“คิดจับตัวข้า อาศัยความสามารถของพวกเจ้าหรือ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหยาเจี่ย เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงยกริมฝีปากยิ้มอย่างดูแคลน
เสียงของชายหนุ่มเย็นชาอย่างยิ่ง ภายในแฝงไปด้วยความโมโหและเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง
ดวงตาดำขลับที่กวาดมองทุกคนเย็นชา ลึกล้ำ ทุกแห่งที่สายตากวาดไปจะแข็งตัวสามนิ้ว ทำให้คนที่เห็นตกใจ
เหยาเจี่ยก็ไม่ยกเว้น
เมื่อถูกสายตาเย็นชาของชายหนุ่มกวาดมอง ความหนาวเหน็บคืบคลานจากปลายเท้าสู่เหนือศีรษะ
ความหนาวเหน็บนั้น คือความหวาดกลัวที่ทะลักออกมาจากในใจ
เห็นชัดว่าคือชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง แต่เวลานี้ในสายตาของทุกคน กลับดุจพญายมที่เดินขึ้นมาจากนรกขุมที่สิบแปด ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน ขนพองสยองเกล้า!
อาจเพราะวันนี้เธอยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่วเข้าแล้ว!
เหยาเจี่ยหมกมุ่นอยู่ในอาชีพนี้มาหลายปี อ่านผู้คนมานับไม่ถ้วน เวลานี้เมื่อเห็นสายตา ความเย็นชา และความดุดันที่ติดกายมาตั้งแต่กำเนิดของชายผู้นี้ ทำให้ไม่อาจดูแคลนได้
แต่หากตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจ ถือว่าสายไปแล้ว เพราะ…
เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด เสียงกระดูกถูกเตะจนหัก เสียงของหนักตกลงบนพื้น ผสมผสานกันดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ทำให้กลางดึกที่ควรเงียบสงบ เปลี่ยนไปน่ากลัวสยดสยอง!
ไม่นานบ่าวรับใช้กว่าสิบคนพวกนั้นถูกเหลิ่งอวี้เซวียนเพียงคนเดียวจัดการจนจมูกเขียวหน้าบวมเป่ง ล้มระเนระนาดอยู่บนพื้น
เหยาเจี่ยเห็นตกใจจนหน้าถอดสี ก่อนรีบหมุนกายคิดหนีไป
แต่เหยาเจี่ยเพิ่งหมุนกายเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกกระบี่คมกริบกดเข้าที่คอ เมื่อรู้สึกถึงของแข็งบนคอ เหยาเจี่ยตกใจตัวสั่น จนแทบหมดสติ
เวลานี้เหยาเจี่ยจึงพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด และได้ล้อมหอราตรีวสันต์ของเธอไว้อย่างแน่นหนา
เห็นเช่นนั้นเหยาเจี่ยตกใจ สีหน้าเปลี่ยนไป ทันใดนั้นดวงตาคู่นั้นเป็นประกายครู่หนึ่ง ก่อนทำสีหน้าท่าทางราววันสิ้นโลกออกมา สะบัดผ้าเช็ดหน้าร้องไห้ฟูมฟาย
“ไอ้หยา พวกเจ้าคิดทำอันใด หอราตรีวสันต์ของข้าเปิดทำการค้า แต่พวกเจ้ากลับมาก่อกวน บนโลกนี้ยังมีกฎบ้านกฏเมืองหรือไม่!”
“ฮึ! กฎหมายหรือ ในสายตาของเจ้ายังมีกฎหมายอยู่หรือ กล้าลักพาตัวหญิงสาวมาขายตัว เจ้าเตรียมตัวเข้าไปนั่งในคุกเถิด!”
เมื่อเห็นเหยาเจี่ยร้องไห้ฟูมฟายและเช็ดน้ำตา ผิงอันอดแค่นยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นไม่ได้
เหยาเจี่ยได้ยิน สีหน้าอดเปลี่ยนไปไม่ได้
“อะไรนะ ลักพาตัวหญิงสาวมาขายอันใด เจ้า เจ้า เจ้าอย่าปรักปรำข้า”
“ฮึ ความตายอยู่ตรงหน้ายังปากแข็ง เด็กๆ ตรวจค้น!”
ผิงอันเอ่ยสั่งการ คนอื่นจึงรีบเข้าไปตรวจค้นทั่วหอราตรีวสันต์
เหยาเจี่ยเห็นเช่นนั้น รู้ว่าหายนะใหญ่หลวงมาเยือนแล้ว ใบหน้าจึงซีดเผือด
แม้ผิงอันจะไม่ป่าวประกาศสถานะของพวกเขา แต่เหยาเจี่ยอ่านคนมานับไม่ถ้วน ย่อมทราบดีว่ากลุ่มคนที่ผิงอันสั่งการพวกนั้น และเสื้อผ้าที่สวมบนกายทั้งหมด คือองครักษ์จากราชสำนัก
…
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม หอราตรีวสันต์ที่เป็นที่นิยมแห่งฮว่าโจวถูกสั่งปิด
และสิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงคือ หญิงสาวภายในหอราตรีวสันต์ส่วนใหญ่ต่างถูกลักพาตัวและขายมาที่นี่
มีบางส่วนที่หลบหนีไม่สำเร็จถูกจับขังในคุกใต้ดิน ต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน
เห็นเช่นนั้น เหล่าราษฎรที่ต่างพากันมามุงดูอดร้องไห้ไม่ได้ สำหรับเหยาเจี่ยและนายอำเภอฮว่าโจวถูกนำไปขังกรง ถูกขว้างปาไข่เน่าและด่าทอ
สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงมอบให้ผิงอันจัดการ ส่วนเขาให้คนจัดเตรียมรถม้าสองคันไว้ด้านนอก
ก่อนนำตัวเสี่ยวจื่อที่ตกใจขึ้นรถม้าคันที่สองที่จัดเตรียมไว้ เหลิ่งอวี้เซวียนกลับไม่แยแสสายตาแปลกประหลาดของทุกคน อุ้มตัวซินเอ๋อร์ไว้ในอ้อมกอด ก่อนเดินก้าวไปขึ้นรถม้าคันแรกที่หรูหรา
เห็นเพียงนี่คือรถม้าอันหรูหรา ด้านนอกสลักเลี่ยมทอง ม้าที่ลากรถคือม้าพันธุ์ดีชั้นหนึ่ง
ด้านในรถกลับปูไปด้วยพรมหลายชั้น ทำให้คนที่นอนด้านบนล้วนไม่รับรู้ถึงแรงกระแทก
เหลิ่งอวี้เซวียนอุ้มซินเอ๋อร์ขึ้นรถม้า ก่อนวางลงบนพรมอย่างอ่อนโยนแล้วคิดจากไป คิดไม่ถึงแขนกลับถูกรัดแน่น จึงก้มลงมอง และสบเข้ากับดวงตาแวววาวกระวนกระวายจนปัญญาของซินเอ๋อร์
อาจเพราะผ่านเรื่องครั้งนี้มา ซินเอ๋อร์จึงยังคงหวาดกลัวในใจ
เธอกำลังกลัวว่าหากหน้าสิ่วหน้าขวาน เหลิ่งอวี้เซวียนจะไม่ปรากฎตัวขึ้นมา เช่นนั้นเวลานี้เธอคงต้องถูก...
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์หนาวสั่นอย่างหวาดกลัว
ใบหน้าเล็กดูหวาดกลัวอย่างไม่ปิดบัง
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นเช่นนั้น ในใจอดหดเกร็งจนเจ็บปวดอย่างมากไม่ได้
“ซินเอ๋อร์ ขออภัย ข้ามาสายไป สองวันนี้เจ้าต้องลำบากไม่น้อยแน่”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปากขึ้น ภายในน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า แฝงไปด้วยการตำหนิตนเองและเสียใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ยื่นมือใหญ่ดึงมือเล็กของซินเอ๋อร์ ก่อนเกาะกุมฝ่ามือแน่นโดยไม่ยอมปล่อยมือ
เพราะสองวันมานี้ เหลิ่งอวี้เซวียนหลังจากรู้ซินเอ๋อร์หายตัวไป ในใจคล้ายมีคนใช้มีดหั่นออกไปเป็นชิ้นๆ จะซ่อมแซมเช่นไร ก็ไม่กลับมาเช่นเดิม
ความว่างเปล่า โดดเดี่ยว หวาดกลัวปกคลุมในใจเขาไม่หยุด ทำให้เขาใจร้อนดังไฟแผดเผา ร้อนใจอย่างยิ่ง
เพราะซินเอ๋อร์ของเขาอ่อนช้อย งดงาม น่ารักขนาดนี้ หากถูกคนทำร้าย เขาควรทำเช่นไร!
โชคดีที่เขาพบเธอช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเข้าพอดี โชคดีจริงๆ ขอบคุณสวรรค์
ทว่าแม้ซินเอ๋อร์จะไม่ได้บาดเจ็บรุนแรง แต่สองวันมานี้ต้องลำบากมาไม่น้อยแน่
เมื่อเห็นซินเอ๋อร์เวลานี้ท่าทางน่าสงสาร เหลิ่งอวี้เซวียนปวดใจอย่างยิ่ง
ตรงข้ามกับความเสียใจ ตำหนิตนเอง และปวดใจของเหลิ่งอวี้เซวียน ซินเอ๋อร์รู้สึกถึงมือเล็กของตนถูกมือใหญ่หนากว้างของเหลิ่งอวี้เซวียนเกาะกุมไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นและพละกำลังของอีกฝ่าย ทันใดนั้นความน้อยใจเอ่อทะลักขึ้นในใจทันที
ก่อนจะแสบจมูก ซินเอ๋อร์ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงร้องไห้ ‘ฮือ’ ขึ้นมาอย่างหนัก
“ฮือๆ เซวียนข้ากลัวยิ่งนัก ฮือๆ ข้ากลัวมากจริงๆ ข้ากลัวว่าต่อไปจะไม่ได้เจอท่านอีก!”
ซินเอ๋อร์ร้องไห้เสียงอู้อี้ ระบายความจนปัญญา ลำบาก เสียใจในสองวันนี้ทั้งหมดออกมา
สองวันสองคืนนี้ เธอทานไม่อิ่ม นอนไม่หลับ มักกังวลถึงอนาคตของตนว่าจะถูกคนขายไป ก่อนใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็น
และกังวลใจว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันได้กลับเมืองหลวง ไม่ได้พบหน้าน้องชายตน และไม่เจอกับเซวียนอีก
เพียงนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงโลกของตนกำลังถล่มลงมา
แม้ตอนนี้เซวียนจะปรากฎตัวขึ้นแล้ว และเธอถูกช่วยเหลือมาแล้วก็ตาม แต่ซินเอ๋อร์ยังคงหวาดกลัวในใจ
หากเมื่อครู่เซวียนไม่ได้มาทันเวลา!
หากเป็นเช่นนั้น เธอควรทำเช่นไร!
ยิ่งคิด ซินเอ๋อร์ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
หยดน้ำตานั้น คล้ายกับไข่มุกร่วงหล่นจากสร้อยคอที่ขาด ไหลรินลงมาไม่หยุดจนอาบไปทั่วใบหน้าเล็ก
จมูกเล็กนั้นก็แดงก่ำเพราะร้องไห้ ราวกับจมูกของกระต่าย ทำให้คนที่มองทั้งสงสารและหลงรัก
เมื่อก้มลงมองสาวน้อยที่ร้องห่มร้องไห้เสียใจ และได้ยินคำพูดที่น่าสงสารนี้ของเธอ ในใจของเหลิ่งอวี้เซวียนปวดหนึบ คิ้วกระบี่ขมวดเป็นปม ก่อนทนไม่ไหวก้มลงจุมพิตบนแก้มของสาวน้อยอย่างแผ่วเบา ก่อนซับหยดน้ำตาบนใบหน้าของสาวน้อยไป
การกระทำที่อ่อนโยนเช่นนี้ของชายหนุ่ม คล้ายกับขนไก่ปัดผ่านแก้มของสาวน้อยอย่างแผ่วเบา
ทำให้ใจของสาวน้อยอดเต้นแรงไม่ได้
ก่อนความรู้สึกแปลกประหลาดจะทะลักขึ้นในใจเธออย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นความรู้สึกร้อนรุ่นที่ดับสลายไป ล้นทะลักขึ้นในใจอีกครั้ง
เมื่อครู่ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงร่างกายไร้เรี่ยวแรง ทั่วร่างกายผิดปกติคล้ายถูกแผดเผา
หลังต่อมาเกิดเรื่องนั้นขึ้น เธอจึงพยายามอย่างสุดกำลังรับมือกับชายหนุ่มที่ทำให้เธอสะอิดสะเอียนผู้นั้น
เรื่องราวจบลงในที่สุด ใจที่เคยหวาดหวั่นของซินเอ๋อร์ก็ผ่อนคลายลง
เวลานี้เมื่อถูกชายหนุ่มจุมพิตเบาๆ ทำให้ซินเอ๋อร์ขวยเขิน แต่ขณะเดียวกันกลับชื่นชอบและตื่นเต้นอย่างมาก
ความร้อนรุ่มที่ควรดับสลายไปในใจ เพราะถูกจุมพิตอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ของชายหนุ่ม จึงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงความร้อนรุ่มเอ่อทะลักขึ้นในใจพุ่งออกสู่แขนขาทั้งสี่ไม่หยุด กระทั่งเลือดก็ยังเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา
ความผิดปกติเช่นนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ทรมานและหวาดกลัว
มือเล็กขาวผ่องนั้นพลันผลักเหลิ่งอวี้เซวียนที่ซบอยู่บนกายเธอออกไป
“เอ่อ”
เมื่อถูกซินเอ๋อร์ผลัก เหลิ่งอวี้เซวียนมีสีหน้าตะลึงงัน
ทันใดนั้นความผิดหวังเสียใจพรั่งพรูขึ้นในใจของเหลิ่งอวี้เซวียน
“ซินเอ๋อร์ หรือเจ้ารังเกียจสัมผัสใกล้ชิดเช่นนี้ของข้า!”
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดว่าซินเอ๋อร์รังเกียจเขา จึงผลักเขาออกมาเช่นนี้
แต่หลังเขาเอ่ยประโยคนี้จบ จึงพบว่าซินเอ๋อร์คล้ายผิดปกติ
เห็นเพียงสาวน้อยที่เวลานี้นอนอยู่ในรถม้า สองแก้มกำลังแดงก่ำผิดปกติ ดวงตายั่วยวน ปากเล็กอ้าเล็กน้อย ส่งเสียงครวญครางที่ทำให้คนอ่อนระทวยออกมาจากปากไม่หยุด
และมือเล็กขาวผ่องของสาวน้อยคู่นั้น ดึงทึ้งเสื้อผ้าบนกายโดยไม่รู้ตัว
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ดวงตาดำขลับเบิกกว้าง ร้องตกใจอย่างไม่เชื่อสายตาว่า
“ซินเอ๋อร์ เจ้า เจ้าถูกวางยาปลุกกำหนัดหรือ!”
ตรงข้ามกับเหลิ่งอวี้เซวียนที่ตกตะลึง ซินเอ๋อร์เวลานี้ก็ฟังอย่างไม่ได้สติ
เพราะเวลานี้สมองของเธอเริ่มเปลี่ยนไปมึนงง ร่างกายคล้ายลอยอยู่กลางกลุ่มเมฆหนานุ่ม สั่นไหวไปมาอย่างยิ่ง
ตอนนี้เธอร้อนอย่างยิ่ง ความร้อนนั้นกระจายออกมาจากภายในร่างกายของเธอไม่หยุด ทำให้เธอทรมานอย่างมาก
โดยเฉพาะร่างกายส่วนล่าง คล้ายมีบางสิ่งที่คันยุบยิบ ขยายตัว ราวกับมีเลือดคั่ง จนต้องรีบระบายออกมา
สำหรับความผิดปกตินี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ทรมานจนร้องไห้ออกมา
“เซวียน ฮือๆ ข้าทรมานยิ่งนัก ข้าเป็นอันใด ข้าจะตายหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์ดึงทึ้งเสื้อผ้าบนกายตนไม่หยุด เพราะเธอตอนนี้ร้อนรุ่มยิ่งนัก ร้อนจนเธออยากกระโดดลงไปในน้ำแข็ง เพื่อดับไฟบนกายของเธอลง
สมองก็ค่อยๆ เลอะเลือน คิดสิ่งใดไม่ออก และไม่รู้ว่าความจริงตนกำลังทำสิ่งใดอยู่
ดังนั้นซินเอ๋อร์จึงไม่รู้ว่าเพราะสองมือตนดึงทึ้งไม่หยุด เนื้อผ้าบางเบานั้นหลังผ่านเรื่องเมื่อครู่มา ถูกฉีกขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ตอนนี้ถูกเธอออกแรงดึงทึ้งอีก
เห็นเพียงเสียงฉีกขาด เสียงดึงทึ้งดังขึ้นภายในรถม้าไมหยุด ไม่นานซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงหน้าอกเย็นเฉียบจึงรู้สึกดีขึ้น และจึงคิดดึงทึ้งต่อไป
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าร่างกายตนถูกคนมองเห็นจนหมดทุกส่วนแล้ว
………………………………………………………………………………….