เมื่อเห็นซินเอ๋อร์ก้มหน้าหลุบตาลง นิ่งเงียบไม่พูดจา เหลิ่งอวี้เซวียนพลันเคร่งขรึมลง ความดีใจที่มีพลันคล้ายตกจากเมฆสูงลงสู่ขุมนรกที่ไม่อาจขึ้นมาได้อีก
เขาคาดหวังอย่างมาก คิดว่าเพียงเขาพูดความในใจออกไป จะได้รับคำตอบเช่นเดียวกันของหญิงสาวกลับมา
ทว่าตอนนี้คิดดูแล้ว เขาคงมั่นใจในตนเองเกินไป
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงเศร้าโศก
สายตาที่มองซินเอ๋อร์แฝงไปด้วยความเสียใจและผิดหวังอย่างเกินบรรยาย
อาจเพราะรับรู้ถึงความเสียใจของชายหนุ่ม จึงเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด ซินเอ๋อร์จึงรีบเงยหน้าขึ้นเอ่ยอธิบายอย่างตื่นตระหนก
“เซวียน ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้า ข้า ข้า ไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียง…”
พอเอ่ยถึงตอนสุดท้าย ซินเอ๋อร์ไม่รู้ควรอธิบายเช่นไรถึงจะดี
ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์ร้อนใจกังวลอย่างยิ่ง มือเล็กขาวผ่องคู่นั้นพันกันแน่น
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ทนมองเธอร้อนใจกังวลไม่ได้ จึงยื่นมือใหญ่ออกไปกุมมือเล็กของเธอ ก่อนเอ่ยเสียงเข้มขึ้น
“เอาล่ะ ซินเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องอธิบาย วันนี้ข้ารีบร้อนเกินไป”
“เซวียน”
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ทำตัวไม่ถูก อดกัดริมฝีปากครู่หนึ่งไม่ได้
“ซินเอ๋อร์ ข้าเพียงอยากถามเจ้าประโยคเดียว ในใจของเจ้าชื่นชอบข้าสักนิดหรือไม่!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปากขึ้น ดวงตาดำขลับแคบยาวคู่นั้นจับจ้องบนกายของซินเอ๋อร์ รอคอยคำตอบของซินเอ๋อร์อย่างจริงจังและกังวล
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์จึงปวดใจ
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของชายหนุ่ม อดเม้มริมฝีปากแน่นไม่ได้ แม้จะลังเล ทว่ายังเอ่ยความจริงออกไป
“ชื่นชอบ”
เสียงซินเอ๋อร์แผ่วเบาอย่างมาก แต่คำพูดของเธอยังดังถึงหูของเหลิ่งอวี้เซวียน
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน ความหดหู่ผิดหวังบนใบหน้าพลันหายไปอย่างรวดเร็ว
เพราะเพียงเขารู้ว่าซินเอ๋อร์ชื่นชอบเขา เพียงพอแล้ว
อาจเพราะเมื่อครู่เขาวู่วามเกินไป ดังนั้นซินเอ๋อร์ที่ยังไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้ จึงไม่ได้ตอบตกลง
ทว่าไม่เป็นไร เขายินดีที่จะรอ!
หลายปีมานี้ต่างเฝ้ารอมาแล้ว เขาจะไม่สามารถอดทนรอคอยต่อไปอีกได้เช่นไร!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก อดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้
“ฮ่า ๆ ซินเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า ข้าดีใจมากเพียงใด!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ สองมือค่อยๆ สวมสร้อยในมือให้กับซินเอ๋อร์อย่างตั้งใจ พร้อมเอ่ยขึ้น
“สร้อยเส้นนี้ เป็นตัวแทนหัวใจของข้า ซินเอ๋อร์ต่อไปห้ามทำหล่นหายอีก เจ้าเก็บเอาไว้ รับปากข้าได้หรือไม่!”
“อืม”
เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่า ซินเอ๋อร์เพียงก้มศีรษะลง ก่อนพยักหน้าเบาๆ
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น รู้เพียงซินเอ๋อร์เขินอาย รอยยิ้มที่มุมปากก็กว้างขึ้น
“ซินเอ๋อร์ คำพูดเมื่อครู่ของข้ามาจากใจจริง เจ้ากลับไปคิดดูให้ดีเถิด ข้ารอเจ้าได้ เพราะข้าชื่นชอบเจ้าจริงๆ”
คำพูดเปี่ยมด้วยความรักของเหลิ่งอวี้เซวียนดังวนเวียนอยู่ในหูของซินเอ๋อร์ตลอดเวลา จึงทำให้เธอทั้งซาบซึ้งและใจเต้นแรง
แต่เธอที่ต่ำต้อยเช่นนี้ จะอยู่กับเขาได้จริงหรือ! ซินเอ๋อร์ไม่รู้
อาจเพราะรู้ว่าคำพูดนั้นของตนทำให้ซินเอ๋อร์สับสนอย่างหนัก ดวงตาดำขลับของเหลิ่งอวี้เซวียนจึงเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าหิวหรือไม่ พวกเราไปทานปลาย่างกันเถิด!”
“หา ปลาย่างหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์พลันถูกเบี่ยงเบนความสนใจไป จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น พลันยื่นมือเขี่ยจมูกเธอเบาๆ ก่อนกล่าวยิ้มๆ
“ถูกต้อง ปลาในแม่น้ำสายนี้ เนื้อปลาสดนุ่ม อร่อยเป็นที่สุด เจ้ารออยู่ที่นี่ ไม่นานก็มีปลาย่างทานแล้ว”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ ยื่นมือใหญ่ลูบหน้าผากของซินเอ๋อร์ จนกระทั่งเส้นผมของเธอต่างถูกขยี้จนยุ่งเหยิง จนทำให้เธอมองเขาตาขวาง จึงหัวเราะลั่นก่อนหมุนกายจากไป
เหลิ่งอวี้เซวียนลงมือสำเร็จอย่างรวดเร็ว และเขารักษาคำพูด
เขาเพียงยืนเงียบๆ อยู่ริมแม่น้ำโดยไม่ไหวติง คล้ายหินแกะสลักก้อนหนึ่ง ทำให้ซินเอ๋อร์มองอย่างสงสัย
แต่ไม่นานเห็นชายหนุ่มพลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ปลายเท้ารวดเร็วปานลมกรด ร่างกายดุจนกนางแอ่น กระโดดลงไปในแม่น้ำ
ก่อนยื่นแขนลงไป ภายในมือใหญ่พลันมีปลาตัวใหญ่อ้วนพีสองตัวอยู่
เห็นเพียงชายหนุ่มกระโดดพลิกตัวรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับมายังพื้นดินอีกครั้ง
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ซินเอ๋อร์ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงและแปลกใจ ปากเล็กอ้าออก สายตาที่มองชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส
“อา เซวียน ท่านร้ายกาจยิ่งนัก”
ซินเอ๋อร์อดปรบมืออย่างดีใจไม่ได้ และสายตาที่มองเหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายสายตาของแฟนคลับที่เลื่อมใสไอดอล
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนพอใจอย่างยิ่ง มีความสุขกับความเลื่อมใสของซินเอ๋อร์
ชายหนุ่มจึงยิ้มมุมปากอย่างลำพองใจและภาคภูมิใจ
“ฮ่า ๆ หากข้าไม่ได้เรื่อง ข้ากลัวเจ้าจะไม่ชอบข้า!”
“เอ่อ”
เมื่อได้ยินคำพูดเย้าแหย่ของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ๋อร์อดเก้อเขิน แดงก่ำ จนกระทืบเท้าไม่ได้ ก่อนเอ่ยปากอย่างไม่แยแส
“ฮึ ผู้ใดชอบท่านกัน!”
แม้เสียงของซินเอ๋อร์จะแผ่วเบา แต่เหลิ่งอวี้เซวียนหูไม่ได้แย่ จึงยิ้มมุมปาก ดวงตาดำขลับโค้งขึ้น ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“ซินเอ๋อร์ เจ้าพูดสิ่งใดหรือ เมื่อครู่ได้ยินชัดว่าคล้ายมีคนเอ่ยว่าชอบข้า เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ!”
“เอ่อ ข้า ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว ข้าไปเก็บฟืนดีกว่า”
ซินเอ๋อร์ที่หน้าบาง จะเป็นคู่ต่อกรกับหมาป่าเช่นเหลิ่งอวี้เซวียนได้เช่นไร สุดท้ายเพียงหลบหลีกออกไป
ขณะซินเอ๋อร์เก็บฟืนกลับมา เหลิ่งอวี้เซวียนจัดการปลาใหญ่สองตัวนั้นอยู่ที่ริมแม่น้ำ ก่อนจะนำไม้เสียบมันไว้
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์มองท่าทางคล่องแคล่วของชายหนุ่ม อดตะลึงเล็กน้อยไม่ได้ ดวงตาคู่งามแฝงไปด้วยความแปลกใจ
เพราะเห็นชายหนุ่มแต่งกายหรูหรา รูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกไม่ธรรมดานี้ เพียงมองก็รู้ว่าเป็นพวกที่กำเนิดในตระกูลสูงศักดิ์ ใส่ทองประดับเงินโอ่อ่า เสื้อผ้ามีคนคอยสวมใส่ให้ อาหารมีคนป้อนถึงปาก
แต่ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ว่าวิธีการจับปลา แล่ปลาต่างคล่องแคล่วชำนาญ ไม่ติดขัดแม้แต่นิดเดียว เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำเรื่องพวกนี้
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกแปลกใจ
เดิมทีคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้ทำได้เพียงหาเงิน คิดไม่ถึงยามย่างปลาล้วนชำนาญเช่นนี้
อาจเพราะรับรู้ถึงความแปลกใจของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนจึงเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวยิ้มๆ
“ข้าย่างปลาได้ ทำให้เจ้าตกตะลึงขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เอ่อ คือว่า ฮ่า ๆ ข้าคิดว่าท่านจะทำงานเช่นนี้ไม่เป็นเท่านั้น!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์อดเม้มริมฝีปากหัวเราะไม่ได้
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินเช่นนั้น อดยิ้มตาหยีไม่ได้ ก่อนเอ่ยล้อเลียน
“ข้าไม่เพียงแค่ย่างปลาได้ ทำอาหารหุงข้าวข้าก็ทำได้ วันหน้าข้าจะลงมือทำให้เจ้าทานเอง!”
“อะไรนะ ท่านทำอาหารได้ จริงหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดสูดหายใจอย่างตกตะลึงไม่ได้ ดวงตาคู่งามเปี่ยมด้วยความเหลือเชื่อ
เพราะยุคสมัยนี้ล้วนเป็นบุรุษดูแลจัดการเรื่องนอกบ้าน สตรีเป็นผู้จัดการเรื่องต่างๆในบ้าน หากมีชายผู้หนึ่งมีฝีมือในการทำอาหาร ช่างเป็นเรื่องที่เป็นไม่ได้เลยจริงๆ
โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปโฉมหล่อเหลา ดุจเทพเซียนตรงหน้านี้
เขาคือเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดแห่งแคว้นเทียนหยวน มีอำนาจบารมีมั่งคั่ง เพียงย่างเท้าไปที่ใด ทุกที่ต่างสั่นสะเทือน
แต่บนกายเขากลับไร้กลิ่นทองแดง (กลิ่นอายคนร่ำรวย) อันเป็นเอกลักษณ์ของเหล่าพ่อค้า
มีเพียงความสุภาพ มีการศึกษา สุขุมหนักแน่น ชายหนุ่มเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ
เวลานี้เขายังสามารถลงมือทำอาหารได้ สวรรค์!
ชายหนุ่มเช่นนี้ ช่างหาได้ยากเสียจริง!
ขณะซินเอ๋อร์แปลกใจและตกตะลึงในใจ ยิ่งชื่นชอบชายหนุ่มตรงหน้านี้เพิ่มขึ้น
แต่มากที่สุดกลับน้อยเนื้อต่ำใจ
เพราะเธอพบว่ายิ่งใกล้ชิดกับชายหนุ่มยอดเยี่ยมตรงหน้านี้ ยิ่งรับรู้ถึงความโดดเด่นของเขา
และยิ่งรู้สึกว่าตนต่ำต้อยชัดเจนมากขึ้น
ไม่ว่าสถานะหรือครอบครัว พวกเธอล้วนแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
แม้เขาจะเอ่ยว่าชื่นชอบเธอ
แต่ด้วยความแตกต่างมากมายหลายประการนี้ ความรักของพวกเธอจะยืนหยัดไปได้นานเพียงใด!
และหากครอบครัวของเซวียนรู้เข้าว่า เขาชื่นชอบคนเช่นเธอนี้ ที่ไม่มีสิ่งใดเลย จะเป็นเช่นไร!
ต้องคัดค้าน ไม่พอใจแน่นอน!
และอาจจะหาคุณหนูฐานะร่ำรวยที่สมบูรณ์พร้อม คู่ควรกับเขาไว้แล้วก็เป็นได้
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หนักใจ คล้ายมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับอยู่ในใจ ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา
ทว่าซินเอ๋อร์ไม่ต้องการให้เหลิ่งอวี้เซวียนรับรู้ถึงความเสียใจของเธอ จึงรีบนั่งลงบนพื้น ก้มหน้าหลุบสายตา ทำเป็นแสร้งย่างปลา
เหลิ่งอวี้เซวียนที่อยู่ด้านข้าง กลับไม่รับรู้ถึงความผิดปกติของซินเอ๋อร์ เอ่ยเล่าเรื่องความเชี่ยวชาญในการทำอาหารของตนไม่หยุด
“ข้าทานอาหารขึ้นชื่อมามากมาย ย่อมรู้ถึงขั้นตอนวิธีการทำ ต่อไปหากวันใดเจ้าอยากทานอาหารฝีมือข้า ข้าจะลงมือด้วยตนเอง รับรองว่าเจ้าจะชื่นชอบ”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปากไม่หยุด เพราะต้องการให้ซินเอ๋อร์รู้ว่าเขามีความรู้กว้างขวาง มีข้อดีจำนวนมาก เช่นนี้จึงจะสามารถได้ครอบครองหัวใจของซินเอ๋อร์
รวมทั้งหากต้องการได้หัวใจของคนผู้นั้น ต้องทำให้เธอติดใจรสมือเสียก่อน คำพูดนี้ไม่ว่าชายหรือหญิงต่างประสบความสำเร็จเช่นกัน มิใช่หรือ!
เหลิ่งอวี้เซวียนวางแผนในใจ เมื่อซินเอ๋อร์รู้สึกดีกับตน เขาจะก้าวทีละก้าว เพียงเขาใช้ความจริงใจถักทอตาข่ายความรักขึ้นมา เขาไม่กลัวกระต่ายน้อยตรงหน้านี้ จะหลุดพ้นจากมือเขาไปได้!
ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ ปลาย่างในมือเริ่มส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาพอดี และทั่วตัวปลายังถูกเขาย่างจนเป็นสีเหลืองทอง ช่างสวยน่าทาน ชวนน้ำลายสอเสียจริง
ซินเอ๋อร์ที่นั่งเสียใจหดหู่อยู่ด้านข้าง ค่อยๆ ถูกกลิ่นหอมของปลาดึงดูดไป
และไม่คิดมากอีก ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังปลาย่างตรงหน้า ก่อนอดน้ำลายไหลออกมาไม่ได้
“หอมยิ่งนัก”
“ฮ่า ๆ แมวจอมตะกละ ไม่นานจะได้ทานแล้ว รออีกครู่เดียว”
เมื่อเห็นท่าทางน้ำลายสอของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนยิ้มมุมปาก กระทั่งดวงตาดำขลับแคบยาวคู่นั้นก็โค้งขึ้น
สายตาที่มองซินเอ๋อร์เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดูจนเกินบรรยาย
และมือก็ไม่ว่างเว้น หลังพลิกปลาหลายครั้งจนสุกไปทั่วตัว เหลิ่งอวี้เซวียนจึงวางปลาย่างตัวหนึ่งไว้ด้านข้าง ส่วนตนหยิบปลาอีกตัวที่ย่างเสร็จขึ้นมา ก่อนฉีกเลาะเนื้อปลาออกมา
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นมึนงง หรือเขาไม่คิดให้เธอทาน!
………………………………………………………………………………….