“ได้ เธอไม่ได้พูด!” ยายอวี้ยอมจำนนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอธิบายต่อ “แต่ฉันคิดไปคิดมา เรื่องที่เกิดบนตัวของลูกชายฉันอาจมีสาเหตุมาจากหลานที่ป่วยอยู่ หากจะบอกว่าซวย เสี่ยวอวี่ช่วงนี้ซวยอย่างมาก ครึ่งปีมานี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บังเอิญล้มขาหักไปสามรอบ ทุกครั้งที่หายดีก็ล้มอีกแล้ว อีกทั้งยังล้มลงจากบันไดทุกครั้ง”
“…” ซวยขนาดนี้เลยเหรอ
“ดังนั้นเจ้าหนู รบกวนเธอช่วยดูเสี่ยวอวี่ให้หน่อยได้ไหม”
กระดูกหักก็ถือเป็นโรคแผนกศัลยกรรม เป็นด้านเชี่ยวชาญของเธอ ดังนั้นอวิ๋นเจี่ยวจึงพยักหน้า “ได้!”
ยายอวี้ดีใจ รีบบอกให้คนขับรถวนรถกลับบ้านทันที ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเธอก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านมีขนาดใหญ่มาก แต่มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง ด้านหน้าและด้านหลังของบ้านแต่ละหลังล้วนมีสนามหญ้าสีเขียวกั้นอยู่ ทั้งหมู่บ้านเผยให้เห็นถึงราคาที่แพง จนถึงเวลานี้อวิ๋นเจี่ยวถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่าบ้านยายอวี้ร่ำรวยอย่างมาก
คนขับรถเคลื่อนรถเข้าคฤหาสน์หลังหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่กินพื้นที่มากที่สุด ยายอวี้พาเธอเดินเข้าบ้านอย่างรีบร้อน หลังจากเดินผ่านห้องโถงใหญ่แล้ว เธอก็ผลักประตูห้องทางด้านขวาที่อยู่ชั้นหนึ่งเข้าไป
ห้องนี้มีขนาดกว้างใหญ่มาก เหมือนจะถูกเก็บกวาดออกมาโดยเฉพาะ สิ่งของภายในล้วนใหม่เอี่ยม ด้านในมีชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่านอนอยู่ หน้าตาคล้ายคลึงกับเหลยไห่เฉา เพียงแต่อายุน้อยกว่ามาก เขาพลางเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์บนโต๊ะเล็ก พลางประชุมผ่านทางโทรศัพท์ เพียงแต่ขาที่ถูกพันไว้ราวกับบ๊ะจ่างนั้นกำลังกึ่งแขวนไว้อยู่บนเตียง ด้านข้างมีพยาบาลสองคนที่กำลังบันทึกอะไรบางอย่างอยู่
“คุณย่า? กลับมาเร็วจังครับ!” เมื่อชายหนุ่มเห็นคนผลักประตูเข้ามา เขาก็ผงะไป ก่อนจะรีบกำชับคนในสายและจบการประชุม
“เสี่ยวอวี่!” ยายอวี้รีบสาวเท้าเดินเข้าไป พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ขาแกรอดแล้ว ฉันไปเชิญอา…คุณหมออวิ๋นมา เธอเก่งมาก แกวางใจ ขาแกจะหายดีแล้ว!”
“หมออวิ๋น?” คนที่ชื่อเสี่ยวอวี่หันมามองอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่หน้าประตู ราวกับนึกบางอย่างได้ ปากของเขากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าทักทายเธอตามมารยาท จากนั้นให้พยาบาลที่อยู่ด้านข้างออกไป ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา “คุณย่า ผมแค่กระดูกหัก ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร!” ไม่จำเป็นต้องตามหาหมอมาดูอาการ อีกอย่างหมออวิ๋นคนนี้คือคนที่ถูกพ่อเขาเข้าใจว่าชนคนใช่ไหม!
เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงยังไม่หายโกรธ ไปเชิญเธอมารักษาโรคหมายความว่าอย่างไร คิดจะสร้างศัตรูเหรอ อีกอย่าง…ทำไมอีกฝ่ายถึงสวมชุดนอน! เธอถูกคุณย่าลากลงมาจากเตียงเหรอ
“ใครบอกว่าไม่ร้ายแรง!” ยายอวี้ถลึงตาใส่หลานชาย “ไม่ใช่โรคร้ายแรง แกจะนอนอยู่ครึ่งปีเหรอ”
“เอ่อ…” เหลยอวี่ผงะไป จะว่าไปเรื่องนี้ก็แปลก ใครจะกระดูกหักซ้ำซากเหมือนเขา อีกทั้งยังเป็นที่เดิมขาข้างเดิมทุกครั้ง
ยายอวี้ไม่สนใจว่าเขาจะรับปากหรือไม่ เธอจูงอวิ๋นเจี่ยวเดินเข้าใกล้ “เจ้าหนู เธอรีบช่วยดูขาของหลานชายฉันหน่อย มีสิ่งไม่ดีติดตัวเขาอยู่ไหม”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย อันที่จริงเธอเห็นตั้งแต่เข้าประตูมาแล้ว บนขาข้างนั้นของอีกฝ่ายมีพลังแห่งความโชคร้ายพัวพันอยู่ พลังนั้นมีความเข้มข้นยิ่งกว่าที่เธอเห็นบนตัวของเหลยไห่เฉา อีกทั้งยังมีแนวโน้มแผ่ขยายขึ้นไปที่หัวใจของอีกฝ่าย
พลังแห่งความโชคร้ายเข้มข้นเพียงนี้ เขากลับไม่เป็นอะไรเลยนอกจากขาหักเท่านั้น
“เป็นอย่างไร เห็นอะไรไหม” เห็นเธอไม่พูดไม่จา ยายอวี้ถามขึ้นอย่างคาดหวัง
“เห็น” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า พูดอย่างจริงจัง “ขาหัก!”
“…” เธอไม่ได้ถามเรื่องนี้
“กระดูกแข้งหัก!” อวิ๋นเจี่ยวเสริม
“จริงเหรอ ไม่มีอย่างอื่น?” ยายอวี้ทำหน้าไม่เชื่อ
“หากคุณไม่วางใจ…” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น “หรือไม่ให้ฉันฝังเข็มให้เขา?”
“ดีๆๆ !” ยายอวี้พยักหน้า
อวิ๋นเจี่ยวล้วงเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะล้วงเจอชุดเข็มสีทองเหมือนเคยทั้งๆ ที่เธอสวมชุดนอนอยู่ ชุดเข็มสีทองนี้เหมือนผูกติดกับเธอเอาไว้ แค่เพียงเธอคิดมันก็จะปรากฏในกระเป๋า
แปลก!
เธอหยิบเข็มสีทองออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ในขณะที่กำลังจะฝังเข็ม ยายอวี้ชี้ไปยังขาที่ดามเฝือกเอาไว้ของอีกฝ่าย “ต้องแกะเฝือกนี้ออกก่อนไหม”
“คุณย่า!” เหลยอวี่เรียกขานขึ้น ตกลงว่ามาช่วยเขาหรือมาทำร้ายเขากันแน่
“เรียกอะไร ไม่แกะจะฝังเข็มอย่างไร” ยายอวี้กลอกตาใส่เขา “หมออวิ๋น อย่าสนใจ แกะได้เลย!”
“…” นี่คือคำพูดของย่าแท้ๆ จริงเหรอ
“ไม่ต้อง” อวิ๋นเจี่ยวทำหน้าระอา พลังทั้งร่างกายรวมอยู่ที่ตันเถียน เพียงแค่ฝังเข็มลงไปบริเวณนั้น ชักนำพลังลมปราณเข้าไป ย่อมสามารถขับไล่พลังแห่งความโชคร้ายได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับขา ไม่ใช่ว่าเจ็บตรงไหนฝังตรงนั้น
“อ่อ...” ยายอวี้ถึงได้ล้มเลิก อีกทั้งยังเคาะขาที่ดามเฝือกอย่างเสียดาย
อวิ๋นเจี่ยวกำลังคิดจะห้าม แต่ก็ต้องผงะไป เห็นเพียงแต่พลังแห่งความโชคร้ายที่เข้มข้นในบริเวณที่ยายอวี้เคาะนั้นสลายออกไปเล็กน้อย ราวกับถูกบางอย่างทำให้สลายออกไป
ตามหลักแล้วพลังแห่งความโชคร้ายนี้ หากคนอื่นสัมผัสเข้าจะติดความโชคร้ายของอีกฝ่ายไปด้วย เหมือนดั่งที่พบเจอบนตัวของเหลยไห่เฉา แต่ยายอวี้เคาะไปหนึ่งที ไม่เพียงแต่ไม่เป็นอะไร อีกทั้งยังทำให้มันสลายออกไปได้บางส่วน หรือว่าบนตัวของยายอวี้มีอะไรแตกต่าง
เธอหันไปพินิจอีกฝ่ายอย่างละเอียด ก่อนหน้านี้เธอมัวแต่หลบอีกฝ่ายไม่ทันสังเกต เมื่อมาดูในเวลานี้ รอบตัวของยายอวี้มีบางอย่างที่คนอื่นไม่มี สิ่งนั้นคือแสงสีทอง เพียงแต่มีความเจือจางอย่างมาก หากไม่สังเกตคงไม่อาจเห็นได้ สิ่งที่ขับไล่พลังแห่งความโชคร้ายเมื่อกี้คงจะเป็นแสงเหล่านี้ มิน่าพลังแห่งความโชคร้ายบนตัวหลานชายเธอเข้มข้นขนาดนี้ยังไม่เป็นอะไร
สิ่งนี้คือ…แสงทองแห่งคุณงามความดี!
ในหัวของเธอปรากฏคำนี้ขึ้นมา อวิ๋นเจี่ยวผงะไปเล็กน้อย อะไรกัน ก่อนจะรีบส่ายหัว ความเชื่องมงายเชื่อไม่ได้! เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่ามันคือภาพลวงตา เธอยื่นมือลูบเข้าไปที่พลังแห่งความโชคร้ายบนขาของอีกฝ่ายโดยตรง
ทันใดนั้นพลังสีดำนั้นสลายหายไปจนหมดสิ้น ราวกับไม่เคยมีอยู่
ดูสิ เธอเองก็ทำได้เช่นกัน แสดงว่ามันคือภาพลวงตาของเธอเอง ไม่มีพลังแห่งความโชคร้ายอะไรทั้งนั้น มันเป็นปัญหาที่ดวงตาของเธออย่างแน่นอน
“คุณ…คุณย่า! ขาผมมีความรู้สึกแล้ว!” เหลยอวี่ที่อยู่บนเตียงพูดขึ้น ภายในดวงตาฉายแววตกตะลึง ทั้งที่คุณหมอบอกว่ากระดูกของเขาหักหลายครั้ง จะหายดีช้ามาก อาจมีอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ไม่มีความรู้สึก แต่ตอนนี้ เหมือน...มีความรู้สึกเจ็บ! เขาทำหน้าดีใจ ก่อนจะกดกระดิ่งที่อยู่ด้านข้าง
ยายอวี้เองก็ทำหน้าดีใจเช่นเดียวกัน “ดูสิๆ ฉันบอกแล้วว่าหมออวิ๋นเก่งมาก! แค่ลงมือนิดหน่อยแกก็หายดีแล้ว!”
เหลยอวี่ที่ยังไม่หายดี “…”
อวิ๋นเจี่ยวที่ไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อย “…”