สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 1460 ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่

ตอนที่ 1460 ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่

ตอนที่ 1459 องค์ชายเจ็ด

“เจ้ารีบเข้าไปเถิด พี่สาวไป๋รอเจ้าอยู่ด้านใน” หลู่หยวนเผิงกล่าวกับฟ่านอวี้กาน “พวกข้ามีธุระต้องทำต่อ ขอตัวก่อน”

ฟ่านอวี้กานพยักหน้า เดิมทีเขาอยากขอโทษหลู่หยวนเผิงอีกครั้งที่ไม่สามารถปกป้องหลู่เฟิ่งหลางไว้ได้ตามสัญญาที่รับปากไว้ ทว่า หลู่หยวนเผิงวิ่งตามเกาอี้อ๋องไปไกลแล้ว เขาจึงหันไปกล่าวกับซือหม่าผิง “ไว้ค่อยสนทนากัน”

ซือหม่าผิงเอื้อมมือตบบ่าของฟ่านอวี้กานเบาๆ “ไปก่อนนะ…”

ฟ่านอวี้กานเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำพลางบอกว่าตัวเองทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง “ตอนนี้ใต้เท้าหลิ่วอยู่ที่แคว้นตงอี๋ หลู่เฟิ่งหลางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงกระหม่อมเท่านั้นที่รอดกลับมาได้อย่างหน้าไม่อาย เดิมทีกระหม่อมไม่มีหน้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทอีก ทว่า กระหม่อมยังไม่ได้มารับผิดกับฝ่าบาท กระหม่อมจึงยังไม่กล้าตายพ่ะย่ะค่ะ”

“ลุกขึ้นเถิด” ไป๋ชิงเหยียนหันไปพยักหน้าให้เว่ยจงประคองร่างของฟ่านอวี้กานที่ยังไม่หายดีขึ้นจากพื้น “แม้พวกเจ้าจะรายงานสถานการณ์ของตงอี๋ให้เรารับรู้ในฎีกาแล้ว ทว่า พวกเจ้าต้องเขียนอย่างสรุป ตอนนี้เจ้าจงนั่งลงเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังที”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ฟ่านอวี้กานเล่ารายละเอียดตั้งแต่ตอนที่หลู่เฟิ่งหลางนำของล้ำค่าไปมอบให้ฮองเฮาของตงอี๋ในวังหลวง เสนอแผนการให้ฮองเฮาปลอมแปลงราชโองการของจักรพรรดิและซ่อนไว้ใต้หมอนของจักรพรรดิตงอี๋เพื่อความสมจริง รวมถึงเรื่องที่หลู่เฟิ่งหลางแนะนำให้ฮองเฮาระบุในราชโองการว่าหากจักรพรรดิองค์น้อยกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวให้ฮองเฮาปลิดชีพตามจักรพรรดิองค์ก่อนของตงอี๋ไปทันที

พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนเกิดเหตุการณ์กบฏในวังหลวงขึ้นฮองเฮาส่งคนไปสังหารสายลับของต้าโจวที่อยู่ในตงอี๋หรือสายลับของต้าโจวทรยศตงอี๋กันแน่จึงได้ส่งคนมาแจ้งหลิ่วหรูซื่อว่าวังหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลง ให้พวกเขาหนีไปโดยเร็วที่สุดเช่นนี้

ต่อมาพวกเขาหนีออกจากตงอี๋ ทหารเรือของตงอี๋ไล่ตามพวกเขาทันในวันที่สี่ หลู่เฟิ่งหลางจึงได้สติว่าพวกเขาติดกับของฮองเฮาของตงอี๋แล้ว ฮองเฮาเตรียมทางรอดให้องค์ชายน้อยไว้นานแล้ว หากองค์ชายสองก่อกบฏและพบว่าทูตของต้าโจวหนีไปจากตงอี๋เขาต้องคิดว่าต้าโจวพาองค์ชายน้อยหนีไปด้วยเพื่อยกทัพกลับมาแย่งชิงบัลลังก์ไปจากเขาโดยชอบธรรมแน่นอน

ทว่า องค์ชายน้อยน่าจะถูกพาหนีไปนานแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนฟังเรื่องราวทั้งหมดจบก็นิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวขึ้น “เจ้าได้รับบาดเจ็บเพราะย้อนกลับไปช่วยหลู่เฟิ่งหลางอย่างนั้นหรือ”

ฟ่านอวี้กานเม้มปากแน่น แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “กระหม่อมทำชาวประมงต้องเสียชีวิตไปอีกสี่ห้าคน ต่อมากระหม่อมได้รับบาดเจ็บจนสลบไป กระหม่อมไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ต่อมาศพของหานเฉิงอ๋องถูกนำกลับไปยังแคว้นตงอี๋ แม่ทัพเรือคนใหม่ยังประกาศกร้าวว่าหากจักรพรรดินีต้าโจวไม่มารับศพของหานเฉิงอ๋องกลับไปด้วยตัวเองพวกเขาจะชำแหละร่างของหานเฉิงอ๋องออกเป็นชิ้นๆ และโยนให้สุนัขกิน!

อย่างน้อยหลู่เฟิ่งหลางก็เป็นหลานสาวของไท่เว่ยของแคว้นต้าโจว หากตงอี๋พาตัวนางกลับไปจริงคงต้องส่งข่าวใดกลับมาบ้าง ทว่า พวกเขาไม่ได้รับข่าวของหลู่เฟิ่งหลางจากตงอี๋เลย ฟ่านอวี้กานคิดว่าหลู่เฟิ่งหลางอาจเสียชีวิตอยู่กลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้นแล้วจึงยิ่งรู้สึกผิด เขาไม่มีหน้าไปพบสหายหลู่หยวนเผิงแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนนั่งถือถ้วยน้ำชาอยู่บนเก้าอี้ในโถงรับรองท่ามกลางแสงไฟ

แสงไฟส่องกระทบใบหน้างดงามที่เรียบเฉยจนคนคาดเดาความรู้สึกไม่ออกของหญิงสาว

“พี่หญิงใหญ่ ฮองเฮาของตงอี๋ต้องส่งองค์ชายน้อยมายังแคว้นต้าโจวแน่นอนขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวเสียงเบา “ฮองเฮาของตงอี๋วางแผนได้ดีมาก หากต้าโจวเปิดศึกกับตงอี๋คงมีคนพาตัวองค์ชายน้อยของตงอี๋มาพบพวกเราเพื่อหวังให้เขากลายเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดของต้าโจวแน่ขอรับ”

แววตาของไป๋ชิงเหยียนยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม “เขาคงอยากยืมกำลังของต้าโจวขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิของตงอี๋มากกว่า”

ไป๋ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นหญิงสาวหันไปมองคำสารภาพของสายลับที่วางอยู่ด้านข้างไป๋ชิงเจวี๋ย ไม่รู้นางคิดสิ่งใดอยู่จึงหยิบคำสารภาพของสายลับคนหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง

ไป๋ชิงเหยียนบอกให้พวกเขาเขียนพฤติกรรมน่าสงสัยของเถ้าแก่โรงสุราและสิ่งที่เขาทำก่อนและหลังเกิดสงครามประมาณหนึ่งเดือนลงไปในคำสารภาพอย่างละเอียด ดังนั้นคำสารภาพจึงค่อนข้างหนา ไป๋ชิงเจวี๋ยพยายามคัดเลือกคำสารภาพที่ไม่ซ้ำกันมาให้พี่หญิงใหญ่อ่านแล้ว

คำสารภาพที่ไป๋ชิงเหยียนถืออยู่ในมือคือคำสารภาพของเด็กรับใช้คนหนึ่งในโรงสุรา เด็กรับใช้คนนี้ไม่ใช่สายลับ ทว่า ไม่รู้ว่าเขาหวาดกลัวหรือต้องการโยนความผิดทั้งหมดให้เถ้าแก้โรงสุรารับไว้ฝ่ายเดียวกันแน่ เขาจึงกล่าวว่าเถ้าแก่จะทำขนมท้องถิ่นไว้มากมายล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนก่อนถึงวันสิ้นปี จากนั้นพาคนสนิทของตัวเองออกทะเลไปพร้อมกับเสบียงอาหารแห้งมากมาย ประมาณแปดวันถึงจะกลับเข้าฝั่ง พวกเขาได้ชิมขนมท้องถิ่นที่เถ้าแก่ทำไว้ให้เช่นเดียวกัน ทว่า เมื่อกลับมาเขากลับพบว่าขนมที่เหลือและกล่องที่ใส่ขนมเหล่านั้นหายไปจนหมด หากคนอื่นๆ เป็นคนทานขนมหมดก็น่าจะเหลือกล่องไว้ แต่นี่หายไปทั้งขนมทั้งกล่องเขาจึงรู้สึกแปลกใจมาก

ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง ไม่รู้ว่าเถ้าแก่โรงสุราหายไปที่ใดนานถึงแปดวัน

ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด เขาน่าจะนำอาหารไปส่งให้ผู้ใดสักคน

ผู้ใดทำให้เถ้าแก่ต้องแอบไปส่งอาหารให้อย่างลับๆ เช่นนี้ด้วย ต้องเป็นคนที่เถ้าแก่สนิทสนมและเป็นห่วงมาก

ไป๋ชิงเหยียนพลิกอ่านคำสารภาพหน้าถัดไป ก่อนหานเฉิงอ๋องจะออกทะเลหนึ่งวันมีคนไปพบเถ้าแก่โรงสุรา หลังจากนนั้นเถ้าแก่จึงส่งคนไปทำความสะอาดจวนทางตะวันออกของเมืองที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นานจนสะอาดใหม่เอี่ยม

เมื่อปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันเรื่องทุกอย่างจึงเริ่มชัดเจนขึ้นในสมองของไป๋ชิงเหยียนทันที

“เซี่ยอวี่จั่ง จงรีบพาคนไปเชิญองค์ชายเจ็ดของตงอี๋ที่จวนฝั่งตะวันออกของเมืองมาพบข้าเดี๋ยวนี้” ไป๋ชิงเหยียนวางคำสารภาพลงบนโต๊ะ จากนั้นเงยหน้ามองเซี่ยอวี่จั่งด้วยแววตานิ่งขรึม “จงเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ ข้างกายขององค์ชายเจ็ดต้องมีองครักษ์ลับอยู่ด้วยแน่นอน ต้องจับพวกเขาให้ได้ทั้งหมด ห้ามปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” แม้เซี่ยอวี่จั่งจะไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนรู้ได้อย่างไรว่าองค์ชายเจ็ดของตงอี๋อยู่ที่จวนทางตะวันออกของเมือง ทว่า เขายังคงรับคำด้วยความหนักแน่นเช่นเคย จากนั้นรีบพาคนตรงไปยังจวนทางฝั่งตะวันออกของเมืองทันที ฝ่าบาทของเขาไม่เคยคาดการณ์ผิดพลาดมาก่อน

ฟ่านอวี้กานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อทันที “ฝ่าบาท นี่มัน…”

“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง ใต้เท้าคนใดเป็นคนส่งคนไปบอกหลิ่วหรูซื่อว่าองค์ชายสองบุกวังหลวงและคิดสังหารขุนนางต้าโจว…”

ฟ่านอวี้กานจ้องไปที่ดวงตานิ่งขรึมราบเรียบของไป๋ชิงเหยียนแล้วกล่าวออกมาเสียงเบาราวกับแววตาของหญิงสาวมีมนต์สะกดให้คนเชื่อใจ “ซื่อหลางของกรมการคลังพ่ะย่ะค่ะ…”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า บอกให้ฟ่านอวี้กานนั่งลง จากนั้นบอกเรื่องหลู่เฟิ่งหลางกับเขา “หลู่เฟิ่งหลางได้รับการช่วยชีวิตกลับมาแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

“นาง…นางอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” ฟ่านอวี้กานมีสีหน้าไม่อยากเชื่อระคนยินดี เมื่อนึกถึงหลู่หยวนเผิงที่รีบร้อนจากไปเมื่อครู่จึงรีบเอ่ยถามขึ้น “หลู่หยวนเผิงกับซือหม่าผิงตามเกาอี้อ๋องไปพบหลู่เฟิ่งหลางใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “หากเจ้าไม่วางใจ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเยี่ยมนาง”

ฟ่านอวี้กานได้ยินเช่นนี้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ได้แต่ก่นด่าหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงอยู่ในใจ เจ้าสองคนนั่นไม่บอกให้เขารู้สักคำ ปล่อยให้เขารู้สึกผิดอยู่ได้

ตอนที่ 1460 ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่

“บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี กลับไปพักผ่อนต่อเถิด กลับไปรักษาตัวให้หายดี แคว้นยังรอเจ้าช่วยทำประโยชน์อยู่!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับฟ่านอวี้กานจบจึงหันไปทางไป๋ชิงเจวี๋ย

“อาเจวี๋ย เจ้าให้คนไปพาตัวเถ้าแก่ผู้นั้นมาที พี่มีเรื่องอยากถามเขา”

ฟ่านอวี้กานได้ยินจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ

ไป๋ชิงเจวี๋ยสั่งให้คนไปพาตัวเถ้าแก่โรงสุรามาพบไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหันไปถามพี่สาวต่อ

“พี่หญิงใหญ่อยากพบบัณฑิตสี่คนนั้นหรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นดื่มพลางมองไปทางน้องชายแวบหนึ่ง

“พี่จำเป็นต้องพบพวกเขาหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนเห็นน้องชายยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ต้องให้พวกเขาได้เห็นว่าจักรพรรดินีของต้าโจวเสด็จมายังที่นี่จริงๆ ขอรับ เมื่อพวกเขาพบพี่หญิงใหญ่ข้าจะได้ชนะการเดิมพันครั้งนี้ พวกเขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้และติดตามข้ากลับไปเมืองหลวงขอรับ”

“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเรียกมาเข้าเฝ้า…”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

“ให้พวกเขามารออยู่ด้านนอก เมื่อพี่คุยกับเถ้าแก่เสร็จแล้ว ค่อยออกไปให้พวกเขาเห็นหน้าสักนิด”

ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกเสียดายที่ผู้ที่เขียนคำร้องทุกข์ออกมาได้อย่างเลือดร้อน และมีลายมือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นและเด็ดเดี่ยวไม่ยอมสอบเข้ารับราชการ พวกเขาน่าจะเป็นบัณฑิตที่ใช้งานได้วันข้างหน้า

ไป๋ชิงเจวี๋ยคิดเช่นนี้เหมือนกัน แค่ให้พวกนั้นได้เห็นพี่หญิงใหญ่จากที่ไกลๆ ให้รู้ผลแพ้ชนะก็พอ

ไม่นานชายชราคนหนึ่งที่ถูกทรมานจนร่างโชกไปด้วยเลือดก็ถูกทหารรักษาพระองค์สองคนลากตัวเข้ามาด้านใน เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างแทบทรงตัวไม่อยู่ ได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย

สายลับของแคว้นตงอี๋ถูกจักรพรรดินีแห่งต้าโจวเรียกพบถือว่าให้ความสำคัญกับเขามากแล้ว

เก้าแก่โรงสุราที่ร่างเต็มไปด้วยเลือดคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางเอาแต่ร้องให้บอกว่าตัวเองถูกปรักปรำ ร่างของเขาสั่นเทาไปทั้งร่าง เขาเพิ่งเคยพบจักรพรรดิของแคว้นเป็นครั้งแรกจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไรกัน

“ข้าน้อย…กระหม่อม…กระหม่อมเป็นเพียงเถ้าแก่ของโรงสุรา ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอาศัยอยู่ที่เมืองจินกว่านมาตั้งแต่เล็ก กระหม่อมเป็นคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระหม่อมจะกล้าเป็นสายลับของตงอี๋ได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นสิ เจ้ากลายเป็นสายลับไปได้อย่างไรกัน”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

“เจ้าคือคนของต้าโจวแท้ๆ เหตุใดต้องทำงานให้ตงอี๋ด้วย ต่อให้เจ้าจะไม่พอใจต้าโจว ทว่า ตอนที่ต้าเหลียงยังอยู่ล่ะ เจ้าไม่พอใจต้าเหลียงเหมือนกันอย่างนั้นหรือ! เหตุใดเจ้าจึงเลือกเป็นสายลับให้ตงอี๋ ทรยศคนของแคว้นตัวเองเช่นนี้ เจ้าเห็นหานเฉิงอ๋องและทหารเรือสละชีพปกป้องชาวบ้านที่ใช้ชีวิตร่วมกับเจ้ามาหลายสิบปี ทว่า เจ้ายังคงรับใช้ตงอี๋ต่ออย่างนั้นหรือ เราคิดว่าเรื่องทุกอย่างต้องมีเหตุผล เพื่อเงินอย่างนั้นหรือ! หรือเพราะสาวงาม…หรือเจ้ามีจุดอ่อนอยู่ในมือของพวกนั้น หรือ…ครอบครัวของเจ้าทำงานให้กับคนตงอี๋กันแน่!”

น้ำเสียงของสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่ดังมากนัก หญิงสาวใช้ฝาถ้วยกดใบชาให้จมลงไปในถ้วยชา นางกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ทว่า สร้างความกดดันให้เถ้าแก่โรงสุราได้มาก เขารู้สึกกดดันยิ่งกว่าโดนสอบสวนในคุกเสียอีก ไม่รู้เป็นเพราะสตรีตรงหน้าคือจักรพรรดินีผู้สูงส่งของต้าโจวหรือไม่

เถ้าแก่ห่อตัวลงยิ่งกว่าเดิม ดวงตาทั้งสองข้างของเขาสั่นระริก เขาก้มศีรษะคำนับแนบพื้นเพื่อซ่อนดวงตาที่หวาดหวั่นของตัวเองเอาไว้

“ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมจะทรยศต้าโจวได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

“ช่วงใกล้ปีใหม่ของทุกปีเจ้าจะเตรียมอาหารท้องถิ่นส่งไปยังตงอี๋ด้วยตัวเอง จวนทางฝั่งตะวันออกของเจ้าในตอนนี้มีองค์ชายเจ็ดของแคว้นตงอี๋ซ่อนตัวอยู่…”

ขณะไป๋ชิงเหยียนกล่าวฝาถ้วยชากระทบลงบนถ้วยชาจนเกิดเสียง เสียงกระเบื้องกระทบกันราวกับกระแทกลงที่กลางหลังของเถ้าแก่จนเถ้าแก่ไม่กล้าหยัดกายขึ้นยิ่งกว่าเดิม ร่างทั้งร่างสั่นราวลูกนก เหงื่อไหลท่วมกายราวกับน้ำ

“หานเฉิงอ๋องเคยมอบรายชื่อสายลับของต้าโจวที่แฝงตัวอยู่ในที่ต่างๆ ของตงอี๋ให้ข้าหนึ่งชุด หนึ่งในนั้น…บิดาของเขาเปิดโรงสุราอยู่ในเมืองจินกว่าน”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองเถ้าแก่ที่ตัวสั่นเทายิ่งกว่าเดิม

“เหมือนเขาจะทำงานในกรมการคลังของตงอี๋ ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่มีบุตร บางทีเจ้าอาจคือบิดาของสายลับผู้นี้”

“ฝ่า…ฝ่าบาท…ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่กระหม่อมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเพียงเถ้าแก่โรงสุราเท่านั้น กระหม่อม…”

น้ำเสียงของเถ้าแก่สั่นเทาจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง สมองของเขาว้าวุ่นมาก ริมฝีปากของเขาสั่นระริก สมองของเขาไม่ได้ชัดแจ้งเหมือนตอนที่ถูกสอบสวนในคุกอีกแล้ว ทว่า เมื่อนึกถึงบุตรชายของตัวเองเถ้าแก่จึงยังปากแข็งเหมือนเดิม

“กระหม่อมเป็นเพียงชาวบ้านต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น กระหม่อมจะไปเกี่ยวข้องกับคนของทางการของตงอี๋ได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมออกเรือไปช่วงก่อนปีใหม่ของทุกปีเพื่อไปเคารพศพของภรรยาที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่ได้ไปแคว้นตงอี๋พ่ะย่ะค่ะ! หากไปแคว้นตงอี๋จริง กระหม่อมไม่มีทางใช้เวลาเพียงแปดวันแน่พ่ะย่ะค่ะ แค่เดินทางไปอย่างเดียวก็แปดวันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ดังนั้นแสดงว่ามีคนกลางคอยร่วมมือกับเจ้า…”

ไป๋ชิงเจวี๋ยยกชาขึ้นดื่มพลางกล่าวเสียงเรียบ

เถ้าแก่โรงสุราได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเจวี๋ยจึงกระวนกระวายขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เขาทำได้เพียงตะโกนออกมาเสียงดังเท่านั้น

“กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

“คนสนิทสองคนที่ออกทะเลไปกับเจ้ายอมรับสารภาพหมดแล้ว…”

ไป๋ชิงเจวี๋ยมองเถ้าแก่โรงสุราพลางกล่าวเสริมออกมา

“ไม่มีทาง!”

เถ้าแก่โรงสุราเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างมั่นใจ เมื่อได้สติจึงรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง

“กระหม่อมไม่ได้ทำ คนของกระหม่อมจะสารภาพสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”

“เหตุใดเถ้าแก่จึงกล่าวอย่างมั่นใจว่าพวกเขาไม่มีทางสารภาพล่ะ เจ้าไม่คิดว่าพวกเขาจะถูกทรมานจนแต่งเรื่องโกหกขึ้นบ้างหรือ! นั่นน่าจะเป็นเพราะเมื่อเถ้าแก่ไปถึงจุดนัดพบ เถ้าแก่นั่งเรือเล็กจากไปต่อคนเดียว เมื่อมอบของให้คนผู้นั้นแล้วเถ้าแก่จึงกลับมา คนสนิทของเถ้าแก่ไม่เคยเห็นคนที่เถ้าแก่นัดพบมาก่อนใช่หรือไม่”

ไป๋ชิงเจวี๋ยเป่าไอร้อนในถ้วยชาเบาๆ เขาเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นหันไปทางไป๋ชิงเหยียน

“พี่หญิงใหญ่ เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วขอรับ ครั้งนี้พวกเราจับหนอนบ่อนไส้ของต้าโจวได้ตัวหนึ่งแล้วขอรับ”

“เป็นหนอนบ่อนไส้หรือไม่สำคัญแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็จะทำลายล้างตงอี๋แล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนโบกมือให้ทหารรักษาพระองค์ลากตัวเถ้าแก่จากไป

“เมื่อทำลายล้างตงอี๋สำเร็จแล้ว ผู้ใดทรยศแคว้นก็ต้องรับโทษที่ตัวเองก่อ”

แม้ไป๋ชิงเหยียนจะกล่าวออกมาเช่นนี้ ทว่า นางมีแผนการอื่นในใจแล้ว

เถ้าแก่โรงสุราได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ร่างของเขาก็ยิ่งสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเขาอยากกล่าวสิ่งใดออกมาก็ยิ่งกล่าวไม่ออก เขาไม่อยากถูกลากออกไปทั้งอย่างนี้จึงได้แต่ตะโกนเสียงดังลั่น

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ใช่สายลับจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเห็นท่าทีของเถ้าแก่ไป๋ชิงเหยียนจึงมั่นใจว่านางคาดเดาถูกแล้ว ซื่อหลางกรมการคลังของตงอี๋คือบุตรชายของเถ้าแก่โรงสุราผู้นี้ ในเมื่อนางมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อต้าโจวถึงเพียงนี้เหตุใดนางจะไม่ใช้ประโยชน์จากมันล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้องค์ชายเจ็ดของตงอี๋อยู่ในกำมือของต้าโจวแล้ว

“พี่หญิงใหญ่ ในเมื่อซื่อหลางกรมการคลังของตงอี๋แปรพรรคไปอยู่ฝ่ายฮองเฮาของตงอี๋แล้ว อีกทั้งยังยังส่งจุดอ่อนอย่างองค์ชายเจ็ดมาถึงมือพวกเราเช่นนี้ พวกเราก็ควรใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้เต็มที่ สร้างโอกาสให้ต้าโจวทำลายล้างตงอี๋ได้อย่างง่ายดายมากขึ้นขอรับ”

ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : สตรีแกร่งตระกูลไป ผู้เขียน : เขียนฮว่าจิ้นลั่ว(干件尽落) แม้ไร้ที่พึ่งพิงแต่สตรีตระกูลไปหาใช่คนที่จะมารังแกกันได้ง่ายๆ! รายละเอียด นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ! เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรม ชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุด สตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้! และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ 'เขา' ไวกว่าชาติก่อน เขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหน ชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน "แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?" "คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ" "ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?" “…”

Options

not work with dark mode
Reset