“ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด…เขาเป็นคนทำให้ฉันเป็นแบบนี้ เป็นความผิดของหญิงทรามคนนั้น!” ผีสาวนั้นตะโกนขึ้นมา ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับกำลังจะถูกพลังสีแดงรอบตัวกลืนกินสติ
“เธอยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า มีสมองหรือ…” หญิงชราสั่งสอนอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง
อวิ๋นเจี่ยวไม่อยากจะฟังต่อไป เธอผนึกมือขึ้น ทันใดนั้นบนพื้นประกายค่ายกลหนึ่ง ไม่ถึงสองวินาทีผีสาวนั้นก็หายไปต่อหน้า
“เอ๊ะ? หายไปแล้ว!” หญิงชรากำลังสนุกปาก เธอมองไปยังชั้นระหว่างบันไดที่ว่างเปล่า ก่อนจะหันกลับไปมองอวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู ส่งเธอไปไหนแล้ว?”
“ไม่รู้!” อวิ๋นเจี่ยวตอบ ตัวเธอเองก็ฉงนเช่นเดียวกัน เพียงแต่รู้ว่าควรต้องทำแบบนี้
“ฮะ?” หญิงชราผงะ ก่อนจะถามออกมาด้วยความตกตะลึง “เมื่อกี้เป็น…เป็น…เป็นผีจริงหรือ”
อวิ๋นเจี่ยวเงียบไปสองวินาที ก่อนจะตอบ “ปลอม!”
“ฮะ?” เธอคิดว่ายายแก่อย่างฉันตาไม่ดีหรือไง
“มันคือภาพลวงตา! บนโลกนี้ไม่มีผี พวกเราต้องเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์ ห่างไกลความงมงาย! เมื่อกี้ต้องเป็นผลกระทบจากสนามแม่เหล็กที่พิเศษ ส่งผลให้เกิดภาพลวงตา!”
“…” เธอล้อฉันเล่น!
สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวเคร่งขรึมกว่าเดิม เธอพึมพำอิสระ ประชาธิปไตย มีวัฒนธรรม กลมกลืนภายในใจ ก่อนจะเดินลงไปลานจอดรถใต้ดิน
หญิงชรามองชั้นบันไดที่ว่างเปล่าด้วยหน้าฉงน ก่อนจะมองอวิ๋นเจี่ยวที่เดินไปไกลแล้ว ร่างของเธอสั่นเทา ก่อนจะรีบเดินตามไป “ เดี๋ยว! เจ้าหนู เจ้าหนู…อาจารย์ เธอรอฉันด้วย!”
“คุณตามฉันทำไม” อวิ๋นเจี่ยวมองหญิงชราที่เดินตามมาถึงลานจอดรถ หัวก็ปวดขึ้นมาเป็นระยะ ก่อนจะพูดเน้นย้ำขึ้น “ฉันไม่มีเงินแล้ว!” ตกทรัพย์ก็ต้องมีจรรยาบรรณ ไม่อาจตกแค่เธอคนเดียวไหม
“เงินอะไร” หญิงชราผงะไป แต่ก็ไม่ได้สนใจ เพียงแค่หัวเราะออกมา ท่าทีเปลี่ยนไปจากหญิงชราที่ดื้อรั้น เธอยิ้มด้วยสีหน้าชื่นชม “อาจารย์! เธอเก่งเหลือเกิน ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้! เรื่องก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจผิดเอง” หญิงสาวที่ดีขนาดนี้ จะเจตนาชนเธอได้อย่างไร “วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมา หรือไม่เธอบอกฉันว่าเธอพักที่ไหน ฉันจะขอไปตอบแทน”
“ไม่ต้อง!” อวิ๋นเจี่ยวส่ายหัว คุณไม่มารีดไถฉัน ฉันก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว
“ต้อง ต้อง! อาจารย์…” หญิงชราพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “หากไม่ใช่เธอ ยายแก่อย่างฉันคงถูกผีสาวนั้นฆ่าแน่”
“ไม่ต้องจริงๆ “อวิ๋นเจี่ยวยังคงส่ายหัว ก่อนจะพูดเสริม “อีกอย่าง ฉันบอกแล้วว่าบนโลกนี้ไม่มีผี คุณยาย เรื่องงมงายเชื่อไม่ได้!”
หญิงชรา “…” ตอนนี้บอกว่าเรื่องงมงาย แต่คนที่จับผีเมื่อกี้คือใครกัน!
“ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อน!” อวิ๋นเจี่ยวไม่รอเธอตอบรับ รีบเดินหนี
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน...” หญิงชราเดินตามขึ้นไปอีกครั้ง แต่เนื่องจากเดินเร็วเกินไป ไม่ทันสังเกตลูกระนาดใต้เท้า ทำให้คนทั้งคนพุ่งตัวจะล้มไปด้านหน้า
อวิ๋นเจี่ยวตกใจ เธอหันตัวกลับมาช้อนอีกฝ่ายเอาไว้ ออกแรงดึงแขนของอีกฝ่ายขึ้น แต่ร่างกายของอีกฝ่ายอวบเกินไป ทำให้เธอดึงขึ้นมาไม่ไหว ตัวเองยังล้มลงไปตามแรงดึงอีก สุดท้ายทั้งสองคนล้มลงกับพื้นด้วยกัน โชคดีที่การดึงของเธอนั้น ถึงแม้จะไม่ได้พยุงคนเอาไว้ได้ แต่สามารถลดแรงกระแทกได้ ทำให้ทั้งสองคนแค่นั่งลงไปกับพื้น
“คุณไม่…” อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะลุกขึ้นยืน ถามอาการของหญิงชรา เพราะร่างกายของคนชราค่อนข้างอ่อนแอ ไม่อาจล้มบ่อยครั้งได้
เธอยังพูดไม่ทันจบ เสียงขุ่นเคืองหนึ่งดังขึ้นทันที “เธอคิดจะทำอะไร!”
เห็นเพียงแต่ร่างสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว คนที่มาเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสูท สวมแว่น มีพุงใหญ่ ท่าทางเหมือนพนักงานบริษัทชั้นนำ กำลังมองอวิ๋นเจี่ยวบนพื้นด้วยสีหน้าดุดัน “เธออยากเจอดีใช่ไหม ยังกล้ามาอีก!” พูดจบ เขาก็ยกหมัดขึ้น ทำท่าจะต่อยคน
อวิ๋นเจี่ยวตกใจ เธอไม่ทันได้ตอบสนอง ทำได้เพียงมองหมัดของอีกฝ่ายหล่นลงมา หญิงชราด้านข้างตอบสนองอย่างรวดเร็ว ไม่รู้เธอเอาแรงมาจากไหน ลุกขึ้นพรวด พร้อมยกมือตบเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายเสียงดัง แรงตบนั้นทำให้แว่นตาบนหน้าของอีกฝ่ายบิดเบี้ยวไป
“ไอ้ลูกเลว แกหาที่ตายหรือ!”
ชายวัยกลางคนถูกตบจนงุนงง มองไปยังหญิงชรา “แม่!”
“แกยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าแม่!” หญิงชราโกรธเคือง ท่าทางราวกับอยากจะตบอีกฝ่ายอีกหลายที
“แกเก่งนักนะ ลงมือกับผู้หญิงแล้วใช่หรือไม่ ฉันไม่มีลูกอย่างแก!”
“ไม่ใช่…” ชายวัยกลางคนมองคนบนพื้น ก่อนจะมองแม่ของตัวเอง ยิ่งฉงนเข้าไปใหญ่ “ผมเห็นว่าเธอกำลังตีแม่ไม่ใช่หรือ” เขาพาหญิงชรามาตรวจอาการซ้ำ พอหันหลังกลับมาก็พบว่าคนหายไปแล้ว หาจนทั่วโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ ก่อนจะพบว่าเธอถูกกดอยู่บนพื้น อีกฝ่ายยังเป็นผู้หญิงที่ชนเธอคนนั้น ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือหญิงคนนั้นกลับมาแก้แค้น ใครจะทนไหวกัน
“ใครบอกว่าเธอตีฉัน ตาแกถูกขี้บังหรือไง! เมื่อกี้ฉันเกือบล้ม เธอพยุงฉันเอาไว้ พยุงฉันแกเข้าใจหรือไม่!” หญิงชราถลึงตาใส่ลูกชายของตนเอง!
“ไม่…ไม่ใช่หรือ” ชายวัยกลางคนมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่บนพื้นด้วยความสงสัย เธอจะใจดีขนาดนี้?
“ไม่ใช่แน่นอน!” หญิงชราชี้หน้าพร้อมตะโกนใส่เขา “ยืนโง่อยู่ทำไม ยังไม่รีบพยุงแม่แกขึ้นมาอีก!”
“อ่อๆ!” ชายวัยกลางคนตระหนักได้ รีบดึงแม่ของตนเองขึ้นมา อวิ๋นเจี่ยวเองก็ลุกขึ้น
“เฮ้อ แกใช่ว่าจะไม่รู้น้ำหนักของแม่แก เธอพยุงไว้ไม่ไหว ยังถูกฉันดึงลงมาอีก ทำไมแกถึงมองว่ากำลังตีกัน” หญิงชราพลางนวดเอว พลางสั่งสอนลูกชาย “ไม่รู้ว่าตาแกไปโผล่อยู่ตรงไหน ดูยังไงให้เป็น…เดี๋ยว!”
เธอนึกบางอย่างขึ้นได้ตะโกนขึ้น “หรือว่าเรื่องที่ชนฉันเมื่อคราวที่แล้วฉันก็ดูผิด คนดีอย่างอาจารย์ จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ลูก พวกเราต้องเข้าใจผิดแน่!”
“แม่! แม่พูดอะไร ก่อนหน้านี้แม่บอกว่าเห็นคนไม่ใช่หรือ” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด อีกทั้งยังหันไปมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความสงสัย “อีกอย่างอาจารย์อะไรกัน” หญิงสาวคนนี้เป็นแพทย์ไม่ใช่หรือ เป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไร ฟังดูแล้วเหมือนมิจฉาชีพ
“ไอ้ลูกเลว แกจะไปรู้อะไร! เมื่อกี้อาจารยังช่วยชีวิตฉันเอาไว้ด้วย” หญิงชรายิ่งคิดยิ่งเป็นไปได้
“ใช่แน่ คนเก่งอย่างอาจารย์ หากจะลงมือยังต้องใช้การชน ต้องเป็นฉันดูผิดแน่ ฉันเข้าใจอาจารย์ผิด ลูกไม่รู้ว่าเมื่อกี้…”