เห็นเพียงแสงสีทองที่แทบจะห่อหุ้มอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้นั้นถูกพลังสีม่วงบีบถอยออกไปเล็กน้อย แต่ยังคงรวมตัวกันอย่างดื้อรั้น อีกฝ่ายราวกับร้อนใจขึ้นมา คิ้วขมวดมุ่นในทันใด เขาเดินขึ้นหน้ากดแสงสีทองรอบตัวของอวิ๋นเจี่ยวเอาไว้ ราวกับต้องการใช้กำลังในการบีบให้แสงเหล่านั้นถอยออกไป แสงสีทองจู่โจมเทพปีศาจขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ไม่ถึงชั่วครู่ฝ่ามือของอีกฝ่ายก็เต็มไปด้วยเลือด เขาราวกับมองไม่เห็นบาดแคลเหล่านั้น บีบเค้นให้แสงสีทองถอยออกไปจนกระทั่งทั้งหมดแหลกสลายไป
“แค่กๆ…” อวิ๋นเจี่ยวล้มลงกับพื้น ส่งเสียงไออย่างรุนแรงออกมา เธอหอบหายใจอย่างหนัก ไม่คิดว่าวิชาเวทของอาจารย์ปู่ก็ไร้คล
สีหน้าของเทพปีศาจไม่มีการเปลี่ยนแปลง คนทั้งคนเคยให้เห็นท่าทีตื่นเต้น เขาหิ้วคอเสื้อของอวิ๋นเจี่ยวที่นั่งอยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น “บอกมา เจ้าเป็นอะไรกับเยี่ยยวน”
“…” อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงถูกบีบเข้าที่คออีกครั้ง แม้แต่จะไอก็ไอไม่ออก
“ไม่บอกหรือ” เทพปีศาจหรี่ตาลง ความอาฆาตภายในตาเห็นได้อย่างชัดเจน “กระดูกแข็ง เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้ข้าจะไม่รู้?”
“…” เฮ้ย เธออยากจะพูดนะ แต่เจ้าปล่อยออกให้ข้าพูดสิ! ภายในใจของอวิ๋นเจี่ยวเต็มไปด้วยคำสบถ
อีกฝ่ายใช้นิ้วแตะลงระหว่างคิ้วของเธอ นาทีถัดมาพลังเย็นกลุ่มหนึ่งรุกรานเข้าไปในหัวของเธอ ราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงเจ็บจี๊ดในหัว ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดดีดพลังเย็นกลุ่มนั้นออกไปตามสัญชาตญาณ
เทพปีศาจชะงักมือ ภายในดวงตาฉายแววตะลึง “สมกับที่เป็นคนจากดินแดนอื่น ไม่อาจค้นหาวิญญาณได้” เขาเก็บมือกลับไปอย่างไม่พอใจเล็กน้อย คิ้วขมวดมุ่น “เอาเถิด ในเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับเยี่ยยวน เช่นนั้นยิ่งทิ้งไว้ไม่ได้”
พูดจบก็ยกมือขึ้นข้างหนึ่งโจมตีเข้าไปที่หัวใจของเธออย่างไม่ลังเล อวิ๋นเจี่ยวไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงมองดูฝ่ามือที่มาพรอมพลังทำลายล้างกระทบเข้ากับหัวใจของตนเอง
“หยุด!” พลังหยินสีแดงพุ่งตรงมาจากทิศทางยมโลก โจมตีเข้าเทพปีศาจโดยตรง
เทพปีศาจปล่อยคนในมือออกทันที เขาถอยหลังออกไปหลายฉื่อเพื่อหลบพลังหยินพิเศษกลุ่มนั้น
อวิ๋นเจี่ยวร่วงลงมาทันที ก่อนจะถูกคนรับเอาไว้ได้ทันเวลา ชาวสวนอิ้งปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมสีหน้าตกตะลึง “ศิษย์ตัวน้อยเจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ เจ้าอย่าหลอกข้า!”
“แค่กๆๆ…” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้ตอบก็ส่งเสียงกระแอมไออย่างรุนแรงออกมา การบีบคอคนคือสัญลักษณ์ของตัวร้ายหรืออย่างไร เกือบจะขาดใจตายอยู่แล้ว!
ชาวสวนรีบถ่ายทอดพลังชีวิตไปให้ อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกเพียงมีกระแสอุ่นไหลค่านหัวใจ ถึงได้บรรเทาอาการไอที่รุนแรงลง
“อิ้งหลุน!” ทางเทพปีศาจจำคนที่มาทีหลังได้ เขามองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาโกรธเคือง “เจ้าคิดจะช่วยเยี่ยยวน?!”
อิ้งหลุนมองไปยังคนตรงข้าม ใบหน้าที่ปกติมีเพียงความกะล่อนเคยสีหน้าโกรธเคืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาอ้าปากด่าทอเทพปีศาจ “ซื่อไป๋ สมองเจ้ามีรูหรืออย่างไร เจ้าทะเลาะกับเยี่ยยวนก็ทะเลาะไป จะดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาทำไมกัน” นึกย้อนไปถึงฉากเมื่อครู่ เขาก็ยังใจหาย โชคดีที่เขามาเร็ว มิเช่นนั้นหากซื่อไป๋ลงมือไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเมื่อรอเยี่ยยวนตื่นขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น
“…” เทพปีศาจคงะไป เขาฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง “ข้าทำอะไรเจ้าอย่ายุ่ง นางเป็นคนดินแดนอื่น เดิมทีก็ไม่ควรมีอยู่ เจ้าถอยไปมิเช่นนั้นข้าจะจัดการเจ้าด้วย!”
พูดจบเขาสะบัดฝ่ามือออกไปอย่างไม่สนใจอิ้งหลุนที่อยู่ด้านข้าง
“เฮ้ย!” อิ้งหลุนร้องเสียงหลง ก่อนจะเรียกพลังหยินสีแดงออกมาอีกครั้ง พลางต้านทานการโจมตีของอีกฝ่าย พลางพาอวิ๋นเจี่ยวถอยหลังไป เขาโมโหอย่างมาก “คนดินแดนอื่นแล้วอย่างไร ศิษย์ตัวน้อยทำอะไรให้เจ้า เจ้าตาบอดหรืออย่างไรถึงมองไม่เห็นคุณงามความดีบนตัวนาง” คนดินแดนอื่นจะทำลายกฎเกณฑ์ ส่งคลกระทบต่อความมั่นคง แต่สิ่งที่ศิษย์ตัวน้อยทำ ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องเลวร้าย แม้แต่หนทางแห่งสวรรค์ยังต้องยอมรับ เขามีสิทธิอะไรที่จะกำจัดนาง!
“ศิษย์ตัวน้อย?” เทพปีศาจหยุดลง แต่สิ่งที่สนใจคือคำอีกคำ เขามองไปยังอิ้งหลุนด้วยความตะลึง
“นางเป็นศิษย์ของเจ้า?!”
“ใครบอกว่านางเป็นศิษย์ของข้า” อิ้งหลุนโพล่งออกมา “ไม่ใช่ศิษย์ของข้าแล้วอย่างไร หากเจ้าแตะต้องนางอีกที ข้าจะไม่ไว้หน้าเจ้าอย่างเด็ดขาด เจ้าคนโง่! ไร้ปัญญา! บ้า…” เขาสบถด่าออกมาอย่างยาวเหยียด คำที่ใช้ไม่มีคำใดซ้ำ
“หุบปาก!” สีหน้าของเทพปีศาจดำลงในทันที “ในเมื่อไม่ใช่ศิษย์ของเจ้า เจ้าจะปกป้องนางทำไม หรือว่า…” เขานึกบางอย่างขึ้นได้ เมื่อครู่เขาเห็นคำสาปใจเดียวของเยี่ยยวนบนตัวอีกฝ่าย ทันใดนั้นเบิกตาโต ก่อนจะพูดออกมาอย่างตกตะลึง ”นางเป็นหญิงของเยี่ยยวน!”
“…” อิ้งหลุนไม่ตอบ แต่ซื่อไป๋มั่นใจว่าตนเองเดาถูกอย่างแน่นอน ภายในดวงตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเคยร้อยยิ้มประสงค์ร้าย พร้อมพูดขึ้น “เช่นนั้นข้ายิ่งปล่อยนางไว้ไม่ได้!”
พูดจบพลังสีม่วงรอบตัวเขายิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ก่อนจะโจมตีเข้าไปทางอิ้งหลุนอีกครั้ง ความรู้สึกถูกปราบปรามอย่างขัดขืนไม่ได้นั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
สีหน้าของอิ้งหลุนเปลี่ยนไปทันที เขาใช้พลังหยินต้านการจู่โจมของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้โจมตีออกมา หากแต่ไหวตัวมาดึงอวิ๋นเจี่ยวมุดเข้าไปในทางแห่งหนึ่ง ก่อนจะทิ้งคำพูดท้าทายเอาไว้
“ฮ่าๆๆ…ข้าจะทำให้เยี่ยยวนเจ็บปวดไปตลอดชีวิต!”
“ซื่อไป๋!” อิ้งหลุนคิดจะวิ่งตาม แต่ก็ไม่ทันการ อีกฝ่ายหายลับไปต่อหน้าต่อตาแล้ว
เฮ้ย!
ทันใดนั้นอิ้งหลุนมีความรู้สึกอยากจะกร่นด่าออกมา ทั้งกังวลทั้งหงุดหงิด อีกฝ่ายคงจะไม่ลงมือกับศิษย์ตัวน้อยเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบใช่หรือไม่ อย่าเด็ดขาด! เยี่ยยวนต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน! เหตุใดเจ้าบ้านั่นถึงไม่ฟังคนพูดให้จบก่อนกัน!
เขาเข้าใจความรู้สึกของอีกคนที่เป็นปรปักษ์ต่อกันขึ้นมาอย่างประหลาด ตอนนี้เขาอยากจะตีซื่อไป๋สักที
…
อวิ๋นเจี่ยวไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานเท่าใด เพียงแต่จำได้ว่าก่อนที่ตนเองจะสลบ เทพปีศาจเปิดมิติออกแล้วดึงเธอเข้าไป ความดันภายในหลุมนั้นทำให้เธอสลบไปโดยตรง
เมื่อฟื้นขึ้นมา เธอพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนก้อนเมฆสีขาวนุ่มนิ่ม ท่ามกลางก้อนเมฆนั้นเจือปนไปด้วยพลังสีม่วงเล็กน้อย ทำให้ชั้นเมฆไม่แยกสลายจากกัน ส่วนบริเวณรอบด้านชั้นเมฆเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสวยงามอย่างประหลาด ดอกไม้คลิบานอยู่เต็มพื้น บนดอกไม้แพร่กระจายพลังเทพที่เข้มข้น คล้ายคลึงกับพืชวิเศษในตำนาน ทำให้คนอยากจะเด็ดมาสกัดเป็นยา
“ตื่นแล้ว!” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นกะทันหัน เธอหันไปมองตานต้นเสียง เห็นเพียงร่างที่คุ้นเคยและงดงามอย่างยิ่งกำลังเดินมาจากท่ามกลางดอกไม้ เขายกยิ้มขึ้นอย่างแค่วเบา ทันใดนั้นความงามในโลกต่างหมดความงดงามในตัวมันไป