ตอนที่ 155 หญิงสาวที่ร่ํารวย
ทันทีที่หลิงหยุนยื่นข้อเสนอไป ห้องทั้งห้องก็เงียบสงัดลงทันที!
ใบหน้าของเสี่ยวจือหลงเปลี่ยนเป็นแดงก่ํา ในขณะที่เย่เข่อเอ๋อถึงกับหันไปมองหลินหนานตาโตด้วยความตกใจ ปากก็พล่ามออกไปว่า
“พี่เขย. นี่ ฉันคิดไม่ถึงว่านายจะมีรสนิยมแบบนี้ นี่นายเปลี่ยนไปชอบพวกเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เย่เข่อเอ๋อรู้สึกขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัว เธอตกใจจนขาสั่น และรีบวิ่งหนีออกไปซ่อนตัวที่หน้าประตูห้องทันที
หลินหนานเห็นเช่นนั้น ก็ถึงกับหัวเราะออกมาจนน้ําตาไหล “ยัยเด็กโง่! คิดเรื่องบ้าๆแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน?”
“ถึงแม้พี่จือหลงจะหน้าตาสวยเหมือนผู้หญิง แต่เขาก็เป็นผู้ชาย พี่เขย. นายพูดแบบนี้ไม่เท่ากับดูถูกเหยียดหยามพี่จือหลงหรอกเหรอ?” แม้จะยืนหลบอยู่ที่หน้าประตู แต่เย่เข่อเอ๋อก็ไม่วายที่จะร้องตะโกนเถียงแทนเสี่ยวจือหลง
“เรื่องนั้น.. ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เธอฟังได้ยังไง?”
หลินหนานยกมือขึ้นเกาปาก ทําท่าคล้ายกับคนกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เพราะเขาเองก็ได้รับปากเสี่ยวจือหลงว่าจะไม่เปิดเผยความลับของเธอ
“ความจริง ฉันเป็นผู้หญิง!” เสี่ยวจือหลงเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงออกไป
“ห้ะ! อะไรนะ?!” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนออกมาด้วความตกใจ
หลินหนานเองก็แทบไม่อยากเชื่อว่า จู่ๆเสียวจือหลงจะกล้าประกาศความจริงออกมาแบบนั้น และเขาเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าทําไมเธอถึงได้ตัดสินใจทําเช่นนั้น
“พี่จือหลง.. นี่พี่.. พี่เป็นผู้หญิงจริงๆเหรอ? จะเป็นไปได้ยังไง?! ก็พี่ พี่เป็นราชันนักแข่งของเมืองเจียงไฮวนี้?!” เย่เข่อเอื้อพึมพําออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ที่แท้ราชันนักแข่งแห่งเมืองเจียงไฮวเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ?!
เขา.. ไม่สิ! นี่เธอเป็นผู้หญิงจริงๆเหรอ?
“เป็นเพราะวงการนักแข่งรถยอมรับแต่ผู้ชายน่ะสิ! พวกเขาไม่ค่อยยอมรับนักแข่งรถที่เป็นผู้หญิงนัก ฉันก็เลยต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายยังไงล่ะ..”
เสี่ยวจือหลงอธิบายให้เย่เข่อเอ๋อฟังด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบ “แต่หลังจากที่ทุกคนเริ่มรู้จักฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันก็ไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นผู้หญิงได้อีก เพราะกลัวว่าแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนอยู่ จะพากันผิดหวังถ้ารู้ความจริงเข้า”
คําอธิบายของเสียวจือหลงมีเหตุมีผลไม่น้อย!
แต่แน่นอนว่า ยังมีความจริงอีกข้อที่เธอไม่ได้พูดออกมา
“พระเจ้า! นี่ถ้าทุกคนรู้ว่าพี่เป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทําหน้ายังไงกันบ้าง?” เย่เข่อเอ๋อร้องตะโกนออกมาด้วยสีหน้าตกอกตกใจ
“ฉันหวังว่าเธอจะช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ยิ่งให้คนอื่นรู้น้อยมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดี” เสี่ยวจือหลงบอกกับเย่เข่อเอ๋อด้วยน้ําเสียงอ้อนวอน
“พี่จือหลง เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ใช่คนปากโป้งอยู่แล้ว ว่าแต่.. พี่เป็นผู้หญิง แต่ทําไมหน้าอกของพี่ถึงได้แบนราบแบบนั้นล่ะ?”
เย่เข่อเอ๋อร้องถามออกไปด้วยความอยากรู้ สายตาของเธอพลันเหลือบมองไปที่หน้าอกของเสี่ยวจือหลง และเมื่อเสี่ยวจือหลงได้เห็นท่าที่เปิดเผยของเยี่เข่อเอ๋อ สีหน้าของเธอก็ถึงกับเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทําให้เย่เข่อเอ๋อต้องรีบแก้ตัวว่า
“พี่จือหลง.. ผู้หญิงมีหน้าอกแบนราบไม่ใช่เรื่องน่าอับอายสักหน่อย! พี่ไม่ต้องรู้สึกแย่ขนาดนั้นก็ได้ สมัยนี้มีหมอศัลยกรรมเก่งๆเยอะแยะไปหมด หรือถ้าพี่ไม่อยากไปทําหน้าอกกับ หมอศัลยกรรมพวกนั้น พี่ก็ลองปรึกษาพี่เขยของฉันดูให้สิ เขาเองก็เป็นหมอเหมือนกัน เผื่อจะช่วยพี่ได้”
หลังจากพูดจบ เย่เข่อเอ๋อก็ทําปากโบ้ยไปทางหลินหนาน..
“นี่. ฉันว่าเธอไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า เพราะความจริงแล้ว หน้าอกของเสี่ยวจือหลงออกจาตูมๆ!” หลินหนานเผลอออกความเห็นออกมาอย่างลืมตัว
แต่หลังจากที่หลินหนานหลุดพูดประโยคนี้ออกไป เขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารจากสายตาของเยี่เข่อเอ๋อทันที และนอกจากแววตาจับผิดแล้ว หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ปานนี้หลินหนานคงถูกสายตาของเยเข่อเอ๋อสังหารตายไปแล้วแน่!
“พี่เขย! ทําไมพี่ถึงได้รู้ว่าพี่จือหลงมีหน้าอกตูมๆ หรือว่านาย” เย่เข่อเอ๋อพูดได้เพียงเท่านั้น ก็รีบยกมือขึ้นปิดปากที่อ้ากว้างด้วยความตกใจทันที ท่าทางของเธอบ่งบอกว่ากําลังตกใจเป็นอย่างมาก
“นี่เอ่อเอ้อ.. หยุดพูดจาเพ้อเจ้อได้แล้ว! หลินหนานกับฉันไม่ได้ทําอะไรอย่างที่เธอคิด..”
เสี่ยวจือหลงระส่ําระลักอธิบายทันที เพราะเกรงว่าจะเกิดการเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หน้าผาคืนนั้น ใบหน้าขาวนวลของเสี่ยวจือหลงก็เปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมาทันที
แต่ยิ่งได้ฟังคําอธิบาย และเห็นท่าทางลุกลี้ลุลนของเสี่ยวจือหลง เย่เอ่อเอ๋อก็ถึงกับต้องหันไปมองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับถามขึ้นด้วยความระแวงสงสัย
“ พี่สาว ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทําไมพี่เขยถึงได้รู้เรื่องหน้าอกตูมๆ เขามีตาทิพย์หรือยังไงกัน? แล้วทําไมพี่ต้องทําสีหน้าท่าทางตื่นเต้นตกใจแบบนั้นด้วยล่ะ?”
หลังจากที่เสี่ยวจือหลงได้ฟังคําตอบของเย่เข่อเอ๋อ เธอก็จุกจนแทบกระอักเลือด..
เด็กสาวคนนี้ฉลาดเป็นกรด!
“เอ่อเอ๋อ.. ฉันว่าเธอคิดมากไปแล้ว จือหลงก็แค่กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ก็เลยรีบชิงอธิบายก่อนน่ะสิ!”
หลินหนานรีบพูดแก้ต่างช่วยเสี่ยวจือหลง เพื่อให้เหตุการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนใจนี้ผ่านไปโดยเร็ว อีกอย่าง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาฟูหลงนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเผยแพร่ให้คนนอกรู้ได้จริงๆ
ไม่เช่นนั้น ชื่อเสียงของเสี่ยวจือหลงคงต้องปนี้เสียหายหมดแน่!
เสี่ยวจือหลงรีบพูดเสริมขึ้นทันที “ใช่ๆ ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดน่ะเขือเอ๋อ ก็เลยร้อนใจรีบอธิบายมากไปหน่อย!”
“อ่อ.. ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง! ฉันหวังว่าพี่จือหลงกับพี่เขยของฉัน คงจะไม่มีอะไรปิดบังฉันหรอกนะ?” เย่เข่อเอ๋อยังคงทิ้งท้ายด้วยความสงสัยคลางแคลงใจ
แม้เธอจะยังเด็ก แต่เธอก็ไม่ได้โง่!
หญิงชายคู่นี้พูดจามีพิรุธ คล้ายกับว่ากําลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่!
หลินหนานเห็นสถานการณ์เริ่มจะไปกันใหญ่ จึงรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปถามเสียวจือหลง
“นี่คุณยังอยากจะให้ผมไปรักษาพ่อของคุณอยู่รึเปล่า? ยังไม่รีบออกไปอีก จีนชักช้า ก็จะทําให้การรักษายิ่งล่าช้าขึ้น”
“อะไรกัน?! เมื่อครูพี่เขยยังบอกว่าไม่มีอารมณ์จะรักษาอยู่เลย แล้วทําไมจู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจง่ายๆแบบนี้ล่ะ?” เย่เข่อเอื้อถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
“นั่นมันก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ฉันอารมณ์ดีแล้ว!”
เมื่อได้ยินหลินหนานพูดออกมาแบบนั้น เสี่ยวจือหลงได้แต่แอบตื่นเต้นดีใจ และรีบบอกเขาไป
“คุณชายหลินช่างเป็นคนมีเมตตามากจริงๆ ช่างเป็นแพทย์ที่มีจรรยาบรรณน่าชื่นชมมาก!”
เย่เข่อเอ๋อได้ยินเสี่ยวจือหลงพูดชื่นชมหลินหนานแบบนั้น ก็ถึงกับยืดอกเชิดหน้า และตอบกลับไปด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“นี่ล่ะ.. พี่เขยของฉัน!”
หลินหนานถึงกับหน้าคว่ํา และแอบคิดอยู่ในใจว่า..
ก่อนหน้านี้ยังเห็นฉันเป็นแค่ไอ้สวะไม่เอาไหนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ทําไมถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ล่ะ?
“พวกคุณสองคนออกไปจากห้องของผมได้แล้ว!” หลินหนานร้องตะโกนบอกหญิงสาวทั้งสองคนอย่างหมดความอดทน
เสี่ยวจือหลงถึงกับตกใจ และรีบถามหลินหนานว่า “แต่เมื่อครู่ นายรับปากจะตามฉันไปรักษาพ่อที่บ้านแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทําไมตอนนี้ถึงได้ไล่”
หลินหนานไม่รอให้เสี่ยวจือหลงพูดจบ เขาชิงถามกลับไปทันที “หรือคุณจะอยู่ในห้องดูผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เชิญ!”
“ตกลงๆ ฉันกับเข่อเอ๋อจะออกไปรอนายที่หน้าห้อง!”
เมื่อเห็นหลินหนานทําท่าทางจะถอดกางเกง เสี่ยวจือหลงก็รีบดึงแขนเย่เข่อเอ๋อออกไปนอกห้องทันที
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หลินหนานก็ได้หยิบถุงผ้าสีดําออกมาจากลิ้นชัก และถือไว้ในมือย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินออกจากห้องเช่าไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..
เสี่ยวจือหลงก็ได้ขับรถเฟอรารี่สีแดงของเย่ชิงเฉิงที่ซ่อมเสร็จแล้ว พาหลินหนานกับเย่เข่อเอ๋อมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ริมน้ําหลังใหญ่ใกล้แม่น้ําฮวย
หากเทียบกับคฤหาสน์ของตระกูลเยู่แล้ว คฤหาสน์ริมน้ําของเสี่ยวจือหลงนั้น นับว่ามีระดับกว่ามาก เพราะอยู่ในเขตพื้นที่ซึ่งชาวจีนเชื่อว่ามีฮวงจุ้ยที่ดีมาก ซึ่งก็คืออยู่ใกล้กับแม่น้ําฮวย อีกทั้งยังมีภูเขาสูงเขียวขจีตั้งตระหง่านอีกด้วย
สําหรับผู้ที่สามารถมีคฤหาสน์ริมน้ําเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าต้องเป็นคนมีฐานะร่ํารวยนับพันๆล้าน
หากหมู่บ้านหมิงเหมินเป็นบ้านที่บรรดาเศรษฐีในเมืองเจียงไฮวเลือกอยู่ หมู่บ้านริมน้ําที่เสี่ยวจือหลงอยู่นั้น ก็เป็นสถานที่ที่เหล่าเซลิบริตี้ในเจียงเปยเลือกที่จะอยู่เป็นอันดับต้นๆเช่นกัน!
“เอาล่ะ.. ตามฉันเข้าไปในบ้านดูอาการพ่อได้เลย!”
เสี่ยวจือหลงจอดรถเฟอรารี่ไว้ที่หน้าประตูคฤหาสน์งดงาม ก่อนจะเดินนําหลินหนานและเย่เข่อเอ๋อเข้าไปด้านใน
คฤหาสน์หลังนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่มากกว่าหนึ่งตารางเมตร นอกจกน้ําพุสวยงามขนาดใหญ่แล้ว หลินหนานยังเห็นว่าภายในมีสระว่ายน้ําสุดหรูกลางแจ้งอีกด้วย
“เพียงแค่ราคาคฤหาสน์หลังนี้ก็คงหลายร้อยล้านแล้ว ยังไม่นับรวมรถสปอร์ตหรูมากมายที่จอดอยู่ในโรงรถอีก เสี่ยวจือหลงเป็นใครกันนะ? ทําไมเธอถึงได้ร่ํารวยขนาดนี้?” หลินหนานพึมพํากับตัวเองเบาๆด้วยความสงสัย
เขาเคยไปคฤหาสน์ของเศรษฐีในเมืองนี้มาหลายคนแล้ว แม้กระทั่งตระกูลถัง ยังดูเหมือนจะไม่ร่ํารวยเท่ากับตระกูลของเสี่ยวจือหลง ส่วนตระกูลเย่นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง แม้จะร่ํารวย แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับเศรษฐีเหล่านี้!
เห็นได้ชัดว่า ฐานะที่แท้จริงของเสี่ยวจือหลงนั้น เธอเป็นหญิงสาวที่ร่ํารวยอย่างมาก มากกว่าใครๆเท่าที่เขาเคยพบเห็นมา เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินหนานก็ได้แต่บ่นพึมพําด้วยความเสียดาย
“เฮ้อ… ไม่น่ายอมรับค่ารักษาแค่สามล้านหยวนเลย นี่เท่ากับฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!”