สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 1561 ทางสีเลือด

ตอนที่ 1561 ทางสีเลือด

ตอนที่ 1561 ทางสีเลือด

หลิ่วผิงเกาพยักหน้า “กลับไปอยู่ในขบวนได้”

“ขอรับ”

หลิ่วผิงเกาขี่ม้าขึ้นไปนำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนด้วยความระมัดระวังตลอดเวลา ยอดฝีมือของกองทัพไป๋คุ้มกันรถม้าของไป๋ชิงเหยียนไว้ตรงกลาง กองทัพผิงอันล้อมพวกเขาอีกชั้นหนึ่ง

ความจริงหลิ่วผิงเกาชอบให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งรถม้า แม้จะเดินทางได้ล่าช้ากว่าเดิม ทว่า มันปลอดภัยกว่าการขี่ม้า

แม้ทหารจะไปสำรวจเส้นทางมาแล้วรอบหนึ่ง ทว่า ตอนเดินทางถึงช่องเขาหลิ่วผิงเกาก็ไม่ประมาทอยู่ดี เขาสั่งให้ทุกคนหยุดเคลื่อนไหว จากนั้นส่งคนขึ้นไปสำรวจบนภูเขาอีกครั้ง

หลิ่วผิงเกาขี่ม้าไปยังรถม้าของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเราเดินทางถึงช่องเขาแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเราต้องข้ามเขาลูกนี้ไปพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงหลิ่วผิงเกาจึงหันไปมองไป๋จิ่นจื้อที่กำลังหลับสนิทอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง หญิงสาวขยับผ้าห่มให้น้องสาวเล็กน้อย จากนั้นแหวกม่านรถม้าออกแล้วมองไปทางภูเขา แม้ตรงนี้จะเป็นช่องเขาที่ลาดสูง ทว่า ไม่ชันเท่าใดนัก หากมีคนดักซุ่มโจมตีอยู่บริเวณนี้จริงๆ พวกเขาอาจพอทำอันตรายชาวบ้านธรรมดาได้บ้าง ทว่า หากพวกเขาเผชิญหน้ากับกองทัพไป๋และกองทัพผิงอันที่เคยผ่านสนามรบจริงมาอย่างโชกโชน พวกเขาไม่มีทางเอาชนะได้อย่างแน่นอน

ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนก็ยังระวังตัวอยู่ดี “ให้ทหารสองกองทัพกระจายกันขึ้นไปคุ้มกันกองทัพใหญ่บนยอดเขาสองด้านก่อนเพื่อความไม่ประมาทดีกว่า”

“พ่ะย่ะค่ะ” หลิ่วผิงเการับคำ จากนั้นรีบสั่งให้ทหารกองทัพผิงอันแบ่งกำลังขึ้นไปคุ้มกันกองทัพใหญ่บนภูเขาก่อน

หากมีคนกล้าปีนขึ้นไปดักซุ่มโจมตีพวกเขาท่ามกลางกองหิมะที่หนาวเหน็บจริงๆ พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับทหารกองทัพผิงอันของหลิ่วผิงเกาก่อน หลังจากนั้นกองทัพไป๋จะตามขึ้นไปเสริมทัพ ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นคนที่เก่งกาจเพียงใดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

หลิ่วผิงเกานับถือในการวางแผนของฝ่าบาทของตัวเองมากจริงๆ

กองทัพซีผิงที่ซีผิงอ๋องนำทัพมาด้วยตัวเองซ่อนตัวอยู่ในกองหิมะ หิมะที่ทับอยู่บนตัวของพวกเขาสูงพอๆ กับกองหิมะบริเวณใกล้เคียง ซีผิงอ๋องพาทหารมาดักซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่เกือบครึ่งวันแล้ว

จักรพรรดินีต้าโจวปรากฎตัวเร็วกว่าที่ซีผิงอ๋องคาดการณ์ไว้

เขาคาบขลุ่ยส่งสัญญาณไว้ในปาก คิ้วและหนวดของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ มีเพียงดวงตาคู่นั้นเท่านั้นที่จับจ้องไปทางทหารต้าโจวที่กำลังถือดาบตรงมาทางพวกเขา

ตอนแรกซีผิงอ๋องตกใจมาก เขาคิดว่าพวกเขาถูกจับได้แล้ว เขากัดขลุ่ยในปากแน่นกว่าเดิม เดิมทีเขาคิดว่าจักรพรรดินีต้าโจวส่งคนขึ้นมาสำรวจรอบหนึ่งแล้ว นางไม่มีทางส่งคนขึ้นมาอีก เขาเกือบจะเป่าขลุ่ยส่งสัญญาณให้ทหารทุกคนออกไปจากกองหิมะอยู่แล้ว ทว่า กองทัพใหญ่กลับกรูกันขึ้นมาอีก

ตอนนี้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว แสงสีทองของดวงอาทิตย์สาดส่องลงบนต้นไม้สูงใหญ่บนภูเขาทึ่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว เป็นภาพที่งดงามราวกับอยู่ในดินแดนสวรรค์

ซีผิงอ๋องสั่งให้ทหารทุกคนสวมเสื้อผ้าตัวหนา ทว่า ห้ามสวมชุดเกราะเพื่อรับมือกับจักรพรรดินีที่เจ้าเล่ห์ของต้าโจว เขาพร้อมสู้ตายในครั้งนี้ดังนั้นเขาจึงให้ทหารแสร้งทำรอยเท้าปลอมจนต้าโจวคิดว่ารอยเท้าเหล่านั้นเป็นเพียงรอยเท้าของโจรป่า

เหล่าทหารกัดฟันทนหนาวมาเกือบทั้งคืน ตอนที่หิมะตกหนักซีผิงอ๋องรู้สึกดีมาก หิมะสามารถช่วยอำพรางตัวพวกเขาจากสายตาของทหารต้าโจวได้ ตอนนี้ทหารของเขาคงเกือบแข็งไปทั้งร่างแล้ว ทว่า เขาไม่นึกเลยว่าจะถูกต้าโจวจับได้เช่นนี้!

ซีผิงอ๋องรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ต่อให้สุดท้ายต้องเผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้า กองทัพซีผิงห้าหมื่นนายของเขาจะสู้กองทัพของต้าโจวไม่ได้อย่างนั้นหรือ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ซีผิงอ๋องก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาหลับตาฟังเสียงความเคลื่อนไหวของทหารต้าโจว เมื่อเขาคำนวณดูแล้วว่ากองทัพของไป๋ชิงเหยียนเดินทางถึงช่องเขาเกือบทั้งหมดเขาจึงเป่าขลุยในปากทันที

เสียงแหลมของขลุ่ยดังขึ้นท่ามกลางภูเขาที่เงียบสงบจนเหล่านกที่เกาะอยู่ตามต้นไม้บนภูเขาบินหนีด้วยความแตกตื่น

ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอ่านตำราอยู่ในรถม้าเงยหน้าขึ้นพลางวางตำราลงบนโต๊ะอย่างแรง นางแหวกม่านรถม้าออกก็ได้ยินเสียงต่อสู้กันดังสนั่นขึ้นทั่วบริเวณ

หลู่หยวนเผิงได้สติเร็วมาก เขารีบชักดาบออกมาคุ้มกันรถม้าของไป๋ชิงเหยียน

ตอนนี้พวกนางเดินทางเข้าไปกลางช่องเขาแล้ว พวกนางมีสองทางเลือกคือบุกเข้าไปและถอยออกมา…

“ฝ่าบาท ทรงประทับให้มั่นนะพ่ะย่ะค่ะ” หลู่หยวนเผิงคิดว่าบุกเข้าไปมีโอกาสมากกว่า เขาตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “กองทัพไป๋จงฟังคำสั่ง คุ้มกันฝ่าบาทบุกเข้าไป!”

สิ้นเสียงของหลู่หยวนเผิง ธนูไฟมากมายพุ่งตรงไปยังรถม้าของไป๋ชิงเหยียน

ต่อให้ไป๋จิ่นจื้อจะหลับสนิทเพียงใดตอนนี้ก็ต้องสะดุ้งตื่นอยู่ดี

ไป๋จิ่นจื้อคือทหารดังนั้นนางจึงได้สติอย่างรวดเร็ว นางแหวกม่านรถม้าออกทันที ทว่า ยังไม่ทันมองสำรวจเหตุการณ์ด้านนอกก็ถูกพี่หญิงใหญ่กดศีรษะลงจนศีรษะของนางกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นจึงเห็นธนูไฟดอกหนึ่งเสียบอยู่ที่ผนังไม้ของรถม้า

เปลวไฟบนดอกธนูหยดลงบนตัวรถม้า ไป๋จิ่นจื้อเห็นเปลวไฟค่อยๆ คืบคลานไปยังโต๊ะไม้จึงรีบคว้าน้ำชาของไป๋ชิงเหยียนเตรียมราดไปที่เปลวไฟ ทว่า ถูกไป๋ชิงเหยียนห้ามไว้ก่อน ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าดับไฟที่กำลังลุกจนมอดดับ จากนั้นโยนผ้าออกไปนอกหน้าต่าง

กองทัพไป๋คุ้มกันอยู่ข้างรถม้า พวกเขาใช้ดาบฟันธนูที่พุ่งตรงมาทางรถม้าของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ลูกธนูไฟมีมากราวกับสายฝน พวกเขาไม่สามารถต้านทานไหว ใบหูของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเหล่าทหาร

“พี่หญิงใหญ่ ข้าจะออกไปดูเองเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนกระชากร่างของน้องสาวไว้ด้วยแววตาเยือกเย็น “ลูกธนูถูกยิงมาจากที่สูง เจ้าไม่ได้สวมเกราะด้วยซ้ำ ออกไปก็เท่ากับออกไปตาย! อยู่ในนี้แหล่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนที่กลัวตาย ทว่า ตอนนี้ทหารกองทัพไป๋และกองทัพผิงอันกำลังพยายามปกป้องจักรพรรดินีอย่างนางอย่างสุดชีวิต การที่นางออกไปตอนนี้เท่ากับเพิ่มภาระให้พวกเขา!

เมื่อเห็นธนูยังลอยไม่มาหยุดหย่อน เมื่อได้ยินเสียงร้องของเหล่าทหารไป๋ชิงเหยียนจึงรู้ทันทีว่าฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมากกว่ากองทัพของนางถึงสองสามเท่า!

ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังประมวลผลอยู่ในใจนางก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้นจากทางด้านหลังรถม้า

“ด้านหลังมีศัตรู! ระวัง!” ทหารกองทัพผิงอันอยู่บนที่สูงจึงมองเห็นเป็นวงกว้าง เขามองเห็นศัตรูซึ่งบุกไปทางด้านหลังกองทัพใหญ่อย่างชัดเจน

หลิ่วผิงเกาเคยเผชิญกับสถานการณ์ทุกรูปแบบมาแล้ว เขาตะโกนขึ้นอย่างไร้ความกลัว “กองทัพผิงอันจงฟังคำสั่ง คุ้มกันฝ่าบาทด้วยชีวิต!”

“พี่หญิงใหญ่!” เมื่อไป๋จิ่นจื้อได้ยินว่ามีศัตรูบุกมาจากทางด้านหลังจึงเดาได้ทันทีว่าด้านหน้าก็อาจมีศัตรูดักอยู่เช่นกัน “พวกมันคงอยากล้อมพวกเราไว้ที่นี่แน่เจ้าค่ะ”

ศัตรูล้อมไว้ทั้งสี่ทิศ ทว่า ศัตรูจากด้านข้างกลับปรากฏตัวก่อนผู้อื่น ตอนนี้พวกนางอยู่ตรงกลางแล้ว ทว่า ศัตรูจากทางด้านหลังซึ่งเป็นทางหนีของพวกนางกลับปรากฏตัวออกมาก่อน เช่นนี้แสดงว่ากองทัพใหญ่กำลังรอพวกนางอยู่ที่ด้านหน้า

“คุ้มกันฝ่าบาทบุกออกไปให้ได้!” หลู่หยวนเผิงตะโกนลั่น

“หลู่หยวนเผิงจงฟังคำสั่ง!” ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้าออกโดยไม่สนธนูไฟที่ลอยตรงมาไม่หยุดหย่อน นางมองไปทางเนินเขาสูงนิ่ง “เจ้าจงนำทหารกองทัพไป๋ครึ่งหนึ่งบุกขึ้นไปบนเนินเขาทางฝั่งขวา สับเปลี่ยนกับกองทัพผิงอัน!”

“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่หยวนเผิงรับคำแล้วขี่ม้าตรงขึ้นไปบนเนินเขาฝั่งขวาทันที

“หลิ่วผิงเกา…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียก

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าขอสั่งให้เจ้าพาทหารบุกไปสังหารศัตรูที่ทางออก จงสังหารพวกเขาและเปิดทางให้ได้!”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สตรีแกร่งตระกูลไป ผู้เขียน : เขียนฮว่าจิ้นลั่ว(干件尽落) แม้ไร้ที่พึ่งพิงแต่สตรีตระกูลไปหาใช่คนที่จะมารังแกกันได้ง่ายๆ! รายละเอียด นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ! เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรม ชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุด สตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้! และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ 'เขา' ไวกว่าชาติก่อน เขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหน ชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน "แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?" "คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ" "ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?" “…”

Options

not work with dark mode
Reset