หลังได้ยินคำซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ และตำหนิอย่างไม่ปิดบัง
ซินเอ๋อร์ตกใจ ร่างกายสั่นเทิ้มชั่วขณะ สายตาที่มองชายหนุ่มแฝงด้วยความหวาดกลัวและสับสน
“คือ คือว่า พี่จื่ออีเอ่ยว่าพี่ชิงเอ๋อร์เท้าบาดเจ็บ ดังนั้นเลยให้ข้าช่วย…”
ซินเอ๋อร์เอ่ยเสียงเบา
เพราะสีหน้าเยือกเย็นของเหลิ่งอวี้เซวียน ทำให้เธอหวาดกลัว มือที่วางอยู่บนหน้าท้องคู่นั้นพลันพันกันแน่น
หากเป็นปกติ เหลิ่งอวี้เซวียนทนมองท่าทางน่าสงสารของซินเอ๋อร์เช่นนี้ไม่ได้
แต่เขาเวลานี้ โมโหอย่างหนัก
เพราะจากกันสิบวัน ความคิดถึงที่เขามีต่อเธอ เพิ่มพูนขึ้นมาทุกวัน สิ่งแรกหลังกลับมาคืออยากเห็นหน้าเธอ จากนั้นอยู่ด้วยกันสองคน เอ่ยเล่าความคิดถึงที่มีต่อเธอออกมา
คิดไม่ถึง เขาเพิ่งกลับมา เธอกลับมอบความ ‘ประหลาดใจ’ มากมายเช่นนี้ให้แก่เขา!
แม้เขาจะยอมรับว่า เธอบนเวที เปล่งประกายสะดุดตา งดงามจนตกตะลึง ราวกับปีศาจตนหนึ่ง ดึงดูดวิญญานผู้คน!
แต่เพราะเธอดึงดูดสายตาผู้คนเช่นนี้ เขาจึงโมโห!
เพราะความงามของเธอ ควรมีเพียงเขาได้เชยชม เขาไม่ให้ชายอื่นหื่นกระหายเพราะความงามของเธอ!
เกรงว่าเพียงมอง ทำให้เขาโมโหจนแทบควักลูกตาพวกเขาออกมา!
เหลิ่งอวี้เซวียนคิดอย่างโมโหในใจ เขาเวลานี้ รู้สึกเพียงความโมโห ดุจแม่น้ำไหลทะลัก ไม่ขาดสาย
สายตาที่มองซินเอ๋อร์ โมโหอย่างยิ่ง
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ยิ่งไม่สบายใจและเสียใจ
เพราะนี่คือครั้งแรกที่เซวียนโมโหเธอหนักขนาดนี้
และเธอเพียงร่ายรำครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ได้ทำสิ่งใด เหตุใดเซวียนจึงโมโหขนาดนี้!
ยิ่งคิด ซินเอ๋อร์ยิ่งลำบากใจ
“เซวียน ท่านอย่าโมโห ต่อไป ต่อไปข้าจะไม่ร่ายรำอีกแล้ว เช่นนี้ท่านพอใจแล้วกระมัง!”
แม้เธอจะชื่นชอบร่ายรำ แต่เพียงเลือกว่าเขาไม่ชื่นชอบ เช่นนั้นเธอหลีกเลี่ยงก็เพียงพอแล้ว
แต่เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยิน กลับไม่พูดจา เพียงแค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง หมุนกายเดินเข้าไปด้านหน้า
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ตกใจลนลาน
กลัวเหลิ่งอวี้เซวียนจะโกรธเธอจริงๆ ไม่สนใจเธอ ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงพลันพุ่งไปยังทิศที่เหลิ่งอวี้เซวียนเดินไปทันที
แต่ซินเอ๋อร์สนใจเพียงเหลิ่งอวี้เซวียน จึงลืมไปว่าเวลานี้บนกายเธอ ถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีม่วงตัวนั้นของชายหนุ่ม
เสื้อคลุมตัวนั้น เมื่ออยู่บนกายซินเอ๋อร์ ยาวจรดเท้าด้านล่าง
ดังนั้น เพียงซินเอ๋อร์ขยับ พลันเหยียบเข้าที่ชายเสื้อทันที
เมื่อเท้าโซเซ ซินเอ๋อร์ร้อง ‘อา’ อย่างตกใจออกมา ร่างกายพลันสูญเสียการทรงตัว โผไปด้านหน้า
หลังได้ยินเสียงตกใจด้านหลัง เหลิ่งอวี้เซวียนพลันตกใจ เมื่อเขาหมุนตัวไป เห็นภาพซินเอ๋อร์กำลังจะล้มลงบนพื้น ตกใจจนแทบหัวใจกระดอนออกมา
เขาคิดรับตัวเธอไว้ ทว่าเพราะระยะที่ห่างไกล จึงไร้ความสามารถ
ส่วนทางซินเอ๋อร์นั้น เมื่อกำลังจะล้มลงบนพื้น เพราะหวาดกลัว จึงปิดตาลง รอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น
แต่ขณะเธอคิดว่าตนต้องล้มลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดไม่ถึง ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงแน่นที่เอว
ทันใดนั้น ร่างกายเธอถูกแรงมหาศาลดึงกลับไป จากนั้นชนเข้ากับหน้าอกหนา
เมื่อคล้ายถูกคนรับตัวไว้ ซินเอ๋อร์ที่หวาดหวั่นใจ พลันโล่งใจลง
ทันใดนั้น หมุนกายกุมมือชายหนุ่มทันที พร้อมเอ่ยว่า
“เซวียน ท่านอย่าโกรธข้าเลย ได้หรือไม่!”
ซินเอ๋อร์คิดว่า นี่คือเหลิ่งอวี้เซวียนที่เข้ามาช่วยเหลือเธอไว้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เธอจึงถือโอกาสนี้ กุมมือชายหนุ่มไว้ เพื่อให้ชายหนุ่มให้อภัย
แต่หลังเธอเอ่ยจบ รออยู่ชั่วขณะ ไม่ได้ยินเสียงชายหนุ่ม จึงสงสัยในใจ เงยใบหน้าเล็กขึ้นมอง
แต่เมื่อเห็นใบหน้าแปลกตาอยู่ใกล้สายตาตน ซินเอ๋อร์พลันดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงอยู่ตรงนั้น
หลังได้สติ นึกขึ้นได้วาตนนอนอยู่บนอ้อมกอดของชายแปลกหน้า สำหรับเรื่องนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ร้องอย่างตกใจ พลันผลักชายหนุ่มออกทันที ก่อนตนถอยไปด้านหลัง
คิดไม่ถึง กลับไม่ระวังข้อเท้าพลิกเข้า ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงร่างกายโอนเอน ล้มไปด้านข้าง
ชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าเธอเห็นเช่นนั้น คิดยื่นมือออกไปรับตัวเธออีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น มีคนเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง
“ซินเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดหรือไม่!”
ซินเอ๋อร์หกล้มครั้งแรก เขารับเธอไม่ทันเวลา ครั้งที่สองเขาต้องรับให้ได้
ในที่สุดได้โอบกอดร่างเล็กของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดกังวล เอ่ยถามอย่างร้อนใจไม่ได้
และซินเอ๋อร์ที่ได้ยิน รู้ว่าครั้งนี้คนที่รับตัวเธอไว้คือเหลิ่งอวี้เซวียน ร่างกายจึงอ่อนยวบลง พลันพิงอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
เพราะความเจ็บที่เท้า ทำให้ซินเอ๋อร์เจ็บปวด ดังนั้นใบหน้าเล็กประณีตนั้น จึงยับย่นเล็กน้อย
เหลิ่งอวี้เซวียนเห็นซินเอ๋อร์เจ็บปวดเช่นนั้น พลันตกใจ
“ซินเอ๋อร์ เจ้าเจ็บที่ใด!”
“เซวียน เท้าของข้า คล้ายจะพลิก”
หลังได้ยินน้ำเสียงกังวลของชายหนุ่ม ทำให้ซินเอ๋อร์โล่งใจ และใช้เสียงออดอ้อนไปพร้อมกัน
“เมื่อครู่ ท่านไม่สนใจข้า”
พอนึกถึงเมื่อครู่เหลิ่งอวี้เซวียนหมุนตัวจากไปอย่างไร้เยื่อใย ซินเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจ
กระทั่งดวงตากระจ่างใสคู่นั้น เอ่อคลอด้วยน้ำตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้ท่าทางเธอเวลานี้ ดูน่าสงสาร อ่อนช้อยงดงาม
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนปวดหนึบในใจ ตำหนิตนเองขึ้นมา
เพราะหากเมื่อครู่เขาไม่โมโหและไม่สนใจเธอ ซินเอ๋อร์คงจะไม่เพราะไล่ตามเขา จนหกล้มเช่นนี้ และยังขาพลิก
ต้องโทษเขา!
เมื่อเห็นเธอบาดเจ็บ เขายิ่งเจ็บปวดกว่าเธอ!
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเม้มปากแน่น ก่อนเอ่ยกับคนตัวเล็กน่าสงสารในอ้อมกอด
“ต่อไป ข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก”
“จริงหรือ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ดีใจ บนใบหน้าพลันปรากฎความชอบใจออกมา
“อืม จริงแน่นอน”
เมื่อเห็นท่าทางดีใจของสาวน้อย เหลิ่งอวี้เซวียนพลันพยักหน้า ก่อนเอ่ยยืนยัน
และรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อครู่
เหตุใดตนจึงโมโห นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ มิใช่หรือ!
และเขามองออกว่าเธอบนเวทีมั่นใจ ชวนหลงใหลเพียงใด จากเรื่องนี้เขาจึงมองออกว่า เธอชื่นชอบร่ายรำ
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยกับซินเอ๋อร์ว่า
“เมื่อครู่ เจ้าร่ายรำได้งดงามจริงๆ!”
“เอ่อ!”
หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์พลันตะลึงงัน
เพราะเมื่อครู่ชายหนุ่มยังโมโหเธอเรื่องร่ายรำอยู่เลย เหตุใดไม่นาน ท่าทีพลันเปลี่ยนไป ช่างทำให้เธอแปลกใจเสียจริง
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์อดกระพริบตาอย่างสงสัยไม่ได้ ก่อนเอ่ยถามชายหนุ่ม
“แต่ ท่านไม่ชอบให้ข้าร่ายรำมิใชหรือ!”
เมื่อเห็นท่าทางสงสัยไม่เข้าใจของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนอดยิ้มให้แก่เธอ และเอ่ยขึ้น
“ข้าไม่ใช่ ไม่ชอบการร่ายรำของเจ้า เพียงไม่ชอบให้เจ้าแต่งกายเช่นนี้ร่ายรำ!”
เหลิ่งอวี้เซวียนพูดตามความจริง ซินเอ๋อร์ได้ยิน อดเขี่ยจมูก และเอ่ยขึ้นไม่ได้
“เรื่องนี้ ข้าก็ไม่อยากสวมใส่ แต่พี่จื่ออีเอ่ยว่า…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องอธิบาย ข้าเข้าใจดี”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปากตัดบทซินเอ๋อร์
หลังได้ยิน เห็นเหลิ่งอวี้เซวียนไม่โมโหแล้ว ซินเอ๋อร์โล่งใจอย่างที่สุด
เพราะเธอหวาดกลัวท่าทางโมโหเขาอย่างมาก ตอนนี้คิดแล้วเธอยังหวาดกลัวในใจ!
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ ด้านข้างอดกระแอมขึ้นมาไม่ได้
ซินเอ๋อร์ได้ยิน จึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ตนแทบหกล้ม โชคดีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีคนช่วยเธอไว้ จึงทำให้เธอไม่เจ็บตัว
แต่เธอคล้ายยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณคนผู้นั้น!
พอคิดถึงตรงนี้ ซินเอ๋อร์สับสน พลันเงยหน้ามองไปยังเสียงกระแอมนั้น เมื่อเห็นหนุ่มน้อยชุดขาวงดงามนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันตะลึงงัน
นี่คือหนุ่มน้อยที่รูปโฉมงดงามยิ่งนัก
อายุน่าจะประมาณสิบเจ็ดปี สวมเสื้อคลุมสีขาวจากไหมชั้นดี แสดงชัดถึงรูปร่างอันงดงาม
เส้นผมยาวนุ่มลื่นรวบไว้ด้วยกวนหยก ดุจสายน้ำตก คิ้วงามโก่งไปถึงจอนผม จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงสด
สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคือ ดวงตาหงส์แคบยาวน่ามองคู่นั้นของเขา
หางตาเชิดขึ้น ทำให้เขาสูงส่ง แฝงความหยิ่งยโสและดื้อรั้น
คล้ายหงส์ที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า อย่างหยิ่งผยองและสูงส่งตัวหนึ่ง!
ดวงตาหงส์น่ามองเช่นนี้ ซินเอ๋อร์เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ดังนั้น สายตาของเธออดมองชายหนุ่มไม่ได้
แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า เหลิ่งอวี้เซวียนรับรู้ถึงเรื่องนี้ คิ้วน่ามองคู่นั้น จึงอดขมวดขึ้นไม่ได้