“พอดีว่าหนูจับได้ว่าแฟนหนูมีซัมติงกับเพื่อนที่สนิทของหนูอะค่ะ”
…เปิดเรื่องมาไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ แต่เด็กสาวที่เอ่ยเช่นนั้นก็กำลังนั่งคุยกับพลอย ผีนางรำที่ควบตำแหน่งรองประธาน
ส่วนผมที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องหญิงๆชายๆ จึงได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ที่โต๊ะประธาน
สายตาเพียงแค่เฝ้าดู ส่วนหูเพียงแค่รับฟัง
ผมชื่อคริสโตเฟอร์ วิลเลี่ยม ตำแหน่งประธานนักเรียนของโรงเรียนอาคมจิตตวิทยาสาขาที่หนึ่ง
ในโลก ณ ปัจจุบัน …ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับ ภูต ผี วิญญาณ สามารถพบเจอได้ง่ายและผุดขึ้นเรื่อยๆอย่างกับดอกเห็ด
โรงเรียนแห่งนี้ก็มีไว้สำหรับให้การศึกษากับเด็กนักเรียนประเภทเหล่านั้น สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ
สำหรับหน้าที่ของสภานักเรียน หรือก็คือหน้าที่ของพวกผม ก็คือช่วยแก้ปัญหาที่นักเรียนผู้แสนน่าสงสารได้พบเจอ
ยังไงก็เป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับที่เหนือธรรมชาติ เรื่องลำบากใจก็ต้องวุ่นวายกว่าคนปกติหลายเท่า
พวกผมมีหน้าที่ในการแก้ปัญหาเหล่านั้น
ซึ่ง…เด็กสาวที่คุยกับพลอยอยู่ตอนนี้ กล่าวได้ว่าเป็นนักเรียนที่กำลังประสบปัญหา มรสุมชีวิต หรืออะไรก็แล้วแต่
และได้มาขอให้สภานักเรียนช่วย
ทว่า ประเด็นของปัญหาดังกล่าว ดูไม่ค่อยจะเกี่ยวกับชาติกำเนิดสักเท่าไหร่…
พลอยกุมแก้ม
“แย่จังเลยนะคะนั่น”
“พี่พลอยก็ว่างั้นใช่มั้ยล่ะคะ!? ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่เจ็บขนาดนี้ แต่นี่ดันไปเล่นชู้กับเพื่อนสนิทของหนูเนี่ยนะ!?”
เด็กสาวตะโกนเสียงดัง น้ำตาคลอ ขอบตาแดงก่ำ
ดูจากที่เรียกพลอยว่าพี่ คงอยู่มอสี่
ส่วนผมกับพลอยอยู่มอห้า
…ขอพูดหน่อยเถอะ ไอ้เรื่องที่ว่าเล่นชู้หรือไม่น่ะ มันใช่หน้าที่ของสภานักเรียนที่ต้องช่วยมั้ยเนี่ยฮึ?
และถ้าจะเสียใจถึงขนาดร้องไห้ล่ะก็ เลิกๆไปให้มันจบๆก็ได้นี่?
ส่วนที่บอกว่า ‘ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่เจ็บขนาดนี้’ น่ะ ดูจากรูปการณ์ คิดว่าต่อให้คนที่ไปเล่นชู้กับแฟนหนุ่มของยัยเด็กนี่จะเป็นใคร สุดท้ายก็น่าจะเจ็บอยู่ดี
มองจากภายนอกก็เป็นเด็กสาวที่ดูจะไม่ค่อยประสีประสากับความรักล่ะนะ เผลอๆแฟนหนุ่มที่ว่าคงเป็นแฟนคนแรกด้วยซ้ำ ถึงได้ดูเสียใจถึงขนาดนี้
เฮ้อ…วุ่นวายจริงจริ๊ง
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ”
พลอยย้ายไปนั่งข้างเด็กสาวผู้มาขอความช่วยเหลือพลางปลอบ
“พี่พลอยเข้าใจหนูสินะคะ!?”
“อะ ค่ะ…เข้าใจสิ”
“หนูควรทำยังไงดีคะ พี่พลอย …ฮือๆ”
“อะ เอ่อ…”
เด็กสาวนางรำรับฟังพร้อมเผยสีหน้าลำบากใจมาทางผม
…ไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือเลยนะ แค่เห็นว่านักเรียนคนอื่นมองสภานักเรียนเป็นร้านรับจ้างสารพัด จนคิดว่าการมาขอให้ช่วยเรื่องไร้สาระเป็นเรื่องปกติ ก็ทำผมจิตใจกระสับกระส่ายแล้ว
“ลองหาความรักใหม่ดูดีมั้ยคะ? …อย่างน้อยก็น่าจะพอช่วยได้”
พลาดแล้วล่ะ ยัยพลอย
มนุษย์ที่พึ่งอกหักหรือเสียคนรักมาน่ะ ถ้าไม่ให้เวลาทำใจสักหน่อยก็มูฟออนไม่ไหวหรอก
ดูจากเด็กคนนี้ที่ร้องห่มร้องไห้ น่าจะยังปักใจกับแฟนหนุ่มคนนั้นอยู่…
“มีคนไหนแนะนำมั้ยคะ? พี่พลอย”
…ขอถอนคำพูด ความคิดความอ่านยัยเด็กนี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว
“นะ นั่นสินะคะ…”
พลอยก็คงไม่คิดว่าจะตอบกลับมาแบบนี้ จึงกระอักกระอ่วน
ดวงตาคู่ดำกลมโตหันซ้ายหันขวา แต่ในห้องนี้ก็ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากผม
พลอยผายมือ นิ้วเรียวยาวสวยโบกสะบัดช้าๆ
“อะ เอาเป็นประธานดีมั้ยคะ? …ถึงนิสัยจะไม่ค่อยดี แต่หน้าตาก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ไม่แย่นะคะ?”
“นี่พลอย…”
แล้วคำว่า ‘เอาเป็น’ นี่หมายความว่าไงกันหา? อย่างกับไม่มีตัวเลือกอื่นให้เลือกจนต้องเป็นผมอย่างช่วยไม่ได้แบบนั้นน่ะ?
เด็กสาวมองมาทางโต๊ะประธาน หรือก็คือมองมาทางผม
เธอจับจ้องก่อนย่นริมฝีปาก
“ไม่เอาค่ะ ถ้าจะต้องเป็นคนในสภานักเรียน หนูขอเป็นพี่ต้นดีกว่า”
“นั่นก็ยากอยู่นะคะ…พี่ต้นค่อนข้างเนื้อหอมซะด้วยสิ”
ขนาดเด็กมอสี่ยังรู้จักพี่ต้นเลยเรอะ? ก็ไม่น่าแปลกหรอก ถึงไงพี่ต้นก็เป็นสมาชิกสภานักเรียน แถมยังเป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักเรียนหญิง
ก็ไม่ได้อยากเป็นแฟนยัยเด็กนี่หรอก แต่พอโดนเทียบจังๆก็ทำเอารู้สึกเฟลอยู่หน่อยๆแฮะ…
“หนูก็พูดไปงั้นเองค่ะ หนูยังตัดใจกับพีทไม่ได้สักหน่อย”
และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
ไอ้หนุ่มที่ทำให้ผมปวดหัวและยังเป็นแฟนยัยเด็กนี่ชื่อพีทงั้นสินะ…
ในสายตาผมก็เห็นเพียง พอรู้ว่าน่าจะหมดหวังกับพี่ต้นก็เลยเบนเข็มกลับไปหาพีทอย่างเดิมเท่านั้นแหละ
เฮ้อ…พี่ต้นนะพี่ต้น ความหล่อมันเป็นบาปจริงๆนะครับ
“โธ่ อย่าร้องไห้สิคะ”
พลอยรับหน้าที่คนปลอบได้อย่างดีเยี่ยม จนผมรู้สึกว่าทำเกินไปด้วยซ้ำ
ส่วนผม ถ้าไม่ติดเรื่องตำแหน่งประธานนักเรียนล่ะก็ อยากไล่ออกไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยจริงๆ ยัยเด็กบ้านี่
“ช่วยหนูด้วยนะคะ พี่พลอย!”
“ทะ ถึงจะพูดอย่างงั้น…”
เมื่อผมเห็นว่าพลอยน่าจะจนปัญญา ผมก็ลุกขึ้น
ถึงจะเป็นแค่เคสห่วยๆแต่ก็ทำๆไปก็แล้วกัน ตำแหน่งการงานมันค้ำคอนี่นะ…
“ประธาน?”
“…?”
สองสาวแสดงความสงสัย
ผมนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
“แฟนของน้อง ชื่อพีทสินะ…”
“ค่ะ…”
“แล้วคนที่พีทไปคบซ้อนคือเพื่อนสนิทของน้องสินะ?”
“คิดว่าใช่…นะคะ”
“หะ?”
เสียงดูไม่ค่อยมั่นใจเลยนะนั่น…
เนื่องจากไม่รู้ชื่อ ไม่ก็แนะนำตัวไปแล้วแต่ผมขี้เกียจฟัง งั้นขอเรียกยัยเด็กนี่สั้นๆว่า ‘เจ้าของเคส’ ไปก่อนแล้วกัน
เจ้าของเคสกุมคาง
“คือหนูก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเองเหมือนกันค่ะ…”
“…แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทของน้องกันล่ะ?”
ในกรณีที่ไม่เห็นกับตาตัวเอง ก็ไม่น่าจะคิดได้ว่าสาวชู้รักจะเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองไม่ใช่หรือไง?
ที่จริงเพื่อนสนิทจะไปแอบคบกับแฟนของตัวเองนี่ จะบอกว่าควรคิดว่าเป็นกรณีสุดท้ายที่อาจจะเกิดขึ้นก็ยังได้เลยด้วยซ้ำ
ขณะผมคิดเช่นนั้น เจ้าของเคสก็ตะโกนด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อย…
“สัญชาตญาณของผู้หญิงค่ะ!!”
“……”
…เลอะเทอะ
ผมเกือบจะหลุดปากไปอย่างนั้น แต่ก็ห้ามไว้ได้ทัน
“ขอพูดให้เข้าใจตรงกันหน่อยนะ…น้องเจ้าของเคส”
“เจ้าของเคส?”
“ก็พี่ไม่รู้ชื่อน้องนี่?”
“หนูก็แนะนำตัวไปแล้วไงคะ? หนูชื่อ…”
และก็แนะนำตัวมาอีกรอบ …แต่เพราะอะไรไม่รู้ ชื่อนั้นกลับลอยผ่านหูและไม่เข้าสมองผมเลยสักนิด
ผมเกริ่นนำ
“คือ…น้องสงสัยว่าแฟนกำลังนอกใจกับเพื่อนสนิทตัวเองสินะ?”
“เพื่อนหนูคนนั้นชื่อแก้วค่ะ!”
ทำไมรอบนี้ดันได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะเนี่ย…
“เออ จะชื่ออะไรก็ช่าง……”
“แค่ได้ยินชื่อก็รู้ถึงความใจง่ายแล้วใช่มั้ยล่ะคะ!? สัญชาตญาณของหนูไม่ผิดแน่นอน!”
…หล่อนรีบขอโทษคนชื่อแก้วทั้งประเทศให้ไวเลยนะ
แล้วนั่นเพื่อนสนิทไม่ใช่เรอะ? หลักฐานก็ไม่มี ไปเล่นด่าว่าเป็นคนใจง่ายพล่อยๆแบบนั้น เดี๋ยวก็มองหน้ากันไม่ติดหรอก
เริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของเด็กคนนี้กับเพื่อนที่ชื่อแก้วซะแล้วสิ…
“ก็คือแก้วน่าจะกำลังแอบคบกับพีทที่เป็นแฟนของน้อง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลิกกัน?”
“ใช่ค่ะ! หนูก็ลองไปถามตรงๆมาแล้ว! พีทเอาแต่บ่ายเบี่ยงจนไม่ได้ความจริงสักทีค่ะ!”
“เขาอาจไม่ได้บ่ายเบี่ยง แต่แค่ไม่ได้เป็นอย่างที่น้องคิดเฉยๆรึเปล่า…”
สิ้นคำ สายตาของพลอยกับเจ้าของเคสก็มองมา
สายตาแสดงความสมเพช
“เข้าข้างคนผิดเหรอคะ? ประธาน”
“ศัตรูของผู้หญิง”
“ดะ เดี๋ยวสิ! ไม่ได้เข้าข้างสักหน่อย! แต่ยังไม่มีหลักฐานเลยไม่ใช่หรือไง!?”
จะกล่าวหาใครสักคนก็ต้องมีหลักฐานไม่ใช่เรอะ? ถ้าไม่มีหลักฐานป่านนี้ตำรวจจะจับใครก็จับได้ไปแล้วสิ?
“พี่จะบอกว่าสัญชาตญาณผู้หญิงของหนูผิดเหรอคะ??”
“ไม่ได้หมายความอย่างงั้น …คือถ้าถูกมันก็ดีไป แต่ในฐานะประธานนักเรียนแล้ว จะสุ่มสี่สุ่มห้าไปปรักปรำใครไม่ได้…”
“งั้นพี่ก็ไปหาหลักฐานมาสิ!”
“สภานักเรียนไม่ใช่นักสืบเอกชนนะว้อย!”
เจ้าของเคสก้มหน้าในอ้อมอกพลอย
“ฮือ…ขนาดสภานักเรียนที่ได้รับมอบหมายจากครูใหญ่ให้ช่วยเหลือนักเรียนที่เดือดร้อนยังไม่ยอมช่วยหนูเลย”
…สรุปคำว่าสภานักเรียนได้ในประโยคเดียวเลยนะ นี่ท่องมาด้วยเรอะ?
น่าจับมาเข้าสภานักเรียนเลยจริงๆให้ตายเถอะ เผลอๆจะรู้หน้าที่ของสภามากกว่าคนในสภาบางคนด้วยซ้ำ
พลอยลูบหลังเด็กสาวเบาๆ
“ประธานลองช่วยน้องเขาดูหน่อยเถอะค่ะ ยังไงช่วงนี้ก็ว่างๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ว่างมันก็ว่างอยู่หรอก แถมยังไงผมก็ต้องช่วยนักเรียนที่มาขอให้ช่วยอยู่แล้ว …ต่อให้จะเป็นเคสไร้สาระขนาดไหนก็เถอะ
อย่างที่เข้าใจนั่นแหละ ผมมองว่านี่เป็นเคสไร้สาระ ที่เถียงๆไปเมื่อกี้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าหนีหน้าที่ไม่ได้นั้น ก็เหมือนเป็นการต่อต้านเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
ผมถอนหายใจอีกครั้ง
“เออๆ เข้าใจล่ะ”
ผมคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง เรียบเรียงวิธีแก้ปัญหาคร่าวๆและสรุปออกไป…
“นี่น้อง”
“…”
“เดี๋ยวพี่จะลองไปคุยกับพีทและก็แก้วดู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก …มากสุดก็คงสามารถระบุได้ว่าสองคนนั้นแอบคบกันรึเปล่าแค่นั้น…”
“แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ! ถ้าพีทยอมพูดกับปากว่าแอบคบกับแก้วล่ะก็ หนูจะจัดการต่อเอง!”
ที่ดั้นด้นมาหาสภาก็เพราะงี้เองสินะ
เนื่องจากตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าแฟนหนุ่มนอกใจหรือไม่ และถามไปก็โดนบ่ายเบี่ยง ในเมื่อยังไม่แน่ใจจึงไม่สามารถจัดการให้เด็ดขาด
สัญชาตญาณของผู้หญิง เหอะ…พูดซะสวยหรูแต่ก็ไม่ได้แน่ใจขนาดนั้นนี่นา?
“แต่พี่ก็ยังคิดว่าพีทไม่ได้คบซ้อนอยู่ดีนั่นแหละ”
“ประธานคะ… ถ้าจะบ่นก็รอให้น้องเขากลับไปก่อนไม่ได้หรือไงคะ?”
“ฉันไม่ชอบพูดลับหลังนี่? ขอให้เข้าใจไว้ด้วยนะน้อง ในสายตาพี่กำกึ่งไปทางว่าพีทไม่ได้นอกใจ”
เด็กสาวเงยหน้าจากอ้อมอกของพลอย
“จะดูถูกสัญชาตญาณของหนูใช่มั้ยคะ?”
“พี่แค่พูดตามที่คิดเฉยๆ”
“งั้นมาเดิมพันกันเลยค่ะ! ถ้าพีทไม่ได้นอกใจล่ะก็ หนูจะมาทำความสะอาดห้องสภาให้หนึ่งสัปดาห์เลยค่ะ!”
เป็นเด็กที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆสินะ…
อย่างตอนนี้ก็ดูทำหน้าสนุกเสียเต็มประดา ผีพนันหรือไงกัน? เธอน่ะ
ผมครุ่นคิดในลำคอ
“แรงงานฟรีแบบไม่ต้องจ่ายค่าจ้างงั้นเหรอ… แล้วถ้าพีทนอกใจล่ะ?”
ในกรณีนั้นคือผมเดิมพันแพ้ จะเดิมพันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม
“พี่ต้องมาช่วยติวหนังสือให้หนูหนึ่งสัปดาห์เท่ากันค่ะ!”
“โลภไปมั้ย? พี่ผลการเรียนอันดับหนึ่งของโรงเรียนเลยนะ? แลกกับทำความสะอาดแค่หนึ่งสัปดาห์จะไปคุ้มได้ไง?”
ถ้าพีทไม่ได้นอกใจซึ่งเท่ากับผมชนะ น้องคนนี้ต้องมาทำความสะอาดสภาหนึ่งสัปดาห์
แต่ถ้าพีทนอกใจซึ่งเท่ากับผมแพ้ ตัวผมต้องติวหนังสือให้หนึ่งสัปดาห์
สำหรับผมที่มีผลการเรียนอันดับหนึ่งของชั้นปีน่ะ ต่อให้จะติวหนังสือให้ควายที่ไหนล่ะก็ ในเวลาหนึ่งอาทิตย์ก็เพียงพอแปรเปลี่ยนให้ควายตัวนั้นกลายเป็นอัจฉริยะได้เลย
เป็นข้อเสนอที่ไม่คุ้มเสี่ยงเท่าไหร่ ค่าตัวผมมันสูงน่ะ
เด็กสาวครางในลำคอ
“รู้ทันด้วยสินะคะ… สมแล้วที่เป็นประธานนักเรียน”
“อืม เอาไง? ถ้าให้ได้แค่นี้พี่ไม่รับเดิมพันหรอกนะ?”
“นะ หนอย…”
“จะหนีก็ได้นะ? แต่ถ้าหนี… พี่จะถือว่าสัญชาตญาณผู้หญิงอะไรนั่นไม่มีจริงก็แล้วกัน”
ผมยั่วยุไปแบบนั้น
และเหยื่อก็กินเบ็ด
“เข้าใจแล้วค่ะ! งั้นถ้าหนูแพ้ หนูจะทำความสะอาดให้หนึ่งสัปดาห์!”
“ก็เท่าเดิมไม่ใช่เรอะ…”
“และหนูจะเป็นแฟนพี่ด้วย!”
เมื่อเจ้าของเคสพูด ก็รู้สึกได้ว่าพลอยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำสีหน้าน่ากลัว
ราวกับกำลังดูว่าผมจะตอบกลับไปยังไง
นั่นสินะ ในฐานะประธานนักเรียนจะมีแฟนก็คงไม่ดี
พลอยก็คงคิดอย่างนั้นถึงได้ตำหนิทางสายตา
ผมส่ายศีรษะ
“ขอปฎิเสธ พี่ไม่ได้อยากได้น้องเป็นแฟน เจาะจงกว่านั้นคือพี่ไม่ได้นึกพิศวาสใดๆกับผีไทยตนไหนเลยทั้งสิ้น”
“โอ้โห…”
“นั่นปากเหรอคะนั่น?”
รู้สึกเหมือนโดนรุมไงชอบกล…
ผมหลับตาพลางพ่นลมหายใจ
“…ขอเป็น ถ้าพี่ชนะแล้วน้องทำความสะอาดห้องสภาหนึ่งเดือนแทนก็แล้วกัน”
ต้องจำนวนเท่านั้นถึงจะเท่าเทียมกับมันสมองของผม …นี่เราหลงตัวเองไปรึเปล่านะ?
“เอางั้นก็ได้ค่ะ!”
ดูเหมือนค่าความฉลาดของผมที่น้องคนนี้เล็งเห็นจะเท่าๆกับที่ผมเห็นสินะ? น่าภูมิใจจัง
เด็กสาวลุกขึ้นพร้อมก้มศีรษะให้ผมกับพลอย
“หนูขอตัวก่อนนะคะพี่พลอย และก็…พี่ประธาน”
“โชคดีค่ะน้อง”
“อ่า”
ดูทรงน่าจะเป็นเคสที่กินเวลาสักวันสองวัน ไม่มีทางจะเสร็จวันนี้อยู่แล้ว แถมนี่ก็ใกล้หมดเวลาชมรมแล้วด้วย เจ้าพีทอะไรนั่นก็คงกลับบ้านไปแล้วอีก
ผมมองส่งเจ้าของเคสด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เธอหันขวับกลับมาพร้อมชี้นิ้ว
“อย่าลืมที่เดิมพันไว้นะคะ! พี่ประธาน!”
และด้วยถ้อยคำท้าทายระดับต่ำที่เธอปล่อยออกมา ก็ทำผมนึกขึ้นได้…
“นี่น้อง!”
ผมรั้งเธอไว้ก่อน
พลอยเอียงคอสงสัย
ส่วนเจ้าของเคสก็มองด้วยความสงสัยไม่แพ้กัน
ผมลุกขึ้นและเดินไปหาเด็กสาวช้าๆ บรรยากาศราวกับมัจจุราช
เธอถอยหลังด้วยความผวาเล็กน้อย
“อะ เอ่อ…มีอะไรหรอคะ…”
“รู้ใช่มั้ยว่าพี่เป็นตัวอะไร?”
“…รู้สึกเพื่อนๆจะพูดกันว่าประธานนักเรียนเป็นลูกของซาตานน่ะค่ะ…”
“ใช่ …แล้วถ้าพูดถึงซาตาน ก็ต้องพันธสัญญาใช่มั้ยล่ะ?”
ผมคลี่ยิ้มจนเผยให้เห็นฟันเขี้ยวแหลมคมอันเป็นเอกลักษณ์
“อะ เอ๊ะ?”
“พี่ไม่ยอมให้แพ้เดิมพันแล้วหนีเด็ดขาด …ขอเสียมารยาทหน่อยนะ”
ว่าแล้วผมก็ยกข้อมือเด็กสาวขึ้น ก่อนขบริมฝีปากประทับเข้าที่บริเวณนั้น
คมเขี้ยวเจาะลงไปใต้ผิวหนังจนรู้สึกได้ถึงของเหลวสีแดง
อีกฝ่ายจะไม่รู้เจ็บปวด ในการทำพันธสัญญาของผมจะมีมนตร์สะกดที่ไม่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น
“อะ อืม~ พี่ประธาน…คะ”
เป็นสถานการณ์ที่ใครต่อใครมองก็คงคิดว่ากำลังทำอะไรไม่ดีกันอยู่ แต่ที่จริงก็แค่เป็นขั้นตอนการทำพันธสัญญาเท่านั้นเอง
ผมถอนเขี้ยวออกพร้อมใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดรอยเลือดที่ข้อมือเด็กสาว
ผมมองไปที่ดวงตาที่กำลังเคลิบเคลิ้มนั้น
“ที่พี่ลงไว้เป็นพันธสัญญาอ่อนๆน่ะ ถ้าน้องแพ้เดิมพันแล้วไม่ยอมมาทำความสะอาดให้พี่ล่ะก็ พันธสัญญาจะส่งผลให้น้องโชคร้ายไปสักพักใหญ่ๆเลยล่ะ”
“อะ ค่า…”
“งั้นก็ โชคดีนะ!!”
ผมโบกมือลาเด็กสาวด้วยท่าทางไม่คิดมาก
จนเมื่อเด็กสาวออกไปจากห้อง…
“เมื่อกี้ประธานทำบ้าอะไรคะ?”
ก็ได้ยินเสียงเย็นชาจนถึงขั้นเยือกเย็นจากด้านหลัง
ทำผมสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ตอบออกไป
“หืม? ก็ต้องมีมาตรการป้องกันไว้หน่อยสิ เกิดน้องเขาแพ้พนันแล้วไม่ยอมทำตามที่ตกลงไว้ ฉันก็ขาดทุนแย่”
มนุษย์ปลิ้นปล้อนได้ตลอดเวลา อย่างน้อยๆก็ขอมีหลักประกันไว้สักอย่างก็ยังดี
พลอยเขม่นใส่
“ที่ฉันเห็นคือลวนลามทางเพศเท่านั้นแหละค่ะ”
ผมส่ายศีรษะ
“ให้ตายสิ…คนไทยนี่น้า มองอะไรก็เป็นเรื่องเพศไปซะหมด พันธสัญญาต่างหากเล่า ไม่มีความใคร่มาเกี่ยวข้องเลยสักนิด”
ในใจผมคิดอย่างนั้นจริงๆ
แต่ดูเหมือนพลอยจะไม่…
“นี่ประธานเห็นแววตาน้องเขารึเปล่าคะ!!?”
“ดะ เดี๋ยว…! นี่ฉันโดนโกรธอยู่เหรอ?”
“ไม่ได้โกรธค่ะ! ก็แค่…”
พลอยค้างคำพูดไว้แค่นั้น
“ช่างเถอะค่ะ! ฉันกลับล่ะ!”
“เฮ้ย!? จะกลับได้ไงเล่า! ยังไม่หมดเวลาชมรมสักหน่อย! เกิดมีคนมาขอให้ช่วย ฉันรับคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ!”
พลอยไม่สนใจและหยิบกระเป๋า
“ก็ใช้พันธสัญญาบ้าอะไรนั่นซะสิ! ประธานโรคจิต!”
“พลอย!!”
ประตูถูกกระแทกเสียงดังพร้อมด้วยร่างของเด็กสาวนางรำที่จากไปอย่างไร้เยื่อใย
เหลืออีกราวสิบห้านาทีกว่าจะหมดเวลาชมรม แถมยังเหลือผมอยู่คนเดียว …อย่างน้อยก็ขออย่าให้มีใครมาอีกก็แล้วกัน
จะบ้าตาย ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ผมทำผิดตรงไหนกันเนี่ย?
“ผีไทยนี่น้า…”
ผมพึมพำคนเดียวในห้องสภาอันเงียบสงัด
เคสที่ 6 (นอกใจ) /มีต่อ