตามมาอีกแน่
“…เป็นปัญหาจริงๆใช่มั้ยครับ?”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่ไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาเพื่อที่จะไม่ต้องทำงานสักหน่อย”
แต่จากที่ผมเห็นก็เป็นอย่างที่คุณพี่ว่าเลยนะครับนั่น…
น่าแปลกตรงที่ต่อให้พี่น้ำจะเป็นผีไร้หัว แต่การแสดงออกทางอารมณ์ว่ารู้สึกเช่นไรอยู่นั้น คนที่มองสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
คงเป็นเรื่องของการแสดงออกทางร่างกายล่ะมั้ง?
และตอนนี้พี่น้ำก็กำลังยิ้มอยู่
คิดว่านะ…
“นี่พี่คริสโตเฟอร์ไม่เชื่อพี่น้ำงั้นเหรอ!?”
ส่วนเธอน่ะเงียบปากไปเลย ถือว่าผมขอล่ะ
“ถ้างั้นน้องคริสตามพี่มาหน่อยสิ”
“ไปไหนเหรอครับ?”
“ถ้าเห็นสถานที่จริงน่าจะเข้าใจง่ายกว่าน่ะ ว่าพี่อยากให้น้องคริสช่วยเรื่องอะไร”
…ไปๆมาๆก็เหมือนโดนเหลี่ยมใส่ไงชอบกล
นี่มันเหมือนกับผมเป็นคนช่วยเองเลยไม่ใช่เรอะ? แล้วไอ้บทลงโทษที่ผมพึ่งให้พี่น้ำไป มันหายไปไหนแล้วเนี่ย?
และดูจากท่าที พี่น้ำคงคิดว่าจบเรื่องนี้เมื่อไหร่ บทลงโทษก็จะสิ้นสุดลงด้วย…
ช่างเถอะ รับความเอาแต่ใจของสมาชิกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก …อย่างน้อยก็ถือว่าหาเคสมาให้ทำล่ะนะ ก็ขอให้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระและเป็นปัญหาจริงๆก็แล้วกัน
เพราะยังไง พี่น้ำก็ถือเป็นนักเรียนที่ผมต้องช่วยอยู่ดี
พี่น้ำก็ดึงแขนเสื้อผมเบาๆและพาเดินออกไป
ส่วนสไปรท์ก็ไม่ลืมที่จะตามมาด้วย
และจุดมุ่งหมายก็คือ อาคารเรียนหลัก
เคสที่ 2 (ผีไร้หัว) /มีต่อ