วาสนาบันดาลรัก 326 ทะเลาะวิวาท

ตอนที่ 326 ทะเลาะวิวาท

ขนตาเยียนเหนียงกระพือไหวดุจปีกจักจั่นคล้ายสงสัยคล้ายเขินอายและขลาดกลัว เสียงของนางแผ่วเบาทั้งเว้าวอนอยู่ในที่ แต่สำหรับคุณชายสามแล้วเสียงนั้นกลับดังราวอัสนีฟาดผ่ายามวสันต์ทำเอาเขามึนงงโง่งมไปเลยทีเดียว

 

 

“ก่อนหน้านี้ที่ท่านไปหาข้านั้น ข้านับวันดูแล้ว เด็กน่าจะเป็นบุตรของท่าน…”

 

 

นางก้มหน้าลง ผมดำขลับดุจขนกาเผยให้เห็นใบหูเล็กกลมเกลี้ยง เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “มีอันใดหรือ ท่านสงสัยว่าเขาจะเป็นบุตรของนายท่านหรือ ข้าเป็นมารดาย่อมต้องรู้ดีที่สุด หากท่านไม่เชื่อข้า ข้า…”

 

 

นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นถูกเมฆหมอกปกคลุมไว้ มิได้ดูอ่อนแอบอบบางเช่นสตรีทั่วไปแต่กลับเผยแววเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ออกมา “เช่นนั้นต่อไปท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาหาข้าอีก กลับไปข้าจะเก็บตะเกียงแก้วรูปสาวงามนั้นไปเสีย”

 

 

“ตะเกียงแก้วรูปสาวงาม?” คุณชายสามเอ่ยพึมพำ

 

 

เยียนเหนียงยืดหลังขึ้นตรงแล้วแค่นยิ้ม “เป็นอันใด มิได้ไปหาข้าแค่ไม่กี่วันท่านก็ลืมแล้วหรือ ตะเกียงแก้วรูปสาวงามนั่นท่านซื้อมาให้ข้าเมื่อตอนเทศกาลโคมไฟอย่างไรเล่า ทุกคราที่นายท่านไม่อยู่ ข้าก็จะจุดมัน…”

 

 

“แล้วข้าก็จะไปหาเจ้า?” คุณชายสามหลุบม่านตาลงครึ่งหนึ่ง เสียงนั้นคล้ายแว่วมาจากปลายขอบฟ้า

 

 

เยียนเหนียงชำเลืองมองเขาคราหนึ่ง แววตาคล้ายแค้นเคืองคล้ายตัดพ้อ เสียงอันอ่อนระโหยคลอเคลียไปกับเสียงนั้น “ไม่ใช่ท่าน แล้วจะเป็นผู้ใดเล่า”

 

 

ไม่ใช่ท่าน แล้วจะเป็นผู้ใดเล่า

 

 

วาจานี้คล้ายอัสนีสายหนึ่งที่ผ่าลงข้างหูคุณชายสาม ทำเขาตกใจจนต้องถอยหลังไปโดยพลันกระทั่งแผ่นหลังชนกับผนังถ้ำ ความเย็นเยียบสัมผัสกายจึงตื่นจากภวังค์ดุจฝันไป

 

 

เขามองเยียนเหนียงคราหนึ่ง

 

 

คนงามดุจหยก รูปร่างสะโอดสะองนี่ค่อยๆ ซ้อนทับกับสตรีงามในราตรีนั้น เพียงแต่ขาดความเยือกเย็นไปเล็กน้อยและเพิ่มความเขินอายและขลาดกลัวขึ้นมาเท่านั้น

 

 

“คุณชายสาม…” เยียนเหนียงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง “วันนี้ท่านเป็นอันใดไป ดูแปลกๆ พิกล”

 

 

นางก้าวเท้าเข้าไปใกล้คุณชายสามอีก แต่เขากลับถอยหลังไปอย่างซวนเซจนเกือบจะสะดุดล้มแต่ก็รีบคว้าผนังถ้ำไว้ เขามองเยียนเหนียงอย่างล้ำลึกคราหนึ่งแล้วหมุนกายวิ่งจากไป

 

 

เขารูปร่างสูงขายาว เมื่อวิ่งเร็วเช่นนั้น ไม่นานก็ค่อยๆ หายลับไปในความมืด

 

 

เยียนเหนียงยืดกายขึ้น แล้วยกมือจัดผมเผ้าตน มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบาอย่างที่สุด แล้วค่อยเดินนวยนาดจากไป

 

 

คุณชายสามวิ่งไปข้างหน้าตลอดทาง ลมพัดหวีดหวิวปะทะหน้าเขา ทั้งที่เป็นเดือนห้าแท้ๆ แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก

 

 

เขารู้สึกว่าใจของเขานั้นได้ถูกแช่แข็งไปแล้ว

 

 

คุณชายสามวิ่งกระทั่งถึงทางตรงหน้า เขายกเท้าเตะประตูเสียงปัง แล้ววิ่งเข้าไป

 

 

ทว่ากลับมีบ่าวเข้ามาขวางไว้ “คุณชายสาม คุณชายรองกำลังอาบน้ำอยู่…”

 

 

คุณชายสามบีบคอบ่าวผู้นั้นแน่นแล้วยกเขาขึ้นพลางพ่นวาจาออกมาคำหนึ่งว่า “ไสหัวไป!”

 

 

พูดจบก็ผลักเขาออกแล้วเดินตรงเข้าไป

 

 

บ่าวผู้นั้นลูบจมูกตนแล้วรีบหลบไปเฝ้าที่หน้าประตูใหญ่ทันที

 

 

อย่างไรก็เป็นพี่น้องฝาแฝดจะชกต่อยกันหนักหนาเพียงใดกัน?

 

 

คุณชายสามพุ่งเข้าไปทันที เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนฉากบังลมก็เดินอ้อมไปด้านหลัง

 

 

กล่าวไปแล้วนางเถียนก็ปฏิบัติต่อบุตรชายทั้งสองและหลัวเทียนเฉิงไม่เหมือนกัน

 

 

ตอนที่หลัวเทียนเฉิงเพิ่งจะรู้ความนางก็จัดเตรียมสาวใช้ทงฝังหน้าตางดงามดุจบุปผาดั่งหยกหลายคนมาคอยปรนนิบัติ หากเอ่ยให้น่าฟังคือต้าหลังไม่มีมารดา สตรีนั้นมีความละเอียดมากกว่าย่อมดูแลเขาได้ครบถ้วนมากกว่า

 

 

ทว่าเมื่อวัยอันสมควรของคุณชายรองและคุณชายสาม แม้นางจะจัดหาสาวใช้ทงฝังให้เช่นกัน แต่ชีวิตประจำวันกลับยังคงให้บ่าวหนุ่มดูแล คุณชายรองนั้นแล้วไปเถิด คุณชายสามกลับไม่สนใจ แม้แต่สาวใช้ทงฝังที่เตรียมไว้แล้วเขาก็ไม่ต้องการ นางเถียนยิ่งเบิกบานใจที่จะไม่มีปีศาจจิ้งจอกมาคอยยั่วยวนให้บุตรชายไขว้เขว

 

 

เวลานี้คุณชายรองกำลังนั่งอยู่ในถังไม้ มีบ่าวหนุ่มผู้หนึ่งคอยเติมน้ำให้เขา

 

 

เมื่อบ่าวผู้นั้นเห็นคุณชายสามบุกเข้ามาก็ตกใจเบิกตากว้างจนลืมเติมน้ำไป

 

 

คุณชายสามถลึงตาใส่ “ไสหัวไป!”

 

 

อาจเพราะคุณชายสามและคุณชายรองหน้าคล้ายกันยิ่ง บ่าวผู้นั้นจึงออกไปด้วยท่าทีมึนงง

 

 

คุณชายรองหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าสาม มีอันใด…”

 

 

วาจายังมิทันกล่าวจบก็เห็นคุณชายสามพุ่งเข้ามาต่อยหน้าเขาดุจลูกธนู

 

 

คุณชายรองนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ มิอาจหลบได้จึงถูกต่อยเข้าไปเต็มๆ เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทางในทันใด

 

 

วันคุณชายรองออกไปสังสรรค์กับสหายเพราะมีเรื่องไม่สบายใจ เขาดื่มสุรามามาก แม้หลังจากกลับมาจะดื่มน้ำแกงสร่างเมาและอาบน้ำจนเริ่มมีสติขึ้นมาหลายส่วนแล้ว ทว่าเมื่อถูกหมัดของคุณชายสามเข้าไปกลับอาการมึนเมานั้นก็กลับมาอีกครั้ง เขาจึงลุกขึ้นสวนหมัดคืนไปโดยลืมไปว่าตนกำลังเปลือยกายอยู่

 

 

หากพูดถึงพลังยุทธ์ คุณชายรองย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายสาม ยิ่งมิต้องพูดถึงสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้เลย แม้คุณชายสามจะโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งแต่ร่างกายของเขากลับหลบได้อย่างว่องไว ทั้งยังคว้าจับมือคุณชายรองไว้แล้วเอ่ยถามอย่างเข็นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “พี่รอง ข้าอยากจะถามท่านว่า เรื่องเยียนเหนียงเป็นมาอย่างไรกันแน่”

 

 

“อันใดกัน?” ครั้นเอ่ยวาจานี้ออกมาคุณชายรองก็เริ่มมีสติกลับมาบ้างแล้ว

 

 

คุณชายสามมองท่าทีเช่นนี้ของเขาแล้วกลับยิ่งโมโหจนแทบบ้า

 

 

“พี่รอง ท่านมีความสัมพันธ์กับเยียนเหนียงใช่หรือไม่” เขาเขย่าคุณชายรองจนตัวคลอนโดยไม่สนว่าน้ำที่กระเซ็นนั้นจะทำเสื้อผ้าตนเปียก “ทั้งยังใช้นามของข้าอีกด้วย?”

 

 

“หากใช่แล้วอย่างไร?” คุณชายรองเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเช่นกัน เขาออกแรงสลัดให้หลุด

 

 

ในสายตาเขามันก็เป็นเพียงความคิดที่เกิดขึ้นชั่ววูบเท่านั้น ในเมื่อคุณชายสามเผยความในใจต่อเยียนเหนียงก่อน เหตุใดเขาต้องเผยตัวตนออกมาอีกด้วยเล่า อย่างไรก็เป็นพี่น้องกันแค่สตรีผู้เดียวจำต้องเป็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ

 

 

หากเป็นยามปกติเมื่อเขาเห็นคุณชายสามอารมณ์ร้อนเช่นนี้ เขาอาจจะพูดจาให้คุณชายสามอารมณ์เย็นลงก่อน แต่วันนี้เขาก็ดื่มสุรามาเช่นกัน ภายใต้การกระชากดึงอันรุนแรงนี้ ปากของเขาจึงมิอาจควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว

 

 

เมื่อเห็นว่าคุณชายรองยอมรับออกมาเช่นนี้ ทั้งยังยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความไยดีใดๆ เลยสักนิด คุณชายสามจึงอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ตามด้วยโทสะที่มากมายอย่างมิอาจควบคุมได้

 

 

เขายกเท้าขึ้นถีบถังอาบน้ำไปโดยแรง

 

 

ถังอาบน้ำกลับทนทานยิ่งจึงมิได้แตกพักแต่ล้มคว่ำพาร่างคุณชายรองกลิ้งหลุนๆ ไปหลายตลบ ในที่สุดร่างเปลือยเปล่าของคุณชายรองก็กระเด็นหลุดออกมา

 

 

การล้มลุกคลุกคลานอันทุลักทุเลนี้ของคุณชายรองเสียงดังเลื่อนลั่นจนน่าตกใจยิ่ง

 

 

บ่าวทั้งสองที่ถูกไล่ออกไปจึงบุกเข้ามาอย่างอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป

 

 

เมื่อเข้ามาจึงเห็นนายตนล้มหน้าคะมำดุจสุนัขกินอาจมอยู่บนพื้น บั้นท้ายขาวผ่องส่ายไปมาจนคนมองตาลายไปหมด

 

 

ทว่าคุณชายสามกลับยังไม่คลายโทสะ เขากระโจนเข้าไปขี่หลังคุณชายรองแล้วลงมือต่อยตีอย่างหน้ามืดตามัว

 

 

บ่าวทั้งสองต่างมองหน้ากัน

 

 

จบกันๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ตีจนมีคนตายแน่

 

 

นายตนดื่มสุรามา ไม่แน่ว่าคุณชายสามเองก็ดื่มมาเช่นกัน คนเราเมื่อสุราเข้าปากจะมีสติที่ใดกันเล่า

 

 

บ่าวทั้งสองมิกล้ากระทำการโดยพลการจึงรีบไปรายงานทันที

 

 

ในค่ำคืนดึกสงัด เสียงเคลื่อนไหวใดๆ ล้วนดังลอยไปไกลเสมอ เสียงเอะอะที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คนไม่น้อยแตกตื่น และเวลานี้เองก็มีผู้ใดไม่ทราบตะโกนขึ้นว่า “เร็วเข้ารีบมาช่วยกันเร็ว มีคนเข้ามาทำมิดีมิร้ายที่เรือนคุณชายรอง…”

 

 

บ่าวไพร่ทั้งหลายจึงพากันกรูไปที่เรือนคุณชายรอง ครั้นเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างชัดเจนเต็มตา ความอลหม่านก็เกิดขึ้นทันที

 

 

วันนี้นายท่านรองสกุลหลังไม่อยู่พอดี กว่าข่าวนี้จะไปส่งถึงนางเถียน เรื่องราวก็เปลี่ยนเป็นมีคนบุกเข้ามาข่มเหง ทำมิดีมิร้ายคุณชายรองไปเสียแล้ว

 

 

นางเถียนยังมิทันนอนแต่เปลี่ยนชุดนอนแล้ว ครั้นได้ฟังรายงานนี้นางก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ยังมิทันเปลี่ยนแม้กระทั่งรองเท้าก็ออกจากเรือนไปทันที

 

 

เมื่อมาถึงเรือนหน้าบ่าวไพร่ก็ได้แยกพวกเขาออกจากกันแล้ว แต่ทั้งสองยังคงจ้องมองกันด้วยโทสะอยู่ไม่วางตา นางเกิดหน้ามืดขึ้นมารู้สึกเหมือนจะหมดสติไปให้ได้

 

 

“เจ้ารอง นี่…นี่มันเกิดอันใดขึ้น”

 

 

ครั้นเห็นบุตรชายที่มีท่าทีสง่างามมาเสมอมีเพียงเสื้อตัวนอกคลุมไว้อย่างทุลักทุเล ท่อนขาเปลือยเปล่าที่โผล่ออกมาทำให้คนต่างทราบว่าด้านในมิได้ใส่อันใดไว้เลย หากเป็นเช่นนี้ก็แล้วไปเถิด แต่ด้านหลังเสื้อคลุมกลับเปียกไปเกือบหมดทั้งยังลู่ติดกายทำให้เห็นรูปทรงบั้นท้ายอันแข็งแกร่งนั้นอย่างชัดเจน

 

 

ผมของคุณชายรองปล่อยสยาย ทั่วกายเต็มไปด้วยรอยเลือด เมื่อมองไปบนพื้นก็มีแต่น้ำ

 

 

หากมองแค่เพียงผิวเผินก็คล้ายถูกคนข่มเหงกระทำมิดีมิร้ายจริงๆ

 

 

“เจ้า…เจ้ารอง มีคนเข้ามาข่มเหงเจ้าจริงๆ หรือ” นางเถียนเบิกตากว้างจ้องมองคุณชายรองด้วยความตกใจ หากเขาพยักหน้าเกรงว่านางคงหมดสติไปในทันทีเป็นแน่

 

 

ช่างสมควรตายนัก นางทราบดีว่าหากสตรีคนใดต้องพบกับเรื่องเช่นนี้ ผู้เป็นบิดามารดาย่อมรู้สึกดั่งฟ้าถล่มลงมา ทว่าคิดไม่ถึงว่าแม้เป็นบุตรชายก็ยังคงรู้สึกเช่นเดียวกัน!

 

 

ความจริงยามนี้คุณชายรองได้มีสติคนมาโดยสมบูรณ์แล้ว แม้ท่าทีเช่นนี้จะน่าอับอายไม่น้อย แต่ก็มีเพียงบ่าวไพร่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่เห็น อีกอย่างก็แค่การทะเลาะกันของพี่น้อง แค่กำชับสักหน่อยก็สิ้นเรื่องแล้ว ทว่าเมื่อนางเถียนเอ่ยเช่นนี้ออกมา เขาลอบเอ่ยในใจว่าแย่แล้ว แต่ยังกล้ำกลืนความเจ็บปวดทั่วกายตะโกนออกมาว่า “ท่านแม่ ไม่มีอันใด ข้ากับน้องสามดื่มสุราแล้วเกิดพูดจาไม่เข้าหูกันจึงชกต่อยกันเท่านั้น”

 

 

เขาพูดพลางส่งสายตาไปให้คุณชายสาม “ใช่หรือไม่ น้องสาม”

 

 

พี่น้องกัน แม้ทุบจนกระดูกหักแต่เส้นเอ็นก็ยังไม่ขาด[1] ความสัมพันธ์ของพี่น้องฝาแฝดย่อมลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก หากในอดีตคนทั้งสองจะทะเลาะชกต่อยกันมากเพียงแต่ก็ยังคงเลือกจะปกป้องอีกฝ่าย

 

 

คุณชายรองสร่างเมาแล้ว คุณชายสามเองก็มีสติขึ้นมาเช่นกัน ทว่าเขากลับเข้าใจทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นและยิ่งรู้สึกเหน็บหนาวไปสุดขั้วหัวใจ

 

 

ล่อลวงสาวใช้ทงฝังของบิดาทั้งยังทำให้นางตั้งครรภ์ หากเรื่องมีเพียงเท่านี้เขายังอาจพูดได้ว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคน เพราะสตรีผู้นั้นช่างงดงามเหลือเกินทำให้คนมิอาจห้ามใจได้ หากเรื่องนี้เปิดเผยออกมา เพื่อความพี่น้องแล้วเขายอมกระทั่งรับผิดแทนคุณชายรอง

 

 

ทว่าพี่รองที่แสนดีของเขากลับสวมรอยเป็นเขาตั้งแต่แรก ในเวลาเช่นนี้เขายังคิดที่จะกลบเกลื่อนทุกอย่างไว้อีก!

 

 

พี่น้องเช่นนี้ทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนเหลือเกิน!

 

 

คุณชายสามดึงปิ่นหยกบนผมตนออกมา เขาหักมันเป็นสองท่อนแล้วทิ้งลงพื้น แค่นหัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “พี่รอง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเรียกท่านว่าพี่รอง ต่อไปให้เราเดินทางใครทางมัน ท่านก็อย่าได้คิดเอาเรื่องอันใดมาผลักไสให้ข้าอีก!”

 

 

เขาพูดจบก็ยิ้มเศร้าๆ ให้กับนางเถียนที่นิ่งงันเป็นระกาไม้ “ท่านแม่ วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย พรุ่งนี้คอยไปขอรับโทษจากท่าน!” กล่าวจบก็หมุนกายเดินจากไปดุจบินได้

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งนางเถียนจึงมีสติคืนมา นางจับมือคุณชายรองพลางถามว่า “เจ้ารอง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”

 

 

คุณชายรองมีอุปนิสัยนิ่งเฉยเย็นชาอยู่สักหน่อย เมื่อเขาดึงความนิ่งขรึมตนกลับมาได้จึงเอ่ยกับมารดาว่า “ท่านแม่ เข้าไปในเรือนก่อนเถิดลูกจะได้เล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียด”

 

 

พูดพลางกวาดตามองบ่าวไพร่แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “แยกย้ายกันได้แล้ว หากเรื่องวันนี้แพร่ออกไปแม้เพียงคำ พวกเจ้าก็มิต้องอยู่ที่จวนกั๋วกงอีกต่อไป!”

 

 

บ่าวไพร่ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรีบปลีกตัวออกมาทันใด

 

 

ครั้นเข้าไปในเรือน คุณชายรองก็คุกเข่าลงข้างกายนางเถียน เมื่อนางเถียนเค้นถามมากเข้า เขาก็ถอนหายใจยาวและเอ่ยออกมาในที่สุด “ท่านแม่ เดิมลูกไม่คิดจะพูด แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคงมิอาจปิดบังท่านได้อีกต่อไป”

 

 

นางเถียนเจ็บแปลบขึ้นมาในหัวใจ นางเอ่ยถามเสียงสั่นว่า “เจ้ารอง เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ เจ้าพูดมาเดี๋ยวนี้!”

 

 

คุณชายรองก้มหน้าลงจ้องมองมือตนแล้วถอนหายใจยาวออกมาคราหนึ่ง

 

 

น้องสาม แม้ความแตกแล้วแต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่มีเพียงเราสองคนพี่น้องที่รู้ก็ช่างมันเถิด ทว่าเจ้ากลับมาตัดความสัมพันธ์พี่น้องกับข้าผู้เป็นพี่ เช่นนั้นก็อย่าได้โทษข้าเลย

 

 

 

 

——

 

 

[1] ทุบจนกระดูกหักแต่เส้นเอ็นก็ยังไม่ขาด เป็นประโยคเปรียบเปรยถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง ไม่ว่าขัดแย้งกันแค่ไหนก็ยังตัดสัมพันธ์กันไม่ขาด

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset