วาสนาบันดาลรัก 325 พี่น้อง

ตอนที่ 325 พี่น้อง

“ห๊ะ?” นางเถียนมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่สักหน่อย นางลุกขึ้นทันทีจนเก้าอี้ล้มคว่ำไป ทำให้ท่าทีอันเล็กน้อยนั้นของคุณชายรองถูกมองข้ามไป มีเพียงหลัวเทียนเฉิงที่เหลือบไปเห็น เขาจึงยิ้มออกมาอย่างล้ำลึก

 

 

ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วมองนางเถียนคราหนึ่ง

 

 

นางเถียนมิสนใจสายตาคนรอบข้างสักนิด นางจ้องจี้เหนียงจื่อเขม็งพลางถามว่า “เยียนเหนียงตั้งครรภ์จริงๆ หรือ”

 

 

คลื่นลูกใหญ่สาดซัดขึ้นมาในใจนางทันที

 

 

ครั้งที่นางได้ยาที่สามารถยั่วยวนบุรุษมาจากตระกูลมารดานั้น นางก็ได้ถามเพิ่มอีกประโยคว่ามียาที่สามารถทำให้บุรุษมิอาจมีบุตรหรือไม่

 

 

คำตอบนั้นย่อมไม่มีแน่นอน แต่ท่านอาใหญ่บอกว่าหากบุรุษกินขึ้นฉ่ายเป็นเวลานานก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน แต่หากหยุดกินร่างกายก็จะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม

 

 

วิธีนี้นางมือไม่ยาวพอที่จะไปใช้ในเรือนชิงเฟิงจึงลงมือกับนายท่านรองแทน

 

 

อาหารทุกๆ วันของนายท่านรองจะต้องมีกับข้าวหนึ่งอย่างที่ใส่ขึ้นฉ่าย

 

 

แต่น่าเสียดายที่ตระกูลมารดานางล่มสลาไปแล้ว ท่านอาใหญ่ก็นับเป็นบุคคลที่กระทำความผิดด้วย นางจึงไร้หนทางจะไปสอบถามได้

 

 

“เรื่องนี้ ข้าย่อมไม่มีทางตรวจผิดแน่” จี้เหนียงจื่อเอ่ยอย่างด้วยน้ำเสียงไร้ความอวดเบ่ง

 

 

นางเถียนฝืนยิ้มออกมา “เช่นนั้นจี้เหนียงจื่อช่วยจัดยาบำรุงครรภ์ให้ด้วยเถิด ต่อไปก็มาคอยตรวจอาการที่จวนบ่อยๆ หากมีอันใดผิดแปลกไปจะได้บอกกับข้าและฮูหยินผู้เฒ่าทันท่วงที”

 

 

ฮูหยินผู้เฒ่าลอบพยักหน้า

 

 

ตั้งแต่ตระกูลเถียนล่มสลายไป นางเถียนกลับปฏิบัติตัวดียิ่งขึ้น

 

 

ทว่าเยียนเหนียงตั้งครรภ์ ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมิได้ดีใจสักนิด นางจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “แค่สาวใช้ทงฝัง มิจำเป็นต้องมารายงานให้ข้าทราบดอก”

 

 

นายท่านรองได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เขาคิดจะพูดแทนเยียนเหนียงสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันเรียบเฉยของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็ได้แต่กลืนคำเหล่านั้นลงท้องไป

 

 

ช่างเถิด อย่างไรเขาก็ไม่มีอันใดต้องทำในศาลาว่าการอยู่แล้วจึงสามารถอยู่ที่จวนให้มากหน่อยเพื่อดูแลเยียนเหนียงได้ มิให้นางเถียนภรรยาชั่วช้ามาทำนางได้

 

 

เมื่ออาหารมื้อที่ไร้รสชาตินั้นได้ผ่านไป

 

 

นายท่านสี่จึงกลับเรือนอวี้หยวนกับนางชีด้วยความเบิกบานใจ

 

 

หูอี๋เหนียงเป็นอนุจึงไม่มีสิทธิ์มากินอาหารค่ำของตระกูลในวันนี้ได้ เมื่อนางทราบว่านายท่านสี่กลับมาแล้วก็เอาแต่คอยมองไม่กินแม้แต่ข้าว

 

 

ในที่สุดก็เห็นหันจู สาวใช้ของนางชีพาจังเกอมาส่ง เมื่อไม่เห็นเงาของนายท่านสี่ นางจึงรับจังเกอกลับเข้าเรือนไปอย่างยากจะปิดบังความผิดหวังได้

 

 

ครั้นตกดึกจึงส่งอาซิ่งไปแจ้งที่เรือนกลาง

 

 

“นายท่าน คุณชายเจ็ดไม่สบาย อี๋เหนียงเชิญท่านไปดูอาการสักหน่อยเจ้าค่ะ”

 

 

นายท่านสี่ขมวดคิ้วมุ่น “เชิญท่านหมอแล้วหรือไม่”

 

 

“ยังเจ้าค่ะ คุณชายเจ็ดเอาแต่ร้องไห้เรียกหาท่าน”

 

 

นางชีจึงเอ่ยว่า “ท่านพี่ ในเมื่อเจ้าเจ็ดไม่สบาย ท่านก็รีบไปดูเถิด”

 

 

นายท่านสี่รู้สึกลำบากใจยิ่ง

 

 

จังเกออ่อนแอมาตั้งแต่เยาว์วัย เขาเองทราบดี ในฐานะของบิดามีหรือจะไม่เป็นห่วง แต่นางชีเพิ่งตั้งครรภ์ เป็นช่วงที่ต้องการคนดูแล…

 

 

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางชีรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา นางผลักเขาคราหนึ่ง “ท่านพี่ รีบไปเถิด เข้าโตป่านนี้แล้ว จะมีเรื่องใดได้ แต่เจ้าเจ็ดกำลังต้องการท่าน”

 

 

นายท่านสี่กุมมือนางชีแล้วพยักหน้าพลางเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เช่นนั้นข้าจะไปดูเขาสักหน่อย หากเขาไม่เป็นอันใดแล้วข้าก็จะกลับมา”

 

 

นางชีมองเขาด้วยสายตาตำหนิ “ดึกดื่นป่านนี้แล้วไยต้องกลับไปกลับมาให้เหนื่อยเล่า ท่านพักอยู่ที่นั่นเถิด อีกอย่างข้ากำลังตั้งครรภ์ ตามธรรมเนียมแล้วควรแยกห้องกันนอน”

 

 

นายท่านสี่ห่มผ้าให้นางแล้วค่อยจากไป

 

 

กระทั่งถึงเรือนปีกข้าง นายท่านสี่เห็นหูอี๋เหนียงที่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูก็ถามว่า “เจ้าเจ็ดเล่า”

 

 

“เจ้าเจ็ดเพิ่งจะเข้านอนก็อาเจียนออกมา อาจเพราะกินข้าวเหนียวมากไปทำให้ไม่ย่อย” นางหูมองนายท่านสี่ด้วยสายตาคาดหวังคราหนึ่ง เชิญชวนให้เข้าเขามาด้านใน

 

 

สายตาของนายท่านสี่ร่วงตกไปที่ดอกเสาเย่าอันสวยงามบนข้างหูหูอี๋เหนียง แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ข้าจะไปเจ้าเจ็ดสักหน่อย”

 

 

คุณชายเจ็ดนั้นพักอยู่ที่ห้องฝั่งตะวันตก ร่างเล็กๆ มุดอยู่ในผ้านวมเผยเพียงใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือใหญ่ออกมา หน้าเตียงมีโคมแสงขมุกขมัวตั้งอยู่ ทำให้มองไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาเป็นเช่นไรกันแน่

 

 

เมื่อมองบุตรชายคนเล็กแล้ว นายท่านสี่ก็ใจอ่อนขึ้นมา

 

 

เมื่อครู่เขายังรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าหูอี๋เหนียงอาจนำลูกน้อยมาเป็นข้ออ้างเพื่อเรียกเขามา แต่เรื่องที่บุตรคนเล็กสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เยาว์นั้นอย่างไรก็เป็นความจริง

 

 

บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง

 

 

“ท่านพี่ เจ้าเจ็ดเพิ่งหลับไป เราอย่าไปทำให้เขาตื่นเลย ไปพักผ่อนก่อนเถิด” หูอี๋เหนียงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

 

 

นายท่านสี่นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็พยักหน้ารับ

 

 

เขาอยู่ที่ค่ายทหารมาตลอด กลับมาก็เพียงไม่กี่ครั้ง ทุกคราที่กลับมาก็จะอยู่เพียงไม่กี่วัน หากนับดูเขาก็มิได้มาที่นี่นานมากแล้ว

 

 

นางเป็นอนุภรรยาทั้งยังเคยใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปีในฐานะภรรยาเอก ในเมื่อตามเขากลับมาที่จวนกั๋วกงแล้ว ไม่ว่าในด้านความรู้สึกหรือเหตุผลก็มิควรปล่อยให้นางอยู่ในเรือนอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง

 

 

หูอี๋เหนียงเห็นนายท่านสี่พยักหน้า ความยินดีก็กระจายเต็มหน้า นางเอาใจปรนนิบัติประคองเขานอนลงเตียง สายตาจ้องไปยังเปลวเทียนสีแดงที่ยังคงเผาไหม้ด้วยแล้วยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ

 

 

ไม่อาจกินข้าวร่วมกับตระกูลแล้วอย่างไร วันแรกที่กลับมาถึงจวนก็ยังมานอนที่เรือนนาง

 

 

มิรู้เช่นกันว่าวันนี้นางชีจะนอนหลับหรือไม่

 

 

“เหมยเหนียง ฮูหยินนางตั้งครรภ์แล้ว” เสียงของนายท่านสี่ดังลอยขึ้น

 

 

หูอี๋เหนียงตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง นางหยิกตนเองไว้โดยแรงจึงสามารถหาเสียงตนเจอ “เช่นนั้นก็น่ายินดียิ่งแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปแสดงว่ายินดีกับฮูหยิน”

 

 

กล่าวถึงตรงนี้ เสียงของหูอี๋เหนียงก็พลันสะอื้นขึ้น นางหันหน้าไปสบตากับนายท่านสี่ มือขาวเนียนนั้นโอบรอบคอเขาไว้แล้วเอ่ยตัดพ้ออย่างเด็กน้อยแสนแง่งอน “ท่านพี่ ได้ยินข่าวดีเช่นนี้แล้ว ข้าดีใจแทนฮูหยินยิ่ง แต่ไม่รู้เหตุใดจึงรู้สึกทุกข์ทนอยู่บางส่วน เจ้าเจ็ดร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เยาว์ ใจนี้ของข้าดั่งถูกบีบเค้นอยู่ร่ำไป…”

 

 

นายท่านสี่ตบหลังนางคราหนึ่ง “มีท่านหมอผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเขาอยู่ เขาต้องดีขึ้นเรื่อยๆ แน่”

 

 

หูอี๋เหนียงรับคำ “อืม” แล้วเริ่มรุกเร้าเข้าหาเขา

 

 

ไม่นานยวนยางก็เริ่มกอดกระหวัดพลอดรักกันเสียจนคลื่นน้ำกระเพื่อมไหว เมื่อหูอี๋เหนียงคิดว่านางชีตั้งครรภ์ ในใจดั่งมีกองไฟสุมอยู่ นางจึงเว้าวอนรัดรึงนายท่านสี่จนดึกดื่น สาวใช้ต้องยกน้ำมาให้ถึงสามคราทุกอย่างจึงสงบลงได้

 

 

ครั้นฟ้าสางนางก็เอ่ยเสียงอ่อนอยู่ในอ้อมอกนายท่านสี่ว่า “ท่านพี่ ข้าได้ยินว่าปีนี้จะมีการจัดสอบในเมืองต่างๆ ปีหน้าก็จะมีการสอบครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นผู้มากความสามารถจากทั่วสารทิศก็จะมารวมตัวกันที่เมืองหลวง ท่านก็ทราบว่าฉีเกอ น้องชายข้าแม้ยังเล็กแต่กลับร่ำเรียนตำราได้ดียิ่ง ข้าอยากให้เขามาหาประสบการณ์ที่เมืองหลวง จะต้องมีประโยชน์ต่อการทำการค้าของเขามากเป็นแน่”

 

 

นายท่านสี่นั้นมีความรู้สึกที่ดีกับฉีเกอ น้องชายของนางหูไม่น้อย เขาไม่เพียงเป็นคนฉลาดแต่ยังมีอุปนิสัยที่ดีด้วย การให้เขามาเมืองหลวงกลับเป็นเรื่องที่นายท่านสี่หวังให้เกิดขึ้นเช่นกัน

 

 

“เช่นนั้นเจ้าเขียนจดหมายไปบอกเขาก่อน หากฉีเกอยินยอม ข้าจะส่งคนไปรับเขาเอง”

 

 

“ยังต้องถามอีกหรือ ท่านพี่ส่งคนไปรับเขาเลยก็สิ้นเรื่องแล้ว” นางหูเอ่ยด้วยใจยินดี

 

 

นายท่านสี่ส่ายหน้า “แม้ฉีเกอยังเล็กแต่เขาเป็นคนมีความคิดเป็นของตน เจ้าไปพูดกับเขาให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า”

 

 

หูอี๋เหนียงจึงพยักหน้ารับ กระทั่งนายท่านสี่จากไปนางก็เขียนจดหมายทันทีแล้วสั่งให้คนไปส่งที่อำเภอเป่าหลิง

 

 

ตั้งแต่ทราบว่าเยียนเหนียงตั้งครรภ์ ใจของคุณชายรองก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดสาดไม่หยุดจนมิอาจนอนหลับได้ทั้งคืน วันต่อมาขอบตาจึงคล้ำเขียวยิ่ง

 

 

เขาก็ไม่ทราบว่าเหตุใดทั้งที่ตนคิดจะใช้ประโยชน์จากเยียนเหนียงไปกลั่นแกล้งพี่ใหญ่ แต่ภายหลังกลับเผลอใจให้กับนางเสียเอง

 

 

แน่นอนว่าเขามิใช้น้องสามที่แสนดื้อดึงนั่น เขาไม่เสียใจที่ชอบเยียนเหนียง และไม่มีทางเสียขวัญจะเป็นจะตายเช่นนั้นแน่!

 

 

อย่างไรก็เป็นเพียงแค่สาวใช้ทงฝัง มิใช่อนุที่ถูกบันทึกรายนามของจวนเสียหน่อย รอบิดาเบื่อแล้ว เขาแค่วางแผนให้บิดาขายเยียนเหนียงออกไป เขาค่อยหาที่สักแห่งให้นางอยู่ก็มิใช่เรื่องที่ทำมิได้

 

 

แต่เวลานี้เยียนเหนียงกลับตั้งครรภ์ช่างทำให้คนรู้สึกอยากจะบ้าเสียจริง

 

 

หากเด็กผู้นี้เกิดมา ภายหน้าจะนับว่าเป็นน้องชายหรือบุตรของเขากันแน่

 

 

หากเป็นบุตรของบิดา ต่อให้ภายหน้าเยียนเหนียงถูกไล่ออกไปแล้วแต่เขาไหนเลยจะยังเก็บสตรีที่คลอดบุตรของบิดาไว้ได้ หากภายหน้ามีบุตรขึ้นมาอีกจะนับเป็นเรื่องเช่นใดกันเล่า

 

 

คุณชายรองเดินกลับไปกลับมา เขาอยากจะพุ่งเข้าใส่กำแพงจริงๆ

 

 

ไม่ได้ เขาจะต้องไปพบกับเยียนเหนียงสักครา!

 

 

อาจเพราะดีใจมากอย่างยิ่ง นายท่านรองจึงคอยอยู่เฝ้าเยียนเหนียงทั้งกลางวันกลางคืนติดต่อกันหลายวัน คุณชายรองจึงทำได้เพียงเก็บความคิดตนไว้ก่อน เมื่อมีความกังวลใจท่าทีจึงมิสู้ดีนัก บังเอิญเหลือเกินที่สหายร่วมเรียนก็เชิญเขาไปดื่มสุราพอดีจึงออกจากจวนไป

 

 

หลัวจากคุณชายสามทราบข่าวนี้ หัวใจที่กำลังลิงโลดเพราะจะได้ไปค่ายกองทัพทหารนั้นกลับห่อเ**่ยวลง

 

 

สำหรับสตรีที่กระโจนเข้ามาในหัวใจของเขาเพียงแค่แรกพบสบตาในคืนนั้น หากบอกว่าตอนนี้เขาสามารถตัดใจได้อย่างหมดจดคงเป็นไปไม่ได้ แต่หลังจากเขาทราบว่าเป็นสตรีของบิดา ความรู้สึกนี้ก็ถูกซ่อนไว้ในซอกหลืบที่ลึกที่สุด หลังจากที่เขารู้ว่านางมีบุตรกับบิดา เขาก็เข้าใจในทันทีว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดทิ้งความรักอันไร้เดียงสาในคราแรกเริ่มนั้นทิ้งไปเสีย

 

 

อาจเพราะพระจันทร์คืนนี้ช่างดูพิสุทธิ์ทั้งสูงส่ง หรืออาจเพราะอารมณ์สับสนที่คอยรัดรึงหัวใจเขาอยู่ทำให้คุณชายสามอดที่จะเปิดประตูเดินไปยังสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกอย่างอดไม่ได้

 

 

เมื่อเรื่องเริ่มขึ้นที่นี่ก็ควรจบที่นี่เช่นกัน…มันดีแล้ว

 

 

คุณชายสามยิ้มเยาะตนออกมา

 

 

แต่ทันใดนั้นกลับมีมือเสลาคู่หนึ่งยื่นออกมาโอบรอบคอเขาไว้ คุณชายสามหันไปโดยพลัน ท่าทีที่พร้อมจะสลัดแขนนั้นออกหายไปทันทีที่เห็นชัดว่าคือผู้ใด เขายังมิทันได้สติคืนมาด้วยซ้ำก็ถูกนางพาเข้าไปในถ้ำของหุบเขาจำลองนั่น

 

 

คุณชายสามมองใบหน้างดงามนั้นด้วยความตะลึงลาน เมื่อตื่นจากภวังค์จึงสะบัดมือนางออกแล้วหมุนกายจากไป

 

 

“คุณชายสาม…” เสียงแผ่วเบานั้นดั่งน้ำที่ราดรดลงไปยังบัวหยก หางเสียงมีความอาลัยอาวรณ์ฉุดรั้งฝีเท้าของเขาได้ชะงัดนัก

 

 

คุณชายสามหันหลังให้นาง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะสลัดหลุดจากน้ำเสียงอันอาลัยอาวรณ์นั้น “เยียนเหนียง โปรดระวังท่าที…”

 

 

เอ่ยถึงตรงนี้กลับพูดต่อไปมิได้อีก อย่างไรเสียก็เป็นเองที่หวั่นไหวก่อน นางมิได้เกี่ยวอันใดด้วยเสียหน่อย

 

 

ทว่านางดึงเขามาที่นี่ด้วยเหตุใดเล่า

 

 

ชั่วขณะนั้นใจของคุณชายสามก็เกิดสับสนขึ้นมาอีก เขากลั้นใจก้าวเท้าเดินหนีไป

 

 

ร่างอันอ่อนนุ่มทั้งหอมละมุนกลับขยับเข้ามาประชิด สองแขนโอบเอวเขาไว้ดุจเถาวัลย์

 

 

คุณชายสามยืนนิ่งไม่ไหวติงดุจถูกฟ้าผ่า

 

 

นางใช้ใบหน้าอันอ่อนนุ่มนั้นถูไถไปมาที่แผ่นหลังเขา แล้วผ่อนลมหายใจอันหอมละมุนดุจกล้วยไม้ออกมา “คุณชายสาม เด็กผู้นี้เป็นบุตรของท่าน ท่านรู้หรือไม่”

 

 

“ห๊ะ?” คุณชายสามหันไปถลึงตาใส่เยียนเหนียงทันใด

 

 

ใบหน้าเยียนเหนียงขาวนวลดุจหยกหิมะ มีเพียงสองแก้มที่แดงเรื่อเล็กน้อยคล้ายสีของบุปผาที่กำลังผลิบาน ดูบริสุทธิ์และงดงามอย่างที่สุด

 

 

แต่วาจาที่นางเอ่ยกลับทำให้เขารู้สึกมึนงงยิ่ง “หลายวันมานี้ท่านไม่มาหาข้าเลย คืนนี้ข้าจึงตั้งใจให้นายท่านปลีกตัวออกจากข้า เพราะอยากจะไปหาท่าน บังเอิญเหลือเกินที่ได้พบกันที่นี่…”

 

 

วาจายังมิทันเอ่ยจบ ข้อมือนางก็ถูกคุณชายสามจับไว้แน่น “เจ้าบอกว่า เจ้ามีบุตรกับข้างั้นหรือ”

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset