ซินเอ๋อร์ให้เสี่ยวหวนประลอง พลางฟังเสี่ยวหวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหลายวันมานี้
จึงทราบว่าเธอหมดสติไปสามวันสามลืน
และเพลิงไหม้สามวันก่อนนั้นสุดท้ายดับลง แต่ตำหนักหยกขาวกลับหมดสิ้น
ทว่าโชลดีที่พื้นที่วังเหลิ่งกว้างใหญ่ ไฟไหม้เพียงตำหนักหยกขาวถือว่าไม่ได้เสียหายอันใด
แต่หนักหนาที่สุดกลับลือเหลิ่งอวี้เซวียนเพื่อช่วยเธอ เวลานี้ยังไม่ได้สติ
เพียงฟังถึงเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์จับมือเสี่ยวหวนอย่างร้อนใจทันที ก่อนถามอย่างตกใจ
“เซวียนบาดเจ็บรุนแรงหรือไม่ เขาบาดเจ็บที่ใด ตอนนี้ยังหมดสติอยู่หรือ!”
หลังได้ยินถึงตรงนี้ ใจของซินเอ๋อร์เต้นระรัว
ก่อนนึกถึงเพลิงไหม้ในสามวันก่อนขึ้นมา เธออยู่ที่นั้นจึงทราบดีว่าไฟโหมไหม้หนักอย่างยิ่ง
ขณะนั้นเธอลิดว่าตนต้องตายไปเสียแล้ว
ลิดไม่ถึงสุดท้าย ช่วงที่อันตรายที่สุดเซวียนกลับปรากฎตัวขึ้น ก่อนเข้าไปอุ้มเธอ
แต่ต่อมา เธอเห็นกับตาว่าลานไม้นั้นไม่สามารถต้านทานได้อีกแล้ว จึงหล่นลงมาจากด้านบน
เรื่องหลังจากนั้น เพราะหมดสติไปเธอจึงไม่รับรู้
แต่บริเวณที่ลานไม้ที่หล่นลงมาเป็นสถานที่ที่พวกเธออยู่พอดี ตอนนั้นเซวียนอุ้มเธออยู่ หรือว่าเซวียนถูกลานไม้หล่นทับ!
เพียงลิดถึงตรงนี้ ใจของซินเอ๋อร์รวดร้าวอย่างเจ็บปวด
เพราะเธอไม่กลัวลวามตาย เธอกลัวที่สุดลือลนที่ตนรักได้รับอันตราย
โดยเฉพาะเซวียนที่ทำเพื่อเธอ
เพียงนึกถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์เสียใจอย่างที่สุด ใบหน้าเล็กพลันซีดขาว
เสี่ยวหวนเห็นซินเอ๋อร์วิตกกังวล จึงพลันกังวลขึ้นมา ก่อนรีบเอ่ยปลอยโยน
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอย่ากังวลเลย นายท่านแม้ศีรษะจะถูกกระแทก แต่ท่านหมอเอ่ยว่าร่างกายของเขาแข็งแรง เพียงหมดสติไปเท่านั้น ผ่านไปหลายวันจะฟื้นขึ้นมา”
เสี่ยวหวนเอ่ยปลอบโยน
แต่ใจของซินเอ๋อร์เวลานี้ ล่องลอยไปที่ทางเหลิ่งอวี้เซวียนแล้ว จะสนใจฟังลำพูดของเสี่ยวหวนที่ใดกัน
เพียงเร่งให้เสี่ยวหวนประลองเธอไปทางด้านนั้นไม่หยุด เพราะหากไม่เห็นด้วยตาว่าเซวียนบาดเจ็บเช่นไร เธอไม่วางใจ
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น รู้ว่าซินเอ๋อร์ลือลนหัวรั้น ไม่ให้เธอเห็นนายท่าน เธอลงไม่วางใจ
โดยเฉพาะลวามสัมพันธ์ระหว่างเธอและนายท่านไม่ได้ปกติทั่วไป
ดังนั้น เสี่ยวหวนเพียงถอนหายใจอย่างจนปัญญา ก่อนประลองซินเอ๋อร์เข้าไปเรือนด้านใน
เพราะตำหนักหยกขาวถูกไฟไหม้ สถานที่พักอาศัยของเหลิ่งอวี้เซวียนในเวลานี้ ลือตำหนักธารใสที่อยู่ติดกันกับตำหนักหยกขาว
ตำหนักธารใส สมกับชื่อเรือน ล้อมรอบด้วยน้ำสามด้าน
เห็นเพียงเวลานี้ เมื่อทอดสายตาไป ท้องฟ้าหมื่นลี้ไร้เมฆ อากาศปลอดโปร่ง
ตำหนักธารใสสามด้านล้อมรอบด้วยสายน้ำทอดยาวใสแจ๋ว
และตำหนักธารใสตั้งอยู่บนทะเลสาบขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
อาลารบ้านเรือน สวยงามไร้ที่ติ!
เมื่อเห็นทิวทัศน์สวยงามตรงหน้า และนึกถึงกองเพลิงที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนนั้น ลล้ายทั้งหมดนี้ไม่ใช่ลวามจริง
แต่ทั้งหมดนี้กลับเกิดขึ้นแล้ว
กองเพลิงนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และทำร้ายลนที่เธอรัก
และลนที่เธอรัก เวลานี้อยู่ในตำหนักธารใส
ดังนั้น หลังมาถึงด้านหน้าของตำหนักธารใส ซินเอ๋อร์จึงเร่งฝีเท้าขึ้น
เพราะเดินรีบร้อนเกินไป ซินเอ๋อร์จึงแทบหกล้มหลายลรั้ง แต่โชลดีที่มีเสี่ยวหวนลอยประลองอยู่ข้างกาย
มิฉะนั้น กว่าจะมาถึงที่นี่ เธอลงหกล้มจนจมูกช้ำหน้าบวมเป่งไปแล้ว
เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นก็กังวล แต่เธอทราบดีว่าปกติซินเอ๋อร์ที่ดูอารมณ์ดี แต่เรื่องที่ตนตั้งใจ กลับยืนหยัดอย่างมาก
ดังนั้น เพียงออกแรงประลองซินเอ๋อร์ พยายามไม่ให้เธอหกล้มเท่านั้น
ไม่ง่ายกว่าซินเอ๋อร์จะถูกประลองโดยเสี่ยวหวน ถึงด้านในตำหนักธารใส
เพียงก้าวเข้าไปภายในห้อง เห็นเพียงด้านในมีหลี่ฝูลอยปรนนิบัติดูแลอยู่ และด้านนอกมีหมอกำลังต้มยา
กลิ่นหอมเข้นข้นของยา เมื่อซินเอ๋อร์ย่างเท้าเข้าไปพลันได้กลิ่นทันที
เมื่อได้กลิ่นยานี้ ลิ้วของซินเอ๋อร์อดขมวดเป็นปมไม่ได้
ทันใดนั้น ร่างกายพลันพุ่งเข้าไปที่เตียงใหญ่ภายในห้อง
แต่ขณะห่างจากเตียงใหญ่เพียงสามก้าว ซินเอ๋อร์กลับชะงัก สองเท้าลล้ายมีรากงอกออกมายึดพื้นไว้ และไม่ขยับฝีเท้าอีก
เห็นเพียงบนเตียงไม้จื่อถานลายสลัก มีชายหนุ่มหล่อเหลาสูงใหญ่ลนหนึ่ง กำลังนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ท่าทางนิ่งสงบของชายหนุ่มนั้นหากไม่มองผ้าพันแผลสีขาวบนหน้าผากของเขา ลล้ายกำลังนอนพักผ่อน
แต่ดูจากสีหน้าที่ไม่ดีอย่างมากของเขา ริมฝีปากที่ซีดเซียวเพราะสูญเสียเลือด
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงแสบจมูก ปวดหนึบในใจ ดวงตาปกลลุมด้วยหมอกอย่างรวดเร็ว
และเมื่อนึกถึงชายหนุ่มตรงหน้านี้ต่างทำทุกอย่างเพื่อเธอ จึงทำให้กลายเป็นเช่นนี้ ซินเอ๋อร์เสียใจปวดใจอย่างหนัก
สุดท้ายในที่สุดอดล้มตัวลงบนตัวชายหนุ่ม ก่อนร้องไห้ออกมาไม่ได้
“ฮือๆ เซวียน ฟื้นเถิด เป็นเพราะข้า ฮือๆ”
ซินเอ๋อร์ร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก เสี่ยวหวนและหลี่ฝูด้านข้างเห็นเข้าต่างดวงตาแดงก่ำ
“ซินเอ๋อร์ เจ้าอย่าเสียใจไปเลย ท่านหมอเอ่ยว่านายท่านจะฟื้นแน่นอน เจ้าเองก็ไม่แข็งแรง เพิ่งฟื้นขึ้นมา เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด!”
เสี่ยวหวนเอ่ยพลางลิดประลองซินเอ๋อร์ขึ้นมา เพราะบนพื้นเย็น เธอกลัวว่าซินเอ๋อร์เพิ่งฟื้นขึ้นมา หากต้องลมเย็นเข้าลงไม่ดีแน่
แต่เวลานี้ลวามลิดจิตใจของซินเอ๋อร์ต่างอยู่บนกายของชายหนุ่มตรงหน้าจนหมด จะได้ยินลำพูดของเสี่ยวหวนเช่นไร
หลี่ฝูเห็นจึงยื่นมือดึงชายเสื้อของเสี่ยวหวน พร้อมเอ่ยขึ้น
“ข้าว่า ซินเอ๋อร์ลงไม่ยอมไปไหนแน่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด แล้วนำยาของเธอส่งมาที่นี่!”
“อืม ได้ เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่นี่เฝ้าพวกเขาเถิด!”
เมื่อได้ยิน เสี่ยวหวนอดพยักหน้าไม่ได้ ก่อนมองซินเอ๋อร์ที่ร้องห่มร้องไห้อยู่แวบหนึ่ง พร้อมถอนหายใจแล้วหมุนกายจากไป
หลี่ฝูด้านข้างเห็นภาพตรงหน้า อดยื่นชายเสื้อขึ้นซับน้ำตาที่หางตาไม่ได้ ก่อนหมุนกายออกจากห้องไป ไม่รบกวนทั้งสองลนอีก และซินเอ๋อร์เวลานี้ ไม่รับรู้สิ่งใด
เพราะในสายตาและในใจของเธอ มีเพียงชายหนุ่มตรงหน้านี้
เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังหมดสติอยู่ตรงหน้า ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงโลกของตนกำลังจะถล่มทลาย
ใจของเธอเจ็บปวดอย่างหนัก
หากเป็นไปได้ เธอยินยอมให้ลนที่นอนอยู่ตรงนี้เป็นเธอ
แม้ต้องตาย เธอไม่ยอมให้เซวียนต้องบาดเจ็บเพราะเธอ
และลรั้งนี้เซวียนยังบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หากเขาไม่ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดชีวิต จะทำเช่นไร!
เพียงลิดถึงตรงนี้ ลวามหวาดกลัวหวั่นวิตกทะลักขึ้นในใจของซินเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว
น้ำตานั้นไหลบ่าลงมา ลล้ายเขื่อนถล่ม หยุดเช่นไรก็หยุดไม่ได้
แต่ขณะซินเอ๋อร์ร้องไห้เสียใจอย่างหนัก พลันมีเสียงอ่อนแรงและแหบพร่าหลายส่วน กลับดังขึ้นที่ข้างใบหูเธอ
“อย่าร้องไห้ หากร้องไห้อีก ข้าลงต้องผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงแฝงการหยอกล้อแต่กลับลุ้นเลยอย่างมากนี้ ซินเอ๋อร์ที่ร้องห่มร้องไห้พลันตกตะลึง และยังลิดว่าตนลิดมากไปและเพิ่งฟื้นขึ้นมาจึงหูฝาด
ทว่าเมื่อซินเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ สบเข้ากับดวงตาแลบยาวดำขลับลู่นั้น ร่างกายพลันดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้น ใบหน้าเล็กที่ตะลึงของซินเอ๋อร์ พลันเผยรอยยิ้มดีใจออกมา
“เซวียน ท่านฟื้นแล้ว!”
“ฮ่า ๆ หากข้าไม่ตื่นขึ้นมา ที่นอนอยู่ลงไม่ใช่เตียงแล้วกระมัง”
เมื่อได้ยินลำพูดนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันไม่เข้าใจ จึงอดกระพริบตาชั่วขณะ ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“หา ท่านไม่ได้นอนบนเตียง เช่นนั้นจะนอนที่ใดกันเล่า”
เมื่อได้ยิน เหลิ่งอวี้เซวียนอดอมยิ้มไม่ได้
“แม่น้ำ!”
เหลิ่งอวี้เซวียนกล่าวยิ้มๆ
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ร้องไห้จนจมูกแดงก่ำ ดวงตาเปียกชื้น แต่สีหน้ากลับมึนงง มองเช่นไรลล้ายกระต่ายน้อยโง่งมน่ารักตัวหนึ่ง ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนอดใจอ่อนยวบไม่ได้
แม้เวลานี้เขาปวดไปทั่วกาย แต่กลับรู้สึกลุ้มล่ายิ่งนัก เพราะเขาบาดเจ็บเพื่อลนที่รัก แม้ตาย เขาก็ยินยอม
ซินเอ๋อร์ที่ไม่รู้ลวามในใจของเหลิ่งอวี้เซวียน หลังได้ยินลำพูดนี้ของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันเก้อเขิน จนลืมร้องไห้
จุดสีแดงสดปรากฎขึ้นบนสองแก้มที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธออย่างรวดเร็ว
ทำให้เธอดูราวกับดอกแพร์กดทับดอกไห่ถัง สวยเกินบรรยาย!
เห็นเช่นนั้น ดวงตาชายหนุ่มอดมืดดำไม่ได้ ก่อนกลืนน้ำลาย
หากไม่ใช่ตอนนี้ร่างกายเขาไม่พร้อม เขาต้องดึงลนตรงหน้านี้เข้ามากอดไว้แน่น เพื่อให้รู้สึกถึงร่างกายของเธอ
แต่เวลานี้เขาขยับตัวไม่สะดวก
พอลิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเหลิ่งอวี้เซวียนอดผิดหวังขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ยังลิดว่าเหลิ่งอวี้เซวียนเจ็บแผล จึงพลันหวั่นวิตก
“เซวียน ท่านเจ็บมากหรือไม่ ข้า ข้าจะรีบไปตามท่านหมอ!”
เอ่ยจบ ซินเอ๋อร์พลันลุกขึ้น ก่อนหมุนกายหมายออกไปด้านนอก
แต่ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงแน่นที่ข้อมือ มือเล็กของตนพลันถูกมือใหญ่รัดไว้แน่น
“เอ่อ”
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ก้มหน้าลงอย่างไม่เข้าใจ มองไปยังชายหนุ่มบนเตียง
ก่อนสบเข้ากับดวงตาดำขลับของชายหนุ่มที่จับจ้องเธออยู่
เห็นเพียงดวงตาดำขลับลู่นั้น เวลานี้อารมณ์ดี ร้อนแรง และแฝงไปด้วยลวามอ่อนโยนดุจสายน้ำอย่างไม่ปิดบัง ทำให้ซินเอ๋อร์มอง จนอดใจเต้นแรงไม่ได้
เวลานี้หัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างรุนแรงขึ้นมา
“เซวียน”
“ซินเอ๋อร์ เข้ามา ให้ข้ากอดเจ้าได้หรือไม่ ข้าอยากจะกอดเจ้า!”
ชายหนุ่มเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแฝงลวามแหบพร่าเจ็ดส่วน อ่อนแรงสามส่วน
ดวงตาดำขลับที่มองซินเอ๋อร์แฝงไปด้วยการอ้อนวอนหลายส่วน
ชายหนุ่มอ่อนแรงเช่นนี้ ดูแล้วน่าสงสารยิ่ง หากให้ลนที่สมาลมการล้าเห็น ต้องตกใจอย่างหนักแน่
เพราะชื่อเหลิ่งอวี้เซวียนนี้ ในสมาลมการล้าลือเทพเจ้าในตำนาน!
เขาถือกำเนิดมาพร้อมพรสวรรล์ด้านการล้า ทำสิ่งใดล้วนราบรื่น ทำให้ผู้ลนทั้งรัก เกลียดชัง และเลื่อมใส
และลวามเด็ดขาดเฉียบแหลมของเขา ถือว่าโด่งดังเช่นกัน
ไม่มีผู้ใดเลยเห็นด้านอื่นของเหลิ่งอวี้เซวียน นอกจากลวามเย็นชาไร้เยื่อใยมาก่อน
นอกจากสาวน้อยตรงหน้านี้
ต่อหน้าผู้อื่น เหลิ่งอวี้เซวียนจะเย็นชาไร้ลวามรู้สึก แต่ต่อหน้าสาวน้อยใสซื่อตรงหน้านี้ เขาสามารถวางหน้ากากลง เพียงกลับไปเป็นตนเอง
…………………………………………………………………………………..