ตอนที่ 184 ยามหัศจรรย์
หลี่เฉวียนยู่ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้า และแววตาของหลินหนานที่เปลี่ยนไป เพราะมัวแต่ครุ่นคิด และโกรธที่ถูกหลินหนานหลอกให้ประมูลหยกหักๆนั่น
โธ่เว้ย! หยกบ้าๆนี่ฉันเองก็เคยเห็นวางขายกันเกลื่อนกลาด!
หยกหักๆที่สามารถหาซื้อตามข้างทางได้ในราคาเพียงแค่ไม่กี่สิบหยวน แต่หลี่เฉวียนยู่กับถูกหลินหนานปั่นหัว จนต้องเสียเงินประมูลไปถึงสามล้านหยวน หากไม่ใช่เพราะที่นี่ไม่เหมาะจะมีเรื่องแล้วล่ะก็ เขาคงต้องขอให้เรย์มอนด์จัดการกับหลินหนานให้แล้ว!
“คิดจะมีเรื่องกับฉัน นี่คือราคาที่นายต้องจ่าย! แต่เงินแค่ไม่กี่ล้าน สําหรับคุณชายหลี่แล้ว จํานวนเงินแค่นี้คงไม่ทําให้ขนหน้าแข้งร่วงได้หรอกน่า..” หลินหนานยังคงราดน้ําเกลือลงไปบนแผลสดของหลี่เฉวียนยู่ต่อ
หลี่เฉวียนยู่ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อพยายามกดข่มความโกรธภายในใจไว้ ก่อนจะตอบโต้กลับไปด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจนัก
“หลินหนาน อย่าด่วนดีใจไปนัก! อย่าลืมว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว ฉันจะรอวันที่นายพลาดบ้าง และถ้าวันนี้นมาถึง ฉันจะช่วยเหยียบย่ําให้นายจมดิน จนไม่มีโอกาสได้โผล่ขึ้นมาหายใจอีกเลย!”
หลังจากนั้น หลี่เฉวียนยู่ก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่บูดบึง..
“คุณชายหลี่! ดีแล้วที่รู้จักอดทนอดกลั้น อย่าทําให้แผนการของเราต้องเสียเพียงเพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว เรื่องสําคัญที่สุดหลังจากนี้กําลังจะเริ่มต้นขึ้น รอให้งานสัมมนานี้จบลงก่อน แล้วผมจะช่วยคุณจัดการกับไอ้หนุ่มนั่นเอง!”
โปรเฟสเซอร์เรย์มอนด์ที่นั่งอยู่ข้างหลี่เฉวียนยู่ ได้แต่หันไปจ้องมองหลินหนานด้วยแววตาเย็นชา และหลังจากที่ได้ยินคําพูดของโปรเฟสเซอร์เรย์มอนด์ หลี่เฉวียนยู่ก็ถึงกับยิ้มออกมาทันที
“ผมไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงําจนแผนของเราต้องเสียแน่!” หลี่เฉวียนยู่ตอบมิสเตอร์เรย์มอนด์กลับไป และไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายด้วยคําประจบประแจง
“ผมเชื่อว่า ตราบใดที่มีมิสเตอร์เรย์มอนด์อยู่ด้วย ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน”
ชาวต่างชาติที่ชื่อเรย์มอนด์นี้ ไม่ใช่ผู้ที่ฝึกกําลังภายในเพียงอย่างเดียวเหมือนอย่างเฉินมู่เฉิง เพราะนอกเหนือจากฝีมือในการต่อสู้ที่เก่งกาจแล้ว มิสเตอร์เรย์มอนด์ยังประสบความสําเร็จอย่างสูงในเรื่องทางด้านการแพทย์ด้วย
และเหตุผลที่หลี่เฉวียนยู่เชิญมิสเตอร์เรย์มอนด์มาร่วมในงานประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านการแพทย์ และยาในครั้งนี้ด้วยนั้นก็เพราะว่า เขาต้องการให้นักธุรกิจ และคนมีชื่อเสียงหลายๆคนในเมืองเจียงไฮว ได้ทั้งกับความสามารถทางด้านนี้ของมิสเตอร์เรย์มอนด์นั่นเอง
“คุณชายหลิน.. นี่คุณต้องการแกล้งพวกเขาจริงๆน่ะเหรอ? แต่ทําไมฉันถึงได้รู้สึกว่า คุณสนใจแล้วก็อยากได้หยกชิ้นนั้นจริงๆมากกว่า?” หลิวหยิงหยิงกระซิบถามด้วยสีหน้างุนงง
หลินหนานหัวเราะหึๆ พร้อมตอบกลับไปว่า “ต่อให้เป็นหยกเขียวน้ําหมึกที่ดีมากขนาดไหน แต่ราคาก็ไม่ควรต้องจ่ายแพงมากกว่าสองล้าน ดูท่าชะตาคงลิขิตให้ผมไม่ต้องติดหนี้คุณสินะ!”
“ไม่เป็นไร.. ถึงยังไงฉันก็ยังติดหนี้คุณอยู่ดี ยิ่งติดนานๆ ก็จะยิ่งประทับลงไปในความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ! ฉันก็จะได้มีเวลาพัฒนาความสัมพันธ์ของเราสองคน ให้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่านี้!”
ในระหว่างที่พูดนั้น นิ้วที่สวยงามราวกับหยกแกะสลักของหลิวหยิงหยิง ก็ค่อยๆเคลื่อนออกไปแตะหลังมือของหลินหนานไว้..
ในวินาทีที่ฝ่ามือของหญิงสาวสัมผัสเข้ากับหลังมือของตนนั้น หลินหนานรู้สึกราวกับถูกช็อตด้วยกระแสไฟฟ้า และเริ่มหายใจรุนแรงถี่ขึ้นในทันที
หลิวหยิงหยิงช่างสมกับเป็นจิ้งจอกสาวจริงๆ!
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ การประมูลก็เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังจากนี้ไป ก็จะเป็นการเปิดประชุมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ และยาอย่างเป็นทางการ และวันนี้ทางเราก็ได้เชิญแขกคนพิเศษมากล่าวเปิดงานให้ด้วย เขาก็คือศาสตราจารย์เรย์มอนด์จากประเทศสหรัฐอเมริกา!”
หลังจากที่การประมูลยาและสมุนไพรสิ้นสุดลง เรื่องราวไม่พอใจต่างๆที่เกิดขึ้นก็ได้จบลงด้วยเช่นกัน และการประชุมสัมมนาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อทุกคนในห้องได้ฟังคําประกาศจากพิธีกรชายคนเดิม ทุกคนต่างก็ปรบมือต้อนรับด้วยความอบอุ่น
“น่าแปลก! ทําไมจะต้องเชิญศาตราจารย์ชาวต่างชาติมากล่าวเปิดงานด้วย ทั้งที่เป็นการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการแพทย์ของประเทศเรา นี่ไม่เท่ากับดูถูกหมอในประเทศเรางั้นเหรอ?” หลิวหยิ่งหยิงบ่นพึมพําพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
หลินหนานเบะปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เฮ้อ.. เดี๋ยวนี้อะไรๆก็เชื่อแต่พวกต่างชาติ ต่างชาติว่าอะไรดี คนของเราก็ว่าดีตาม ดูจะศรัทธาต่างชาติมากกว่าคนในประเทศซะอีก!”
ในระหว่างที่หลินหนานกับหลิวหยิงหยิงกําลังกระซิบกระซาบกันเสียงเบานั้น ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ก็ได้ลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปที่เวที่ด้านหน้า ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับกระหึมไปทั่วทั้งห้อง
“ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรีทุกท่าน เหตุผลที่ผมมาในงานประชุมสัมมนาในวันนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะแค่ได้รับคําเชิญจากทางองค์กรเท่านั้น แต่เป็นเพราะต้องการนํา “ยามหัศจรรย์” ที่ทางบริษัทคิดค้นพัฒนามา แนะนําให้ทุกท่านในงานได้รู้จัก”
“เหตุผลที่ยานี้ถูกเรียกขานว่า ยามหัศจรรย์ เพราะมีคุณสมบัติในการรักษาโรคมะเร็งได้หายขาด และที่ทางผมคิดค้นยาตัวนี้ขึ้นมา ก็เพื่อใช้รักษาโรคมะเร็งให้กับเพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง เขาชื่อว่าหลี่เฉวียนยuj!”
หลังจากที่ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ก้าวเดินขึ้นไปบนเวที เขาเพียงแค่ทักทายแขกเหรื่อที่อยู่ในงานเล็กน้อย ก่อนจะพูดตรงเข้าประเด็นที่ต้องการทันที และแน่นอนว่า คําพูดของศาสตราจารย์เรย์มอนด์ ไม่ต่างจากระเบิดที่ ถูกทิ้งลงกลางห้อง
ยามหัศจรรย์ที่ใช้รักษาโรคมะเร็งได้หายขาดงั้นเหรอ?
พิธีกรชายหันไปมองถึงจินซ่งและคนอื่นๆพร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะประกาศเสียงดังว่า “ความจริงแล้ว ที่ทางบริษัทของเราเชิญศาสตราจารย์เรย์มอนด์มาก็เพราะว่า ที่ท่านประธานหายจากโรคมะเร็งตับนั้น ก็เพราะยาของศาสตราจารย์เรย์มอนด์..!”
“นี่มันอะไรกัน?! เมื่อครู่คุณก็บอกว่า ท่านประธานของคุณหายจากโรคมะเร็งตับเพราะหยกชิ้นนั้นมาตอนนี้ กลับบอกว่าหายเพราะยามหัศจรรย์ของศาสตราจารย์เรย์มอนด์ นี่คุณเห็นพวกผมเป็นตัวอะไร ถึงได้พูดจากลับไปกลับมาเชื่อถือไม่ได้แบบนี้ คุณเห็นพวกผมโง่มากหรือยังไง?”
“นั่นน่ะสิ! อย่าลืมว่าทุกคนที่อยู่ในงานสัมมนาครั้งนี้ นอกจากจะเป็นหมอแล้ว ก็เป็นผู้ผลิตและค้าเภสัชภัณฑ์หลายคนยังเป็นถึงผู้อํานวยการของโรงพยาบาลต่างๆ คุณไม่คิดจะถามพวกเขาหน่อยเหรอว่า มะเร็งเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้มัย?”
หลังจากที่ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ประกาศเรื่อง “ยามหัศจรรย์” ออกไป ทุกคนในห้องต่างก็พากันหัวเราะเยาะ
“ศาสตราจารย์ชาวต่างชาติพวกนี้ ชอบพูดอะไรเกินจริง ถ้าพิจารณาจากความรู้ทางการแพทย์ในยุคปัจจุบัน การจะพัฒนายารักษามะเร็งขึ้นมาได้สักตัว อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาอีกยี่สิบปีหรือมากกว่านั้น!”
เฉิงจิ้งซานประธานโรงพยาบาลอี้เหยินพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน หลังจากที่ได้ยินคําประกาศของศาสตราจารย์เรย์มอนด์
แม้กระทั่งผู้เฒ่าคู่ยังถึงกับส่ายหน้าไปมา พร้อมกับพึมพําตอบกลับไปว่า “แม้กระทั่งแพทย์แผนจีนที่สืบทอดวิชากันมานับพันๆปี ยังไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้เลย ฉันไม่มีทางเชื่อแน่ว่า ยาเม็ดเล็กๆแค่นี้จะสามารถรักษามะเร็งให้ขาดได้!”
ไม่เพียงแค่เฉิงจิ้งซานกับท่านหมอกู่เท่านั้น นักธุรกิจ และคนที่อยู่ในแวดวงการแพทย์และเภสัชกรรมอีกห ลายคนที่อยู่ภายในห้อง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อด้วยเช่นกัน
“คุณชายหลิน.. คุณเชื่อว่ายามหัศจรรย์อะไรนั่น จะสามารถรักษาโรงมะเร็งได้จริงๆเหรอ?” หลิวหยิงหยิงกระซิบถามหลินหนานด้วยความอยากรู้
หลินหนานส่ายหน้าไปมา พร้อมกับย้ําด้วยน้ําเสียงหนักแน่น “ผมเคยบอกคุณในงานเลี้ยงสมาคมเมิ่งหลานวันนั้นแล้ว นี่เป็นเรื่องหลอกลวง ถ้ามียารักษาโรคมะเร็งได้จริงๆ ป่านนี้วงการแพทย์ทั่วโลกก็ต้องรู้แล้วสิ!”
แม้แต่หลินหนานเองที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ําเลิศ หากต้องรักษาโรคมะเร็งที่อันตรายอย่างมะเร็งตับ ก็คงยากที่จะรักษาให้หายได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่เชื่อเรื่อง ยามหัศจรรย์ อะไรนี่อย่างเด็ดขาด เพราะหากมียาวิเศษเช่นนี้จริงๆ ป่านนี้คงร่ําลือกันไปไหนถึงไหนแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าศาสตราจารย์เรย์มอนด์จะสามารถคาดเดาเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าแล้ว เขารู้ว่าผู้คนที่ได้ยินจะต้องไม่เชื่อคําพูดของตนเอง และจะต้องพากันเยาะเย้ยถากถาง
เขาจึงได้หยิบเอาขวดแก้วที่มีผงสีฟ้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนเอง คล้ายกับต้องการที่จะแสดงอะไรสักอย่างให้ทุกคนที่อยู่ในห้องดู ปากก็พูดออกไปว่า
“การพูดแต่ปากย่อมไม่น่าเชื่อถือ! เพราะฉะนั้น วันนี้ผมจะมาพิสูจน์สรรพคุณของยามหัศจรรย์ที่ผมนํามาด้วยเพื่อให้ทุกท่านได้เห็นกับตา..”
“คุณชายหลี่! ครั้งที่แล้วที่คุณให้พวกเราดูมันเป็นแคปซูลไม่ใช่เหรอ? ทําไมคราวนี้ถึงได้เป็นผงสีฟ้าล่ะ?” ถังจินซ่งหันไปถามหลี่เฉวียนยู่ด้วยสีหน้างุนงง
หลี่เฉวียนยู่หัวเราะหึๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า “นั่นเป็นยามหัศจรรย์รุ่นที่ผลิตออกมาเป็นแคปซูล แต่ประสิทธิภาพจะสู้รุ่นที่ผลิตออกมาเป็นผงแบบนี้ไม่ได้ ประสิทธิภาพในการรักษาแบบที่บรรจุในแคปซูลจะด้อยกว่ารุ่นที่ พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้”
“ฉันตั้งใจว่า จะผลิตให้ยามหัศจรรย์ที่พัฒนาล่าสุดนี้ ออกมาขายให้เฉพาะกับชนชั้นสูงเท่านั้น และคาดว่าจะทําเงินได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวนที่เดียว!”
“คุณชายหลี่ ความจริงน่าจะผลิตออกมาทั้งสองแบบ รุ่นที่พัฒนาล่าสุดก็นําไปขายให้คนชั้นสูง ส่วนรุ่นแคปซูลที่ประสิทธิภาพต่ํากว่า ก็นําไปขายให้คนระดับกลางก็ได้.. แต่ที่สําคัญ ยามหัศจรรย์นั่นรักษามะเร็งได้จริงๆเหรอ?” แม้แต่หวังชางหยางยังอดคลางแคลงใจไม่ได้
หลี่เฉวียนยู่ตอบกลับด้วยน้ําเสียงมั่นอกมั่นใจ “ประสิทธิภาพของยามหัศจรรย์เหนือกว่าที่นายจะจินตนาการได้! เดี๋ยวนายก็จะรู้เองว่าฉันพูดความจริง หรือว่าโกหก!”
ระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสามคุยกันอยู่นั้น ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ก็ขอให้พิธีกรชายบนเวที ช่วยไปนําน้ําเปล่ามาให้เขาห้าแก้ว
หลังจากที่พิธีกรนําแก้วน้ํามาวางไว้ให้บนโต๊ะกลางเวทีแล้ว ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ก็ได้นําผงสีฟ้า ซึ่งเป็นยามหัศจรรย์นี้ไปหยดลงในน้ําทั้งห้าแก้ว
และภาพที่ทุกคนเห็นหลังจากนี้ ก็ยิ่งกว่ามายากลเสียอีก!
เพราะหลังจากที่ผงสีฟ้านี้ถูกหยดลงไปในน้ํา ก็จะมีแสงประกายแปลบปลาบปรากฏขึ้น ดูราวกับสายฟ้าในยามฝนตก ทําให้น้ําธรรมดาที่อยู่ในแก้ว ดูประหนึ่ง น้ําศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นมาทันที!
เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ!