“ชอบที่นี่หรือไม่!?”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปข้างกายสาวน้อย ก่อนใช้สองมือโอบสาวน้อยชุดขาวงดงามตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอดตน
คางก็ซบลงบนซอกคอของสาวน้อย ก่อนสูดดมกลิ่นหอมสดชื่นบนกายที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวน้อย
เมื่อถูกชายหนุ่มโอบกอด ทำให้ซินเอ่อร์ที่คล้ายนกน้อยสนุกสนานตัวหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความเขินอาย
แม้ชายหนุ่มจะชอบโอบกอดนาง แต่ทุกครั้งการเข้าใกล้ของชายหนุ่ม มักทำให้นางหน้าแดงใจเต้นแรง และกังวลอย่างมาก
เวลานี้เมื่อรู้สึกถึงสองมือทรงพลังคู่นั้นของชายหนุ่มกำลังโอบรัดที่เอวเล็กของตน กอดรัดตนไว้แน่น
กลิ่นดอกอวี๋หลันขาวันหอมหวนนั้น กำลังล้อมรอบนางไว้ ทำให้นางสบายใจ
อบอุ่น…
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ่อร์ใจเต้นแรง ก่อนเงยใบหน้าเล็กยิ้มให้แก่ชายหนุ่ม ก่อนพยักหน้าเอ่ยขึ้น
“อืม ข้าชอบที่นี่มาก ที่นี่งดงามยิ่งนัก เซวียน ท่านดูบนแม่น้ำ คล้ายปูด้วยชั้นอัญมณีที่ระยิบระยับ สวยจริงๆ!”
ซินเอ่อร์ชี้ไปที่แม่น้ำด้านหน้า ก่อนเอ่ยอย่างชอบใจ
ใบหน้าเล็กขาวผ่องนั้น เมื่อครู่ยังตื่นเต้นดีใจ หัวเราะหน้าแดงก่ำ เวลานี้กลับยิ้มแย้มดุจบุปผา งดงามจนคนมิอาจละสายตา
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น ดวงตาดำขลับแคบยาวคู่นั้นอดเป็นประกายไม่ได้ชั่วขณะ ทันใดนั้นคล้ายนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงมุมปากก่อนเอ่ยขึ้น
“เฮอ เฮอ หากเจ้าชื่นชอบ ข้าจะเอาอัญมณีมอบให้กับเจ้า ดีหรือไม่!?”
“ห๊ะ มอบอัญมณีให้ข้า เซวียน ท่านเสียสติหรือ พวกนั้นคือน้ำ จะมีอัญมณีเช่นไร”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ่อร์ตะลึงงัน คิดว่าเหลิ่วอวี้เซวียนกำลังล้อเล่น จึงอดยิ้มไม่ได้
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนที่ได้ยินคำพูดซินเอ่อร์ มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา ดวงตาดำขลับคู่นั้นแฝงด้วยความรักใคร่ จ้องมองตรงมาที่ซินเอ่อร์ ก่อนยิ้มอย่างมั่นใจ
“เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะนำอัญมณีมอบให้เจ้าได้หรือ!?”
“เฮอ เฮอ ไม่เชื่อ”
ซินเอ่อร์หัวเราะขึ้น
แม้ภายในความรู้สึกของนาง เซวียนจะเก่งมีความสามารถรอบด้าน แต่ตอนนี้นางไม่เชื่อจริงๆ ว่าเซวียนจะมอบอัญมณีให้แก่นางได้ เพราะนั่นคือแสงกำจายมาจากแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนผิวน้ำเท่านั้น
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ่อร์ยิ้มพร้อมส่ายหน้า
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนตั้งใจถอนหายใจอย่างหนักออกมา คล้ายผิดหวังกับคำพูดนี้ของซินเอ่อร์อย่างมาก
“เจ้าไม่เชื่อข้าเช่นนี้ ข้าเสียใจจริงๆ ทว่าซินเอ่อร์ ข้าและเจ้ามาพนันกันเถิด!”
“พนัน พนันนสิ่งใด!?”
เมื่อได้ยิน ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ่อร์ตะลึงงัน และอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้
“พนันว่าข้าจะไม่จากที่นี่ แต่เพียงเจ้าหลับตาลง ขณะที่ข้าบอกให้เจ้าลืมตา ข้าสามารถเสกอัญมณีขึ้นมาได้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร!?”
“เฮอ เฮอ ตกลง”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ่อร์จึงรู้สึกสนใจ เอ่ยรับปากขึ้น
ทันใดนั้น ได้ยินชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“ตกลง เช่นนั้นตอนนี้เจ้าหลับตาลงก่อน เมื่อข้านับถึงสาม เจ้าค่อยลืมตาขึ้นมา”
เมื่อเห็นชายหนุ่มเอ่ยดังคือความจริง แม้ซินเอ่อร์จะรู้สึกน่าขัน แต่กลับให้ร่วมมือเป็นอย่างดี
จึงค่อยๆ ปิดตาลง ฟังเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์นับตัวเลขของชายหนุ่มอย่างเงียบๆ ใจของวินเอ่อร์อดเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ อย่างว้าวุ่นไม่ได้
“หนึ่ง สอง สาม”
หลังชายหนุ่มเริ่มนับจนถึงสาม ซินเอ่อร์จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่อฟัง
เดิมทีคิดว่าเมื่อครู่ชายหนุ่มเพียงหยอกล้อนาง
เพราะเขาไม่ได้ออกห่างจากนาง จะนำ ‘อัญมณี’ มามอบให้นางได้เช่นไร!?
ทว่าเมื่อซินเอ่อร์เห็นสร้อยเพชรไหลตกลงมาด้านหน้า รู้สึกเพียงดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตกตะลึงอย่างที่สุด
ดวงตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย และเบิกว้างเพราะตกตะลึง
เห็นเพียงสร้ยเพชรเส้นนี้ประณีตงดงามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจี้รูปหัวใจตรงกลางที่ทำขึ้นอย่างประณีต ทำให้คนเห็นรู้สึกชื่นชอบทันที
เวลานี้จี้รูปหัวใจนั้น ท่ามกลางแสงอาทิตย์เปล่งประกายแววาวสวยงามออกมา ทำให้แสงสีทองบนแม่น้ำด้านหลังของมันมืดมนลงไปทันที
เห็นเช่นนั้น ซินเอ่อร์หลังหายจากการตกตะลึง อดเอ่ยปากพึมพำด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อไม่ได้
“สร้อยเส้นนี้ เหตุใดจึงอยู่ในมือท่าน ครั้งก่อนข้าทำหล่นหายไปแล้วชัดๆ”
ซินเอ่อร์เอ่ยปากอย่างไม่เชื่อสายตา
เพราะสร้อยเส้นนี้ ตอนที่นางถูกลักพาตัวไป พบว่ามันหายไปแล้ว ต่อมานางก็ตามหาไม่เจอ
ขณะนั้นนางรู้สึกคอว่างเปล่า กระทั่งหัวใจคล้ายหายไปบางส่วน จะเติมเต็มเช่นไรก็ไม่กลับมาดังเดิม
เพราะสร้อยเส้นนี้ เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เซวียนมอบให้แก่นาง
และเซวียนยังเอ่ยว่า จี้หัวใจนี้เป็นตัวแทนของหัวใจของเขา
หัวใจเขาอยู่บนกายนาง แต่นางกลับไม่ระวังทำมันหล่นหาย
ขณะนั้นนางไม่กล้าบอกกับเซวียน คิดไม่ถึงสร้อยเส้นนี้จะอยู่ในมือของเขา
นี้คือความบังเอิญ หรือเป็นพรหมลิขิต!?
เวลานี้ซินเอ่อร์ทั้งตื่นเต้นและสงสัย
ตรงข้ามกับซินเอ่อร์ที่สงสัยตื่นเต้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงก้มหน้าลงเก็บความงดงามบนใบหน้าของนางไว้สายตา ก่อนพลันยิ้มมุมปาก เอ่ยเสียงเบาขึ้น
“สร้อยเส้นนี้ ตอนที่ข้าส่งคนออกตามหาเจ้าที่ชานเมืองพบเข้า สร้อยเส้นนี้คือตัวแทนหัวใจของข้า ตอนนั้นเมื่อข้าหยิบสร้อยเส้นนี้ขึ้นมา หัวใจคล้ายแตกสลาย เพราะใจของข้าอยู่บนกายของเจ้า เจ้าทำมันหล่นได้เช่นไร ดังนั้นตอนนี้มันจึงควรกลับสู่เจ้าของ หัวใจของข้า ควรอยู่บนกายของเจ้า นี้คือ…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนชะงัก ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“คือพรหมลิขิต ชั่วชีวิตนี้เจ้าที่หญิงที่ข้ารัก ซินเอ่อร์ ข้ารักเจ้า รักเจ้ามานานเหลือเกิน!” ตั้งแต่ตอนเด็ก เขารักนางมาโดยตลอด
“ดังนั้น เจ้าแต่งงานกับข้าเถิด!”
เพราะการได้แต่งนางเป็นภรรยา คือปณิธานในวัยเด็กของเขา!
ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนคิดในใจ น้ำเสียงหนักแน่นอย่างไร้ที่เปรียบ!
แต่เขาไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของเขา เมื่อซินเอ่อร์ได้ยินกลับดุจสายฟ้าที่ผ่าลงมาบนศีรษะนางครั้งแล้วครั้งเล่า
ทันใดนั้น ซินเอ่อร์รู้สึกเพียงสมองเกิดเสียง ‘ตู้ม’ ออกมา ก่อนจะขาวโพลน คิดสิ่งใดไม่ออก
หลังผ่านไปนาน ซินเอ่อร์จึงได้สิตกัลบมา ในใจทั้งตื่นเต้นและตกตะลึง
สวรรค์!
เซวียน เขาพูดสิ่งใด!?
เขาพูดว่าเขารักนาง และยังต้องการให้นางแต่งกับเขา!?
สวรรค์ เขาพูดผิดหรือนางฟังผิดไป!?
ขณะซินเอ่อร์ตกตะลึงสงสัยในใจ ชายหนุ่มอาจเพราะรับรู้ถึงความในใจของนาง หลังรออยู่นานเพื่อให้นางไตร่ตรองข้อมูลนี้ จึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“ข้าไม่ได้พูดผิด และเจ้าฟังไม่ผิด ข้าพูดว่าซินเอ่อร์ ข้ารักเจ้า เจ้ายอมแต่งงานกับข้าหรือไม่!?”
เสียงแหบพร่า มีเสน่ห์ของชายหนุ่ม คล้ายสุราชั้นเลิศที่หมักมานานปีถูกเปิดออก ทำให้คนมัวเมาจนไม่อาจถอนตัว
และเวลานี้ชายหนุ่มมีสีหน้าจริงจัง หนักแน่น แฝงความกังวลหลายส่วน สายตาดำขลับที่มองซินเอ่อร์ดูหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยความรัก
หากเป็นหญิงอื่น ต้องไม่พูดพร่ำทำเพลง ตื่นเต้นดีใจตอบตกลงทันที
เพราะชายหนุ่มเช่นคนตรงหน้านี้ อยู่สูงเกินเอื้อม สูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบเทียบ
ต้องการลมได้ลม ต้องการฝนได้ฝน อำนาจ ชื่อเสียง ความมั่งคั่ง สถานะ รูปโฉม เขามีเพียบพร้อมทุกอย่าง
และนิสัยอบอุ่น ปฎิบัติต่อผู้คนอย่างอ่อนโยนใจกว้าง
ชายที่ดีเช่นเขานี้ หาได้ยากยิ่งนัก!
สามารถครอบครองหัวใจ ได้รับความรักของเขา ถือเป็นความโชคดีที่ชั่วชีวิตนี้ยากจะพบเจอ!
แต่เพราะเขาดีเกินไป
ชายหนุ่มผู้นี้ ช่างดีเหินไปจริงๆ ดีจนซินเอ่อร์ไม่สามารถเอ่ยข้อเสียเขาออกมาได้
แต่ชายหนุ่มที่ดีเช่นนี้ แม้เขาจะพูดว่ารักนาง แต่…
นางไม่คู่ควรกับเขา
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ่อร์อดปวดใจไม่ได้
เพราะความจริงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด นางค่อยๆ เริ่มชื่นชอบชายหนุ่มตรงหน้านี้
นางชื่นชอบการอยู่ร่วมกับชายผู้นี้ แม้ทั้งสองล้วนเงียบงันไม่พูดจา แต่นางกลับรู้สึกว่าบรรยากาศดียิ่งนัก ในใจอบอุ่นอย่างมาก
ยามที่ไม่เห็นหน้าเขา ในใจนางจะคิดถึงเขา
โดยเฉพาะหลายวันที่นางถูกจับตัวไปนั้น ในใจนางล้วนคิดถึงแต่เขา
ตอนนั้นนางหลอกตนเอง ไม่เชื่อว่าตนชื่นชอบเขา
แต่ตอนนี้ หลัได้ยินคำขอแต่งงานของชายหนุ่ม นางจึงรู้หัวใจของตนเอง
ที่แท้นางชื่นชอบชายผู้นี้ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
แม้ชายหนุ่มที่โดดเด่นผู้นี้ จะไม่มีผู้ใดไม่ชื่นชอบ
หากเป็นไปได้ นางอยากอยู่ข้างกายเขาไปตลอดชีวิตนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงเป็นเพียงสาวใช้ของเขา คอยปรนนิบัติดูแลเขา
ทว่า…
นางมีสถานะเช่นไร นางรู้ดี!
หากพูดให้ดี นางยังมีบิดาที่ร่ำรวย
แต่บิดาของนางคือคนเช่นไร นางมองออกอย่างแจ่มแจ้ง และนางคิดว่าตนไม่มีบิดาผู้นี้แล้ว
เวลานี้นางมีเพียงน้องชายให้พึ่งพาอาศัย พวกนางสองพี่น้องไร้ญาติขาดมิตร ต่ำต้อย และน่าสงสาร
นางเป็นเช่นนี้ จะคู่ควรกับคนที่สูงส่งเช่นเขาได้อย่างไร!?
และชายหนุ่มผู้นี้ยังต้องการแต่งงานกับนาง เพื่อให้นางเป็นนางบำเรอหรือ!?
อาจเพราะบนโลกนี้ มีผู้คนมากมายก่อนหน้านี้อยากเป็นสตรีของเขา เป็นนางบำเรอของเขา แต่นางไม่ยินยอม
หากผู้อื่นทราบถึงความคิดนี้ของนาง คงส่งเสียงฮึออกมาอย่างดูแคลน
และเอ่ยว่าด้วยสถานะเช่นนางนี้ ผู้อื่นยอมให้เป็นนางบำเรอ ถือเป็นความโชคดีที่หาได้ยากแล้ว
แต่นางไม่ยินยอมจริงๆ
เพราะก่อนหน้านี้ความจริงนางก็มีครอบครัวที่สงบสุข
ต่อมาหญิงสาวอีกคนก็เข้ามา ทำให้ครอบครัวนางแตกสลาย
ต้องพูดว่านางเกลียดชังหญิงผู้นั้น
เพราะหญิงผู้นั้น บิดามารดาของนางจึงแยกทางกัน
มารดาจึงต้องลำบากเช่นนี้ เลี้ยงดูพวกนางสองพี่น้องเพียงลำพัง สุดท้ายหดหู่กลัดกลุ้ม
ดังนั้น นางจะไม่เป็นนางบำเรอเด็ดขาด จะไม่เป็นดังหญิงสาวที่ตนเกลียดชังผู้นั้น!
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ซินเอ่อร์เจ็บปวดในใจ
ใบหน้าเล็กที่สูญเสียรอยยิ้มนั้น ก้มต่ำลงไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
เพราะมองไม่เห็นสีหน้าของนาง ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนคาดเดาความคิดในใจนางไม่ออก
รู้สึกเพียงหลังซินเอ่อร์ได้ยินคำพูดนี้ของตน คล้ายไม่พอใจและเสียใจ
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนจึงสงสัยในใจ คิ้วคู่งามอดขมวดมุ่นไม่ได้
“ซินเอ่อร์ เจ้าเป็นสิ่งใด หรือเจ้าไม่ยินยอม!?”
………………………………………………………………….