วาสนาบันดาลรัก 218

ตอนที่ 218

ในฤดูกาลนี้แม้นว่าอากาศจะสดใส แต่เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อากาศก็จะเหน็บหนาวขึ้นอีกมาก

 

 

บุรุษหนุ่มซ่อนมือไว้ใต้แขนเสื้อ เดินวนไปวนมาด้วยสีหน้าดุดัน

 

 

“นายน้อย ให้บ่าวออกไปถามดูสักหน่อยว่านายท่านผู้นั้นกลับมาแล้วหรือไม่?” จินต้าเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง แต่สีหน้าตนก็มิได้ดีไปกว่ากันสักเท่าใดนัก

 

 

สองชั่วยามแล้ว พวกเขาเดินตากลมหนาวอยู่ในสวนเก่าๆ นี้มาสองชั่วยามแล้ว!

 

 

“ไม่ต้อง ภรรยาเขาบอกแล้วมิใช่หรือว่า หากเขากลับมาจะรีบมาเชิญเราไปพบ” บุรุษหนุ่มเอ่ยปฏิเสธทันที

 

 

จะให้กลับไปเองงั้นหรือ?

 

 

ฮึ กลับไปเองดูไร้ซึ่งศักดิ์ศรียิ่ง ทั้งที่ตระกูลหูเป็นคนขอให้ตระกูลจินของเขามาแท้ๆ

 

 

บิดาบอกเขาว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูลจิน จึงมิอาจยอมลดศักดิ์ศรีเพียงเพราะว่าชาแท่งเหล่านั้นพิเศษยิ่ง มิเช่นนั้นย่อมถูกผู้อื่นจูงจมูกได้โดยง่าย

 

 

ไม่มีชาแท่งชนิดใหม่นี้ ตระกูลจินของเขาก็ขาดเงินทองและชื่อเสียงไปเพียงเล็กน้อย แต่ตระกูลหูกลับจะกลายเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ที่มีเงินมากสักหน่อยในเมืองอันทุรกันดารแห่งนี้ต่อไป

 

 

ต่อให้บิดาไม่เตือนเขาไว้ เขาก็ทราบดีว่าจักต้องไม่ให้ตระกูลหูข่มเหงเอาได้

 

 

ฮึ หากนายท่านตระกูลหูไม่มาเชิญเขาด้วยตนเอง เขาไม่มีทางไปเด็ดขาด

 

 

บุรุษหนุ่มตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แล้วเผยรอยยิ้มภาคภูมิออกมาพลางเดินทอดน่องต่อไป

 

 

มารดามันเถอะ ช่างหนาวเสียจริง เหตุใดจึงไม่มีคนมาเสียที?

 

 

เมื่อนายท่านตระกูลหูมิเป็นอันใดมาก นางหูจึงผ่อนลมหายใจโล่งอกออกมา

 

 

นางกันมองไปที่หลัวเทียนเฉิง “พวกท่านมาตามหาญาติจริงๆ หรือ? ท่านพี่ของข้าคืออาสี่ของท่าน?”

 

 

หลัวเทียนเฉิงพยักหน้า “ย่อมต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน ผีเสื้อที่ด้านหลังของท่านอาสี่นั้นไม่มีทางผิดตัวแน่ แต่ดูท่าทางแล้ว ท่านอาสี่คงมีปัญหาเรื่องความทรงจำ เช่นนั้นก็รอให้ท่านอาสี่ฟื้นก่อนค่อยว่ากันเถิด”

 

 

หลัวเทียนเฉิงหันไปมองพ่อบ้านหูและอาซิ่งแล้วเอ่ยต่อว่า “ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้ย่อมมิอาจให้แพร่งพรายออกไป”

 

 

นางหูพยักหน้า “เรื่องนี้วางใจได้ พ่อบ้านหูและอาซิ่งไว้ใจได้”

 

 

พ่อบ้านหูและอาซิ่งซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ต่างรีบสาบานว่าต่อให้ตีจนตายก็จะมิปริปากพูดเด็ดขาด

 

 

พลันได้ยินหลัวเทียนเฉิงเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ตามหลักแล้ว มีเพียงคนตายเท่านั้นที่สามารถรักษาความลับเอาไว้ได้…”

 

 

พ่อบ้านหูและอาซิ่งแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

 

 

“แต่ในเมื่อเป็นคนที่ท่านอาสี่ไว้ใจ เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”

 

 

ท่านอาสี่ยังมิฟื้น สำหรับนางหูแล้ว หลัวเทียนเฉิงย่อมต้องป้องกันเอาไว้ก่อน ดังนั้นจึงมิได้เปิดเผยฐานะของจวนกั๋วกงออกไป

 

 

ส่วนนางหูเองก็มิอาจไว้ใจบุคคลที่จู่ๆ ก็บอกว่ามาตามหาญาติได้โดยง่าย นางจึงทำได้เพียงรอให้สามีฟื้นขึ้นมาเท่านั้น

 

 

เมื่อทุกอย่างสงบลง นางหูกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไป ครั้นกวาดตามองห้องโถง สีหน้าก็เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย “อาซิ่ง ตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่าหลังจากเชิญแขกทั้งสามท่านนี้มาแล้ว ให้เจ้าไปเชิญคุณชายตระกูลจินมามิใช่หรือ?” สวรรค์ นางรู้สึกมาตลอดว่าลืมอันใดไป ที่แท้…ที่แท้สัญชาตญาณของนางไม่ผิดเลยจริงๆ!

 

 

อาซิ่งรีบไปเชิญคุณชายตระกูลจินทันที

 

 

เมื่อคุณชายตระกูลจินพาคนของตนฝ่าลมหนาวกลับมาก็ทราบว่านายท่านตระกูลหูไม่สบาย เขาโกรธจนแทบขาดสติ

 

 

บุรุษหนุ่มด่าทอโวยวายด้วยอารมณ์รุนแรง หลัวเทียนเฉิงกลับมิพูดอันใด เขาเพียงเดินกระทืบเท้าข้างบุรุษหนุ่มผู้นั้นคราหนึ่งแล้วเดินกลับมา

 

 

เมื่อเห็นรอยเท้าที่กดทับลงไปบนพื้นหินนั้น บุรุษหนุ่มก็เงียบเสียงลงทันที

 

 

นางหูมองหลัวเทียนเฉิงด้วยสายตาลังเล คำถามที่คิดจะถามพลันหยุดอยู่ที่มุมปาก แล้วกลืนมันลงไปเงียบๆ

 

 

ภายใต้การข่มขู่วางอำนาจของหลัวเทียนเฉิง ทำให้บุรุษหนุ่มพาคนของเขากลับไปพักผ่อนที่ห้องเป็นการเรียบร้อยแล้ว

 

 

เมื่อเหลือคนอยู่เพียงไม่กี่คน หลัวเทียนเฉิงจึงอดถามออกมามิได้ว่า “ไม่ทราบท่านอาสี่รู้จักท่านได้อย่างไรหรือ?”

 

 

นางหูใจหายวาบขึ้นมา

 

 

นางเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลหู และมีน้องชายผู้หนึ่ง ยามนี้อายุยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ บิดามารดานางเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน หากมิใช่เพราะบังเอิญช่วยเหลือเขาไว้ และแต่งงานกันอย่างรีบร้อยทั้งที่อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ กิจการของตระกูลหูคงมิอาจรักษาเอาไว้ได้แน่

 

 

นางมิใช่คุณหนูไร้เดียงสาที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในเรือนหลังเช่นนั้น

 

 

ตั้งแต่ต้นจนจบบุรุษหนุ่มผู้นี้เรียกตนว่าเป็นหลานของสามีนางมิเคยเรียกนางว่าอาสะใภ้สี่เลยสักคำ!

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางหูก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา

 

 

หรือว่า…หรือว่าท่านพี่จะมีภรรยามาก่อนหน้านี้แล้ว?

 

 

ตอนนั้นนางจนตรอกแล้วจริงๆ การแต่งงานจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน นางจึงมิได้คิดอันใดมาก ต่อมาก็มีคำถามนี้ผุดขึ้นบ้างบางครั้ง แต่ว่านางก็ไม่อยากขบคิดให้ลึกซึ้ง

 

 

ตอนนั้นท่านพี่อายุยี่สิบห้าปีแล้ว อายุเท่านี้การมีภรรยาย่อมเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ?

 

 

ไม่ ไม่ ควรต้องบอกว่า หากไม่มีภรรยาต่างหากจึงเป็นเรื่องผิดปกติ!

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางหูก็รู้สึกหวาดกลัวยิ่ง หลังจากนั้นก็ได้แต่ปลอบใจตนเองเงียบๆ ว่าท่านพี่ความจำเสื่อมจำอดีตมิได้ อย่างไรก็คงไม่มีทางจะไม่แต่งภรรยา นางก็แค่มาอยู่ในช่วงเวลานั้นพอดีจึงกลายเป็นคนผู้นั้นเท่านั้นเอง

 

 

ไม่ใช่นางก็คงเป็นผู้อื่นอยู่ดี

 

 

การสูญเสียความทรงจำของท่านพี่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาลิขิตให้พวกเขาต้องมาพบกันและเป็นสามีภรรยากัน

 

 

ครั้นมองหลัวเทียนเฉิง นางหูก็ลอบตัดสินใจอันใดอยู่เงียบๆ

 

 

หากท่านพี่จำไม่ได้ นางจะไม่ยอมรับเรื่องท่านอาสี่อันใดนี้เด็ดขาด ยิ่งไม่อาจยอมให้พวกเขามาทำลายชีวิตอันสงบสุขที่นางกว่าจะมีได้ในวันนี้เด็ดขาด!

 

 

“ข้าคิดว่า ท่านพี่จะเป็นคนที่พวกท่านตามหาหรือไม่นั้น รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยว่าเถิด รอยสักแค่อย่างเดียวมิอาจพิสูจน์อันใดได้”

 

 

หลัวเทียนเฉิงยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เช่นนั้นก็รอให้ท่านอาสี่ฟื้นก่อนค่อยว่ากันเถิด”

 

 

เรื่องที่เขามั่นใจแล้วนั้นมิเป็นต้องให้ผู้อื่นมายืนยัน

 

 

หากท่านอาสี่จำได้ ทุกอย่างคงง่ายขึ้น แต่หากจำไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะทำให้ท่านอาให้สลบแล้วพากลับเมืองหลวง

 

 

อย่าได้กล่าวว่าทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรมต่อนางหู หรือบางทีท่านอาสี่อาจจะยินยอมที่จะมีชีวิตเช่นนี้ก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้วมันยุติธรรมกับท่านย่าที่ต้องทุกข์ทรมานกับการสูญเสียบุตรชายไป ยุติธรรมกับอาสะใภ้สี่ที่มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความรู้สึกและน้องหกเงียบขรึมไม่พูดจาหรือไม่?

 

 

อืม หวังว่าท่านอาสี่คงมิทำให้เขาต้องกระทำความผิดอย่างที่คิดไว้เถิด

 

 

หลัวเทียนเฉิงลูบคางตนพลางครุ่นคิดเงียบๆ

 

 

นางหูเห็นท่าทางของหลัวเทียนเฉิงแล้วก็เริ่มว้าวุ่นใจขึ้นมา นางจึงหันไปกำชับว่า “อาซิ่งไปอุ้มคุณชายมาหาข้าที”

 

 

ผ่านไปไม่นาน อาเถาก็อุ้มจังเกอกลับมา ด้านข้างมีอาซิ่งที่คอยยืนถือโคมไฟให้

 

 

ยามนี้ฟ้ามืดเร็วยิ่ง จังเกอขยี้ตาตนด้วยอาการง่วงงุน

 

 

“จังเกอ มาหาแม่เร็ว ยังมิได้กินข้าวเย็นเลย อย่าเพิ่งหลับล่ะ”

 

 

จังเกอมุดเข้าไปในอกนางหู

 

 

หลัวเทียนเฉิงลอบขมวดคิ้ว เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้แล้วก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมา

 

 

นางหูเป็นคนฉลาดจริงๆ นางอุ้มบุตรไว้กับตนตอนนี้ เพราะคิดว่าหากท่านอาสี่จำอันใดขึ้นมาได้ก็อาจจะตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อนางและลูกกระมัง

 

 

“นายท่านผู้หญิง นายท่านฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้หนึ่งรีบมารายงาน

 

 

นางหูมีสีหน้าดีใจขึ้นมาครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ดูจะนิ่งขรึมไป นางก้าวเท้าเดินออกไป แต่ขาอีกข้างกลับก้าวไม่ออกดั่งมีรากงอกขึ้นกระนั้น

 

 

หลัวเทียนเฉิงกลับจูงมือเจินเมี่ยวเดินออกไป

 

 

“เดี๋ยวก่อน!” นางหูร้องขึ้น

 

 

หลัวเทียนเฉิงหันกลับไป

 

 

นางหูลอบสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อให้อารมณ์สงบลง แล้วเอ่ยว่า “ที่พวกท่านพูดมาเป็นเพียงการพูดแต่เพียงฝ่ายเดียว อย่างไรก็รอให้ข้าไปดูว่าท่านพี่เป็นอย่างไรก่อนสักครู่ ค่อยเชิญพวกท่านไปพบเขา”

 

 

หลัวเทียนเฉิงหัวเราะเสียงเบา เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่ว่า “ข้าต้องไปพบกับท่านอาสี่ให้ได้ตอนนี้!”

 

 

ท่านอาสี่หายสาบสูญไปนานแล้ว ท่านอาที่เขาเคยสนิทสนม ไม่รู้ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ดังนั้นเขามิอาจเสี่ยงให้นางหูเข้าไปพูดอันบางอย่างกับท่านอาสี่ตามลำพังเด็ดขาด

 

 

เขาแค่อยากจะสังเกตท่านอาสี่ให้ละเอียดตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เท่านั้นเอง

 

 

บางทีท่านอาสี่ก็อาจจะยังจำอันใดมิได้ บางทีก็อาจจำได้แล้วแต่แสร้งทำเป็นความจำเสื่อม ขอเพียงเขามิให้โอกาสนางหูและอาสี่ได้มีโอกาสหายใจ เขาถึงจะสามารถหาคำตอบที่แท้จริงได้!

 

 

วาจาอันไร้ซึ่งความเกรงใจนี้ทำให้นางหูโมโหขึ้นมา “นี้เป็นบ้านของข้า ข้าเป็นภรรยาของเขา ท่านทำเช่นนี้มิใช่ไร้มารยาทเกินไปหรอกหรือ?”

 

 

หลัวเทียนเฉิงเผยยิ้มเย็นชาออกมา แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่า ผู้อื่นเป็นใครนั้นไม่สำคัญ” พูดพลางจูงมือเจินเมี่ยวเดินไปยังห้องที่บุรุษหนวดเครายาวผู้นั้นพักอยู่

 

 

ไม่ว่านางหูกับท่านอาสี่จะมีความสัมพันธ์กันเช่นไร แต่หากนางมาขวางมิให้เขากับท่านอาสี่พบกัน เขาก็มิถือสาที่จะกล่าววาจาประชดประชันต่อนางสักหน่อย

 

 

สตรีช่างน่ารำคาญจริงๆ อาซื่อของเขาจึงดีที่สุด นางมิเคยพูดจาเหลวไหลอันใดแม้แต่น้อย

 

 

หลัวเทียนเฉิงลอบคิดอยู่ในใจระหว่างที่จับมือนุ่มนิ่มของเจินเมี่ยวไว้

 

 

เจินเมี่ยวย่อมมิเอ่ยวาจาเหลวไหลเป็นแน่ เพราะนางได้ถูกโลหิตสุนัขชามใหญ่สาดใส่เสียจนอึ้งงันไปแล้ว

 

 

แม้นแรกเริ่มหลัวเทียนเฉิงจะบอกว่ามาที่นี่เพื่อตามหาท่านอาสี่ของเขา แต่ในใจของนางกลับมิได้รู้สึกอันใดมากมายนัก

 

 

กระทั่งยามนี้จึงเพิ่งรู้สึกขึ้นมาได้ว่าบุรุษหนวดเครายาวผู้นั้นคือนายท่านสี่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงใช่หรือไม่?

 

 

เช่นนั้นอาสะใภ้สี่กับคุณชายหกจะทำฉันใดเล่า? แล้วจะทำอย่างไรกับนางหูและจังเกอเล่า?เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นบุรุษหนวดเครายาวกำลังจ้องมองลายฉลุหน้าต่างอย่างเหม่อลอย

 

 

หลัวเทียนเฉิงเดินเข้าไปหา

 

 

บุรุษหนวดเครายาวผู้นั้นจึงมองมา

 

 

“ท่านอาสี่?” หลัวเทียนเฉิงนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

 

 

สบตากันอยู่นาน บุรุษหนวดเครายาวผู้นั้นจึงถอนหายใจยาว “ต้าหลัง”

 

 

ฝ่ามือที่กำแน่นอยู่ภายใต้แขนเสื้อของหลัวเทียนเฉิงพลันคลายออก

 

 

เคราะห์ดีที่ท่านอาสี่ความจำฟื้นคืนแล้ว และโชคดีที่ท่านอาสี่ยังคิดที่จะรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ของตนอยู่ มิใช่วิ่งหนีอย่างคนอ่อนแอ!

 

 

“ท่านพี่ พวกเขา พวกเขาเป็นญาติท่านจริงๆ หรือ?” นางหูมือสั่นขึ้นมา

 

 

จังเกอกอดคอนางหูไว้แล้วมองดูอย่างแปลกใจ

 

 

นายท่านสี่สกุลหลัวมองนางหูและจังเกอด้วยแววตาที่ดูสับสนอย่างยิ่ง แล้วพยักหน้าตอบเบาๆ ว่า “นางหู เจ้าออกไปดูว่าอาหารค่ำนั้นจัดเตรียมไปถึงไหนแล้วก่อนเถิด วันนี้ข้าได้พบกับหลานชาย คงต้องฉลองกันสักหน่อย”

 

 

นางหูฝืนแสดงท่าทียินดี แล้วหมุนตัวเดินออกไป

 

 

นายท่านสี่สกุลหลัวถอนหายใจออกมา

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะจัดการอย่างไรกับนางหูจึงจะเหมาะสม

 

 

“ภายในจวนเป็นอย่างไรบ้าง? เหตุใดเจ้าจึงหาที่นี่พบ?”

 

 

“ทุกอย่างปกติดีขอรับ ท่านปู่ท่านย่ายังสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนหลานก็แต่งงานแล้ว หยวนเหนียงและจือฮุ่ยต่างก็มีคู่หมายแล้ว” แต่มาถึงที่นี่ได้อย่างไรนั้น หลัวเทียนเฉิงกลับไม่เอ่ยถึง

 

 

นายท่านสี่สกุลหลัวมองไปที่เจินเมี่ยว

 

 

“ท่านอาสี่” เจินเมี่ยวร้องเรียกเสียงกังวานใสคราหนึ่ง

 

 

ความปีติเกิดขึ้นในดวงตาของนายท่านสี่สกุลหลัว แล้วเอ่ยปากว่า “ต้าหลัง ในอดีตอาห่วงที่สุดก็คือเรื่องงานมงคลของเจ้า ยามนี้นับว่าวางใจได้แล้ว”

 

 

ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามอีกว่า “อาสะใภ้สี่ของเจ้า…”

 

 

“หลังจากที่ท่านหายตัวไป อาสะใภ้สี่ก็เสียใจกลายเป็นคนเงียบขรึม แต่…”

 

 

“แต่อันใดหรือ?” นายท่านสี่สกุลหลัวตึงเครียดขึ้นมา

 

 

“ตอนที่ท่านหายสาบสูญไปนั้น ความจริงอาสะใภ้สี่ได้ตั้งครรภ์แล้ว ต่อมาจึงคลอดเจ้าหก ยามนี้ก็ห้าปีแล้ว”

 

 

เมื่อคิดถึงเจ้าหก หลัวเทียนเฉิงก็อดดีใจมิได้

 

 

การไร้บิดานั้น แม้นจะชาติกำเนิดดีเพียงใดก็นับว่าชีวิตน่าสงสารยิ่ง ตอนนี้นับว่าไม่เป็นไรแล้ว

 

 

“ห๊ะ!” นายท่านสี่สกุลหลัวทั้งตกใจและยินดีไปพร้อมกัน

 

 

สำหรับความรู้สึกที่มีต่อนางชีและนางหูนั้นออกสับสน ซับซ้อนอยู่ไม่น้อย แต่การรู้ว่าตนมีทายาทแล้วนั้นกลับทำให้เขาแปลกใจและดีใจยิ่ง

 

 

เมื่อบอกเล่าสภาพโดยทั่วไปเสร็จแล้ว หลัวเทียนเฉิงกลับมิได้กังวลเรื่องที่นายท่านสี่สกุลเจินจะจัดการเช่นไรกับภรรยาทั้งสองของเขา แต่กลับถามออกไปตามตรงว่า “ท่านอาสี่ เหตุใดท่านจึงความจำเสื่อมเล่า?”

วาสนาบันดาลรัก

วาสนาบันดาลรัก

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 199.2 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ด้วยเพราะอุบัติเหตุในงานเลี้ยงสวนดอกหลี เป็นเหตุให้เจินเมี่ยว คุณหนูสี่จวนเจี้ยนอานปั๋วถูกบังคับให้แต่งงานกับหลัวเทียนเฉิง ซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อลบคำครหา ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าสวรรค์กลับเล่นตลก นำพาให้คนสองคนจากแต่ละห้วงเวลามาพบกันในเหตุการณ์นั้นเอง  คนหนึ่งคือหญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ย้อนเวลามาสวมร่างผู้อื่น จำต้องแบกรับชื่อเสียฉาวโฉ่และกรรมที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ให้  ส่วนอีกคนคือชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างเดิมเพื่อล้างความอัปยศที่เคยได้รับในอดีตชาติ   กาลก่อนโชคชะตาเคยผูกด้ายแดงให้ทั้งสองได้ครองคู่ แต่เพราะ ‘นาง’ ทำตัวประดุจดอกซิ่งยื่นออกนอกกำแพง เป็นเหตุให้เขาต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความอดสู   กาลนี้วาสนาบันดาลให้นางและเขามาบรรจบกันอีกครา เขาจึงคิดจะอาศัยบทเรียนในอดีตตัดไฟเสียแต่ต้นลม ทว่าเขาจะทำเช่นไร เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดกลับเปลี่ยนแปลงไป รวมถึง ‘นาง’ ผู้นั้นด้วย!

Options

not work with dark mode
Reset