ตอนที่ 1150 ลาดตระเวน
ไป๋ชิงอวี๋ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้ทำร้ายชาวบ้าน
ชาวเมืองซีเหลียงเป็นคนดุดันและโหดร้าย พวกเขาสามารถกลายเป็นทหารได้ทุกเมื่อ ที่สำคัญเมืองซีเหลียงที่ถูกยึดครองไม่ถือว่าเป็นเมืองของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของคนซีเหลียงต้าโจวก็เป็นเพียงคนต่างแคว้นอยู่ดี
ดังนั้นชาวบ้านเหล่านั้นต้องลุกขึ้นมาต่อต้านเต็มกำลังแน่นอน หากชาวเมืองซีเหลียงเหล่านี้มีอาวุธพวกเขาต้องทำร้ายทหารต้าโจวแน่ หากไป๋ชิงอวี๋สั่งห้ามทหารทำร้ายชาวบ้านเหล่านั้น พวกเขาก็จะหยิบอาวุธมาทำร้ายทหารต้าโจวแทน ทหารต้าโจวจะสูญเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บโดยเปล่าประโยชน์
ทว่า ขอเพียงชาวเมืองซีเหลียงยอมจำนน ต้าโจวจะยอมรับพวกเขาเป็นหนึ่งในชาวบ้านของแคว้นเพราะปณิธานของตระกูลไป๋คือการรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่ง ไม่ใช่การฆ่าทำลายล้างเผ่าพันธุ์จนเหลือเพียงชาวบ้านต้าโจวเท่านั้น
เว่ยจ้าวเหนียน ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อพาทหารบุกเข้าไปในเมือง พวกเขากวาดล้างทหารซีเหลียงที่เหลืออยู่ทั้งหมด จากนั้นให้ทหารทำความสะอาดจวนของเจ้าเมืองให้ไป๋ชิงเหยียนได้เข้าไปพักผ่อน
ท้องฟ้าใกล้สว่าง ไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงอวิ๋นนั่งรถม้าเข้าไปในเมือง บรรดาทหารยืนอยู่สองข้างทางเพื่อรอต้อนรับจักรพรรดินีของพวกเขาเข้ามาในเมือง
หลูหนิงฮว่าและหลูเหลียวเฉินนั่งอยู่บนรถม้าคันเดียวกับไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวเห็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของตนเอาแต่จ้องคุณหนูใหญ่ไม่วางตา เท่านั้นไม่พอหลูเหลียวเฉินยังแย่งงานของชุนจือสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่รินน้ำชาให้คุณหนูใหญ่ด้วยตัวเองจนชุนจือไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี ก่อนหน้านี้นางป่าวประกาศว่าหลงรักคุณชายสาม อยากแต่งงานกับเขา บัดนี้กลับเอาแต่ซักถามเรื่องสงครามที่ด่านชิงซานจากคุณหนูใหญ่ไม่หยุด หลูหนิงฮว่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนปฏิบัติต่อหลูเหลียวเฉินอย่างอ่อนโยน หญิงสาวไม่ได้ตำหนินางแม้แต่น้อย ทว่า หลูหนิงฮว่ารู้สึกกังวลมาก คุณหนูใหญ่ยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ ทว่า ลูกศิษย์ของนางกล่าวกล่าววาจาไม่หยุดเช่นนี้อีก โนเวลพีดีเอฟ
“บทเพลงนั้นช่างซึ้งกินใจมากจริงๆ เพคะ ตอนที่หม่อมฉันและท่านอาจารย์เดินทางมาที่ชาวบ้านระหว่างทางล้วนร้องเพลงนี้ได้แทบทุกคนเพคะ…แขกสูงศักดิ์บนเรือล่องทะเลสาบ มีเพียงเสียงบรรเลงเพลงหาเห็นคนไม่ ม่านไม้ไผ่และสุรารสเลิศ เสียงดนตรีดังกึกก้องเป็นพัก บทบรรเลงสะเทือนภูผา สายธาราสั่นไหว เมฆหมอกรวมตัวกันบนนภา รอบกายาเต็มไปด้วยเสียงอาวุธ เพลงจบเลือดกายพุ่งพล่าน ท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรทำลายด่านชิงชีซานสำเร็จ”
หลูเหลียวเฉินร้องจบจึงกำมือแน่น
“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากเป็นแม่ทัพหญิงที่ได้ไปออกรบสังหารศัตรูในสนามรบเช่นเดียวกับฝ่าบาทเพคะ! ฝ่าบาทคิดว่าหากหม่อมฉันเริ่มเรียนศิลปะการต่อสู้ตอนนี้จะยังทันหรือไม่เพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนช่วยขยับผ้าห่มที่ขาให้ไป๋ชิงอวิ๋น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทว่า คำกล่าวกับทำให้ใจของหลูเหลียวเฉินเย็นวาบ
“เจ้าแกล้งหลอกท่านอาหลูว่าความจำเสื่อมเพราะต้องการกลายเป็นแม่ทัพหญิงในกองทัพอย่างนั้นหรือ”
ไป๋ชิงอวิ๋นก้มหน้าเปลี่ยนถ้วยชาถ้วยใหม่ให้ไป๋ชิงเหยียน ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วจึงไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก
หลูเหลียวเฉินตะลึงไปครู่ใหญ่ ดวงตาของสาวน้อยไหววูบ หลูหนิงฮว่าขมวดคิ้วพลางหวาดระแวงขึ้นมาทันที หากสาวน้อยผู้นี้แกล้งทำเป็นความจำเสื่อมเพื่อให้ได้อยู่ในกองทัพไป๋จริงๆ หวังว่าสาวน้อยผู้นี้จะไม่สร้างปัญหาให้กองทัพไป๋เพราะความใจดีเพียงชั่ววูบของนางนะ
เมื่อเห็นท่าทีของหลูหนิงฮว่าไป๋ชิงเหยียนจึงโบกมือไม่ให้นางเป็นกังวลเกินไป
ไป๋ชิงเหยียนหยิบถ้วยชาที่ไป๋ชิงอวิ๋นวางไว้ให้ตรงหน้าขึ้นมาถือ จากนั้นก้มหน้าจิบหนึ่งอึก
“ไม่ต้องร้อนรน ข้าไม่ได้คาดคั้นเจ้า เจ้าทำเช่นนี้เพราะน่าจะมีเรื่องลำบากใจ เจ้าค่อยๆ คิด หากยินดีเล่าเมื่อใดค่อยเล่า”
คำกล่าวที่ว่ากล่าวมากเกินไปจะส่อพิรุธคือความจริง ระหว่างทางมานี้หลูเหลียวเฉินไม่เคยกล่าววาจาเจื้อยแจ้วไม่หยุด ไป๋ชิงเหยียนเล่าเรื่องของหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงให้หลูเหลียวเฉินฟัง หญิงสาวเล่าว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงอย่างสองคนนั้นจะเติบโตกลายเป็นแม่ทัพที่มีความรับผิดชอบเช่นนี้ได้ หลูเหลียวเฉินเงียบไปครู่ใหญ่ ทว่า นางไม่ได้เอ่ยถามฐานะของหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงและไม่ได้สนทนาหัวข้อนี้ต่อกับไป๋ชิงเหยียน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าผิดปกติมาก
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยังไม่มั่นใจว่าหลูเหลียวเฉินโกหกหรือไม่ หญิงสาวเพียงแค่สงสัยและลองหยั่งเชิงดูเหมือนที่นางเคยทำกับศิษย์ของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยจะแกล้งความจำเสื่อมจริงๆ
ที่นางไม่ได้บังคับให้หลูเหลียวเฉินสารภาพหรือจากไปจากกองทัพไป๋ในตอนนี้เป็นเพราะนางชอบสาวน้อยผู้นี้จริงๆ มีคำกล่าวว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ทว่า ดวงตาคู่นั้นบอกสิ่งใดได้หลายอย่าง ไป๋ชิงเหยียนมองเห็นสิ่งที่เคยเห็นในแววตาของบรรดาน้องสาวของนางจากดวงตาของสาวน้อยผู้นี้ นางยินดีเชื่อว่าสาวน้อยผู้นี้เป็นคนดี
ถึงแม้นางจะแกล้งความจำเสื่อมเข้ามาอยู่ในกองทัพไป๋เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง ทว่า คนรอบคอบอย่างอาฉียังหาพิรุธจากตัวสาวน้อยไม่ได้ ไป๋ชิงเหยียนก็แค่ให้คนจับตาดูนางให้มากขึ้นก็เท่านั้น นางไม่มีทางก่อปัญหาอันใดขึ้นได้แน่นอน
รถม้าหยุดลงที่หน้าจวนเจ้าเมือง เว่ยจ้าวเหนียน ไป๋ชิงฉีและไป๋จิ่นเซ่อยืนรอต้อนรับอยู่หน้าจวนแล้ว ไป๋ชิงเจวี๋ยพาไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาไปสำรวจทหารที่ได้รับบาดเจ็บและตรวจตราความเรียบร้อยรอบเมือง
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นเจ่อก้าวไปด้านหน้า เตรียมเอื้อมมือประคองร่างของพี่สาว
เสิ่นชิงจู๋กล่าวยิ้มๆ “คุณหนูเจ็ด ข้าประคองดีกว่าเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนจับมือเสิ่นชิงจู๋ลงมาจากรถม้า เมื่อเห็นสีหน้าที่ยังไม่ปกติของไป๋จิ่นเซ่อหญิงสาวจึงเอื้อมมือลูบศีรษะของน้องสาวอย่างแผ่วเบา
“ครั้งนี้ได้ติดตามพี่ชายสามของเจ้ามาออกรบจริงๆ แล้ว ยังไม่ค่อยชินใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า นางไม่กล้าบอกพี่หญิงใหญ่ว่าตอนที่นางเห็นซากศพและเศษอวัยวะของทหารเหล่านั้นนางอาเจียนออกมาจนหมดเปลือก ตอนนี้ใบหูยังเต็มไปด้วยเสียงของลูกธนูที่ลอยเฉียดใบหูของนางไปเพียงนิดเดียว นางยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หายเลย
หากพี่ชายสามกระชากร่างของนางให้หลบไม่ทัน บัดนี้นางคงถูกยิงเข้าที่ดวงตาไปแล้ว
ตอนแรกไป๋จิ่นเซ่อคิดว่าการออกรบในสนามรบจะเป็นเรื่องที่องอาจเหมือนที่พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรองและพี่หญิงสามเคยเล่าให้ฟัง ทว่า เบื้องหลังความองอาจเต็มไปด้วยอันตราย นางยังเรียนรู้ไม่พอ นางต้องพยายามให้มากว่านี้จะได้ไม่กลายเป็นตัวถ่วงของทุกคนในกองทัพ
องครักษ์ไป๋คนหนึ่งขี่ม้าตรงเข้ามา จากนั้นลงจากหลังม้าเดินไปกระซิบข้างหูของเสิ่นชิงจู๋แล้วจากไปทันที เสิ่นชิงจู๋รีบเข้ามารายงานไป๋ชิงเหยียน
“คุณหนูใหญ่ เมื่ออาเค่อเซี่ยรู้ว่าต้าโจวบุกโจมตีเมืองซุ่นหนิงพวกเขาจึงเริ่มเคลื่อนทัพแล้วเจ้าค่ะ” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ไป๋ชิงฉีประคองร่างไป๋ชิงอวิ๋นลงมาจากรถม้า จากช่วยกันกับเว่ยจงประคองร่างของไป๋ชิงอวิ๋นนั่งลงบนรถเข็น
ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ นางกลัวอาเค่อเซี่ยไม่ยอมเคลื่อนทัพเท่านั้น หากอาเค่อเซี่ยยอมเคลื่อนทัพอาอวี๋กับจิ่นซิ่วคงสามารถยุติสงครามที่ภูเขาหลิวเซียงได้โดยเร็ว
ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวิ๋น
“ให้ทหารพักผ่อนหนึ่งวัน พรุ่งนี้ยกเว้นทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทหารที่เหลือจะออกเดินทางไปรวมตัวกับอาอวี๋และจิ่นซิ่วที่ด่านเย่เฉิงทันที ด่านเย่เฉิงคือด่านที่โจมตียากที่สุดของซีเหลียง ขอเพียงพวกเราทำลายด่านเย่เฉิงได้ซีเหลียงจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของพวกเราแน่นอน ตามอาเจวี๋ย เสี่ยวอู่และเสี่ยวลิ่วกลับมา พวกเราจะปรึกษาเรื่องการโจมตีด่านเย่เฉิงแล้ว”
“ขอรับ” ไป๋ชิงฉีกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน
หลูหนิงฮว่าเตรียมดึงร่างของหลูเหลียวเฉินจากไปเพื่อสอบถามเรื่องราวทั้งหมดให้ชัดเจนว่าสาวน้อยผู้นี้คือผู้ใดกันแน่ เหตุใดนางต้องปลอมตัวเข้ามาในกองทัพไป๋และป่าวประกาศว่าตัวเองหลงรักคุณชายสามด้วย!