วาสนาบันดาลรัก 271 บทสรุปอันขมขื่น

ตอนที่ 271 บทสรุปอันขมขื่น

ภายในห้องเงียบไปทันที ครั้นถ้วยยาในมือเยียนเหนียงตกแตกกระจายเต็มพื้นจึงรู้สึกแสบแก้วหูอย่างที่สุด

 

 

แต่เวลานี้ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้แล้วเพราะทุกคนต่างหันไปมองคุณชายสามอย่างตกตะลึงตาค้าง

 

 

นางเถียนเบิกตากว้างถลนคล้ายเห็นผีก็มิปาน นางหาเสียงตนแทบไม่เจอ “เจ้า…เจ้าสาม เจ้าว่าอันใดกัน?”

 

 

แม้นคุณชายสามจะรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกไปแต่เขาคิดว่าเป็นเพราะตนเอ่ยเถรตรงเกินไปเท่านั้น

 

 

ทว่าเขาเป็นคุณชายสามแห่งจวนกั๋วกง การเอ่ยปากขอโดยตรงนั้นอาจจะดูมุทะลุไปบ้าง แต่สาวใช้ผู้นี้เป็นคนของมารดาก็มินับว่าผิดแปลกอันใด ส่วนน้องสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นกลับลืมมองไปเลย

 

 

คุณชายสามรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วย่อมมิอาจย้อนกลับไปได้ จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ท่านรับปากลูกว่าจะหาคนมาเพิ่มที่เรือนลูกมิใช่หรือ คงเป็นนางกระมัง”

 

 

“เด…เดรัจฉาน!” นางเถียนนั่งตัวตรงขึ้นแล้วชี้นิ้วด่าคุณชายสาม ภาพตรงหน้าก็มืดไปแล้วนางก็ล้มพับลง

 

 

“ฮูหยิน!” แม่นมเถียนรีบเดินเข้ามาประคองok’เถียนไว้อย่างรวดเร็วนางจึงมิได้ร่วงตกพื้นไป

 

 

สาวใช้ภายในห้องหลายคนต่างก็หน้าซีดเผือด ไม่ว่ายามปกติจะฉลาดสดใสหรือนิ่งเงียบเรียบง่าย เวลานี้ต่างไม่กล้าหายใจออกมาด้วยซ้ำ

 

 

คุณชายสามไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางเถียนจึงได้โกรธจนหมดสติไป เขามองหน้าคุณชายรองอย่างงวยงง แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหานางเถียน

 

 

หลัวจือหยาพลันลุกขึ้นยืน หน้าอกกระเพื่อมไหวไม่หยุด “แม่นมเถียน ท่านรีบไปบอกให้สาวใช้ไปเชิญท่านหมอเฝิงมาเร็ว!” พูดพลางกวาดตามองสาวใช้ที่อยู่ในห้องทุกคน แล้วเอ่ยเน้นย้ำทีละคำ “ไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปจากห้องนี้แม้เพียงสักคน”

 

 

หลี่ว์เอ๋อร์ตกใจจนแทบร่วงกับพื้น

 

 

สวรรค์ คุณชายสาม คุณชายสามถูกใจเยียนเหนียงหรือนี่ แต่นางเป็นสาวใช้ทงฝังของนายท่าน!

 

 

เวลานี้เองหลี่ว์เอ๋อร์กลับรู้สึกสุขใจขึ้นมาหลายส่วนที่ได้เห็นผู้อื่นทุกข์บ้าง แต่ความรู้สึกนี้ก็หายวับไปอย่างรวดเร็วดุจฝนดาวตก เหงื่อเย็นเฉียบกลับซึมออกมาแทน

 

 

นางรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เช่นนี้ ฮูหยินยังจะละเว้นนางหรือ?

 

 

นี้มันถ้ำเสือถ้ำหมาป่าชัดๆ นางต้องออกไปเดี๋ยวนี้!

 

 

หลี่ว์เอ๋อร์กุมท้องตนไว้แล้วร้องโอดโอยขึ้น “คุณหนูใหญ่ บ่าวรู้สึกไม่สบายอยากจะไปห้องปลดทุกข์สักหน่อยเจ้าค่ะ”

 

 

หลัวจือหยาย่นคิ้วทันที นางแค่นเสียงเย็นว่า “ข้าบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้คนในห้องนี้ไปไหนทั้งสิ้น ต่อให้ปวดท้องก็ปล่อยมันในห้องนี้แล!”

 

 

“น้องสาว เป็นสตรีเหตุใดจึงพูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้เล่า?” ภายในห้องมีเพียงคุณชายรองที่นับว่ายังสุขุมอยู่ได้จึงเอ่ยถามสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

หลัวจือหยาจึงมองเห็นผู้ที่จะมาช่วยนางแล้ว

 

 

นางทราบดีแก่ใจว่า หากวาจานั้นของพี่สามแพร่ออกไปภายนอก เขาคงไร้หนทางมีชีวิตต่อแน่

 

 

ชมชอบสตรีของบิดา ไม่ว่าพี่สามจะเป็นหรือตายก็คงไม่มีชื่อเสียงเหลืออยู่แล้ว

 

 

ยามนี้ท่านแม่หมดสติมิอาจเป็นเสาหลัก นางจึงจำเป็นต้องออกหน้าข่มขวัญทุกคนในห้องไม่ให้พวกนางออกไปข้างนอก

 

 

ในห้องนี้มีเพียงแม่นมเถียนที่เชื่อถือได้แต่สาวใช้คนอื่นๆ นางไม่ทราบว่าผู้ใดเชื่อถือได้บ้าง ส่วนสาวใช้ที่เฝ้าหน้าประตูและยกน้ำชานั้นย่อมมิอาจเก็บเอาไว้ได้

 

 

ส่วนสาวใช้ทงฝังสองคนนั้นนางก็มิอาจปล่อยไปได้ อย่างไรก็ต้องรอให้มารดาฟื้นเสียก่อน แต่นางคนเดียวคิดจะข่มขวัญคนทั้งห้องคนเป็นเรื่องยากไม่น้อย

 

 

หลัวจือหยาครุ่นคิดมากมายอยู่ในหัวแต่นางกลับมิคาดหวังอันใดกับคุณชายสามเพียงเอ่ยกับคุณชายรองว่า “พี่รอง ท่านเชื่อน้องสาวเถิด เรามิอาจให้ผู้ใดก็ตามในห้องนี้ออกจากห้องไปได้”

 

 

คุณชายรองขมวดคิ้วทันที “ที่แท้มันเรื่องอันใดกันแน่เล่า?”

 

 

ครั้นต้องเอ่ยวาจานั้นออกมานางก็รู้สึกอับอายจนแทบทนไม่ไหวแต่จำต้องพูดออกมา หลัวจือหยาจึงยกเท้าหันไปชี้ที่เยียนเหนียง “นางเป็นสาวใช้ทงฝังคนใหม่ของบิดา!”

 

 

ดั่งอัสนีผ่าฟาดลงมาใส่สองพี่น้องพร้อมกันในวันท้องฟ้าแจ่มใสก็มิปาน

 

 

คุณชายรองมีสติมากกว่าใคร เขาไปลากตัวหลี่ว์เอ๋อร์ที่ค่อยๆ ย่องออกไปทางประตูกลับเข้ามาในห้องเช่นเดิม แล้วหันมองคุณชายสามด้วยสีหน้าดำคล้ำ

 

 

คุณชายสามมึนงงไปหมด ท่าทางเหม่อลอยดุจคนเสียสติไปแล้วก็มิปาน

 

 

เขาอึ้งงันมึนงงอยู่นาน ในที่สุดก็มีสติคืนมาเสียที เขาพลันชักกริชที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา

 

 

คุณชายรองคอยจ้องคุณชายสามอยู่ตลอดมาตั้งแต่แรก เมื่อเห็นการกระทำเช่นนี้ของเขาก็เข้าใจทันทีว่าต้องการทำสิ่งใดจึงรีบยืนมือออกไปขวางกริชที่คุณชายสามคิดจะแทงเข้าที่หัวใจตนเองไว้

 

 

โลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาทันใด นางเถียนที่เพิ่งฟื้นลืมตาขึ้นมาเห็นเหตุการณ์นี้ก็ตาเหลือกหมดสติไปอีก

 

 

หลัวจือหยากรีดร้องเสียงแหลม “พี่สาม ท่านทำอันใด!”

 

 

คุณชายรองกุมมือไว้ที่แขนตน หายใจหอบถี่ “น้องสาม เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

 

 

เมื่อทำไม่สำเร็จ คุณชายสามก็สูญเสียความกล้าที่จะปลิดชีพตนอีก จึงได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นคล้ายคนไร้วิญญาณ

 

 

เวลานี้เองสาวใช้ก็มารายงานว่า “ท่านหมอเฝิงมาแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

“เข้ามา!” สามพี่น้องต่างยังนิ่งงันอยู่ แม่นมเถียนจึงเป็นผู้ร้องเรียกขึ้น

 

 

เสียงประตูเปิดออกและตามด้วยเสียงปิด ท่านหมอเฝิงเดินถือกล่องยาเข้ามาแล้วก็ได้แต่อึ้งงัน

 

 

ฮูหยินรองเวียนหัวหมดสติมิใช่หรือ แต่เหตุใดคุณชายรองถึงมีเลือกเต็มกายเช่นนั้นเล่า

 

 

ท่านหมอเฝิงจึงยืนมึนงงอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน

 

 

แต่คุณชายรองมีสติขึ้นก่อนผู้ใด จึงเอ่ยเสียงเย็นว่า “ท่านหมอเฝิงรีบไปดูท่านแม่เถิด”

 

 

หมอเฝิงเดินเข้าไปฝังเข็มให้นางเถียน ในที่สุดนางก็ฟื้นขึ้นมา เขาจึงค่อยไปพันแผลให้คุณชายรอง เขาทำไปด้วยใจที่เต้นระรัว ถึงกับเลือดตกยางออก เรื่องนี้คงร้ายแรงไม่น้อย

 

 

หรือพี่น้องทะเลาะกันทำให้ฮูหยินรองโกรธจนหมดสติไป?

 

 

“ท่านหมอเฝิง สิ่งใดควรพูดไม่ควรพูด ท่านก็น่าจะรู้กระมัง?” นางเถียนที่เริ่มดีขึ้นแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ

 

 

หมอเฝิงลอบกลอกตาไปมา สตรีผู้นี้ตื่นขึ้นมาก็ข่มขู่เขาทันที ไม่รู้หรือไรว่าหมอเช่นเขานั้นโตมากับคำขู่ขวัญ!

 

 

ฮึ หากรู้เช่นนี้คงฝังเข็มให้ลึกอีกนิดจะดีกว่า!

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงวาจาที่หมอเฝิงพร่ำบ่นอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับแสดงออกถึงความหวาดกลัว “ทุกอาชีพล้วนต้องมีจรรยาบรรณ ข้าน้อยเข้าใจดี ฮูหยินรองวางใจเถิด”

 

 

นางเถียนพยักหน้า

 

 

นางซื้อตัวหมอเฝิงผู้นี้มาหลายปีแล้ว เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นในจวนมีสักกี่ครั้งกันที่เขามิร่วมลงมือด้วย คิดดูแล้วคงมิกล้าเอ่ยอันใดออกมาเพียงคำแน่

 

 

“แม่นมเถียนไปส่งท่านหมอเฝิงด้วย” นางเถียนส่งสายตาให้แม่นมเถียน

 

 

แม่นมเถียนเข้าใจทันที “ท่านหมอเฝิงเชิญ”

 

 

รอจนออกไปแล้วจึงหาสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่งพูดกับท่านหมอเฝิงว่า “ท่านหมอมียาที่ทำให้คนพูดไม่บ้างหรือไม่?”

 

 

หมอเฝิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

 

 

“ท่านหมอเฝิง…” วาจาของแม่นมเถียนเต็มเปี่ยมไปด้วยการข่มขู่

 

 

ท่านหมอเฝิงสะดุ้งขึ้นคราหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “มี”

 

 

นางเถียนนั่งเงียบอยู่ภายในห้อง สาวใช้หลายต่างตัวสั่นงันงก

 

 

ไม่นานแม่นมเถียนก็เข้ามา ด้านหลังยังมีหญิงรับใช้ร่างบึกบึนอีกหลายคน

 

 

นางเถียนเชิดคางขึ้น “เอาตัวทุกคนออกไปให้หมด ยกเว้นหลี่ว์เจวียน”

 

 

‘พลั่กๆ’ เสียงคุกเข่าโขกศีรษะร้องขอชีวิตของสาวใช้หลายคนดังขึ้น “ฮูหยินโปรดละเว้นด้วย โปรดละเว้นบ่าวด้วยเจ้าค่ะ”

 

 

“ยังไม่รีบปิดปากพวกนางไว้อีก!” นางเถียนร้องขึ้น

 

 

ไม่ทราบว่าหญิงรับใช้ร่างบึกทั้งหลายเอาผ้ามาจากที่ใด ไม่นานก็จัดการปิดปากสาวใช้ทุกคนอย่างแน่นหนา

 

 

หลี่ว์เจวียนปิดปากไว้แน่นสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง ความน่ากลัวเช่นนั้นทำให้นางอยากจะกรีดร้องออกมาแต่กลับร้องไม่ออกสักคำ คล้ายว่ามีสิ่งใดอุดปากนางไว้กระนั้น แล้วนางก็หันไปมองหลี่ว์เอ๋อร์กับเยียนเหนียง พลันได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจของนางเถียนดังขึ้น “เอาตัวหลี่ว์เอ๋อร์ไปด้วย”

 

 

เวลานั้นความยินดีในใจของหลี่ว์เจวียนกลับสามารถกดข่มความกลัวเอาไว้ได้

 

 

ก่อนหน้านี้นางเคยแอบอิจฉาหลี่ว์เอ๋อร์อยู่หลายครา ทั้งที่เป็นสาวใช้ของฮูหยินเช่นกันแต่หลี่ว์เอ๋อร์ กลับได้เป็นสาวใช้ทงฝัง ภายหน้าหากมีบุตรชายก็จะมีเกียรติยศและความมั่งคั่งไปชั่วชีวิต แต่นางกลับยังคงเป็นเพียงสาวใช้ที่คอยยกน้ำชาของฮูหยินเช่นเดิม

 

 

แต่ยามนี้นางกลับรู้สึกดีใจยิ่งที่ไม่ได้มีความกล้ามากเท่ากับหลี่ว์เอ๋อร์

 

 

เมื่อเห็นว่าหญิงรับใช้ร่างบึกนั้นเดินเข้ามาหาตน หลี่ว์เอ๋อร์ก็พยายามจะขัดขืน “ฮูหยิน ข้าเป็นคนของนายท่าน หากท่านจะจัดการข้าก็ต้องให้นายท่านทาบก่อน…”

 

 

สาวใช้ที่จับหลี่ว์เอ๋อร์ไว้นั้นพลันชะงักไป

 

 

น้ำเสียงเย็นเยียบของนางเถียนดังขึ้น “ไม่ได้ยินที่ข้าบอกหรือไร หรือพวกเจ้าอยากจะรับผิดแทนหลี่ว์เอ๋อร์?”

 

 

หญิงรับใช้ร่างบึกเหล่านั้นไม่กล้าลังเลอีก เมื่อผ้าที่ติดตัวมาหมดแล้ว จึงกวาดตามองคราหนึ่ง แล้วหยิบเอาผ้าเช็ดโต๊ะที่วางอยู่บนโต๊ะมายัดใส่ปากหลี่ว์เอ๋อร์ แล้วพานางออกไปโดยไม่สนใจท่าทีขัดขืนนั้นเลย

 

 

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้นางเถียนก็เหนื่อยจนแทบไม่ไหว นางจับมือแม่นมเถียนไว้นั่งหอบหายใจไม่หยุด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีแรงคืนมา นางชี้หน้าด่าเยียนเหนียงทันที “เจ้ามันเป็นปีศาจจิ้งจอกที่คอยแต่จะหว่านเสน่ห์ไปทั่วจริงๆ แค่ไม่กี่วัน เจ้าถึงกับ ถึงกับยั่วยวนคุณชายเสียแล้ว!”

 

 

“ท่านแม่!” คุณชายสามคุกเข่าลงดังพลั่ก มือกำกริชไว้แน่น “ท่านอยากให้ลูกตายตรงหน้าท่านจริงๆ หรือ?”

 

 

กริชนั้นยังมีโลหิตติดอยู่ นางเถียนทั้งโกรธทั้งกลัวกระทั่งไม่กล้าสูดลมหายใจเข้าแล้ว

 

 

หลัวจือหยานั่งคุกเข่าลงตรงหน้านางเถียนทันทีเพื่อปลอบให้นางใจเย็น คุณชายรองยกเท้าขึ้นเตะคุณชายสามคราหนึ่ง กริชในมือจึงกระเด็นไปตกที่ตรงหน้าหลัวจือหยา

 

 

หลัวจือหยาหยิบกริชนั้นขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังเยียนเหนียง

 

 

“ท่านแม่พูดถูก เจ้ามันเป็นปีศาจ มีแต่ตายเท่านั้นจึงจะจบปัญหา!”

 

 

หลัวจือหยาจ้วงกริชเข้าใส่เยียนเหนียง เยียนเหนียงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ แต่กลับมีคนเข้ามาขวางไว้

 

 

“พี่สาม?” หลัวจือหยามีสีหน้าไม่เชื่อ

 

 

คุณชายสามทั้งอายทั้งรู้สึกผิด เขาไม่กล้ามองตาเยียนเหนียงและน้องสาวเลย เขาถือกริชเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้านางเถียน “ท่านแม่ ลูกผิดเอง แต่นางมิได้ยั่วยวนอันใดลูกเลย เป็นลูกเองที่…ที่…”

 

 

‘ชอบสตรีของบิดา’ เป็นตายอย่างไรเขาก็จะไม่เอ่ยคำนี้ออกมาเด็ดขาด

 

 

คุณชายรองรีบเอ่ยตามขึ้นมาทันที “ท่านแม่ น้องสามเห็นสตรีผู้นั้นแล้วรู้สึกว่างดงามยิ่งและคิดว่านางเป็นสาวใช้จึงได้เกิดเหตุน่าขบขันเช่นนั้นขึ้น”

 

 

พูดพลางหันไปหาคุณชายสาม “ใช่หรือไม่น้องสาม?”

 

 

วาจาประเภทที่ว่าเกิดหลงรักสตรีของบิดาอันใดเทือกนั้นย่อมมิอาจพูดออกมาเด็ดขาด

 

 

คุณชายสามอึ้งงันไปแล้วพยักหน้ารับ

 

 

“ท่านแม่ ลูกแค่อยากได้หญิงงามสักคนไปไว้ที่เรือน ตอนเดินเข้ามาเห็นนางก็คิดว่าเป็นที่ท่านเตรียมไว้ให้ จึงได้พูดไปเช่นนั้น ขอท่านโปรดลงโทษด้วย!”

 

 

คุณชายสามโขกศีรษะโดยแรงไปหลายครา

 

 

นางเถียนจ้องมองบุตรชายแล้วทั้งห่วงใยทั้งโกรธเคือง แม้นจะทราบดีว่าเรื่องคงมิได้ธรรมดาอย่างที่เขากล่าวแต่ก็มิอาจไม่ยอมรับ

 

 

ครั้นนายท่านรองสกุลหลัวมาสอบถามด้วยความโมโหว่าเหตุใดจึงลงมือกับหลี่ว์เอ๋อร์ นางเถียนก็ได้แต่อดกลั้นโทสะไว้แล้วบอกไปว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าสามให้ข้าหาสาวใช้ทงฝังให้ บังเอิญว่าวันนี้เขามาเยี่ยมข้าแล้วเห็นเยียนเหนียงกำลังป้อนยาข้า เจ้าสามเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นคนที่ข้าเตรียมไว้ให้ จึงเอ่ยวาจาเหลวไหลออกมา แม้นเจ้าสามจะมิได้เจตนาแต่ก็มีหลายคนที่ได้ยิน หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่ดีแน่ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันข้าจึงต้องจัดการกับคนพวกนั้นเสียก่อน”

 

 

แม้นจะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด แต่นายท่านรองสกุลหลัวก็โมโหยิ่งจึงหยิบเอาเชือกหนังไปที่เรือนคุณชายสามแล้วฟาดเขาอย่างแรงไปหลายหน

 

 

คุณชายสามกำลังไม่สบายใจอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงกระอักเลือดออกมาและล้มป่วยลง ส่วนนางเถียนจากที่ไม่สบายอยู่แล้วก็เป็นหนักมากขึ้นไปอีก ใกล้จะถึงวันตรุษแล้วแต่เจ้านายบ้านรองกลับล้มป่วยไปถึงสองคน ช่างน่าเวทนานัก

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset