“ไปที่ใดหรือ!”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนเพียงยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับซินเอ๋อร์ ไม่ตอบคำถาม
ทันใดนั้น มือใหญ่ดึงซินเอ๋อร์ไป ก่อนให้คนจัดเตรียมม้า
เหลิ่งอวี้เซวียนถือเป็นคนที่ชื่นชอบม้า ม้าสายลมของเขาตัวนี้เติบโตขึ้นมาตั้งแต่เขายังเด็ก และเจ้าสายลมมีนิสัยดุร้าย นอกจากเหลิ่งอวี้เซวียน จะไม่ให้ผู้ใดขึ้นขี่มัน
และเหลิ่งอวี้เซวียนก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใดขี่ม้าตัวโปรดของตน
แต่สำหรับซินเอ๋อร์ กลับได้รับการยกเว้น
แต่ซินเอ๋อร์ไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้
เห็นเพียงเหลิ่งอวี้เซวียนรวบชายเสื้อขึ้นอย่างสง่างามก่อนขึ้นขี่บนหลังเจ้าสายลมอย่างคล่องแคล่ว ทันใดนั้นยื่นมือให้กับซินเอ๋อร์
เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงวัน พระอาทิตย์บนท้องฟ้าจึงเจิดจรัส ปลอดโปร่งไร้เมฆ และมีสายลมพัดเอื่อย
เห็นเพียงชายหนุ่มแต่งกายหรูหราคนหนึ่ง นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างองอาจกล้าหาญ รูปโฉมหล่อเหลาและงามสง่า ภาพนี้งดงามราวกับภาพวาด และทำให้ซินเอ๋อร์ที่เห็นใจเต้นแรง สุดท้ายค่อยๆ ยื่นมือเล็กของตนวางบนมือใหญ่นั้น
หลังจากนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงมือเล็กถูกดึงขึ้นไป ก่อนร่างกายจะถูกดึงขึ้นไปบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว และด้านหลังเธอคือเหลิ่งอวี้เซวียน!
เมื่อรู้สึกอ้อมกอดด้านหลัง และกลิ่มหอมของดอกอวี๋หลันขาวอันคุ้ยเคยนั้น ทำให้ซินเอ๋อร์ใจเต้นแรง
ทันใดนั้นอดเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้านหลังตนไม่ได้
แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นดวงตาดำขลับที่แฝงความรักอ่อนโยนของชายหนุ่ม
“ซินเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถิด !”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ โอบกอดซินเอ๋อร์ มือหนึ่งดึงเชือกจูง อีกข้างสะบัดแส้ขึ้น ก่อนบังคับม้าทะยานไปด้านหน้า
ซินเอ๋อร์ไม่รู้ว่า ชายหนุ่มด้านหลังนี้คิดจะพาเธอไปที่ใด
แต่เธอเชื่อเขา!
ซินเอ๋อร์ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยขี่ม้ามาก่อน
ก่อนหน้านี้ เคยนั่งเพียงรถม้าเท่านั้น
เวลานี้เมื่อเธออยู่บนหลังม้า แม้จะรู้สึกไม่คุ้นชินและโคลงเคลง แต่กลับสดชื่นยิ่งนัก
เห็นเพียงม้าวิ่งไปด้านหน้าอย่างสุดกำลังโดยไม่หยุด สายลมรุนแรงพัดจนผมยาวและชายเสื้อของเธอปลิวไสว
ความรวดเร็วนี้ คล้ายกับเธอกำลังบินทะยาน ความรู้สึกนั้นดียิ่งนัก
ขณะชื่นชอบในใจ มุมปากของซินเอ๋อร์อดยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้
ประจวบเหมาะกับรอยยิ้มมีความสุขนี้ของเธอตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่ม ชายหนุ่มเพียงเห็น สายตาก็อ่อนโยนลง ยิ้มมุมปาก ก่อนก้มศีรษะลงแนบเข้ากับใบหูของซินเอ๋อร์ ก่อนเอ่ยปากถามขึ้น
“ชอบขี่ม้าหรือไม่!”
“อืม ข้าชอบ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์อดพยักหน้าเอ่ยอย่างหนักแน่นไม่ได้
ชายหนุ่มได้ยิน ดวงตาดำขลับเป็นประกาย ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า
“ดี เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าขี่ม้า!”
“หา ท่านจะสอนข้าขี่ม้า จริงหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์แม้จะยิ้มไม่ออก แต่ในใจกลับอบอุ่น
เพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มดีต่อเธอจริงๆ!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ดวงตาคู่งามเริ่มมองสำรวจไปรอบด้าน
เห็นเพียง ทิศที่พวกเธอเดินทางไปเวลานี้คือชานเมือง
ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมของชานเมืองนี้ ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกคุ้นตาอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ มารดาเคยเอ่ยกับเธอ
ขณะเธออายุสามขวบนั้น เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงช่วงหนึ่ง
ขณะนั้นครอบครัวของเธอยากจนอย่างมาก
และบิดาของเธอก็ทำการค้าขาย แต่เพราะกิจการล้มเหลว จึงต้องทำงานอยู่ต่างเมืองไม่หยุด นานหลายเดือนที่ไม่ได้กลับบ้าน
มารดาจึงเลี้ยงดูเธอเพียงลำพัง อยู่ในบ้านพักส่วนตัวหลังหนึ่งในเมืองหลวง
แต่เพราะไม่มีเงินทอง มารดาจึงต้องทิ้งเธอไว้ในบ้านทุกวัน ก่อนที่ตนจะออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาตอนดึก
จนกระทั่งช่วงเธออายุสามสี่ขวบ มารดาได้รับเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง จึงนำไปใช้หนี้ให้บิดา และครอบครัวของเธอก็ย้ายไปที่ฉางโจวร่วมกับบิดา
เรื่องนี้ล้วนเป็นมารดาที่เอ่ยเล่าแก่เธอ
แต่เธอสำหรับเรื่องนี้ ไม่ได้มีความทรงจำเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว
เพราะคือเรื่องในวัยเยาว์ เธอจึงจำได้ไม่ชัดเจน
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นสถานที่ที่ตนอยู่ตอนนี้ ซินเอ๋อร์จึงรู้สึกคุ้นเคย
หรือก่อนหน้านี้เธอเคยมาที่นี่!
ซินเอ๋อร์คิดอย่างสงสัย
ทว่าซินเอ๋อร์ไม่รู้ว่าความสงสัยในใจตน ได้เปิดเผยออกมาบนใบหน้าเล็กอันประณีตนั้นจนหมด เหลิ่งอวี้เซวียนก้มมองเห็น ดวงตาดำขลับจึงเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“เจ้ายังจำที่นี่ได้หรือไม่!”
“หา จำได้ ท่านหมายความว่าเช่นไร หรือก่อนหน้านี้ข้าเคยมาที่นี่จริงๆ แต่เคยมาที่นี่หรือไม่ เหตุใดท่านจึงรู้!”
เพราะสงสัยในใจ ซินเอ๋อร์จึงเอ่ยถามหลายประโยค
ทว่าเหลิ่งอวี้เซวียนกลับเพียงยิ้มมุมปาก ไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าก่อนหน้านี้ เคยอาศัยอยู่ที่นี่!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์พลันมึนงง
เมื่อครู่เธอเองรู้สึกสภาพแวดล้อมที่นี่คุ้นตา คิดไม่ถึงเธอเคยอยู่ที่นี่จริงๆ
หรือนี่คือเรื่องราวในวัยเด็กของเธอ!
แต่แม้เธอจะอยู่ที่นี่จริง เหตุใดชายหนุ่มผู้นี้จึงรู้!
ซินเอ๋อร์แปลกใจอย่างที่สุด ทว่าเมื่อเห็นท่าทางลับลมคมในของเหลิ่งอวี้เซวียน ก็ทราบว่าเขารอให้เธอคิดได้ด้วยตนเอง
ซินเอ๋อร์คิดในใจ ก็มองเห็นชายหนุ่มพลันออกแรงดึงเชือก จนม้าเจ็บปวดร้องขึ้นมา ก่อนหยุดฝีเท้าลง
ทันใดนั้น เห็นชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังม้า จากนั้นยื่นมือกอดเอวเล็กของซินเอ๋อร์ อุ้มตัวเธอลงมาจากหลังม้า
หลังจากเท้าทั้งสองข้างเหยียบลงบนพื้น ซินเอ๋อร์ยังอ่อนแรงเล็กน้อย
เหตุผลอาจมาจากไม่เคยขี่ม้ามาก่อน
โชคดีเหลิ่งอวี้เซวียนประคองเธอตลอดเวลา มิฉะนั้นเธอคงได้ขายหน้าแน่
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์ยิ้มเขินอายให้เหลิ่งอวี้เซวียนอย่างซาบซึ้ง ทันใดนั้นดวงตาคู่งามอดกวาดมองสำรวจสภาพรอบด้านเงียบๆ ไม่ได้
เห็นเพียงที่นี่คือบ้านพักธรรมดาเรียบง่ายหลังหนึ่ง
และเพียงมองก็รู้ว่าที่นี่ไม่มีคนอาศัยมานานมากแล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนแปลกใจที่สุดคือ สภาพรอบๆ บ้านหลังนี้ถูกปัดกวาดอย่างสะอาดเรียบร้อย มองไม่เห็นถึงความสกปรก
เห็นเช่นนั้น ซินเอ๋อร์กลับสงสัย ไม่รู้ว่าวันนี้ชายผู้นี้เหตุใดจึงดูแปลกประหลาด พาเธอมาสถานที่แห่งนี้
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงหันไปเอ่ยถามชายหนุ่มว่า
“ที่นี่คือ!”
“จำไม่ได้หรือ!”
เมื่อเห็นสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนรีบเอ่ยปากถามขึ้น
ซินเอ๋อร์ได้ยินอดพยักหน้าไม่ได้ ก่อนเห็นชายหนุ่มพลันล้วงเข้าไปหยิบกุญแจออกมาจากกาย จากนั้นเปิดบ้านแห่งนี้ออก
ทันใดนั้นเสียง ‘แอ๊ด’ ดังขั้น เมื่อประตูไม้เสียดสีกับพื้น สภาพภายในบ้านพักแห่งนี้ เปิดเผยสู่สายตาของซินเอ๋อร์โดยไร้สิ่งบดบัง
เห็นเพียงบ้านพักแห่งนี้ พื้นที่แคบอย่างมาก
และด้านในมีเพียงโต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้ที่ทำจากไม้แบบเรียบง่าย
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเรียบง่าย แต่ไม่รู้เหตุใด เมื่อซินเอ๋อร์มองเห็นในใจอดรู้สึกคุ้นตาขึ้นมาไม่ได้ คล้ายกับก่อนหน้านี้เธอเคยพักอยู่ที่นี่
ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์อดหันไปเอ่ยหยั่งเชิงกับเหลิ่งอวี้เซวียนไม่ได้
“เหตุใด ข้าจึงคล้ายรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าคล้ายเคยมาที่นี่ใช่หรือไม่!”
“อืม ถูกต้อง”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดยิ้มมุมปากไม่ได้ ก่อนเอ่ยขึ้น
แต่กลับเดินเข้าไปในบ้านพักที่แคบเล็กแห่งนี้
เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายหรูหรา สูงส่งไปทั่วร่างกาย
คล้ายกลุ่มเมฆบนท้องฟ้าที่สูงส่ง
บ้านพักที่เรียบง่ายแห่งนี้ ช่างไม่เข้ากันกับเขาอย่างยิ่ง
แต่ชายหนุ่มกลับไม่แยแส บนใบหน้าคล้ายยังคะนึงหา และทำให้ซินเอ๋อร์สงสัยอย่างหนักในใจ
เธอมักรู้สึกว่า ในใจของชายหนุ่มซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ และยังเกี่ยวข้องกับเธอ
เพราะชายหนุ่มผู้นี้ กลับรู้เรื่องสถานที่พักอาศัยในวัยเด็กของเธอชัดเจนยิ่งกว่าตัวเธอเสียอีก ช่างน่าแปลกใจเสียจริง!
ขณะแปลกใจ สงสัยในใจ ซินเอ๋อร์อดมองชายหนุ่มไม่ได้
เห็นเพียงชายหนุ่มเดินรอบภายในห้องรอบหนึ่ง หลังสบเข้ากับสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยของเธอ เพียงยื่นมือใหญ่ออกมา ลูบไล้หน้าผากของเธออย่างรักใคร่ ก่อนเอ่ยปากขึ้น
“ลืมไปแล้วก็ช่างเถิด มา ข้ายังจะพาเจ้าไปอีกที่!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยจบ ยื่นมือใหญ่ดึงมือเล็กของซินเอ๋อร์ ก่อนเดินออกไปด้านนอก
ซินเอ๋อร์ปล่อยให้ชายหนุ่มดึงมือเธอออกไป
เพราะวันนี้ชายหนุ่มแปลกยิ่งนัก และจากสีหน้าของเขา ชายหนุ่มคล้ายกำลังรื้อฟื้นความทรงจำบางอย่าง
ทว่าเรื่องเหล่านี้เธอไม่อาจคิดมาก เพียงเขาชื่นชอบเพียงพอแล้ว
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ปล่อยให้ชายหนุ่มดึงมือเล็กของเธอไปที่ด้านหลัง
หลังเดินประมาณสิบห้านาที เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฎในสายตาของซินเอ๋อร์คือ ป่าไม้ที่สวยงามแห่งหนึ่ง
เมื่อทอดมองออกไป ตรงหน้าคือผืนหญ้าเขียวชอุ่มกว้างใหญ่
ต้นหญ้าสูง เล็กเรียวเขียวชอุ่ม สายลมเย็นที่พัดผ่านมา ทำให้ต้นหญ้าโอนเอนไม่หยุด มองแล้วคล้ายท้องทะเลสีคราม
และดอกไม้ขนาดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มตรงกลางนั้น สวยงามอย่างยิ่ง
ด้านหน้าทุ่งหญ้ายังมีแม่น้ำสายเล็กใสกระจ่างสายหนึ่ง
เห็นเพียง เวลานี้พระอาทิตย์เจิดจรัส แสงสีทองนั้นสาดส่องลงมาบนผืนน้ำของแม่น้ำ ทำให้ผิวน้ำคล้ายปกคลุมด้วยชั้นทอง ระยิบระยับ งดงามเกินบรรยาย!
“อา ที่นี่สวยยิ่งนัก!”
ซินเอ๋อร์เพียงมองสถานที่แห่งนี้ ในใจเบิกบานและชื่นชอบขึ้นมาทันที
สองมือยื่นออกไป ก่อนพุ่งไปยังทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มนั้น ก่อนหมุนตัวไปมา
เสียงหัวเราะอันไพเราะนั้น ดังออกมาจากปากของเธอไม่หยุด ทำให้ผืนป่าที่สวยงามนี้งดงามขึ้นหลายส่วน
เมื่อเห็นสาวน้อยดีใจเช่นนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนยกยิ้มมุมปาก ดวงตาดำขลับแคบยาวนั้นไม่ละไปจากกายของสาวน้อยแม้แต่นาทีเดียว
เห็นเพียงสาวน้อยตรงหน้า สวมชุดสีขาวงามสง่าบนกาย ผมยาวดุจแพรไหม ใบหน้าเล็กดุจหยก โดดเด่นเหนือผู้ใด
และกลิ่นอายบริสุทธิ์ที่กระจายออกมาจากกายของเธอ ทำให้เธอดูคล้ายเทพเซียนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก
งดงามจนทำให้คนตกตะลึง!
เวลานี้สายตาของเหลิ่งอวี้เซวียน ไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป
สิ่งที่เห็นภายในสายตา และบรรจุในใจ ล้วนคือสาวน้อยงดงามไร้เดียงสาตรงหน้านี้!
………………………………………………………………………………….