ตอนที่ 1182 เป้าสายตา
ไม่นานบัวลอยถูกยกขึ้นมา…
ไป๋ชิงเหยียนมองดูบัวลอยสีขาวลูกใหญ่ในชามแวบหนึ่ง หญิงสาวจับมือเสิ่นชิงจู๋ลุกขึ้นยืน จากนั้นกล่าวกับทหารทุกคนยิ้มๆ
“วันนี้คือเทศกาลโคมไฟ พวกเราฉลองเทศกาลอยู่ต่างแดน ทุกคนในกองทัพทานบัวลอยด้วยกัน เมื่อทานเสร็จพวกเราจะออกไปชมโคมไฟดอกไม้ที่พวกเราเพิ่งทำขึ้นชั่วคราวในด่านเย่เฉิง แน่นอนว่าคงสวยสู้โคมไฟดอกไม้ในเมืองหลวงที่ใช้เวลาเตรียมนานนับเดือนไม่ได้ ทว่า เมื่อพวกเราสร้างสันติสุขให้ใต้หล้าได้แล้ว พวกเราจะได้เห็นโคมไฟที่สวยที่สุดในทุกวันที่สิบหน้า เดือนหนึ่งของทุกปี ข้าเชื่อมั่นว่าทหารต้าโจวทุกคนพร้อมสละชีพสร้างใต้หล้าที่สงบสุขให้ชาวบ้าน วันนั้นอยู่อีกไม่ไกลแล้ว! ไป๋ชิงเหยียนขอขอบคุณทุกท่านแทนชาวบ้านทุกคนด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงโค้งกายคำนับทหารต้าโจวทุกคน
เหล่าทหารรีบโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน
เซียวหรงเหยี่ยนมองดูทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาแดงก่ำทุกคนแล้วอดทึ่งในคารมการกล่าวปลุกใจของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้
เมื่อไป๋ชิงเหยียนนั่งลงตามเดิม ทหารทุกคนจึงเริ่มทานบัวลอยในชามของตัวเอง
บรรยากาศภายในกระโจมครึกครื้นมาก เดิมทีบัวลอยที่สามารถกินได้ทั้งคำกลับถูกทหารค่อยๆ กัดทีละนิด ทุกคนต่างหวังจะได้ทานบัวลอยที่มีเงินสอดเพียงลูกเดียวในวันนี้
เซียวหรงเหยี่ยนได้รับบัวลอยชามหนึ่งเช่นเดียวกัน ทว่า ชายหนุ่มไม่ลงมือทานเสียที
ไป๋จิ่นเจาจ้องเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง สาวน้อยอยากรู้มากว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากของอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจะเป็นเช่นไร
ทว่า เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนสัมผัสได้ว่าไป๋จิ่นเจากำลังจ้องมาทางตนเขาจึงมองกลับไปทางสาวน้อย เมื่อเห็นสาวน้อยมองมาที่ชามบัวลอยของเขาตาเป็นประกายชายหนุ่มจึงนึกถึงไป๋จิ่นจื้อขึ้นมาทันที ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ พลางสั่งให้คนนำบัวลอยของตนไปให้ไป๋จิ่นเจาโดยอ้างว่าเขาไม่ชอบทานของหวาน
ไป๋จิ่นเจารู้ว่าการที่นางเอาแต่จ้องไปที่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนทำให้ชายหนุ่มเข้าใจผิดคิดว่านางอยากทานบัวลอยในชามของเขา บัดนี้เขาให้คนยกชามบัวลอยมาให้นางนางจึงจำต้องใช้ช้อนตักทานอย่างไม่ให้เสียมารยาท
“เอ๊ะ!” ไป๋จิ่นเจาคายเหรียญที่สอดอยู่ในบัวลอยออกมาพลางเบิกตาโพลง สาวน้อยรีบหันไปทางไป๋จิ่นหวา
“เงิน ข้าได้บัวลอยที่มีเงินสอดไส้อยู่!”
“พี่หญิงห้าได้บัวลอยที่มีเงินสอดไส้! ดูเหมือนว่าพี่หญิงห้าจะเป็นคนที่มีวาสนาที่สุดในกองทัพไป๋ของพวกเราแล้ว!” ไป๋จิ่นหวากล่าวยิ้มๆ
“ท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเป็นคนมอบบัวลอยชามนี้ให้ข้า วาสนานี้ควรเป็นของท่านอ๋องเก้าถึงจะถูก”
ไป๋จิ่นเจาเดินไปหยุดอยู่หน้าเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นยื่นเหรียญเงินให้ชายหนุ่ม
“ของท่านเจ้าค่ะท่านอ๋องเก้า”
“ในเมื่อคุณหนูห้าเป็นคนทานเจอ เช่นนั้นก็ควรเป็นวาสนาของคุณหนูห้า”
เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่งพลางกล่าวขึ้น
“ข้าคือคนที่โชคดีที่สุดในใต้หล้านี้แล้ว ข้าขอมอบวาสนานี้ให้แก่คุณหนูห้า ขอให้คุณหนูห้าปลอดภัยในสนามรบ…”
มีไป๋ชิงเหยียน มีลูกของพวกเขา ปณิธานที่อยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งกำลังจะสำเร็จลุล่วง เขาไม่ใช่คนที่โชคดีที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้อย่างนั้นหรือ
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนหมายถึงสิ่งใด หญิงสาวก้มหน้าพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย โนเวลพีดีเอฟ
ไป๋จิ่นเจารู้สึกว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเป็นคนไม่ถือตัว ไม่เหมือนกับข่าวลือที่เคยได้ยินมา สาวน้อยจึงรับเหรียญเงินมาอย่างมีความสุข จากนั้นยกมือคารวะเซียวหรงเหยี่ยน
“เช่นนั้นไป๋จิ่นเจาขอขอบพระคุณท่านอ๋องเก้าเจ้าค่ะ”
กล่าวจบไป๋จิ่นเจาถึงเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองอย่างมีความสุข สาวน้อยยื่นเหรียญเงินในมือให้ไป๋จิ่นเซ่อ
“เสี่ยวชี พี่มอบวาสนาในปีนี้ให้แก่เจ้า เจ้าจงเก็บรักษาไว้ให้ดี เหรียญนี่จะทำให้เจ้าปลอดภัยในสนามรบ!”
ไป๋จิ่นเซ่อรับเหรียญมาจากไป๋จิ่นเจา จากนั้นโค้งคำนับพี่สาวด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวชีขอบพระคุณพี่หญิงห้าเจ้าค่ะ!”
เมื่อบรรดาทหารในกองทัพเห็นว่าแม่ทัพคนเล็กสุดของกองทัพไป๋เป็นคนได้บัวลอยไส้เหรียญเงินไปครอบครองต่างก็เข้าไปแสดงความยินดี ต่างกล่าวกันว่าไป๋จิ่นเซ่อต้องสังหารศัตรูในสงครามครั้งนี้ได้มากมายแน่นอน
เมื่อรับประทานบัวลอยกันอย่างครื้นเครงเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนจึงพาทายาทตระกูลไป๋และทหารต้าโจวไปแจกจ่ายบัวลอยให้แก่ชาวบ้านในด่านเย่เฉิง
ชาวบ้านในด่านเย่เฉิงกลัวว่ากองทัพต้าโจวจะสังหารทุกคนในเมืองจนสิ้นซากเหมือนที่กองทัพซีเหลียงเคยทำเมื่อยึดเมืองของต้าโจวได้ ทุกคนจึงได้แต่หลบอยู่แต่ในหลุมหลบภัยใต้ดินเป็นเวลาหลายวัน ทว่า จู่ๆ วันนี้พวกเขากลับได้ยินว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและทหารของต้าโจวกำลังแจกบัวลอยให้แก่ชาวบ้าน ไม่ได้คิดสังหารพวกเขาแต่อย่างใด
ชาวบ้านที่หิวโซมาหลายวันมองดูลูกของตัวเองที่หิวโซจนแทบมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ไหว พวกเขากำชับให้ภรรยาของตัวเองดูแลลูกให้ดี จากนั้นออกไปหยั่งเชิงด้วยตัวเองว่าต้าโจวไม่สังหารพวกเขา อีกทั้งมอบอาหารให้พวกเขาจริงหรือไม่ จากนั้นค่อยกลับมาตามภรรยาและลูกออกไป พวกเขากำชับภรรยาและลูกว่าหากเขาไม่ได้กลับมาห้ามพวกนางออกไปจากหลุมใต้ดินเป็นอันขาด
บุรุษคลานออกจากหลุมหลบภัยใต้ดินท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเด็กๆ เขาเห็นเพื่อนบ้านต่างจูงมือลูกของตนถือชามวิ่งไปยังกำแพงเมืองพลางกล่าวว่าต้าโจวมีอาหารให้พวกเขากิน ไม่ได้คิดสังหารพวกเขา
บุรุษผู้นั้นรีบกลับไปเรียกภรรยาและลูกของตัวเองขึ้นมาจากหลุมหลบภัยอย่างไม่คิดสิ่งใดอีกต่อไป เขารีบพาครอบครัววิ่งถือชามไปยังกำแพงเมืองทันที
ชาวบ้านซีเหลียงมองเห็นจักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนแห่งต้าโจวยืนสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกอยู่บนกำแพงเมืองท่ามกลางแสงไฟจากโคมไฟดอกไม้หลากหลายสีสัน หญิงสาวกำลังแจกจ่ายบัวลอยให้แก่ชาวบ้านของซีเหลียงที่เข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบด้วยรอยยิ้ม
เซียวหรงเหยี่ยนยืนมองใบหน้างดงามของไป๋ชิงเหยียนอยู่ล่างกำแพงเมือง หญิงสาวยืนโดดเด่นเป็นสง่าด้วยสีหน้าสงบนิ่งเช่นเคยท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวาย เสียงตะโกนขอบคุณของชาวบ้านและเสียงร้องไห้ของเด็ก
ทั้งๆ ที่หญิงสาวได้สมญานามว่าเทพแห่งสงคราม ทว่า บัดนี้หญิงสาวเก็บไอสังหารที่น่าหวาดกลัว ใบหน้าที่ก้มลงลูบศีรษะของเด็กๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นยิ่งทำให้ใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวอ่อนโยนมากกว่าเดิมไม่แพ้แสงไฟสวยงามจากโคมไฟดอกไม้เหล่านั้นแม้แต่น้อย
บัวลอยร้อนๆ ถูกส่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นชาวบ้านซีเหลียงทยอยกันมามากแล้ว บางคนยืนทานบัวลอยอยู่ด้านข้าง เมื่อหมดแล้วมาต่อแถวรับใหม่อีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนจึงยื่นกระบวยตักบัวลอยให้ไป๋ชิงอวี๋ จากนั้นจับชายกระโปรงเดินขึ้นไปบนกำแพงสูง
สายตาของชาวบ้านซีเหลียงจับจ้องอยู่ที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวตลอดเวลา เมื่อเห็นหญิงสาวเดินขึ้นไปบนกำแพงสูงชาวบ้านซีเหลียงจึงเริ่มเครียดขึ้นทันที บางคนกลัวว่าบัวลอยจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของพวกเขา จักรพรรดินีแห่งต้าโจวอาจขึ้นไปบนกำแพงเพื่อสั่งให้ทหารต้าโจวสังหารพวกเขา บางคนถูกใบหน้างดงามไร้ที่ติของไป๋ชิงเหยียนดึงดูดจนไม่อาจละสายตาไปที่อื่นได้
ไป๋ชิงเหยียนยืนมองชาวบ้านซีเหลียงที่กำลังเงยหน้ามองมาทางนางอยู่บนกำแพงเมือง จากนั้นกล่าวขึ้น
“ทุกท่าน ข้าจักรพรรดินีไป๋ชิงเหยียนแห่งต้าโจวรู้ดีว่าทุกท่านกำลังสงสัยและหวาดระแวง มีชาวบ้านอีกหลายคนที่ไม่ได้มาที่นี่เพราะกลัวว่าต้าโจวจะหลอกล่อทุกท่านมาที่นี่เพื่อสังหารทิ้ง…”
“แม้ต้าโจวจะมีความแค้นกับซีเหลียง แม้กองทัพซีเหลียงจะเคยรุกรานต้าโจว สังหารชาวบ้านต้าโจวของข้า ทว่า ชาวบ้านของต้าโจวและซีเหลียงล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นคนที่ได้รับความเดือดร้อนและทุกข์ทรมานที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้ ดังนั้นบรรพบุรุษตระกูลไป๋ของข้าจึงคิดมาตลอดว่าจะทำเช่นไรไม่ให้ทุกท่านอยู่ในใต้หล้าที่มีแต่สงครามเช่นนี้อีก ทำอย่างไรไม่ให้ชาวบ้านต้องมีจุดจบที่น่าอนาถ บ้านแตกสาแหรกขาดอีกต่อไป!”