หลังการเข้ามาของชายหนุ่ม ทุกคนภายในห้องต่างถูกความโดดเด่นสง่างามของชายหนุ่ม ทำให้ลุ่มหลง
ชายหนุ่มที่หล่อเหลา ห่อหุ้มกายด้วยชุดหรูหราสีน้ำเงิน ทำให้รูปร่างยิ่งสูงใหญ่กำยำมากขึ้น
บริเวณเอวคาดด้วยสายรัดเอวสีเขียวคาดน้ำเงินเส้นใหญ่ พร้อมแขวนหยกไขมันแพะชิ้นหนึ่ง พลันดูสูงส่ง
เส้นผมยาวเรียบลื่นดุจเส้นไหม ใช้สายรัดสีน้ำเงินมัดรวบเป็นช่อเล็กขึ้น ส่วนที่เหลือทั้งหมดปล่อยสยายไปทางด้านหลัง
มือใหญ่เห็นข้อกระดูกเด่นชัด เวลานี้กำลังถือพัดขาวไข่มุก ด้ามประดับด้วยพู่สีเขียวน้ำเงิน ขณะชายหนุ่มขยับพัด พู่จะไหวเอนเบาๆ เทพเซียนเทียบไม่ได้แม้ครึ่งหนึ่งของเขาจริงๆ!
สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือ ใบหน้าดุจเทพรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตงดงามของเขา
คิ้วโก่งยาวไปถึงจอนผม จมูกโด่งริมฝีปากบาง ดวงตาแคบยาว แฝงความเฉลียวฉลาด ผสมกันอย่างลงตัวจริงๆ!
แม้ชายหนุ่มเพียงก้าวเดินเข้ามา แต่ความสูงส่งสง่าล้ำเลิศบนกาย ทำให้ไม่อาจละสายตาได้!
หลังเห็นชายหนุ่มเข้ามา ซินเอ๋อร์จึงได้สติ ใบหน้าเล็กงดงามดุจหยกขาวนั้นพลันปรากฎรอยยิ้มดีใจออกมา
ริมฝีปากเผยอออก ก่อนพลันเดินขึ้นไปเอ่ยเสียงเบาๆ ขึ้น
“เซวียน”
“คารวะนายท่าน”
“อืม”
สำหรับการคารวะของเสี่ยวหวน เหลิ่งอวี้เซวียนไม่มองแม้แต่หางตา เพียงยื่นมือส่งสัญญานเท่านั้น
เพราะหลังชายหนุ่มเข้ามาในห้องสายตาพลันมีแต่สาวน้อยที่สวมชุดสีขาวตรงหน้านี้ ผู้ใดล้วนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
“เซวียน เหตุใดจึงมาที่นี่ ท่านมาตามหาข้าหรือ!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยปากถามขึ้น
เพราะที่นี่คือที่พักอาศัยของบ่าวไพร่ทั้งหมด ปกติเซวียนจะไม่ปรากฎกายขึ้นที่นี่เด็ดขาด
แต่ชายหนุ่มตรงหน้า แต่งกายหรูหรา เห็นชัดว่ามีรูปร่างงามสง่า โดดเด่นเหนือผู้อื่น เมื่อเทียบกับห้องที่เรียบง่ายนี้ ช่างไม่เข้ากันเสียจริง!
หลังชายหนุ่มได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ จึงยิ้มอย่างชวนหลงใหลและอบอุ่น ก่อนเอ่ยว่า
“ถูกต้อง ข้ากลับมา ไปที่ห้องหนังสือไม่เห็นเจ้า ถามบ่าวรับใช้ จึงรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่”
เหลิ่งอวี้เซวียนไม่สนใจว่ามีผู้อื่นอยู่ด้วย รีบดึงมือเล็กของซินเอ๋อร์มากุมไว้ในฝ่ามือของตน
สำหรับเรื่องประเภทนี้ เสี่ยวหวนที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้า เพียงเม้มปากแอบยิ้ม
เพราะภายในวังแห่งนี้ ทุกคนต่างทราบดีว่าซินเอ๋อร์เป็นคนในใจของเจ้านาย และเจ้านายชอบซินเอ๋อร์ เรื่องนี้แม้เจ้านายจะไม่พูด แต่ทุกคนเห็นชัดด้วยตา
ตรงข้ามกับการเม้มปากแอบยิ้มของเสี่ยวหวน หญิงสาวบนเตียงเห็นเช่นนั้น คิ้มเข้มคู่นั้นอดขมวดมุ่นขึ้นไม่ได้
คิดแล้วเธออ้าวเทียนเสวี่ยใช้ชีวิตมากว่าสิบเจ็ดปี เพราะเกิดมาสูงศักดิ์ รูปโฉมโดดเด่น และได้รับความรักทะนุถนอมจากพระบิดาและพระมารดา ตั้งแต่เด็กจึงมีแต่คนรัก สิ่งสำคัญคือได้รับการปกป้องจากทุกคน!
ที่ผ่านมาทุกคนต่างประจบสอพลอ เลียแข้งเลียขาเธอ จะได้รับการเมินเฉยเช่นในวันนี้ได้อย่างไร!
ประการแรกคือสาวใช้ที่นี่ดูหมิ่นเธอ สุดท้ายชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
หลังชายผู้นี้เข้ามา สายตาอยู่บนกายสาวน้อยชุดขาวผู้นั้นตลอดเวลา ส่วนเธอไม่แม้แต่ชายตาแล
หรือรูปโฉมของเธอเทียบกับสาวน้อยชุดขาวนั้นไม่ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาที่อ้าวเทียนเสวี่ยมองซินเอ๋อร์ แฝงไปด้วยความโมโหและอิจฉาอย่างปิดไม่มิด!
เพราะเหตุใด!
สายตาของชายผู้นี้จึงไม่มองมาที่เธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาอ้าวเทียนเสวี่ยอดมองชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้
ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาจริงๆ!
ที่ผ่านมาเธอคิดมาโดยตลอดว่าบนโลกนี้ มีเพียงพระบิดาเธอที่โดดเด่นเหนือผู้ใด และเสด็จพี่ของเธอที่หล่อเหลาสูงส่งที่สุด
แต่เมื่อชายผู้นี้ปรากฎกาย กลับทำลายความเชื่อนี้ของเธอลง!
เห็นเพียงชายหนุ่มผู้นี้ขนาดยืนเช่นนี้ยังรูปร่างงามสง่า สุขุมผ่าเผย สูงส่งน่าเกรงขาม ทำให้คนมิอาจละสายตา
ชายผู้นี้ หากยืนอยู่ร่วมกับพระบิดาและเสด็จพี่ ต้องสูสีเป็นแน่!
ชายหนุ่มสูงส่งน่าเกรงขาม หล่อเหลาเหนือสามัญเช่นนี้ ทำให้เธอใจเต้นจริงๆ!
ชายผู้นี้ เธออ้าวเทียนเสวี่ยต้องได้ครอบครอง!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของอ้าวเทียนเสวี่ยปรากฎความมั่นใจและต้องทำให้สำเร็จขึ้นมา!
ดังนั้น ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนกุมมือของซินเอ๋อร์จะไปจากที่นี่ อ้าวเทียนเสวี่ยพลันเอ่ยปากอย่างตกใจขึ้น
“คุณชาย เดี๋ยวก่อน!”
อ้าวเทียนเสวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ แต่เสียงยังคงไพเราะ ดุจนกขมิ้นในหุบเขา ไพเราะจับใจ!
หลังได้ยินคำพูดของอ้าวเทียนเสวี่ย สายตาของสามคนภายในห้องต่างมองไปที่อ้าวเทียนเสวี่ย
ทว่าสายตาของเสี่ยวหวนและซินเอ๋อร์ที่มองอ้าวเทียนเสวี่ยกลับแฝงไปด้วยความแปลกใจ
เพราะเมื่อครู่หญิงสาวผู้นี้ มีน้ำเสียงโอหัง และยังจองหองไร้มารยาท เย่อหยิ่งทะนงตนอย่างมาก ทำให้ผู้คนไม่ชื่นชอบ
ทว่าเพียงพริบตาเดียว สาวน้อยผู้นี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เห็นเพียงขณะที่สาวน้อยเห็นชายหนุ่มมองมาที่ตน ใบหน้าเล็กที่ประทินโฉมด้วยชาด พลันเผยรอยยิ้มงดงามออกมา
ยื่นมือจัดแจงผมที่ยุ่งเหยิงและเสื้อผ้า ลงจากเตียง เดินอย่างอรชรอ้อนแอ้นมาที่หน้าเหลิ่งอวี้เซวียน ก่อนพลันคารวะเหลิ่งอวี้เซวียน พร้อมกล่าวยิ้มๆ
“ขอบคุณ คุณชายที่ช่วยชีวิตข้า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน เกรงว่าข้า…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ อ้าวเทียนเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มงดงามออกมา ก่อนมองชายหนุ่มอย่างชื่นชม
เห็นเพียงสาวน้อยที่มีสีหน้าโอหังวางอำนาจได้หายไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงสาวน้อยที่แง่งอนและเหนียมอาย
รวมทั้งหญิงสาวผู้นี้ ใบหน้าดุจดอกท้อ อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าสวยสดงดงาม การพยักหน้าเบาๆ นั้น ดวงตาคู่งามพลันเย้ายวนใจ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ หากชายอื่นเห็นเข้า ต้องจิตใจฟุ้งซ่าน หื่นกระหายอย่างยิ่งแน่นอน
แต่ชายหนุ่มเหล่านั้น กลับไม่ได้รวมถึงเหลิ่งอวี้เซวียน!
หลังเห็นการคารวะ ท่าทางมีระดับของหญิงสาวตรงหน้า เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงพยักหน้าตามมารยาทให้แก่อ้าวเทียนเสวี่ย ดวงตานิ่งสงบ มองหญิงสาวอย่างไร้ความตกใจ หื่นกระหาย คล้ายเธอเป็นเพียงคนที่สัญจรผ่านมา
“คนที่ช่วยเจ้าคือซินเอ๋อร์ หากเจ้าอยากขอบคุณ ก็ขอบคุณนางเถิด”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบแหบพร่า คล้ายไม่ได้คิดสนทนากับอ้าวเทียนเสวี่ย
สำหรับเรื่องนี้ กลับทำให้อ้าวเทียนเสวี่ยตกตะลึง
เพราะรูปโฉมของเธอ คือสิ่งที่เธอมั่นใจเป็นที่สุด!
ที่ผ่านมาเพียงเธอทอดสายตามองชายหนุ่มใดเพียงเล็กน้อย สามารถทำให้ชายผู้นั้นหลงใหลอย่างยิ่ง คิดถึงเธอทั้งวันทั้งคืน เคลิบเคลิ้มหลงใหล
เดิมทีคิดว่าบนโลกนี้นอกจากพระบิดาและเสด็จพี่แล้ว ชายทุกคนต่างกราบกรานสยบอยู่ใต้กระโปรงของเธอ แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ กลับแตกต่างออกไป!
เห็นเพียงดวงตาดำขลับล้ำลึกของชายผู้นี้ ราวกับบ่อน้ำพันปี ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง และนิ่งสงบ
สายตาที่มองเธอก็ไม่คล้ายกับชายอื่นที่แฝงไปด้วยความลุ่มหลงยามเห็นเธอ
นี่จะไม่ให้อ้าวเทียนเสวี่ยแปลกใจและตกตะลึงได้อย่างไร!
ทว่าความแตกต่างของชายหนุ่มตรงหน้านี้ ทำให้ดูมีเอกลักษณ์อย่างเด่นชัด!
สมกับที่เป็นชายที่เธอต้องตาเสียจริง!
หากชายหนุ่มตรงหน้านี้ เพียงเธอทอดสายตาไปก็หลงเสน่ห์เธอ เช่นนั้นเธอคงคิดว่าเขาไม่ได้แตกต่างจากชายอื่น
เวลานี้อ้าวเทียนเสวี่ยยิ่งแน่วแน่ในความคิดนี้ของตน
ชายผู้นี้ ต้องเป็นของเธอ!
ทว่า…
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาของอ้าวเทียนเสวี่ยอดมองไปที่มือของชายหนุ่มตรงหน้าและสาวน้อยชุดขาวที่รัดกันไว้แน่นไม่ได้
แม้แคว้นเทียนหยวนจะมีวัฒนธรรมประเพณีที่เปิดกว้าง แต่เจ้านายและสาวใช้ กลับจับมือกันอย่างไม่ปิดบังต่อหน้าผู้อื่น เรื่องนี้…
เห็นเช่นนั้น ในใจอ้าวเทียนเสวี่ยอดมีความโกรธเคืองทะลักขึ้นมาไม่ได้
แต่บนใบหน้ากลับแตกต่างจากในใจราวฟ้ากับดิน!
ใบหน้าเล็กงดงามนั้น ขณะที่มองซินเอ๋อร์ เผยอริมฝีปากแดงขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนยิ้มให้กับซินเอ๋อร์
“ที่แท้เป็นน้องสาวผู้นี้ที่ช่วยเหลือข้า ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
อ้าวเทียนเสวี่ยกล่าวยิ้มๆ สำหรับซินเอ๋อร์ นี่คือท่าทางมีระดับ รูปแบบของกุลสตรี ลูกผู้ดีอันสมบูรณ์แบบ
เมื่อเห็นท่าทางนี้ของอ้าวเทียนเสวี่ย เสี่ยวหวนและซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง
เพราะก่อนหน้านี้ หญิงสาวผู้นี้ยังปฏิบัติกับพวกเธอด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ เหตุใดตอนนี้กลับคล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน
พูดจาอ่อนโยนมีมารยาท กิริยาท่าทางดูดี ใจกว้างงามสง่า หากเมื่อครู่พวกเธอไม่เห็นความร้ายกาจของหญิงสาวผู้นี้มาก่อน คงคิดจริงๆ ว่าหญิงสาวผู้นี้ เดิมทีมีนิสัยท่าทางเช่นนี้!
เพราะแปลกใจ ซินเอ๋อร์จึงไม่ได้ตอบกลับไปทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ได้สติกลับมา จึงเอ่ยกับอ้าวเทียนเสวี่ยอย่างอ้ำอึ้งว่า
“เอ่อ คือว่า ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้ายินดีช่วยเหลือ”
สำหรับความผิดปกติของซินเอ๋อร์ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนอดชำเลืองมองไม่ได้
แต่เมื่อครู่เหลิ่งอวี้เซวียนไม่รู้ว่าที่นี่เกิดเรื่องใดขึ้น ดังนั้นจึงย่อมไม่รู้ว่าเหตุใดซินเอ๋อร์จึงมีสีหน้าแปลกประหลาดยามเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้นี้
ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนไม่สนใจให้มากความ เพียงกุมมือซินเอ๋อร์แน่น ก่อนเอ่ยกับอ้าวเทียนเสวี่ยว่า
“เมื่อหมดธุระของเจ้าแล้ว กลับบ้านของเจ้าไปเถิด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถึงตรงนี้ คิดดึงตัวซินเอ๋อร์จากไป ทันใดนั้นอ้าวเทียนเสวี่ยกลับร้องตกใจขึ้นมา ก่อนขวางหน้าเหลิ่งอวี้เซวียนเอาไว้
“ไม่ คุณชาย เดี่ยวก่อน”
“หือ เจ้ายังมีเรื่องใดอีกหรือ!”
สำหรับการขัดขวางของอ้าวเทียนเสวี่ย เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงขมวดคิ้ว พร้อมเอ่ยถามขึ้น
น้ำเสียงแม้จะแผ่วเบา แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี ต่างทราบดีว่าเวลานี้เหลิ่งอวี้เซวียนเริ่มหมดความอดทน
ทว่าอ้าวเทียนเสวี่ยกลับไม่รับรู้ถึงความไม่พอใจของเหลิ่งอวี้เซวียน หลังขวางหน้าเขา บนใบหน้าพลันเผยท่าทางน่าสงสารออกมา ก่อนเอ่ยขอร้องขึ้น
“คุณชาย ข้า ข้าในตอนนี้ไร้ญาติขาดมิตร ขอร้องท่านได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วยเถิด ให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อเถิด ได้โปรด”
หลังเอ่ยจบ เสียงของหญิงสาวดูสะอึกสะอื้น ภายในแววตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา ทำให้หญิงสาวบอบบาง น่าสงสารยิ่งนัก!
หญิงสาวน่าเห็นใจเอ่ยอ้อนวอนเช่นนี้ หากเป็นชายอื่น เกรงว่าคงใจเต้นอย่างหนัก และคงดูแลปกป้องเธอเป็นอย่างดี
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนหลังเห็นดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา ท่าทางน่าสงสารของหญิงสาว กลับมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเพียงเอ่ยปากอย่างราบเรียบขึ้นว่า
“วังของข้าไม่รับคนที่ไร้ประโยชน์!”
เพราะเหลิ่งอวี้เซวียนคือพ่อค้า ไม่ใช่นักบุญ เขาไม่ทำสิ่งที่ขาดทุน!
สำหรับคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน อ้าวเทียนเสวี่ยได้ยิน เกรงว่าเขาจะรีบไล่เธอออกไป ในใจจึงพลันหวั่นวิตก
นี่จะได้เช่นไร!
ชายผู้นี้คือคนที่เธอหมายปอง เก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน[1] เธอต้องอยู่ที่นี่จนกระทั่งได้ครอบครองหัวใจของชายหนุ่ม!
และเธออ้าวเทียนเสวี่ย หากต้องการไม่ว่าสิ่งใด ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้มาก่อน!
หลังคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาอ้าวเทียนเสวี่ยเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากอ้อนวอนขึ้นอีกครั้ง
“คุณชาย เพียงท่านให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้ายินยอมเป็นสาวใช้ของคุณชาย ปรนนิบัติท่านไม่ให้ขาดตกบกพร่อง!”
อ้าวเทียนเสวี่ยกัดฟันแน่นชั่วขณะ ก่อนทำการตัดสินใจที่ตนเองก็ไม่เชื่อนี้ออกมา!
คิดแล้ว เธอเป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์ เพียงลืมตาดูโลก ถูกกำหนดให้เสพสุขบนกองเงินกองทอง มีน้ำชา อาหารป้อนถึงปาก ต้องการสิ่งใดล้วนสมปรารถนา
ที่ผ่านมามีเพียงผู้อื่นปรนนิบัติรับใช้เธอ เธอเคยปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่นที่ใด
แต่เพื่อชายหนุ่มตรงหน้านี้ เธอยอมที่จะลำบาก
เพราะเพียงเธอเป็นสาวใช้ของชายผู้นี้ ด้วยเสน่ห์ของเธอ ไม่เชื่อว่าชายผู้นี้จะไม่ยอมสยบอยู่ใต้ชายกระโปรงของเธอ
นี่เป็นเพียงปัญหาด้านเวลาเท่านั้น
และอ้าวเทียนเสวี่ยมั่นใจว่าชายผู้นี้ ต้องไม่ปฏิเสธคำขอร้องของเธอแน่นอน
เพราะมีสาวใช้ดุจบุปผา ดุจหยกปรนนิบัติอยู่ข้างกาย ชายใดจะไม่ยินยอม!
ขณะอ้าวเทียนเสวี่ยคิดอย่างภูมิใจในใจ และมั่นใจว่าเหลิ่งอวี้เซวียนต้องตอบตกลงแน่นอน ผลสุดท้ายสิ่งที่เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยออกมา กลับตรงข้ามกับความคิดในใจของเธอ
“ข้าไม่ต้องการสาวใช้อื่นปรนนิบัติ ดังนั้นเจ้าจากไปเถิด!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหลิ่งอวี้เซวียน อ้าวเทียนเสวี่ยพลันดุจถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ ตะลึงอยู่ตรงนั้น
ดวงตาคู่งามนั้นเบิกกว้างขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เพราะเธอไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีชายหนุ่มที่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ และยังปฏิเสธคำขอร้องของเธอ
คิดแล้ว เธอเป็นถึงองค์หญิงสูงศักดิ์ เกิดในราชวงศ์ชั้นสูง การให้เธอปรนนิบัติถือเป็นโชคดีที่หาได้ยากของเขาแล้ว และเธอยังยินยอมพร้อมใจ แต่ชายผู้นี้กลับไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี กล้าปฏิเสธเธอ
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจอ้าวเทียนเสวี่ยโมโหอย่างหนัก
ทำตาขวาง ก่อนพลันกัดฟันเอ่ยขึ้น
“เจ้า!”
“ข้า ทำอันใด!”
สำหรับความโมโหของอ้าวเทียนเสวี่ย เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงชำเลืองมองเท่านั้น
เมื่อเห็นรูปโฉมหล่อเหลา บุคลิกโดดเด่นไม่เหมือนผู้ใดของชายหนุ่ม
อ้าวเทียนเสวี่ยที่โมโหอย่างหนัก ไม่รู้เพราะเหตุใด ความโมโหภายในใจพลันสูญสลายไป
เพราะชายผู้นี้เป็นชายคนแรกที่ปฏิเสธเธอ และเป็นชายคนแรกที่เธอหมายปอง จึงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
ทว่าชายผู้นี้ยิ่งเป็นเช่นนี้ เธอยิ่งชื่นชอบ
ดังนั้น วันนี้เธอต้องอยู่ที่นี่ให้ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของอ้าวเทียนเสวี่ยจึงอ่อนลง น้ำตาภายในดวงตาระยิบระยับ น้ำเสียงดูน่าสงสาร
“คุณชาย ขอให้ท่านโปรดเห็นใจ ข้าไร้ญาติขาดมิตร ขอให้ท่านยอมให้ข้าอยู่ที่นี่เถิด เพียงอยู่ที่นี่ได้ ข้าพร้อมยอมทำทุกอย่าง”
อ้าวเทียนเสวี่ยเอ่ยอย่างน่าสงสาร เมื่อเห็นเหลิ่งอวี้เซวียนมองเธออย่างเฉยชา ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา
ก่อนสุดท้ายสายตาอดมองไปยังซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ ก่อนเอ่ยด้วยแววตาที่อ่อนลง และขอร้องอย่างน่าสงสาร
“น้องสาว เจ้าช่วยขอร้องคุณชายด้วยเถิด ข้าน่าสงสารยิ่งนัก”
“เอ่อ คือว่า…”
…………………………………………………………………………………
[1] เก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน (所谓近水楼台先得月) หมายถึง การที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ