อวิ๋นเจี่ยวมองดูวิญญาณมังกรของสีฝานอย่างละเอียด พบว่าถึงแม้เขาจะยังเป็นวิญญาณที่ยังมีชีวิต แต่รอบตัวของเขามีประกายแสงหลากสีหลากหลายชั้น ประกายแสงเหล่านั้นห่อหุ้มร่างวิญญาณของเขาเอาไว้ทำให้วิญญาณของเขาไม่ปนเปื้อนพลังหยิน ดังนั้นถึงแม้เขาจะไม่มีร่างกายแต่ยังคงเป็นวิญญาณที่ยังมีชีวิต ไม่ได้กลายเป็นวิญญาณผีอวิ๋นเจี่ยวพอเดาได้ว่าประกายแสงหลายสีเหล่านี้คงจะเป็นโชคชะตาที่ชาวสวนอิ้งพูดถึง
เมื่อได้ยินคำถามของอวิ๋นเจี่ยว สีฝานเงยหน้าขึ้น ขาหน้าสองข้างหดอยู่ด้านหน้า ก่อนจะชนนิ้วเข้าหากันอย่างเป็นกังวล “ข้าคือสีฝาน อาจารย์…ข้าไม่ใช่คนเลว พวกท่านต้องเชื่อข้า ข้าไม่เคยทำเรื่องผิดอันใดข้าลงมาเพื่อเป็นคนดี ‘คู่มือลูกศิษย์เสวียนเหมิน’ ข้าท่องได้หมดแล้วไม่เคยทำผิดระเบียบแม้แต่น้อย”
“ในเมื่อเจ้าเป็นวิญญาณมังกร เหตุใดจึงอยู่ในร่างคน” อวิ๋นเจี่ยวถาม “เหตุใดตอนนั้นจึงแอบลอบเข้ามาสำนักชิงหยางหลอกพวกข้า?”
“ข้าไม่ได้หลอกพวกท่าน” สีฝานส่ายหัวอย่างแรงก่อนจะตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนั้นข้าหลงทางไปยังที่นั่น อีกทั้งตกใจถึงได้หลบไปอยู่บนต้นไม่”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้ว “เราก็เป็นมังกร เหตุใดจึงเกรงกลัววิญญาณมังกรของเสี่ยวหวง”
ตอนนั้นเจ้าแสร้งทำอย่างเห็นได้ชัด
“เอ๊ะ? ข้าไม่กลัววิญญาณมังกร ข้ากลัวอีกคน” สีฝานพูดออกมาคนที่อยู่กับวิญญาณมังกรนั้นมีพลังที่คล้ายกับคนนั้นในดินแดนสวรรค์ ตอนนั้นเขากลัวจนขาอ่อน!
อวิ๋นเจี่ยวผงะ เขาหมายถึง…ชาวสวนอิ้ง?
ถึงแม้สีฝานจะเป็นวิญญาณที่ยังมีชีวิต แต่ชาวสวนอิ้งเป็นราชายมโลก หลังเขาก็เป็นเรื่องปกติ
“ร่างของเจ้าล่ะ?”
“ข้าไม่มี!” เขาส่ายหน้า “ไข่ของข้าแตกไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีร่างกาย”
“…ไข่แตก?” เดี๋ยว เจ้าพูดถึงไข่ไหน
“อืม” เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ตอนที่ข้าเกิดมาไม่นาน แม่ของข้าได้รับความตกใจ ทำข้าหล่นลงบนพื้น ตอนนั้นร่างของข้ายังไม่ก่อตัว ดังนั้นจึงหลงเหลือเพียงวิญญาณมังกร”
“…” ตกใจอย่างไรกัน แม้แต่ไข่มังกรยังตกแตกได้
“หลายปีมานี้เจ้าลอยไปลอยมา?” เหวินชิงที่อยู่ด้านข้างถามขึ้น แต่หลายปีนี้ไม่เคยได้ยินว่ามีวิญญาณมังกรปรากฏขึ้นในดินแดนสวรรค์อีกทั้งยังเป็นมังกรเสวียน
“ไม่ใช่!” เขาส่ายหัว ก่อนหน้านี้วิญญาณมังกรของข้าอ่อนแอ จึงหลับใหลอยู่ในตัวน้องชายข้าต่อมาเขาถูกลอบทำร้ายร่างกายจะประคองไว้ไม่อยู่ ข้าจึงพาเขาหนีออกมาด้วย”
“ลอบทำร้าย?” หยวนเจียงขมวดิ้ว ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้เขาเบิดตาโพลงก่อนจะโพล่งออกมา
“เจ้า…เจ้าคือสิงฝาน!”
สีฝานเหลือบมองเขา ก่อนจะส่ายหัวทันที “ไม่ๆ! ตอนนี้ข้าไม่แซ่สิงแล้ว ข้าเปลี่ยนแซ่ให้ตนเองชื่อสีฝาน! เจ้าอย่าเรียกมั่ว!”
“…” แตกต่างอะไรกันเหรอ
“อาจารย์อาหยวน ท่านรู้จักเขา?” อวิ๋นเจี่ยวหันไปถาม
หยวนเจียงขมวดคิ้วก่อนจะมองไปยังสีฝานด้วยสีหน้าซับซ้อน สักพักถึงตอบกลับ “ข้าก็แค่เคยได้ยินท่านมหาเทพเล่าให้ฟังว่าท่านเคยมีพี่ชาย แต่ตายไปตอนที่เกิดออกมา ท่านสนใจในตัวของพี่ชายคนนี้อย่างมากแต่ไม่คิดว่าวิญญาณของเขาจะอยู่ในร่างของท่านมหาเทพมาตลอด”
“เช่นนี้ละก็…” เหวินชิงลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “เจ้ารู่ว่าวิญญาณมังกรของท่านมหาเทพอยู่ที่ไหน”
“เจ้าพูดถึงเสี่ยวสีหรือ รู้สิ!” สีฝานพยักหน้า “วิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บ ข้ารักษาให้เขาอยู่!”
พูดจบเขาก็ยืดลำตัวขึ้น จากนั้นเงยหน้าอ้าปากออกมา ก่อนจะ…อาเจียนวิญญาณมังกรที่ตัวเล็กกว่าเขาออกมา
ทุกคน: ”…” เหมือนได้กลิ่นแปลกประหลาดบางอย่าง?
“ท่าน…มหาเทพ?” เหวินชิงและหยวนเจียงกระตุกปากเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังวิญญาณมังกรที่อ่อนแอบนพื้น พลังที่ประกายออกมาคือท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์
ทั้งสองคนเดินขึ้นหน้าด้วยความเป็นห่วง แต่พวกเขาก็มองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นอันใด แต่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายอ่อนแอลงทำได้เพียงหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว “ศิษย์หลาน เจ้าดู…”
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามอง ก่อนจะหันไปพูดกับสีฝาน “สีฝาน เจ้ารีบเก็บเขาเข้าไป วิญญาณของเขากำลังเปลี่ยนเป็นวิญญาณตาย” วิญญาณของท่านมหาเทพบูรพาสวรรค์ออกจากร่างเป็นเวลานาน หากปล่อยออกมาเช่นนี้ไร้การคุ้มครองจากโชคชะตาของสีฝาน วิญญาณของเขาจะถูกพลังหยินกลืนกินอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นวิญญาณผี เมื่อถึงครานั้นคงได้ตายจริง!
“อ่อๆ!” สีฝานรีบรีบควักมังกรตัวเล็กบนพื้นขึ้นมายัดเข้าปาก ก่อนจะออกแรงยัดเสี่ยวสีเข้าไปในร่างวิญญาณเหมือนเดิม
ทุกคน: ”…” ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นเพียงวิญญาณมังกรไม่อาจกินได้อีกทั้งยังกำลังช่วยคน แต่ฉากตรงหน้าดูอย่างไรก็รู้สึกแปลกประหลาด
เพิ่งคายออกมา ตอนนี้กลืนกลับเข้าไป…
อ้วก…ไม่ได้ๆ! คิดไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึก ‘กลิ่นหอมอบอวล’
“แค่ก!” เหวินชิงกระแอมไอทีหนึ่งเพื่อดึงสติกลับมา “คือ…ศิษย์หลาน เมื่อเวลานี้ตามหาวิญญาณของท่านมหาเทพเจอแล้ว ให้พวกข้านำตัวของสีฝานกลับไป ช่วยให้วิญญาณของท่านมหาเทพกลับเข้าร่างได้หรือไม่”
ในขณะที่อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะตอบตกลง สีฝานก็พูดขัดขึ้นเสียงดัง “ข้าไม่ไปดินแดนสวรรค์!”
สีฝานดีดตัวขึ้นมาทันที ถึงแม้ร่างกายของเขาจะหดเล็กลง แต่ร่างมังกรยังคงกินพื้นที่ขนาดใหญ่ เขาหลบอยู่หลังเสาต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมาก เกาะเสาต้นนั้นเอาไว้ไม่ปล่อย “เจ้าอย่าหลอกค่ากลับไปเป็นมหาเทพ ข้าตายก็ไม่มีทางเป็น! ไม่ได้เด็ดขาด!”
ทุกคน: ”…”
เป็นมหาเทพน่ากลัวขนาดนี้เหรอเหตุใดเขาจึงคัดค้านถึงเพียงนี้ พี่น้องของเขาทั้งสี่ล้วนจับจ้องตำแหน่งนั้นมาหลายพันปี อีกทั้ง…พวกเขาไม่ได้บอกให้เขากลับไปเป็นมหาเทพ!
“สีฝาน…” ชายแก่พูดขึ้น
“ไม่ไป อย่างไรข้าก็ไม่กลับไป” สีฝานพูดขัดเขา หัวยังคงส่ายไปมา “ข้าอยากฝึกวิชาในเสวียนเหมิน อาจารย์พวกท่านให้ข้าเข้าร่วมชิงหยางเถิด ต่อจากนี้ข้าไม่เป็นมังกรแล้ว!”
“…” อะไรกัน
“พวกข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่วิญญาณของท่านมาหาเทพอยู่ภายในวิญญาณมังกรของเจ้า อีกทั้งยังไม่อาจห่างจากเจ้าได้นาน ดังนั้นจึงอยากเชิญเจ้าขึ้นไปยังดินแดนสวรรค์ช่วยคน” หยวนเจียงอธิบาย
สีฝานไม่เชื่อแม้แต่น้อย เขายังคงไม่ยอมออกมา “พูดได้ไพเราะ แต่ข้าไม่เชื่อ! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เสี่ยวสีไม่อาจฟื้นได้ในเวลาอันสั้น เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าต้องบอกว่าตอนนี้ดินแดนสวรรค์ไร้ผู้นำมีเพียงข้าที่เป็นมังกรเสวียน จากนั้นผลักดันข้าขึ้นไปบนตำแหน่งนั้น ข้าไม่มีทางหลงกล! ตีให้ตายข้าก็ไม่กลับไป!”
หยวนเจียง: ”…”
เหวินชิง: ”…”
เมื่อพูดเช่นนี้ ก็ยัง…มีความเป็นไปได้จริง! แต่ว่า…
“เหตุใดเจ้าจึงไม่อยากเป็นมหาเทพ” ชายแก่ถาม ท่าทางของเขาไม่เหมือนการรังเกียจ แต่เป็น…หวาดกลัว?
แต่มหาเทพเป็นตำแหน่งสูงสุดในดินแดนสวรรค์ มีอะไรที่ทำให้เขาหวาดกลัว
เมื่อสีฝานได้ยิน สีหน้าของเขาซีดเผือดลง ราวกับนึกถึงเรื่องน่ากลัวบางอย่าง วิญญาณมังกรของเขาสั่นเทา “พวกเจ้าไม่รู้ หากเป็นมหาเทพ..จะ…จะถูกตีตาย!”
“…”
อะไรกัน