จี้เฟิงที่อยู่กลางอากาศอาเจียนออกมาเป็นเลือด ร่างของเขาแทบประคองไว้ไม่อยู่เขาเอื้อมมือจับไปที่หน้าอกราวกับต้องการกดบางอย่างลงไป แต่เลือดในปากก็ราวกับห้ามไว้ไม่อยู่อาเจียนออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “เจ้า…นี่มันยันต์อะไรกัน?!” เหตุใดจึงมียันต์ที่ทำลายร่างเวทของเขาได้ แม้แต่พลังเทพของเขายังมีแนวโน้มจะสลายไปอีก
อวิ๋นเจี่ยวก้มมองยันต์ตรงหน้าอกภายในดวงตาฉายแววฉงน อันที่จริงเธอก็ไม่รู้แต่มันเป็นยันต์ที่อาจารย์ปู่ให้ไว้ ดังนั้น…
“อาจจะเป็น…ยันต์ผู้ใหญ่?”
จี้เฟิง: “…” ยันต์เพิ่มพูนไม่เคยได้ยินมาก่อน
จี้เฟิงกดพลังเทพที่ปั่นป่วนภายในร่างกายลงก่อนจะถลึงตาใส่อวิ๋นเจี่ยว “ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะมียันต์เช่นนี้เสียกี่ใบกัน” พูดจบเขาไม่สนใจความบาดเจ็บบนร่างกาย แต่ยังคงส่งพลังสีฟ้าออกมาพุ่งตรงไปยังอวิ๋นเจี่ยว
อวิ๋นเจี่ยวถอยหลังหลบไปแต่พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้โจมตีเข้ามา แต่กลับโจมตีไปยังชายแก่และสีฝานที่อยู่ด้านล่าง
“ชายแก่! ระวัง!” เธอตะโกนเตือน
ชายแก่เองก็ตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมมาทางนี้อย่างกะทันหัน เขาคิดจะหยิบยันต์ป้อนกันออกมา แต่พบว่าสิ่งของในถุงไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย ล้วนเป็นข้อสอบ แบบฝึกหัด การบ้าน เขาถึงได้นึกขึ้นได้ครั้งก่อนพวกเขายกถุงให้หลินซี ทำให้ถึงของเขาใส่สิ่งของของทั้งสามคนเอาไว้ ต่อมาเขายุ่งมากจึงลืมเรื่องนี้ไปสุดท้ายไม่ได้หยิบออกมา
โดยเฉพาะในเวลาคับขัน เขาพบว่าตนเองหาสิ่งของที่ต้องการไม่เจอควานหาอยู่เป็นเวลานาน หยิบออกมาชิ้นแรกไม่ใช่ ชิ้นที่สองก็ไม่ใช่ ชิ้นที่สามยังไม่ใช่ ทำให้เขาอยากคว่ำถุงเทออกมา แต่ก็ไม่ทันเวลาแล้ว จี้เฟิงพุ่งตัวตรงเข้ามา เพียงแค่ยกมือขึ้นก็ทำลายค่ายกลป้องกันที่ใกล้จะแหลกออกไป
เขาเอื้อมมือไปจับสีฝานที่อยู่ด้านข้าง ชายแก่ตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าหยิบอะไรได้ก็ขว้างเข้าไปทันที
“ออกไป เทพห่วยแตก!”
เห็นเพียงสิ่งของลักษณะสี่เหลี่ยมลอยออกจากมือของเขาไป ก่อนที่สิ่งของที่ดูเหมือนจะไร้อนุภาพนั้นโยนถูกหัวของอีกฝ่ายอย่างเบา จี้เฟิงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ในขณะที่กำลังจะจับสีฝานได้นั้น
ปัง!
เสียงกึกก้องดังขึ้นบนหัวของจี้เฟิงมีบางอย่างระเบิดออก แรงกระแทกอย่างมหาศาลทำให้อีกฝ่ายลอยออกไป แม้แต่ชายแก่และสีฝานตรงหน้าก็ถูกแรงกระแทกนั้นกระแทกถอยออกไปหลายก้าวจนยื่นไม่อยู่ ล้มลงไปกับพื้นทั้งคู่
จี้เฟิงยิ่งแย่คนทั้งคนลอยออกไปหลายสิบเมตร ร่างเวทถูกระเบิดออกเป็นเส้น โดยเฉพาะผมยาวดำของเขาถูกระเบิดจนกลายเป็นรังนก อีกทั้งยังอบอวลไปด้วยกลิ่นไหม้นอนอยู่บนพื้นขยับตัวได้
“ร้าย…ร้ายแรงมาก!” ไม่เพียงแต่สีฝานที่รอดชีวิตมาได้ แม้แต่ชายแก่เองก็ยังตกใจ
เอ๊ะ? เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น
อวิ๋นเจี่ยวลอยลงมาจากกลางอากาศ ก่อนจะหันไปพูดกับชายแก่ “เมื่อกี้เจ้าโยนอะไรออกไป” ดูเหมือนจะเป็นยันต์ระเบิด แต่ยันต์เช่นนี้คงไม่อาจทำร้ายจี้เฟิงที่เป็นเทพได้
“ข้า…ข้าก็ไม่รู้!” ชายแก่ทำหน้าฉงน เขาโยนออกไปโดยไม่ได้มองสิ่งที่อยู่ในมือของตนเองด้วยซ้ำ เขาลองล้วงลงไปในถุงอีกครั้ง “ข้าแค่หยิบออกมาจากถุง จากนั้น…”
เขาหยิบออกมาดู พบว่าบนฝ่ามือคือสิ่งคุ้นเคย มีลักษณะสี่เหลี่ยมสีเหลืองนวล อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมกรุ่น…มันคือขนม!
อวิ๋นเจี่ยว:”…”
ชายแก่:”…”
o(╯□╰)o
จี้เฟิงถูกสิ่งนี้กระแทกออกไป?!
สักพัก…
“เจ้าหนู นี่คงไม่ใช่ขนมของ…อาจารย์ปู่”
“…อืม” เห็นได้ชัดว่าใช่ อีกทั้งยังเป็นส่วนที่ให้เธอ
ขนมของอาจารย์ปู่โหดเหี้ยมเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดชายแก่อดตัวสั่นไม่ได้เขาควรที่อาจารย์ปู่ไม่ฆ่าตนเองตอนที่ไปขโมยขนมของเจ้าหนูใช่หรือไม่ วิชาเวทที่เขาเจออย่างมากก็ทำให้เขากระดูกหักเท่านั้น
“วิชาเวทของอาจารย์ปู่น่าจะเปลี่ยนไปตามความแข็งแกร่งของแต่ละคน” อวิ๋นเจี่ยวมองขนมเหล่านั้นอย่างระอา พร้อมกับอธิบาย
ชายแก่ยื่นถุงคืนให้อวิ๋นเจี่ยว “เจ้าหนู เจ้าถือไว้ดีกว่า”
เขากลัว!
“…”
จี้เฟิงลุกขึ้นมาได้แล้ว ราวกับได้รับบาดเจ็บไม่น้อย นอกจากร่างเวทแตกก่อนหน้านี้แล้ว ยังต้องเผชิญกับการระเบิดเมื่อครู่ แม้แต่ยืนยังลำบาก ทำได้เพียงยันดาบยามในมือเอาไว้ประคองร่าง มองคนทั้งสองด้วยสีหน้าระแวก “เมื่อกี้เจ้า…ใช้อาวุธอะไร”
ทั้งสองคน: “…” พวกข้าบอกว่าขนม เจ้าจะเชื่อหรือไม่
“จี้เฟิง” สีหน้าเรียบเฉยของอวิ๋นเจี่ยวประคองสถานการณ์ไว้ได้อีกครั้ง เธอเดินขึ้นหน้าพูดอย่างจริงจัง
“เจ้าไม่มีทางชนะแล้ว ยันต์ของข้ามีไม่มากก็จริง แต่ขนม…อาวุธเช่นนี้พวกข้ามีมากโข! หากจะต่อสู้อีกพวกข้ายินดี!” พูดจบเธอก็หยิบขนมไว้ในมือ จากความตั้งใจในอาหารของอาจารย์ปู่ไม่แม้แต่จะต้องคิด ขนมปังทุกชิ้นในนี้ล้วนมีวิชาเวทป้องกันขโมยเหมือนกัน!
จี้เฟิงสายตาวิบวับ มอง ‘อาวุธ’ ในมือเธอด้วยความระแวง ตอนนี้เขาไม่มีแรงขัดขืน แต่สีหน้ากลับปรากฏความโกรธแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังถลึงตาใส่เธอด้วยสีหน้าตำหนิ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไร พวกเจ้าคิดว่ากำลังช่วยคนหรือ คนด้านหลังของเจ้าคือบุตรแห่งโชคชะตาเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากหนทางแห่งสวรรค์ มีเพียงเขาที่จะรวบรวมดินแดนสวรรค์เป็นหนึ่งเดียว ยับยั้งความปั่นป่วนของโลกบน”
“ดินแดนสวรรค์?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ก่อนจะหันกลับไปมองสีฝาน “เจ้าหมายความว่า…เขาคือมหาเทพ?!” แต่สีฝานเป็นแค่มนุษย์! ถึงเขาจะมีความโชคดีอยู่มากแต่ดินแดนสวรรค์จะยอมรับเขาได้อย่างไร จี้เฟิงคิดไปไกลเกินแล้ว!
“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าไม่ใช่มหาเทพอะไรทั้งนั้น!” สีฝานตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว จะไปดินแดนสวรรค์ทำไมกัน ข้าอยากเข้าเสวียนเหมินเป็นศิษย์ของชิงหยาง เจ้าบอกว่าข้าเป็นข้าก็เป็นหรือ ถุย! เจ้าอยากไปหาใครก็ไป!”
จี้เฟิงขมวดคิ้วก่อนจะกวาดตามองคนทั้งสองด้วยความฉงน ราวกับรู้อะไรบางอย่าง เขาหัวเราะเสียงเบา “ฮึ ดูท่าทางพวกเจ้ายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา!”
อวิ๋นเจี่ยวฉงน จี้เฟิงกลับสะบัดพลังเทพออกมาทางสีฝาน พวกเขาหยิบขนมในมือขึ้นมาแต่พบว่าพลังเทพสลายเป็นจุดแสงสาดลงมา
นาทีถัดมาเห็นเพียงแต่ร่างของสีฝานสว่างขึ้นก่อนจะล้มลงไปอย่างไร้วี่แวว
“หาสมบัติ!” ชายแก่คิดจะเข้าไปพยุงแต่ร่างใหญ่ยาวถูกดีดออกมาจากตัวของสีฝาน ขดตัวเป็นก้อนอยู่กลางอากาศ
“วิญญาณมังกร!” ชายแก่ตกใจ เขาจ้องมองร่างที่อยู่กลางอากาศอย่างตกตะลึง ร่างมังกรนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเฟิงเสี่ยวหวงอย่างมาก อีกทั้งดูจากรูปร่าง…
“เจ้าเป็นมังกรเสวียน!”
อวิ๋นเจี่ยวพูดออกมากวิญญาณของเขาไม่มีพลังหยิน แสดงว่าเป็นวิญญาณที่มีชีวิต