จุมพิตนี้ดำเนินไปอยู่นานจึงหยุดลง
ขณะนั้นซินเอ๋อร์ถูกจุมพิตจนร้องครวญครางไม่หยุด หน้าแดง ใจเต้นแรง
ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความมึนงง สวยหยาดเยิ้มดุจเส้นไหม เวลานี้กำลังจับจ้องมาที่ชายหนุ่มตรงหน้า
ริมฝีปากชุ่มฉ่ำคู่นั้น ถูกชายหนุ่มจุมพิตจนแดงและบวมเป่ง
และเส้นผมดำขลับแฝงยุ่งเหยิงนั้น ทั้งหมดสยายอยู่บนพื้นหญ้า ทำให้ใบหน้าเล็กของเธอยิ่งงดงามชวนหลงใหลเพิ่มขึ้น เย้ายวนใจอย่างที่สุด!
เมื่อมองสาวน้อยที่ถูกตนกดไว้ใต้ร่าง ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนจิตใจฟุ้งซ่าน กลืนน้ำลาย และใจเต้นเร็วมากขึ้น
ความปรารถนาที่ร้อนแรง เดือดพล่านขึ้นมาไม่หยุด
หากเป็นไปได้ เขาต้องการสาวน้อยผู้นี้จริงๆ
ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนทราบดีว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
เฮ้อ…
ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ อดข่มกลั้นอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้ หลังอารมณ์ยุ่งเหยิงนั้นกลับมาเป็นปกติ จึงกระโดดขึ้นจากพื้นหญ้า ก่อนยื่นมือดึงซินเอ๋อร์ที่ยังนอนอยู่บนพื้น
“เอ๊ะ!”
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์ตะลึงงันอย่างไม่เข้าใจชั่วขณะ สายตาที่มองชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
“มีสิ่งใดหรือ”
“ฮ่า ๆ เมื่อครู่เจ้าเอ่ยว่าอยากขี่ม้ามิใช่หรือ ตอนนี้ข้าจะสอนเจ้าขี่ม้า!”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางน่ารักสับสนมึนงงของสาวน้อย เหลิ่งอวี้เซวียนอดเอ่ยอธิบายไม่ได้
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ใบหน้าเล็กที่สงสัยประดับด้วยรอยยิ้มสดใส
“จริงหรือ ท่านจะสอนข้าขี่ม้า!”
“ฮ่า ๆ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว มา รีบเข้าเวลายังเช้า พวกเรามาฝึกกันก่อน เพื่อทำให้เจ้าคุ้นชิน เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันพยักหน้าตกลง
เพราะตื่นเต้นดีใจ ดวงตาชุ่มฉ่ำคู่นั้นเปล่งประกายแวววาวเปี่ยมด้วยความสุข
ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงสอนซินเอ๋อร์ขี่ม้าตลอดทั้งบ่าย
ตอนแรกซินเอ๋อร์เริ่มได้แย่อย่างยิ่ง ระแวดระวัง กังวลไปทั่วร่างกาย
เพราะม้าสุดที่รักของเหลิ่งอวี้เซวียนตัวนี้ สูงใหญ่อย่างยิ่ง ซินเอ๋อร์จึงหวาดกลัวว่าตนจะตกลงไปตลอดเวลา
ต่อมาหลังเหลิ่งอวี้เซวียนเห็น จึงเข้าไปดูแลซินเอ๋อร์ทั้งจูงเชือกให้ และเอ่ยปลอบโยนพลางชี้แนะซินเอ๋อร์ด้วย
เหลิ่งอวี้เซวียนคืออาจารย์ที่ดีผู้หนึ่ง สั่งสอนชี้แนะอย่างมีความอดทนอย่างยิ่ง
เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของเขานั้น คล้ายสายลมเดือนสามอันอบอุ่น พัดเอื่อยทำให้ความไม่สบายใจทั้งหมดในใจของซินเอ๋อร์พลันสลายหายไป
หลังฝึกฝนมาถึงตอนจบ ซินเอ๋อร์สามารถขี่ม้าในระยะทางใกล้อย่างช้าๆ ได้ ขณะที่เหลิ่งอวี้เซวียนปล่อยมือจากเชือก
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกเพียงดีใจจนตัวลอย
บนใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ขมวดคิ้วมุ่นเคร่งเครียดนั้น คลายออกอย่างช้าๆ ก่อนเปลี่ยนไปลำพองใจ
ปากเล็กแดงสดนั้นก็ประดับด้วยรอยยิ้มสดใสตามไปด้วย
รอยยิ้มนั้นคล้ายดอกบัวหลังสายฝน บริสุทธิ์โดดเด่น งดงามจนหาที่เปรียบมิได้!
และเสียงหัวเราะดุจนกขมิ้นนั้น ดังขึ้นอยู่ริมแม่น้ำสวยงามสายนี้อย่างไพเราะ หวานชื่น ทำให้คนฟังอารมณ์ดีขึ้นมา
“ฮ่าๆ เซวียน ข้าขี่ม้าได้แล้ว ในที่สุดข้าก็ขี่ม้าได้แล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก!”
หลังขี่ม้าเหยาะๆ ได้ในระยะสั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกว่าตนเรียนสิ่งสำคัญจบแล้ว ดังนั้นจึงมีความกล้าคิดลองยกแส้ขึ้นฟาดลงบนม้า เพื่อลิ้มลองความรู้สึกควบม้าพุ่งทะยานสักครั้ง
ผู้ใดจะรู้ หลังซินเอ๋อร์ยกแส้ยาวฟาดลงบนม้า เมื่อม้าเจ็บปวดพลันยกเท้าขึ้น ก่อนวิ่งพุ่งไปด้านหน้าสุดกำลัง
หากคนที่เข้าใจการขี่ม้า สำหรับเรื่องนี้ถือว่าควบคุมได้อย่างง่ายดาย
แต่ซินเอ๋อร์เป็นเพียงคนที่เพิ่งเริ่มขี่ม้า หลังรับรู้ถึงความโคลงเคลงรุนแรงของม้า อดตกใจอย่างหนักไม่ได้ พลันหวาดวิตก
เชือกในมือเวลานี้หล่นออกห่างจากมือเล็กของตน
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์อดกรีดร้องขึ้นมาไม่ได้ ทันใดนั้นรู้สึกเพียงร่างกายตนถูกม้าเหวี่ยงลอยออกไป
ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงว่างเปล่าอย่างฉับพลัน หัวใจพลันตกลงสู่เหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง
เดิมทีคิดว่าครั้งนี้ตนไม่เสียชีวิตก็ต้องพิการ
ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงปิดตาแน่นอย่างตกใจ รอความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นอย่างกังวลหวาดกลัว
ผู้ใดจะรู้ ซินเอ๋อร์รออยู่เป็นเวลานาน ความเจ็บปวดที่คาดคิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น และตนตกสู่อ้อมกอดหนาแข็งแกร่ง
ใบหน้าเล็กซบอยู่ในอ้อมกอดอันคุ้นเคยและเปี่ยมด้วยความปลอดภัยนั้น แม้ซินเอ๋อร์จะไม่ลืมตาขึ้นมอง ก็รู้ว่าผู้ใดรับตัวเธอเอาไว้
ใจที่เคยหวาดหวั่นก็สงบลงเช่นเดียวกัน และในใจถูกความรู้สึกปลอดภัยล้อมรอบเอาไว้
ชายผู้นี้ ทุกครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตรายจะปรากฎกายขึ้นช่วยเหลือเธอ จะไม่ให้เธอใจเต้นได้เช่นไร!
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์ที่ซาบซึ้งอย่างยิ่งอยู่นั้น เหลิ่งอวี้เซวียนที่กำลังกอดเธอไว้แน่น เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ซบใบหน้าเล็กอยู่ในอกตน กลับเอาแต่เงียบไม่พูดจา และอดเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ได้
“ซินเอ๋อร์ เป็นอันใดหรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องกับเจ้า ไม่ต้องกลัว!”
“เซวียน ท่านดียิ่งนัก ทุกครั้งที่ข้าเกิดเรื่องล้วนเป็นท่านที่ปรากฎตัวขึ้นช่วยเหลือข้า
เมื่อได้ยินคำพูดห่วงใยแหบพร่าของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมาอย่างซาบซึ้ง ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่ม
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลางดงามดุจรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตของชายหนุ่มนั้น ท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจรัสดูงดงาม มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นหลายส่วน ซินเอ๋อร์มองอย่างซาบซึ้งและใจเต้นแรง
คล้ายชายหนุ่มอ่อนโยนโดดเด่นเช่นตรงหน้านี้ ทำให้ผู้คนยากที่จะไม่ชื่นชอบเสียจริง!
ส่วนชายหนุ่มหลังได้ยินคำพูดซินเอ๋อร์ อดยิ้มอย่างอ่อนโยนที่มุมปากไม่ได้ ทันใดนั้นริมฝีปากแดงเผยอขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความหยอกล้อและจริงจังหลายส่วน
“หากคิดว่าข้าดี เช่นนั้นก็รีบรับปากข้าเถิด มิฉะนั้นวันหน้าข้าดีกับผู้อื่นแล้ว เจ้าอาจต้องเสียใจ!”
“ท่านกล้าหรือ!”
เมื่อได้ยินเหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ซินเอ๋อร์อดกังวลไม่ได้
ทันใดนั้นจึงเบ้ปากเอ่ยขึ้นทันที
แต่ซินเอ๋อร์เวลานี้กลับไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดนี้ของตน แฝงไปด้วยความหึงหวงที่ตนคาดไม่ถึง
ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงได้
เมื่อเห็นสาวน้อยยกปากเล็กขึ้น ดวงตาแฝงไปด้วยไฟโทสะ ชายหนุ่มกลับไม่โกรธเคือง แต่หัวเราะออกมา
ในใจคล้ายอาบไปด้วยน้ำผึ้ง หวานชื่นอย่างยิ่ง
“ฮ่าๆ เด็กโง่ ข้าไม่กล้าแน่นอน และไม่ยินยอมอีกด้วย เพราะชั่วชีวิตนี้ ข้าจะมีเพียงเจ้า และดีต่อสตรีเพียงผู้เดียวนั่นคือเจ้าเท่านั้น!”
เหลิ่งอวี้เซวียนพลางหัวเราะลั่น พลางอดบีบจมูกเล็กของซินเอ๋อร์ไม่ได้
และเวลานี้เหลิ่งอวี้เซวียนในที่สุดก็รับรู้ว่า สาวน้อยผู้นี้ความจริงในใจก็มีเขาเช่นกัน
มิฉะนั้น หลังเธอได้ยินคำพูดนี้คงไม่หึงหวง มิใช่หรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนตื่นเต้นในใจอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เขาดีใจมากกว่าการค้าขายครั้งใหญ่สำเร็จ!
ส่วนซินเอ๋อร์ขณะได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ที่มองเธอหัวเราะลั่น จึงพบว่าน้ำเสียงของตนเมื่อครู่ คล้ายมีความหึงหวง สวรรค์ น่าขายหน้ายิ่งหนัก!
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ในใจเธอยังหวานชื่น
…
จนกระทั่งพระอาทิตย์ใกล้ตก เหลิ่งอวี้เซวียนและซินเอ๋อร์จึงขี่ม้าตัวเดียวกันมุ่งไปยังทิศทางของวังอย่างช้าๆ
เห็นเพียงเวลานี้กำลังเป็นช่วงพลบค่ำ
พระอาทิตย์คล้อยทางทิศตะวันตก และแสงอาทิตย์สีส้มช่วงสุดท้ายเปล่งประกายสีทองออกมา ทำให้ท้องฟ้าทางทิศตะวันตกดูมีสีสันแวววาว ดุจผ้าไหมสวยงามผืนหนึ่ง
นอกจากนี้แสงอาทิตย์สีส้มนั้นยังสาดส่องลงมาทั่วแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินงดงามและโรแมนติกอย่างไร้คำบรรยาย
ซินเอ๋อร์และเหลิ่งอวี้เซวียนนั่งอยู่บนม้าอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ม้าเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
ระหว่างเดินทางทั้งสองคนต่างไม่พูดจา แต่กลับมีความสุขกับช่วงเวลาอันอบอุ่นนี้อย่างยิ่ง
เมื่อเห็นท้องนาเขียวขจี รวงข้าวชูช่อ ลำธารเล็กสองข้างทาง และไม่ไกลออกไปมีกลุ่มควันลอยกรุ่น ชาวนาแบกจอบเสียม เดินช้าๆ กลับบ้าน
หูได้ยินเสียงนกหลากหลายชนิดบินกลับรัง มีเสียงหัวเราะดีใจของครอบครัวชาวนาดังไม่หยุดอยู่ไม่ไกล ทำให้ทั้งหมดนี้ เปลี่ยนไปอบอุ่น และทำให้คนโหยหา
ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ต่างทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนโหยหาอย่างยิ่ง
ตั้งแต่เด็กจนโต เพียงถือกำเนิดมา เขาก็ถูกกำหนดให้มีชื่อเสียงบารมีแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจกับเรื่องอำนาจบารมีนั้น แม้จะหาเงินทองได้มากมาย ในใจเขากลับมักไม่พอใจ
เพราะความจริงในก้นบึ้งหัวใจของเขา สิ่งที่โหยหาที่สุดคือสามารถมีชีวิตที่เรียบง่ายเช่นชาวนาพวกนี้ เช้าออกไปทำงาน เย็นค่ำกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน มีภรรยารักรอคอยตนอยู่ จัดเตรียมมื้อเย็นอันเลิศรสไว้เพื่อเขา
ในอ้อมแขนมีเด็กน้อยที่น่ารักที่สุดของพวกเขา เรียกเขาว่าท่านพ่อไม่หยุด
ความจริงความปรารถนาของเขา คือสิ่งที่เรียบง่ายเช่นนี้เท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาของเหลิ่งอวี้เซวียนอดมองคนตัวเล็กสวยงามด้านหน้าไม่ได้
เห็นเพียงคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขา เวลานี้นั่งอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างน่ารักและนิ่งสงบ ดังนกน้อยตัวเล็กเปราะบางที่เกาะอยู่บนไหล่
สายลมยามเย็นพัดเอื่อย จนชุดของสาวน้อยปลิวไสว เส้นผมยาวดำสนิทก็สยายไปตามสายลม
และบางเส้นยังซุกซน ยามถูกลมพัดเบาๆ จะคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้ากระจ่างหมดจด ดุจหยกงามของสาวน้อย ทำให้ใบหน้าไร้เดียงสาของเธอยิ่งดูอ่อนช้อยงดงามมากยิ่งขึ้น
เห็นเช่นนั้น สายตาเหลิ่งอวี้เซวียนพลันอ่อนลง มองสาวน้อยอย่างรักใคร่เอ็นดูหลายส่วนอย่างไม่ปิดบัง
มือใหญ่เรียวยาวคู่นั้น ปัดเส้นผมที่ตกอยู่ข้างแก้มสาวน้อยขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะปัดไปด้านหลังอย่างเบามือ
เมื่อรับรู้ถึงการกระทำของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ที่มองไปด้านหน้าอดตะลึงงันไม่ได้ จึงเงยหน้าหันไปมองชายหนุ่มด้านหลัง
ดวงตาทั้งคู่จึงจ้องมองกัน
ดวงตาดำขลับอ่อนโยนสบเข้ากับดวงตากระจ่างใส ทันใดนั้นพลุไฟเปล่งประกายรอบทิศ
แต่เวลานี้พลันมีเสียงครางอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาขัดจังหวะ
เสียงนั้นแปลกประหลาด คล้ายมีคนบาดเจ็บ หรือเพราะกำลังเจ็บปวดจึงร้องครางออกมา
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ตกใจ รีบดึงสายตาที่ตกอยู่บนใบหน้าชายหนุ่มกลับมา ก่อนดวงตาคู่งามจะกวาดมองหาที่มาของเสียง พลางเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“เซวียน ท่านฟังสิ คล้ายมีคนกำลังร้องออกมา หรือว่าจะมีคนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าไปดูเถิด!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ ดวงตาดำขลับแคบยาวของเหลิ่งอวี้เซวียนคู่นั้น กวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว แต่ว่าเมื่อสายตาของเขามองไปที่พุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาดำขลับอดปรากฎความแปลกใจขึ้นมาไม่ได้
เฮอะ นึกว่าเป็นสิ่งใด ที่แท้คือห่านป่าคู่หนึ่ง!
………………………………………………………………………………….