ตอนนี้เหล่าปีศาจที่รวมตัวกันอยู่ตรงนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยความอยากรู้และลองดูสักตั้ง พวกเขาล้วนรออยู่บริเวณนี้เพื่อเข้าเซินยวน
ชายแก่ยิ่งฟังยิ่งตกตะลึง เขากระจ่างในทันทีว่าเหตุใดหลายยวันนี้เผ่าปีศาจถึงได้เงียบสงบเช่นนี้ ไม่มีแม้แต่ความคิดจะรุกรานสามโลก ที่แท้ก็มีสิ่งที่ดึงดูดมากกว่า
อีกทั้งปีศาจเลือกที่รุกรานสามโลกในตอนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองหนึ่งในดินแดนปีศาจ ส่วนเจ้าเมืองแห่งดินแดนปีศาจยังมีอีกเก้าคน ไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาสำรวจเซินยวนล้วนมีพลังแข็งแกร่งขึ้นจะพุ่งเป้าไปที่สามโลกอีกหรือไม่
ชายแก่ส่งข่าวคราวที่สืบมาได้ให้อวิ๋นเจี่ยวด้วยตักอักษร ก่อนจะเดินกลับไปด้วยท่าทีหนักใจ
‘ปีศาจที่ชื่อเย่เจียนเถียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม’
เมื่อเห็นเขาเดินกลับมา อีกฝ่ายมองเขาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นรับป้ายไม้ในมือของเขาคืนไป ชายแก่ส่งสายตาให้อวิ๋นเจี่ยวอย่างลับๆ ให้นางหาโอกาสดูกระจกพันลี้ จากนั้นยืนกลับไปยังด้านหลังของเย่เจียนเถียนเพื่อรอคอยต่อไป
พวกเขาไม่ได้รอนานเท่าไร ไม่ถึงหนึ่งเค่อ บริเวณรอบด้านมืดลง บนพื้นราบปรากฏเงาขนาดใหญ่ขึ้น พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย เห็นเพียงแต่บนท้องฟ้ามีสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายจานกลมลอยลงมา บริเวณรอบด้านมีสิ่งที่คล้ายกับหมอกควันล้อมรอบอยู่
ทันใดนั้นรอบด้านเงียบสงัด ทุกคนต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตื่นเต้น
จนกระทั่งจานกลมนั้นลอยลงมา พวกเขาถึงได้เห็นว่าสิ่งนั้นคืออาวุธสำหรับการเดินทางทางอากาศขนาดใหญ่ ด้านบนมียันต์อักขระซับซ้อนสลักอยู่เหล่าปีศาจที่รอคอยอยู่เป็นเวลานานรีบแย่งกันยืนขึ้นไปบนอาวุธนั้น เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่พวกเขารอคอย
เย่เจียนเถียนก็เดินขึ้นไป อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่รีบเดินตามทันที จนกระทั่งทุกคนขึ้นมายังอาวุธจานกลมนี้ มันถึงลอยขึ้นไปด้านบนอย่างเชื่องช้า อาวุธลอยขึ้นอย่างช้ามาก ใช้เวลากว่าหนึ่งเค่อกว่าจะเดินทางถึงชั้นเมฆ
ในขณะที่ชายแก่กำลังฉงน เผ่าปีศาจสามารถเหาะเหินได้ เหตุใดจึงต้องใช้อาวุธที่เชื่องช้าเช่นนี้ แต่ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ถึงพลังน่ากลัวที่กดทับลงมาจากด้านบน พลังนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง มันไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนถูกสิ่งของหนักกดทับ แต่กลับทำให้คนปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ ทำให้คนอยากจะหมอบลงบนพื้นทันที
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับพลังกดทับลงมา บนจานกลมปรากฏเกราะป้องกันสีขาวขึ้นมาคุ้มครองทุกคนไว้ภายใน ป้ายไม้ในมือของทุกคนล้วนปรากฏแสงสีขาวอ่อนๆ พลังที่กดทับลงมาบนตัวเบาลงไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังคงมีอยู่ ปีศาจดินที่มีกำลังต่ำหมอบบนอยู่จานกลมลุกขึ้นไม่ได้
เขากระจ่างในทันทีว่าเหตุใดทุกคนถึงได้ใช้จานกลมนี้ ที่แท้ก็เพื่อต่อต้านพลังที่มาอย่างกะทันหันนี้
“ทางเข้าถึงแล้ว!” มีคนตะโกนออกมา เหล่าปีศาจเริ่มเคลื่อนไหวขึ้น
ชายแก่มองรอบด้านอย่างสงสัย แต่มองไม่เห็นทางเข้าอันใดทั้งสิ้น ในขณะที่กำลังฉงน เขาพบว่าเหล่าปีศาจล้วนเงยหน้ามองไปยังด้านบน เขารีบเงยหน้ามองตามทันใดนั้นก็ต้องตกใจ
เห็นเพียงแต่ด้านบนของพวกเขาปรากฏปากถ้ำดำสนิท ถ้ำนั้นราวกับฉีกท้องฟ้าออกจากกัน มันอ้ากว้างรอคอยทุกคนอยู่ด้านบน ส่วนด้านในมีพลังปีศาจสีดำราวกับหมึกหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งที่เป็นเพียงทางเข้าที่ห้อยลงมา แต่ชายแก่กลับรู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ราวกับเพียงแค่เข้าไปก็จะถูกดูดกลืนจนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
นี่คือเซินยวน! พวกเขา…ต้องเข้าไปจริงหรือ
เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง บนใบหน้าของอีกฝ่ายมีแต่ความเคร่งขรึม ไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองทางเข้าด้านบน ภายในดวงตาฉายแววฉงน ทำไมเธอถึงรู้สึกว้าทางเข้านี้…คุ้นเคย?
ไม่รอเธอคิดมากไปกว่านี้ เหล่าปีศาจบนอาวุธต่างเหาะเหินขึ้นไป แย่งชิงกันเข้าไปด้านใน หายไปถ้ำกลางความมืดมิดนั้น
“ไป!” เย่เจียนเถียนที่อยู่ด้านหน้าก่อนพูดขึ้น แต่ไม่ได้เหาะขึ้นไปโดยตรง เพียงแต่หันหลังกลับมา มือหนึ่งจับคนหนึ่งลากทั้งสองคนลอยขึ้นไปด้านบน
ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกนางดึงเข้าไปภายในเซินยวน พวกเขารู้สึกเพียงรอบตัวเย็นลง ทันใดนั้นภาพตรงหน้าเหลือเพียงความมืด รู้สึกเหมือนทะลุผ่านบางอย่างมาก ก่อนจะเหยียบลงบนพื้น
เย่เจียนเถียนปล่อยมือ แต่รอบด้านยังคงมืดมิด มองไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น สักพักด้านหน้าปรากฏแสงไฟ รอบด้านสว่างขึ้นมา เย่เจียนเถียนเรียกเปลวเพลิงสีม่วงออกมาส่องสว่างชั่วคราว
ด้านหน้ามีเพียงความว่างเปล่าและความมืด รอบด้านเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง เงียบจนน่ากลัว
“คนอื่นล่ะ?” ชายแก่ถาม
บริเวณนี้นอกจากพวกเขาทั้งสามคนแล้ว ไม่มีคนอื่นอีก ไม่เห็นแม้แต่ปีศาจที่เข้ามาในเซินยวนพร้อมกัน
“ตำแหน่งที่เข้ามาในเซินยวนไม่แน่นอน หากไม่เตรียมการก่อน จะตกลงสู่บริเวณที่แตกต่างกัน” เย่เจียนเถียนตอบอย่างเข้าใจยาก ก่อนจะมองชายชราด้วยสายตาดูถูก “เจ้าคิดว่าเหตุใดข้าจึงพาพวกเจ้ามาด้วย”ที่แท้นางก็กลัวพวกเขาหลงทางหรือ ชายแก่ชะงัก ก่อนจะรีบยิ้มเอาใจทันที “ผู้พิทักษ์เย่มองการณ์ไกล”
“ฮึ!” เย่เจียนเถียนส่งเสียงเย็นออกมา ก่อนจะกวาดตามองคนทั้งสอง “ไม่ต้องแสร้งปลอมตัว ที่นี่ไม่มีคนอื่นแล้ว ในเมื่อข้าพาพวกเจ้าเข้ามาแล้ว เช่นนั้น…พวกเจ้าก็ควรส่งสมบัติในมือออกมาได้แล้ว”
“อะไร!” ทั้งสองคนผงะไป หมายความว่าอย่างไร
“ยังคิดจะหลอกข้าอีกหรือ” สีหน้าของเย่เจียนเถียนเย็นลง พลังปีศาจรอบตัวเริ่มหลั่งไหลออกมา “พวกเจ้าคิดว่าข้าต้องการผู้ติดตามจริงหรือ หากไม่ใช่สนใจอาวุธวิเศษบนตัวพวกเจ้า ข้าจะพาพวกเจ้าเข้ามาทำไมกัน”
ชายแก่ฉงนจริงๆ ถึงแม้จะเดาได้ว่าจุดประสงค์ของนางไม่บริสุทธิ์ ท่าทางที่เปลี่ยนไปกะทันหันก็ไม่แปลก แต่อาวุธวิเศษคืออะไรกัน
“ผู้พิทักษ์เย่หมายความอย่างไร เข้าใจผิดอันใดหรือไม่ บนตัวของพวกข้าไม่มีสิ่งพิเศษอะไร”
“ไม่รู้จริงหรือ” สีหน้าของเย่เจียนเถียนดำทะมึน ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างเห็นได้ชัด
“ฮึ พวกเจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้” นางกวาดตามองทั้งสองคนอีกครั้ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มเหมือนตอนที่ฆ่าชายหนุ่มในเมืองปีศาจครั้งนั้น “ช่างเถิด ที่นี่ไม่มีคนอื่น เพียงแค่ฆ่าพวกเจ้า ค่อยหยิบอาวุธวิเศษก็ได้”
ชายแก่ตกใจ รีบพูดขึ้น “ผู้พิทักษ์เย่ ท่านเข้าใจผิด…”
“ชายแก่!” อวิ๋นเจี่ยวออกเสียง หยุดยั้งการอธิบายของเขา เธอมองไปยังเย่เจียนเถียนตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “นางบอกว่าที่นี่ไม่มีคนอื่น”
“ฮะ?!” ชายแก่ผงะนิ่งไปสักพัก ก่อนจะตอบสนองได้ “เฮ้ย!”
จริงสิ! ที่นี่ไม่ใช่เมืองปีศาจ ไม่มีปีศาจอื่น เขาจะกลัวอะไร!
“จัดการนาง!” พูดจบก็เรียกดาบสวรรค์ออกมาจากในถุง