หลงฉางไม่รออีกฝ่ายพูดจบ เขาผลักชายแก่ออก ก่อนจะพูดอย่างร้อนใจ “เจ้าหลบไป! คนที่ข้าเป็นห่วงคือศิษย์หลาน” อย่าว่าแต่อาจารย์ตอนนี้ยังไม่เป็นอันใด ถึงแม้จะเป็นอันใด หากเขาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองยอมให้ศิษย์หลานเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ คงต้องตีขาเขาหักเป็นแน่
ชายแก่: “…” อย่างน้อยข้าก็เรียกท่านอว่าอาจารย์อานะ!
“อาจารย์อาใหญ่ บนตัวข้ามีวิชาเวทที่อาจารย์ปู่ลงเอาไว้” อวิ๋นเจี่ยวจึงทำได้เพียงเล่าเหตุการณ์ปีศาจเลือดลอบทำร้ายเธอในวันนั้นออกมา เพียงแต่ปิดบังเรื่องที่หมีโคอาล่าบางตัวกอดเธอนับชั่วยามเอาไว้ พร้อมทั้งรับรองว่าตนเองไม่เป็นอะไร หลงฉางถึงจะตอบตกลง
ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังชายแดนดินแดนปีศาจที่ถูกผนึกไว้ชั่วคราว อวิ๋นเจี่ยวเปิดทางเข้าหนึ่งแห่งออกมา ผนึกนี้เองเธอเป็นคนวาง เวลานี้เปิดทางเข้าจึงเป็นเรื่องง่ายอีกทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อผนึก
หลงฉางกำชับเรื่องที่ควรระวังอยู่ครึ่งชั่วยาม พร้อมทั้งยัดยันต์วิเศษและอาวุธวิเศษให้พวกเธอมากมาย ในขณะที่เขาคิดจะล้มเลิกการเฝ้าดูแลค่ายกลแล้วติดตามพวกเธอไปนั้น ทั้งสองคนจึงรีบเดินเข้าไปในดินแดนปีศาจ
ทันทีที่ก้าวเท้าข้ามมา อวิ๋นเจี่ยวก็รีบลงมือวางค่ายกลขนส่งด้านข้าง ค่ายกลนี้คือค่ายกลข้ามดินแดนที่เธอและทุกคนร่วมกันคิดค้นออกมาในหลายวันนี้ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ในดินแดนปีศาจหรือไม่ แต่อย่างไรก็ต้องลอง ถือเสียว่าเป็นทางออกอีกทาง อีกทั้งเธอเพิ่มพลังของตนเองและชายแก่พลางไป คนอื่นไม่มีทางพบค่ายกลนี้ อีกทั้งไม่สามารถใช้ได้
อวิ๋นเจี่ยวส่งอาวุธวิเศษที่มีลักษณะคล้ายพู่ห้อยชิ้นหนึ่งให้ชายแก่ ก่อนที่ตนเองจะหยิบออกมาอีกชิ้นแขวนไว้ที่ข้างเอว
แทบจะเป็นเพียงชั่วพริบตา รอบตัวของทั้งสองคนถูกพลังสีดำปกคลุม ดูเหมือนจะเป็นพลังปีศาจ แต่ก็มีความแตกต่างจากพลังปีศาจ เพราะเป็นเพียงแค่การปลอมตัวเท่านั้น หากไม่เกิดการปะทะไม่มีทางดูออก
สิ่งนี้จี้เฟิงเป็นคนให้พวกเธอมา สามารถปลอมแปลงตนเองให้กลายเป็นเผ่าปีศาจได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งสองคนเดินเข้าลึกเข้าไปในดินแดนปีศาจ เมื่อเทียบกับดินแดนสีแดงที่สะท้อนจากทะเลเลือดแล้ว คราวนี้บริเวณรอบด้านมีเพียงความมืดมิด เห็นเพียงแต่บริเวณไกลออกไปมีแสงสีเขียว
ทั้งสองคนติดยันต์ชั่วขณะมุ่งหน้าไปทางนั้น ตามสิ่งที่จี้เฟิงพูด พื้นที่ของดินแดนปีศาจมีความกว้างขวาง แต่กว้างมากแค่ไหนเขาก็ไม่แน่ชัด แต่เผ่าปีศาจมักชอบรวมตัวกันในบริเวณที่พลังปีศาจเข้มข้นอย่างทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อเข้ามาทั้งสองคนถึงพบว่าดินแดนปีศาจมีอาณาเขตกว้างแค่ไหน เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะมองหาเมืองที่มีการรวมตัวของเผ่าปีศาจเพื่อสืบข่าว แต่สุดท้ายพวกเขาเดินมาสามวัน ระหว่างทางเจอปีศาจเพียงไม่กี่ตัว อีกทั้งส่วนใหญ่ยังไม่มีสัมปชัญญะ รู้เพียงแต่กลืนกินระหว่างกัน ไม่เข้าใจความหมายของพวกเธอแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปีศาจระดับปีศาจเลือด
“เจ้าหนู…” ชายแก่อดถามขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าว่า…ครั้งก่อนพวกเราไม่ได้ทำให้เผ่าปีศาจสูญพันธุ์ใช่หรือไม่” มิเช่นนั้นหลายวันนี้ เหตุใดจึงไม่เห็นปีศาจปกติ
“…” อวิ๋นเจี่ยวอยากจะกรอกตาให้เขา คิดได้สวยหรู
ทันใดนั้น พลังปีศาจรอบด้านหลั่งไหลออกมา ราวกับได้รับการอัญเชิญบางอย่าง ลมพายุโหมกระหน่ำขึ้นไปด้านบน
“มาแล้ว!” อีกทั้งพลังปีศาจแข็งแกร่ง ไม่เหมือนกับที่พวกเขาเจอระหว่างทาง ชายแก่ช่างปากเสีย!
อวิ๋นเจี่ยวแปะยันต์ซ่อนพลังเอาไว้ทั้งสองคน ก่อนจะหลบเข้าไปยังด้านหลังของกองหินที่หนึ่ง
นาทีถัดมา พลังปีศาจโหมกระหน่ำไปทั่วทั้งท้องฟ้า ร่างในชุดขาวและชุดแดงปรากฏขึ้นด้านบน ทั้งสองคนราวกับกำลังปะทะกัน วิชาเวทจำนวนมากจู่โจมเข้าไปยังอีกฝ่าย เวลานั้นบริเวณรอบด้านเต็มไปด้วยเสียงระเบิด พื้นดินที่ราวเรียบในเดิมทีถูกวิชาเวทของพวกนางโจมตีจนเป็นหลุมเป็นบ่อ
แม้แต่คนทั้งสองที่หลบอยู่ด้านหลังกองหินก็แทบจะถูกก้อนหินฝังเอาไว้ พวกเธอพอจะเดาได้ว่าปีศาจสองตัวนี้กำลังประลองวิชาเวทกัน แต่มองออกไปก็เห็นเพียงแต่ฝุ่นควันอบอวลอยู่ทั่วไป อีกทั้งระยะห่างที่ไกล ทำให้มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านบน
จนกระทั่งครึ่งเค่อต่อมา มีเสียงบางอย่างกระแทกลงมา ราวกับแยกฝ่ายแพ้ชนะได้แล้ว เสียงโกรธเคืองดังขึ้นจากระยะไกลภายในน้ำเสียงเจือปนไปด้วยความอาฆาต “เย่เจียนเถียน เจ้าเสียสติไปแล้ว! ข้าไม่เคยทำอันใดเจ้า เหตุใดเจ้าจึงหาเรื่องข้า”
“ฮึ!” ด้านบนส่งเสียงเย็นชาออกมา “เจ้าทำอันใดลงไปเจ้าไม่รู้หรือ ข้าไม่ชอบท่าทางเสแสร้ง อีกทั้งใบหน้าที่หลอกลวงผู้คนของเจ้า! ข้าเคยบอกแล้วว่าหากข้าเจอเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าจะตีเจ้าครั้งหนึ่ง!”
“เย่เจียนเถียน! เรื่องผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ปลอยวาง” คนด้านล่างยิ่งโกรธมากขึ้น
“เรื่องของความรักไม่อาจควบคุมได้ ศิษย์พี่หวังชอบข้า ข้าก็จนปัญญา ข้าบอกกับเขาอย่างชัดเจนแล้วว่าข้าไม่ชอบเขา เหตุใดเจ้าจึงต้องหาเรื่องข้า”
“คนทราม หุบปาก!” คนด้านบนยิ่งโกรธมากขึ้น วิชาเวทไม่ถ้วนถาโถมลงมาอีกครั้ง “อย่าพูดถึงคนชั่วอย่างหวังซินจี๋ให้ข้าได้ยินอีก ข้าตาบอกถึงได้ชอบคนแบบนั้น เจ้าอยากเก็บขยะเจ้าก็เก็บไป ไม่ต้องเอากลับมาทำให้ข้าสะอิดสะเอียน! จี้ซือหย่า เจ้าคิดว่าทุกคนไม่มีผู้ชายจะอยู่ไม่ได้เหมือนเจ้าหรืออย่างไร”
“เจ้าพูดเหลวไหล...” คนด้านล่างราวกับโมโหอย่างมาก พลางหลบการจู่โจมของอีกฝ่าย พลางตอกกลับ “ข้าบริสุทธิ์ใจมาตลอด ระหว่างข้ากับศิษย์พี่หวังไม่มีอันใดทั้งนั้น หากเจ้าใส่ร้ายข้าอีก เรื่องนี้ข้าจะรายงานต่อเจ้าเมือง!”
“ถุย!” อีกฝ่ายกร่นด่ามากยิ่งขึ้น “ช่างตลกสิ้นดี เจ้าและข้าล้วนเป็นปีศาจ อีกทั้งเจ้าฝึกฝนคาถาหงเฉินจะมาพูดถึงความบริสุทธิ์อันใดกัน ทั้งเมืองปีศาจตะวันออก เจ้ามีคนสนิทกี่คนนับได้หรือไม่”
“หุบปาก!” คนด้านล่างเสียงเย็นลง “เย่เจียนเถียน ก่อนหน้านี้ข้าเห็นแก่หน้าของศิษย์พี่หวังถึงได้ยอมเจ้า แต่เจ้ากลับหาเรื่องข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงหรือ”
“เฮอะ…” คนด้านบนเสียงเสียงหัวเราะในลำคอ ท่าทางเสียดสีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางท้าทาย “เจ้าถูกคนยินยอมานานเกินไปจนไร้สมองแล้วหรือ ปีศาจดินชั้นต่ำกล้าพูดเช่นนี้? วันนี้เหล่าผู้ชายของเจ้าไม่อยู่ ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
พูดจบทั้งสองคนก็ปะทะขึ้นมาอีกครั้ง เสียงระเบิดรอบด้านยิ่งดุเดือดมากขึ้น
ชายแก่และอวิ๋นเจี่ยวสบตากัน พวกเขากำลังมุงดูสงครามในดินแดนปีศาจโดยบังเอิญเหรอ อีกทั้งสงครามยังเกิดมาจากหญิงสองคนแย่งชายหนึ่งคน
อีกทั้งดูจากพลังปีศาจรอบด้านแล้ว กำลังของทั้งสองคนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะหญิงสาวในชุดสีแดงที่ชื่อเย่เจียนเถียน อีกทั้งตัวตนของทั้งสองคนไม่อาจเปิดเผยได้ หากปะทะขึ้นมาจริง ชายแก่ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายโดยไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คน ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบซ่อนตัวเอาไว้
จนกระทั่งการเคลื่อนไหวทางนั้นเบาเสียงลง มีแสงสีขาวประกายขึ้น พลังของคนหนึ่งหายไป หญิงสาวที่ชื่อเย่เจียนเถียนชนะแล้ว เพียงแต่ปีศาจอีกตัวเหมือนจะใช้วิชาเวทบางอย่างหลบหนีไป
“จี้ซือหย่า มีปัญญาอย่าหนี! ข้ามีอีกหลายวิธีจัดการกับคนอย่างเจ้า!” เยี่เจียนเถียนกร่นด่า อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะลากบรรพบุรุษของอีกฝ่ายออกมาด่า แต่สุดท้ายนางก็กัดฟันทำท่าจะจากไป ในขณะที่กำลังจะกลายร่างเป็นพลังปีศาจนั้นก็ชะงักไป “ใคร!”
“…”