+ +
ผมมาถึงชั้นสี่โดยที่พลอยเดินตามหลังมาด้วยความเงียบเช่นเดิม
ผมพยายามเดินช้าๆ เพื่อไม่ให้พลอยที่เดินทั้งๆที่ปิดผ้าคาดตาล้ม
ชั้นนี้ผมก็จะใช้วิธีการตรวจตราเช่นเดิม เดินตั้งแต่ฝั่งตะวันออกไปตะวันตก ระหว่างนั้นก็จะเปิดไฟของทั้งชั้นไปด้วย และก็จะปิดมันหลังจากที่ตรวจตราเสร็จ
คนอื่นๆ เสร็จงานรึยังนะ? คู่พี่ต้นก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่คู่พี่น้ำนี่สิ…ถึงจะเอาหมิงหมิงไปช่วยอีกคนก็เถอะ ถ้าให้นับประสิทธิภาพการทำงานของสามคนนั้นรวมกัน ก็ยังรู้สึกน่าเป็นห่วงอยู่ดี…
“…ประธานคะ”
พลอยเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาแปลกๆ
“ว่าไง?”
“…ที่จริง ชั้นนี้ไม่ต้องก็ได้ค่ะ…”
“หา? มันจะไม่ต้องได้ไงเล่า อย่างที่บอกไปตอนแรกไง ถ้าไม่ไล่วิญญาณให้หมด เกิดครูใหญ่ทุบตึกนี้ทิ้งแล้วสร้างอย่างอื่นขึ้นมา วิญญาณที่ยังสิงอยู่ที่นี่ได้โกรธจนเป็นวิญญาณอาฆาตแน่”
นั่นก็เป็นปัญหาที่ครูใหญ่คิดไม่ตกนั่นล่ะ สุดท้ายก็เลยต้องมาลำบากสภานักเรียนในการไล่ผี
ผมเปิดประตูห้องเรียนระหว่างพูด
“รู้น่าว่ากลัว ฉันก็รีบๆทำให้เสร็จอยู่นี่ไง”
“…อือ”
กลัวซะขนาดนี้ เริ่มรู้สึกอยากให้ไปรอข้างนอกแทนแล้วสิ ไหนๆก็เหลืออีกแค่ชั้นเดียวด้วย ส่วนชั้นอื่นๆก็ไม่น่ามีปัญหา ผมบอกคนอื่นไปแล้วว่าถ้ามีปัญหาให้ตะโกนเรียก ซึ่งตอนนี้ผ่านมาสักพักก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร คิดซะว่าทำงานกันได้ด้วยดีแล้วกัน
จากนั้น ผมก็ทำการไล่ตรวจห้องที่เหลือของชั้นสี่จนหมด
วิญญาณที่เจอส่วนใหญ่ก็มีลักษณะคล้ายๆกัน จนนึกสงสัยว่า ‘เจ้านั่น’ ที่วิญญาณตัวก่อนหน้านี้พูดถึงมันหายไปไหนกันแน่
คงจะอยู่ชั้นอื่นที่นอกเหนือการรับผิดชอบของผมนั่นล่ะ เอาไว้ไปถามคนอื่นๆอีกที
และขณะผมพยายามเปิดประตูห้องเรียนห้องสุดท้าย…
กึก กึก…!
ลูกบิดประตูกลับแน่นิ่ง ล็อคเอาไว้งั้นเรอะ?
“…มีอะไรเหรอคะ?”
“ประตูล็อคน่ะสิ ให้ตายสิน่า วิญญาณที่ไหนมาเล่นพิเรนทร์กันล่ะเนี่ย? ดีนะที่ฉันได้กุญแจมาจากครูใหญ่”
ที่จริงก็มีคิดจะก็อปไว้หลายๆอันเผื่อสมาชิกคนอื่นๆ แต่เพราะเวลามันกระชั้นชิดจึงไม่ได้ทำ …เอาเถอะ อย่างเจ้าพวกนั้น ถ้ามีปัญหาประตูเปิดไม่ออกก็คงเรียกผมทันทีเลยนั่นล่ะ
ผมใช้กุญแจ และทันทีที่เปิดออกนั่นเอง ก็พบว่าแสงอาทิตย์ที่ส่องจากหน้าต่างในห้องเรียนนั้นสว่างจ้าจนผมต้องหรี่ตา
“บ้าอะไรเนี่ย…?”
แน่ใจว่านี่เป็นช่วงกลางคืน ต่อให้เสียเวลาจากการเดินสำรวจชั้นสามหรือบ้าอะไรก็ตามแต่ ไม่มีทางที่จะถึงเวลาเช้าจนแสงส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่างเช่นนี้แน่นอน
อีกทั้งทั้งห้องเรียนกลับอยู่ในสภาพสะอาดจนผิดกับห้องอื่นๆที่ถูกถึงไว้จนร้าง
และเหนือสิ่งอื่นใด…
“วิญญาณ…งั้นเหรอ?”
จำนวนเด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ประจำตำแหน่งโต๊ะในห้องเรียนแน่นเอี๊ยด เหลือเพียงที่ว่างแค่สองที่
จะว่าวิญญาณทั้งหมดมากระจุกกันอยู่ที่ห้องนี้ก็แปลกเกินไป
สถานการณ์ผิดปกติงั้นเหรอ…
ผมคิดเช่นนั้น พร้อมเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อจะให้พลอยหลบไปก่อน… ทว่า เด็กสาวกลับเดินผ่านไปโดยไม่สนใจและเข้าไปในห้อง
“พลอย?”
และนั่งลงตรงที่ว่างหนึ่งในนั้น…
“เอ้า นักเรียนคนนั้น รีบมานั่งที่ได้แล้ว!”
อาจารย์ที่ไม่คุ้นหน้าตะโกนเรียก แม้เสื้อผ้าจะสะอาดสะอ้าน แต่กลับโปร่งใส
ผมขมวดคิ้ว
“พวกแกกำลังทำบ้าอะไรอยู่?”
ถามไปแบบนั้น เร่งมนตราไปทั่วร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์
อาจารย์เอียงคอ
“หยาบคายไปแล้วนะ นี่อาจารย์นะ ไม่ได้กินข้าวเช้ามาหรือไง?”
“““คิกคิกคิก”””
นักเรียนในห้องพากันหัวเราะเสียงน่าขนลุก
…สร้างพื้นที่ลวงตา จำนวนวิญญาณเยอะ ทว่าแยกไม่ออกว่าเป็นภาพหลอนกี่ตัว ตัวจริงกี่ตัว
ไม่แน่ใจว่าตัวไหนเป็นหัวโจก แต่ดูจากความเข้มข้นของอาคมที่ทำได้ถึงขั้นนี้ คงเป็น ‘เจ้านั่น’ สินะ? …และต่อให้ไม่ใช่ก็ต้องจัดการ
ผมเดินเข้าไปในห้อง ดึงแขนรองประธานที่นั่งตรงเก้าอี้
“พลอย ท่าไม่ดีแล้ว รีบไปกันเถอะ”
“…ก็ปกตินี่คะ?”
พลอยตอบทั้งๆที่ยังไม่หันหน้ากลับมา
“ปกติ? มันจะปกติได้ไง?”
นักเรียนทั้งห้องที่มองยังไงก็เป็นวิญญาณ อาจารย์หน้าชั้นเรียนก็ด้วย และนี่มันก็ตึกเรียนเก่าที่ถูกทิ้งร้าง ต่อให้ไม่นับเรื่องสภาพแวดล้อม แต่ไอ้สถานการณ์แบบนี้น่ะ มองยังไงก็ไม่ปกติ
อาจารย์ชี้ชอล์กในมือมาทางผม
“เธอ รีบนั่งที่ได้แล้ว ที่ที่ครูเตรียมไว้ให้เธอ…”
“ฉันมีที่ของฉันอยู่แล้ว และไม่ใช่ที่นี่”
เมื่อผมตอบไปอย่างนั้น อาจารย์ก็ยืนค้าง แน่นิ่งราวกับรูปปั้น
“รีบนั่งที่…”
“ตื้อจริง… พลอย! รีบลุก!”
ผมเปลี่ยนจากดึงเป็นกระชากแขนพลอยขึ้นมา
แต่พลอยกลับพูดด้วยเสียงเย็นๆ
“…ประธานจะไปไหนเหรอคะ? ที่ของพวกเราก็คือที่นี่ไม่ใช่เหรอ…?”
“““คิกคิกคิก”””
เพียงเท่านั้น ผมก็เข้าใจในทันที
วงเวทดาวหกแฉกก่อเกิดที่ริมฝีปาก
“ด้วยนามแห่งข้า จงรับฟังแต่โดยดี …ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
“…แหม ใช้อาคมกับรองประธานคนเก่งแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะคะ?”
รู้จักอาคมที่ผมใช้ซะด้วย และที่สำคัญคือ ‘เธอ’ ไม่รับคำสั่งจากอาคม
ผมแสยะยิ้มใส่เด็กสาวตรงหน้า
“วิญญาณสินะ? แกน่ะ?”
“…ไม่ใช่สักหน่อย พลอยของประธานต่างหากล่ะคะ”
“คนเป็นฝืนบัญชาฉันไม่ได้ แค่นี้ก็ยืนยันแล้วว่าแกเป็นวิญญาณ”
“…แหมๆ ฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงพึ่งรู้ตัวล่ะ?”
พริบตานั้นเอง ที่รอบข้างทรุดโทรมลง
ห้องเรียนอันสะอาดเอี่ยม ถูกแปรเปลี่ยนเป็นห้องร้างฝุ่นเขรอะในพริบตา
…วิญญาณทั่วห้องส่งเสียงกรีดร้องจนแสบหู ก่อนที่พวกมันจะค่อยๆถูกลากลงเบื้องล่างเฉกเช่นโดนขุมนรกกระชาก
เด็กสาวในร่างของพลอย ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เช่นกัน
ใบหน้าสวยได้รูปของรองประธานที่ผมคุ้นตาเริ่มฉีกขาด… และในจังหวะที่รู้สึกตัว ตรงหน้าก็ไม่ใช่พลอยอีกต่อไป
กลายเป็นหญิงสาวผิวขาวจนซีดราวกับศพ บาดแผลคล้ายมีดกรีดเต็มใบหน้า เรือนผมยาวสีดำกระเซอะกระเซิง
ผมไม่รู้จักเด็กสาวคนนี้ …ก็แน่ล่ะ
“แกคือเจ้านั่นสินะ?”
“…หึหึหึ วิญญาณต่ำต้อยพวกนั้น แค่จะเรียกชื่อข้ายังไม่กล้า”
“จะอวดเบ่งก็ให้มันรู้จักพอดีหน่อยเถอะ ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?”
“ซาตาน…สินะ…?”
“ไม่ตกยุคอย่างที่คิดนี่? รู้จักซาตานกับเขาด้วย”
ดูเหมือนจะเป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์สูงทีเดียว ถึงขนาดรู้ว่าผมเป็นใครยังกล้ามาเล่นแผลงๆใส่แบบนี้
งั้นทางเลือกก็เหลือไม่มาก เจ้านี่น่าจะเป็นวิญญาณตัวสุดท้าย ส่วนตัวอื่นๆที่เห็นเมื่อครู่คงจะเป็นเพียงภาพหลอนที่สร้างมาให้ผมตกใจกลัวก็เท่านั้น
…เผาทิ้งเลยละกัน
ผมตัดสินใจเช่นนั้น ยื่นมือออกไปด้านหน้า…
“……!”
เสียงไม่ออกมา
วิญญาณเด็กสาวหัวเราะ
“คิกคิกคิก จะทำอะไรเหรอ? อย่าบอกนะว่าต้องร่ายคาถาก่อนถึงจะทำอะไรได้? อ่อนแอเสียจริง”
หืม… เพราะเป็นพื้นที่ของมัน ถึงสามารถควบคุมร่างกายผมได้สินะ…
ก็จริงที่ถ้าเปล่งเสียงไม่ได้ ผมก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับนรกเพื่อใช้ความสามารถ
ถ้างั้น…!
ผมหันหลังและถีบประตู
กระนั้น แรงกระแทกอันรุนแรงกลับย้อนกลับจนร่างกายกลิ้งไปด้านหลัง
“ข้ายังไม่ได้บอกให้ไปเลยไม่ใช่รึ? จะรีบไปไหน ซาตาน”
“……”
“อยากถามว่าข้าต้องการอะไรงั้นเหรอ? แหม วิญญาณอาฆาตก็ต้องอยากได้คนเป็นไปอยู่ด้วยสิ”
พิมพ์นิยมจริงนะ…
ผมคว้านหาของในตัวว่ามีอะไรสามารถจบสถานการณ์สุ่มเสี่ยงนี้ได้บ้าง แต่ที่เจอก็มีแค่สมุดจดบันทึกของผมเท่านั้น…
พรึ่บ!
วิญญาณพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ใบหน้ากระชั้นชิดจนมองเห็นดวงตาขุ่นมัวที่เริ่มมีเลือดไหลคั่ง
ฝ่ามือขาวซีดกำที่ลำคอของผม ออกแรงบีบจนหายใจไม่ออก
“…แค่ก!”
“ได้ข่าวว่าเจ้าอวดดีน่าดูเลยนี่? …ไม่เห็นเก่งอย่างที่คนอื่นพูดเลยนะ”
ตอนนี้ก็พึ่งมาเจ็บใจที่ตัวเองมีร่างกายเหมือนมนุษย์เนี่ยแหละ ให้ตายสิ ผมเป็นลูกซาตานเลยนะเว้ย จะมาโดนผีที่ไหนไม่รู้บีบคอตายแบบนี้ได้ไงกัน!
“ด้วยนาม…..แค่ก! แค่ก…!”
“ฝืนอาคมจนเปล่งเสียงได้รึ? แต่ก็เท่านั้นแหละ ซาตาน”
ปลายเล็บจิกเข้าลำคอจนแสบ
…บ้าจริง นี่ผมจะเสียท่าให้ผีไทยแบบนี้เรอะ
จังหวะที่กำลังจะหมดสติ
บานประตูก็เปิดออก
“ประธานค้า!!!”
“…!?”
รองประธานผีนางรำที่โพล่งเข้ามาจากประตูห้องเรียนส่งเสียงดังด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
วิญญาณหันสายตาที่แฝงด้วยความประหลาดใจไปหาพลอย
“ขะ เข้ามาได้ยังไง!?”
“ของแค่นี้ใช้น้ำมนต์นิดหน่อยก็พอแล้วค่ะ!”
ผมพึ่งเห็นพลอยถือขวดน้ำมนต์มาด้วย สงสัยจะใช้สิ่งนั้นสะเดาะล็อคประตูจากอาคมสินะ
“นี่แหนะ!!!”
พลอยใช้น้ำมนต์สาดใส่วิญญาณที่กำลังบีบคอผม
“กริ๊ด!!!”
วิญญาณกรีดร้องจนแสบแก้วหู เสียงร้องที่ราวกับวิญญาณถูกเผาไหม้…ไม่ดิ น่าจะไหม้จริงๆนะนั่น
“ประธาน! รีบไปกันเถอะค่ะ!”
“อะ อ่า!”
เสียงกลับมาแล้ว
พลอยดึงตัวผมขึ้นมาและช่วยพยุงออกจากห้อง ในชั่วขณะที่จะพ้นธรณีประตู วิญญาณก็ใช้ท่อนแขนที่ลุกไหม้จากน้ำมนต์จับขาผมเอาไว้
“นังผีนางรำนี่! จะพาของของฉันไปไหน!?”
พร้อมตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง แม้ร่างกายจะแทบไม่เหลือชิ้นดี …น้ำมนต์แรงสุดๆเลยนะนั่น
วงเวทดาวหกแฉกก่อเกิดที่ริมฝีปาก ทว่า ในขณะที่ผมจะร่ายคาถาเพื่อปิดงานนั่นเอง
“ไม่ต้องค่ะประธาน …ผีชั่วแบบนี้ ประธานไม่ต้องเปลืองน้ำลายหรอกค่ะ”
“อีแพศยา! แกว่าใครเป็นผีชั่ว!!!”
พลอยราดน้ำมนต์ใส่รองเท้าโดยที่ไม่โดนผิวหนังของตัวเอง พร้อมกับยกฝ่าเท้าขึ้น…
“จะไปไหนก็ไปเลยค่ะ! แล้วก็อย่ามาจับประธานของฉันอีกนะคะ!!!”
จากนั้นก็ใช้ส้นเท้าศักดิ์สิทธิ์ถีบไปที่หน้าของวิญญาณเต็มแรง
“กะ กริ๊ดดดด!!!”
วิญญาณปล่อยมือ กุมหน้าใบหน้าด้วยความเจ็บปวด
“ตอนนี้แหละค่ะ! ประธาน!”
“อะ โอ้ว!”
และผมกับพลอยก็หนีออกมาจากห้อง ไม่รอให้เสียเวลา วิ่งลงบันไดด้วยความรวดเร็วแต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดไฟที่เปิดทิ้งไว้ สุดท้ายก็ออกมาจากตึกเรียนเก่าจนได้
…เมื่อออกมา ก็พบกับสมาชิกสภานักเรียนที่ยืนรอกันด้วยสีหน้ากังวล
“เป็นอะไรรึเปล่า!? น้องคริส!”
“สภาพน่าสงสารจังเลยนะเนี่ย? พี่คริสโตเฟอร์ไหวอะป่าว?”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ…”
ผมกล่าวขอบคุณพี่น้ำ ส่วนสไปรท์…ช่างมัน
พี่ต้นก็เดินมาด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน
“ดีนะที่ครูใหญ่แกเอาน้ำมนต์มาให้ด้วย”
“…นั่นของครูใหญ่เหรอครับ?”
“อืม ไม่คิดว่าจะได้ใช้เหมือนกัน”
งั้นเหรอ ไว้ต้องไปขอบคุณครูสมศักดิ์สักหน่อยแล้วสิ ถ้าไม่ได้น้ำมนต์มาช่วยไว้ก็ไม่รู้จะเป็นไงเหมือนกัน
ผมไปนั่งที่ม้านั่งพักเหนื่อย
“แล้วทำไมพลอยถึงเข้ามาช่วยล่ะเนี่ย? อีกอย่าง ทำไมถึงมาแค่คนเดียว”
“…พลอยบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเองน่ะ …รีบคว้าน้ำมนต์และวิ่งเข้าไปเลย”
ดิวตอบเสียงค่อยและเคี้ยวขนมต่อ
ผมเลิกคิ้ว
“เห…ยังไงก็ไม่รู้แหละ แต่ก็ขอบใจนะพลอย ไม่ได้เธอเมื่อกี้ก็ไม่รู้จะจบยังไง”
“มะ ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ! ฉันผิดเองด้วยที่ปล่อยประธานเข้าไปคนเดียว”
…เออ จริงด้วย ยัยพลอยที่ตามหลังผมมาตั้งแต่ต้นเป็นตัวปลอม แสดงว่าพลอยตัวจริงรออยู่นอกตึกตั้งแต่แรกเลยนี่หว่า
แม้ปากจะอยากตำหนิอะไรสักอย่าง แต่พอมองหน้าพลอยที่แฝงด้วยความรู้สึกผิด ผมก็เลยละไว้แค่นั้น
“…ไหม้หมดแล้วนะ”
ผมจับมือพลอยที่เหมือนจะโดนน้ำมนต์ไปนิดหน่อย
“อะ นิดเดียวเองค่ะ คงโดนไปตอนที่เอาสาดใส่ประตูล่ะมั้งคะ”
ผีไทยแพ้น้ำมนตร์สินะ พลอยก็นับว่าเป็นผีไทยเหมือนกัน …ทำให้ลำบากแล้วสิ
ผมล้วงกระเป๋ากางเกง
“ฉันมีพลาสเตอร์อยู่”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ นิดเดียวเอง…”
ถึงเธอจะยืนกราน แต่ผมก็หยิบพลาสเตอร์จากกระเป๋าตังค์และปิดรอยแผลของพลอย
“ขะ ขอบคุณมากค่ะ…”
“ที่เธอเป็นงี้ก็เพราะมาช่วยฉันนี่นะ ถือว่าหายกันแล้วกัน”
“ค่ะ…”
บรรยากาศดูหวานชื่นขึ้นมาทันตา …รู้สึกแปลกๆไงชอบกล กลัวคนอื่นๆจะมองว่าผมเป็นห่วงสมาชิกสภารายบุคคลแบบเกินพอดีนะเนี่ย…
ความลำบากใจหายไปในพริบตา เมื่อพี่น้ำพูดขึ้น
“พี่ก็ไม่อยากขัดนะ …แต่แผลแบบนั้นใช้พลาสเตอร์แปะ มันจะยิ่งแย่กว่าเดิมนะคะ?”
“น้ำ…เงียบๆเถอะ”
พี่ต้นเตือนพร้อมกุมขมับ
“ฉันผิดตรงไหนเนี่ย!? ไปแปะพลาสเตอร์ใส่แผลไหม้ ผิวก็เสียกันพอดี!”
…ไม่รู้เลยแฮะ ถ้าเป็นอย่างที่พี่น้ำว่าจริงๆ พลอยก็คงจะรู้ด้วยนั่นแหละ ไว้ให้เธอไปแกะออกเองก็แล้วกัน ผมแค่ทำเท่าที่ทำได้
ผมกวาดสายตาถาม
“ชั้นอื่นๆเป็นไงบ้างครับ?”
“เกือบตายอยู่ร่อมร่อ ประธานยังจะห่วงงานห่วงการอีกเหรอคะ?”
“ก็รอดมาได้แล้วนี่?”
“เฮ้อ…เอาเถอะค่ะ”
พี่ต้นมานั่งข้างๆ
“ชั้นพี่เรียบร้อยดี …ชั้นของยัยน้ำก็บอกว่าทำเสร็จเหมือนกัน แต่พี่ว่าจะเข้าไปตรวจอีกรอบ”
ดูเหมือนจะไม่มีความเชื่อใจเพื่อนร่วมรุ่นเลยนะเนี่ย เข้าใจได้อยู่แหละ พี่น้ำก็ทำงานทำการไม่เอาไหนซะด้วย ยิ่งไปกับสไปรท์ด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่ …โทษใครได้ล่ะ คนที่จับคู่ให้ก็คือผมนี่นา
พี่น้ำก็เคาะกะโหลกพี่ต้นดังป๊อก!
“ไม่ต้องตรวจบ้าตรวจบออะไรทั้งนั้นแหละต้น! ฉันกับน้องสไปรท์ทำงานเรียบร้อยดี!”
“…เจ็บนะ”
“เป็นผู้ชายอย่าสำออยได้มั้ย!? ฉันทุบเบาๆเอง!”
ผมที่เห็นว่าปล่อยไว้ได้ตีกันตายแน่ๆ ก็พ่นลมจากปอดด้วยความหน่ายใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่าพวกพี่ๆ…และคนอื่นทำงานกันเรียบร้อยดี ขอบคุณมากนะครับ”
“อะ อืม ถ้าน้องประธานว่าอย่างนั้น…”
“พี่ทำงานเสร็จจริงๆนะ…น้องคริส”
“ครับๆ”
ผมตอบขอไปที
ก็ตามนั้นแหละ ไว้ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาค่อยว่ากันอีกที และผมเหนื่อยเกินกว่าจะไปตรวจชั้นที่คู่พี่น้ำรับผิดชอบอีกรอบด้วย จะให้รบกวนพี่ต้นก็ใช่เรื่อง …ลองเชื่อใจดูสักครั้งก็แล้วกัน
“…หมิงหมิง?”
ยัยวิญญาณฆ่าตัวตายที่พามาด้วย เหม่อมองไปยังตึกเรียนเก่าจนผมต้องเอ่ยทัก
“อะ! ว่าไงคริสคริส!”
“เป็นไรของเธอ? อยากกลับไปโดดตึกนั้นอีกหรือไง?”
แรกเริ่มเดิมทีก็เจอหมิงหมิงที่ดาดฟ้าของตึกเรียนนั้นด้วยสิ อาจจะยังคิดถึงอยู่รึเปล่านะ? เห็นเคยพูดว่าชอบแรงกระแทกของตึกนั้นด้วยนี่นา
พูดไปพูดมาก็ยังไม่ได้ตรวจดาดฟ้าเลยแฮะ…
หมิงหมิงส่ายศีรษะ
“เปล่าๆ แค่พอรู้ว่าจะทุบทิ้ง ก็รู้สึกเหงาๆไงไม่รู้”
“ไม่ใช่ของรักของหวงเธอสักหน่อย ก็แค่ตึกเรียนเก่าๆที่ไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง …แล้วก็นะ ฉันลืมไปตรวจดาดฟ้า…”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ดาดฟ้าไม่มีวิญญาณที่ไหนไปอยู่หรอกน่า หนาวจะตาย”
…วิญญาณไม่ชอบรับลมรึไงกันนะ…
ผมกระซิบข้างหูหมิงหมิง
“แล้ว…สองคนนี้ได้อู้รึเปล่า? ถ้าอู้ก็บอกได้เลยนะ”
“อะไรล่ะนั่น? เห็นเมื่อกี้พูดซะดิบดี”
“ถามเผื่อเฉยๆน่ะ…”
หมิงหมิงก็หัวเราะร่า
“คิกคิก ไม่ได้อู้เลย ทำงานขันแข็งจนฉันเผลอคิดไปเลยล่ะว่า คริสคริสแค่เรื่องมากไปเองรึเปล่า”
“คงไม่ใช่ว่ารวมหัวกันหลอกฉันเพราะอยากบรรจุเข้าสภาหรอกนะ ใช่มั้ย?”
“ถึงฉันจะเป็นวิญญาณฆ่าตัวตายแต่ก็มีศักดิ์ศรีนา? ไม่โกหกพล่อยๆหรอก!”
“เออๆ”
และแล้วก็จบการทำงานร่วมกันครั้งแรกของสภานักเรียนลงจนได้
จะมีติดใจนิดหน่อยก็วิญญาณตัวสุดท้ายนั้นจะย้ายไปที่อื่นหรือยัง ถึงต่อให้โดนน้ำมนต์ไปก็น่าจะยังรักษาสภาพไว้ได้อยู่…
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ผมก็ปล่อยให้เป็นปัญหาของอนาคต เพราะแค่วิญญาณแค่ตัวเดียว ถ้าสร้างปัญหาขึ้นมาล่ะก็…
สัญญาเลยว่าครั้งหน้าจะจัดการลากลงนรกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
…เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็มาพบครูสมศักดิ์ที่ห้องครูใหญ่ รายงานว่าทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จลุล่วง
หลังจากสาธยายให้ฟัง ครูสมศักดิ์ก็พยักหน้าพอใจ
“ขอบใจมากนะ ทีนี้ก็จะได้สร้างอะไรใหม่ๆทับตรงนั้นได้สักที”
“ครับ”
“แล้ว ของที่ครูให้ยืมไปเป็นไงบ้าง? ใช้ดีรึเปล่า?”
“…ผมว่าจะขอบคุณเรื่องนั้นอยู่พอดี ถ้าไม่ได้น้ำมนต์ของครูใหญ่ช่วยไว้ ก็ไม่รู้จะลงเอยยังไงเหมือนกัน”
“หืม? น้ำมนตร์? ครูไม่ได้ให้ไว้สักหน่อย”
“หือ? ให้สิครับ นี่ไง…”
ผมคว้านหาขวดน้ำมนต์ในถุงข้าวของเครื่องใช้ที่เอามาคืนครูใหญ่ ก่อนหน้านี้ก็ให้สมาชิกทุกคนตรวจเช็กดูแล้วว่าของครบ แน่นอนว่ารวมถึงขวดน้ำมนต์ที่พลอยใช้ก็ด้วย
แต่ไม่ว่าจะคว้านหาแค่ไหน นอกจากอุปกรณ์ตรวจจับผีที่ครูใหญ่ซื้อมาเหมือนกับเกมที่เคยเล่น ก็ไม่พบอย่างอื่นเลย…
ครูใหญ่ทำหน้าจริงจัง
“ครูก็เคยบอกแล้วนี่ ครูเป็นครูใหญ่ของจิตตฯ จะให้พกของที่สามารถทำร้ายนักเรียนไว้กับตัวได้ไงกัน?”
“แต่ผมใช้จริงๆนะครับ น้ำมนต์นั่น…”
ต่อให้เทของออกมาทั้งถุง ก็หาไม่เจอ
ครูสมศักดิ์หัวเราะ
“หัวเราะอะไรครับเนี่ย?”
“อาจจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคริสโตเฟอร์ไว้ล่ะมั้ง?”
“…สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประเทศนี้สามารถสร้างน้ำได้เป็นขวดขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่สิ …ท่านคงอยากช่วยคริสโตเฟอร์ที่เสียสละช่วยเหลือนักเรียนคนอื่นมาตลอดนั่นล่ะ”
“…พระเจ้าที่ไหนจะอยากมาช่วยลูกซาตานอย่างผมกัน…”
“โอเคๆ งั้นเอาเป็นว่า…นั่นเป็นน้ำมนต์ของครูที่พวกเธอทำหายก็แล้วกัน อย่างงี้คริสโตเฟอร์คงสบายใจกว่าสินะ?”
ว่าแล้วครูสมศักดิ์ก็ขยิบตาให้ …คงต้องเอาตามนั้นไปก่อนแหละ
ผมเหลือบมองนาฬิกา นี่ก็ใกล้จะเข้าเรียน ผมจึงบอกลาครูใหญ่
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อืมๆ ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ …เดี๋ยวๆ! จริงสิ!”
“ครับ?”
“ลูกครูอยากเจอคริสโตเฟอร์แหละ ดูเหมือนจะชอบเธอน่าดูเลย ไว้วันไหนคริสโตเฟอร์ว่างๆ ช่วยแวะไปหาแกที่ตึกประถมได้มั้ย?”
…หน้าของเด็กประถมที่เจอเมื่อวานลอยขึ้นมาทันที
ผมรีบตอบ
“…ผมว่าอย่าดีกว่าครับ…”
“งั้นเหรอ? คงจะยุ่งๆสินะ? ไม่เป็นไรๆ ว่างเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”
“ครับ…”
เจ้าเด็กนั่นเรียกผมไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเหตุฆาตกรรมชัวร์ เป็นไปได้ก็ขอไม่ไปเจอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า…
ก่อนจะกลับห้องเรียน ผมก็ถามครูสมศักดิ์ขณะกำลูกบิดประตู
“เจ้าตึกนั่น…จะสร้างอะไรทับงั้นเหรอครับ?”
“นั่นสิ คงเป็นสนามกีฬา ไม่ก็ศูนย์นันทนาการล่ะมั้ง? โรงอาหารก็น่าจะได้ จะได้ปรับเปลี่ยนโรงอาหารในตึกเรียนเป็นห้องพักครูเพิ่ม”
ดูเหมือนจะมีความคิดในหัวเต็มไปหมดเลยนะ คงอยากบูรณะใหม่เต็มแก่แล้วสินะนั่น
ครูใหญ่พึมพำไปสักพักก็หัวเราะ
“ฮะฮะ ไว้ค่อยตัดสินใจอีกทีแล้วกัน ยังไงกว่าจะได้สร้างก็‘หลังปิดเทอม’”
ผมชะงัก
“…เมื่อกี้ครูพูดบ้าอะไรนะครับ?”
ครูทำหน้างงๆ
“หืม? ก็ต้องสร้างตอนช่วงที่นักเรียนไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ? เรียกคนมาก่อสร้างเสียงปุ้งปั้งตอนยังเปิดเทอม มีหวังเด็กก็ไม่มีสมาธิเรียนกันพอดีน่ะสิ”
“แล้วจะให้พวกผมรีบไปไล่ผีเพื่อ?”
“อ้าว? ไม่ใช่ว่าคริสโตเฟอร์อยากทำอยู่แล้วหรอกเหรอ???”
คิ้วผมกระตุก
ผมพยายามปรับอารมณ์และแสยะยิ้มให้ครูใหญ่
“เมฆ …ลูกครูอยากเจอผมสินะครับ”
“อื๋อ? ใช่ๆ”
“ไว้ผมจะรีบไปหาเลยครับ”
“…ทำไมจู่ๆครูถึงรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆกันนะ…”
ผมปิดประตูห้องครูใหญ่เสียงดัง โดยที่มีความหงุดหงิดเล็กๆในจิตใจ
…ไหนๆก็ไหนๆ หลังจากนั้นผมก็ลองไล่ถามสมาชิกสภาว่ามีใครลืมเอาน้ำมนต์มาคืนหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็อย่างที่เดาไว้ ไม่มีใครมีน้ำมนตร์อยู่กับตัวเลยสักคน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ…
ผมทวนถ้อยคำนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“…เอาเถอะ”
อย่างไรก็ตาม เคสไล่ผีที่ตึกเรียนเก่าก็จบลง และอย่างที่ครูใหญ่พูดนั่นล่ะ อีกเดี๋ยวก็จะปิดเทอมแล้ว และก่อนจะไปถึงตรงนั้นก็ไอ้นั่นสินะ…
‘สอบปลายภาค’
เคสที่ 17 การทำงานร่วมกันของสภานักเรียน /จบ
+ +
…Extra…
ช่วงกลางดึกคืนหนึ่ง หลังจากที่กลุ่มสภานักเรียนทำการขับไล่วิญญาณในตึกเรียนเก่า
มีฝีเท้าที่ก้าวด้วยความเงียบเชียบ กำลังมุ่งหน้าไปยัง ‘ห้องที่อยู่ชั้นสี่’
ห้องที่ประธานนักเรียนของโรงเรียนอาคมจิตตวิทยาต่อสู้กับวิญญาณอาฆาต
เจ้าของฝีเท้านั้น เปิดประตูห้องดังกล่าวอย่างรุนแรง
“…เจ้าเป็นใคร? มาที่นี่ทำไม?”
วิญญาณอาฆาต หญิงสาวผิวซีดราวกับศพพร้อมด้วยรอยแผลบนหน้าเอ่ยถามพร้อมปล่อยรังสีน่าหวาดหวั่นออกมา
“…”
กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้คู่สนทนาหวาดกลัว
หญิงสาวเริ่มมีน้ำโห …รู้สึกถึงอาคมที่หลั่งไหลทั่วห้องเรียน ดูเหมือนห้องเรียนนี้จะเป็นที่สิงสถิตซึ่งเพิ่มอาคมให้กับเธอ
“ตอบคำถามข้ามา!!!”
เธอตะโกนด้วยเสียงแหบแห้งและพุ่งเข้าใส่ หมายจะดับลมหายใจบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตู
“…เก็บงานให้เรียบร้อยมันจะตายรึไงกันนะ…”
ทันทีที่บ่นพึมพำด้วยความละเหี่ยใจ เขาก็ยกฝ่ามือ
“——”
และลั่นวาจา แสงสว่างสีทองปกคลุมทั่วห้องเรียนที่เป็นสถานที่สิงสถิตของวิญญาณ
หญิงสาวผู้อาฆาตนั้น เธอไม่แม้แต่มีโอกาสได้กรีดร้อง แสงสีทองนั้นทำการลบล้างสิ่งอัปรีย์ในห้องจนหมดสิ้น…
ราวกับการชำระล้าง
ในชั่วขณะที่วิญญาณใกล้จะสลาย เธอก็ยื่นมือที่แห้งกร้านไปหาเขา…
“วะ…วงแหวน”
แต่ก็พูดได้เพียงแค่นั้น
“…”
เมื่อตัดสินใจว่าจบเรื่อง บุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูก็หันหลัง
เขาสะบัดข้อมือเบาๆและจากห้องเรียนนั้นมา ห้องเรียนที่ตอนนี้สัมผัสถึงอาคมที่เกิดจากแรงแค้นปกคลุมทั่วทั้งห้องไม่ได้
โดนชำระล้างจนหมดสิ้น
“ช่วงนี้ยุ่งๆด้วยสิ ไว้ค่อยไปตำหนิเจ้าซาตานนั่นทีหลังแล้วกัน …ไม่ได้รีบขนาดนั้นซะด้วย ไว้เทอมหน้าก็น่าจะได้อยู่มั้ง?”
เขาพึมพำพร้อมหัวเราะบางๆในลำคอ
และแล้ว วิญญาณตัวสุดท้ายที่สิงสถิตอยู่ในตึกเรียนเก่าของโรงเรียนอาคมจิตตวิทยาสาขาที่หนึ่งก็หายไปด้วยฝีมือของเขา โดยที่สภานักเรียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาของบุคคลใด