ตอนที่ 153 ไม่ได้ขายตัว
โอ้โห! สมกับตําแหน่งปรมาจารย์ครึ่งระดับจริงๆ กําลังภายในแข็งแกร่งมาก แม้จะดูเหมือนเป็นการสัมผัสไหล่เบาๆ ไม่ได้ออกแรงอะไรมากมายนัก แต่นั่นก็เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างอ่อนกับแข็ง!”
โม่อชิงที่ยืนแน่นิ่งนั้น สายตาของเธอกําลังจับจ้องอยู่ที่ฝ่ามือของหยานลู่เฟิง ซึ่งวางอยู่บนไหล่ของหวังเฉิงหยวนด้วยท่วงท่าสบาย และได้แต่แอบนึกชื่นชมเขาอยู่ในใจเงียบๆ
ในสายตาของคนธรรมดาทั่วไป อาจดูเหมือนว่า ฝ่ามือที่ชายชรากดลงบนไหล่ของหวังเฉิงหยวนนั้น ไม่มีอะไรแอบแฝง แต่ในสายตาของผู้ฝึกหมัดมวยอย่างโม่ออี้ชิงนั้น มันสามารถบ่งบอกข้อมูลกับเธอได้หลายอย่างที่เดียว
และยิ่งเธอได้ตระหนักถึงกําลังภายในที่แข็งแกร่งของผู้เฒ่าหยานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทําให้เธออยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหลินหนานมากขึ้นเท่านั้น!
เหตุใดยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ครึ่งระดับ และเป็นผู้ที่คนใหญ่คนโตในเมืองเจียงไฮวต่างก็ให้ความนับถือนั้น จึงได้ดูให้ความเคารพ และมีมารยาทกับหลินหนานถึงเพียงนี้?
“ปรมาจารย์หลิน เฉิงหยวนถูกพ่อของเขาตามใจมาตั้งแต่เด็ก ผมให้เขาคุกเข่าขอ โทษคุณแบบนี้ไม่ทราบพอจะเห็นแก่หน้าชายชราอย่างผม ยกโทษให้เขาสักครั้งจะได้หรือไม่?”
หลังจากที่ออกแรงกดร่างของหวังเฉิงหยวนให้คุกเข่าลงต่อหน้าหลินหนานได้แล้ว หยานลู่เฟิงก็ได้หันไปพูดกับหลินหนานอย่างมีมารยาทเช่นเคย
ครั้งนี้ หยานลู่เฟิงถึงกับยอมใช้ศักดิ์ศรีของความเป็นปรมาจารย์ครึ่งระดับ มาเดิมพันกับหลิ นหนานเลยทีเดียว!
และที่เขาต้องทําเช่นนี้ก็เพราะว่า นี่เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะสามารถช่วยหวังเฉิงหยวนให้มีชีวิตรอดได้!
ผู้ที่อยู่ในขั้นปรมาจารย์ ในแวดวงผู้ฝึกกําลังภายในด้วยกันนั้นย่อมรู้ดีว่า จะต้องให้ความเคารพมากเพียงใด และยิ่งไม่ควรใช้วาจาที่ดูถูกเหยียดหยามอีกด้วย!
“จะขอโทษหรือไม่ขอโทษนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้น้องสาวทั้งสองของผมหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ไม่ทราบคุณหวังจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
หลินหนานหันไปพูดกับหวังเซียนหย่งแทน พร้อมกับขยิบตาให้
“ปรมาจารย์หลิน หากคุณยอมไว้ชีวิตลูกชายของผม ผมยินดีที่จะจ่ายค่าตกใจให้กับคุณเป็นตัวเลขมงคลคือ 6.66 ล้านหยวน! ไม่ทราบว่าคุณชายหลินคิดเห็นอย่างไร?”
หลังจากที่หวังเซียนหย่งได้ยินคําถามของหลินหนาน เขาก็ถึงกับแอบยิ้มออกมาด้วยความดีใจและในความคิดของเขา ปัญหาทุกอย่างในโลกนี้สามารถสะสางได้ด้วยเงิน!
ในแต่ละปี เขามีรายได้จากหุ้นของบริษัทหลายร้อยล้านหยวน ยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจอื่นๆอีกและการที่หวังเซียนหย่งสามารถนั่งอยู่ในตําแหน่งกรรมการของสมาคมเมิ่งหลานได้นั้นก็ไม่ใช่เพียงแค่ภูมิหลังของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะฐานะทางการเงินของเขาอีกด้วย
“ตกลง! ถึงแม้จะน้อยไปหน่อย แต่เห็นแก่ความจริงใจของคุณหวัง ผมจะยอมรับเงื่อนไขของคุณถือซะว่าเงินจํานวน 6.66 ล้านหยวนนี้ เป็นการซื้อชีวิตที่สงบสุขให้กับลูกชายคุณก็แล้วกันอีกอย่างเงินจํานวนแค่นี้ ขนหน้าแข้งคุณหวังไม่ร่วงอยู่แล้ว!”
หลินหนานยกมือขึ้นตบบ่าหวังเซียนหย่ง พร้อมกับทําสีหน้าหยอกเย้าราวกับว่าเขาเป็นเด็ก เล็กๆ
จากนั้นไม่ถึงสิบนาที หวังเซียนหย่งก็ได้จัดการโอนเงินจํานวน 6.66 ล้านหยวนเข้าบัญชีของหลินหนาน และก่อนที่จะจากไป ก็ไม่ลืมที่จะขอข้อมูลการติดต่อหลินหนานไว้ด้วย
ท่ามกลางสายตางุนงงของเด็กนักเรียนคนอื่นๆ หลินหนานเดินอุ้มร่างของเฉิงซินเย่วออกไปพร้อมกับดึงโม่ออี้ชิงให้ตามออกไปด้วย
“พี่หลินหนาน พี่เป็นใครกันแน่? ทําไมทั้งหวังเซียนหย่งแล้วก็ผู้เฒ่าหยาน ถึงได้เรียกพี่ว่าปรมาจารย์หลินล่ะ? นี่พี่เป็นปรมาจารย์ด้านการฝึกฝนกําลังภายในจริงๆน่ะเหรอ?”
ระหว่างทางที่นั่งรถของโม่อชิงกลับไปถนนหรูหลงนั้น โม่อชิงก็เอาแต่ถามเกี่ยวกับเรื่องของหลินหนานไม่หยุดปาก จนหลินหนานต้องหันไปยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เด็กโง่.. นี่เธออยากจะรู้ไปทําไมกัน? บางครั้งการที่รู้อะไรลึกเกินไป ก็อาจไม่ใช่เรื่องดีแล้วก็เป็นอันตรายได้รู้มั้ย?”
และยิ่งเห็นหลินหนานปฏิเสธที่จะพูดถึง โม่ออี้ชิงก็ยิ่งมั่นใจว่า เขาต้องเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจจริงๆเธอจึงหันไปพูดกับหลินหนานด้วยแววตาเป็นประกาย
“พี่หลินหนาน ในเมื่อพี่เองก็เก่งกาจขนาดนี้ ช่วยรับฉันเป็นศิษย์จะได้มั้ยคะ?”
“ฉันไม่รังเกียจที่จะสอนวรยุทธให้กับเธอหรอกนะ เพียงแต่.. ฉันเองก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง!” ดินหนานเอ่ยตอบพร้อมกับโบกมือเป็นการปฏิเสธ
แต่ถึงแม้จะถูกหลินหนานปฏิเสธ โม่อชิงก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากนัก เพราะเธอรู้ดีว่าเป็นเรื่องปกติที่ยอดฝีมือเก่งๆอย่างหลินหนาน จะไม่ยอมรับใครเป็นศิษย์ง่ายๆ
หมม. ท่าทางเหมือนคนที่มีกําลังภายในสูงส่งจริงๆด้วย!
โม่ออี้ชิงได้แต่แอบนึกอยู่ในใจเงียบๆ และเมื่อมาถึงห้องพักบนถนนหลงหวี่แล้ว หลินหนานก็สั่งให้โม่อ ชิงรีบกลับบ้าน
โม่อชิงได้เห็นห้องเช่าซอมซ่อของคนทั้งคู่ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เรื่องที่เฉิงซินเย่วมาจากครอบครัวยากจนนั้น โม่อ ชิงรู้มาก่อนแล้ว แต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจอย่างหลินหนานี่สิทําไมยังต้องมาอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แล้วก็ซอมซ่อแบบนี้ด้วย? เธอจึงได้แต่รู้สึกเศร้าใจแทนอย่างบอกไม่ถูก
หากหลินหนานไปทํางานที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ของตระกูลโม่ เขาจะได้รับค่าตอบแทนแล้วก็ผลประโยชน์มากมายเลยทีเดียว
“ หรือคนที่เป็นปรมาจารย์ชอบใช้ชีวิตแบบนี้น่ะเหรอ?”
ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้าน โม่ออี้ชิงก็ได้แต่พึมพํากับตัวเอง
ทางด้านหลินหนานนั้น ก็ได้อุ้มร่างที่นอนหลับไร้สติของเฉิงซินเย่วเข้าไปวางไว้บนเตียงในห้องส่วนตัวเขาเองก็นั่งลงข้างๆ รอให้เธอตื่นขึ้นมาเอง
จนกระทั่งผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เด็กสาวจึงได้รู้สึกตัว เธอยกมือขึ้นขยี้ตาพร้อมกับบอกหลินหนานว่า
“พี่หลินหนาน ฉันหิว!”
“ได้สิ! เดี๋ยวไปหาอะไรมาให้กินนะ” หลินหนานยกมือขึ้นบีบจมูกเด็กสาวอย่างเอ็นดู
หลังจากที่ฤทธิ์ยาในร่างหมดลงแล้ว เฉิงซินเย่วก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาทันที
หลินหนานหายออกไปจากห้องพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับโจ๊กในมือ เขาจัดการเทใส่ถ้วยให้กับเด็กสาว และนั่งมองเธอกินโจ๊กจนหมดถ้วย
“อิ่มจังเลย!” เฉิงซินเย่วเอามือลูบท้องไปมา และแก้มของเธอก็กลับมามีเลือดฝาดเหมือนเดิม
“เอาล่ะ กินอิ่มแล้วก็ไปอาบน้ํานอนพักผ่อนซะ!” หลินหนานร้องบอก
“ไม่ได้หรอกพี่หลินหนาน! อีกไม่นานก็จะถึงวันสอบเอนทรานซ์แล้ว ฉันยังต้องฝึกทําข้อสอบอีกหลายชุด”
หลังจากที่พูดจบ เด็กสาวก็รีบลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ แล้วเริ่มหยิบข้อสอบขึ้นมาทําทันที
– หลินหนานได้แต่ยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เพื่อจะได้ไม่รบกวนการอ่านหนังสือของเฉิงซินเย่ว
หลังจากที่กลับไปถึงห้องของตนเอง หลินหนานก็หลับตาขัดสมาธิ และเริ่มโคจรลมปราณภายในร่างกายทันที เขาตั้งใจไว้ว่า เมื่อใดที่พลังปราณภายในฟื้นคืนกลับสู่สภาพสูงสุดเช่นเคยเขาก็จะเริ่มหลอมกลั่นยาต่อไป..
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในยามค่ําคืนกลางดึก เสียงเคาะประตูห้องของหลินหนานก็ดัง
“อย่าบอกนะว่าซินเย่วหิวอีกแล้ว?!”
หลินหนานบ่นพึมพํา แต่ก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“พี่เขย ประหลาดใจมั้ยที่เห็นสาวสวยอย่างฉันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าแบบนี้?”
ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก หลินหนานก็เห็นเยี่เข่อเอ๋อที่สวมกระโปรงสีชมพู ผมยาวผูกขึ้นเป็นหางม้ากําลังยืนยิ้มให้กับเขา พร้อมกับโผล่หน้าเข้ามาสํารวจภายในห้อง ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ปากก็เอาแต่บ่มพึมพําว่า
“พี่เขย.. แน่ใจนะว่าที่นี่เป็นที่สําหรับให้คนอยู่ สภาพแวดล้อมอุดอู่แล้วก็แย่ชะมัด!”
“เย่เข่อเอ๋อ!! นี่เธอ.. เธอหาที่นี่พบได้ยังไง?” หลินหนานขมวดคิ้ว พร้อมกับร้องถามออกมาด้วยความตกใจ
เขาจําไม่ได้ว่าตนเองเคยบอกเย่เข่อเอ๋อหรือไม่ว่า ตนเองได้เช่าห้องไว้แถวถนนหวู่หลง..
“ฉันให้ครอบครัวช่วยสืบเรื่องของนายเองล่ะ! คิดไม่ถึงว่านายจะระมัดระวังตัวขนาดนี้ กว่าที่บ้านของฉันจะค้นหาที่อยู่ของนายได้ ก็ต้องใช้ความพยายามน่าดู!”
ผู้ที่ตอบคําถามของหลินหนาน กลับเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา สวมเสื้อคลุมสีดํา ที่เพิ่งก้าวเดินออกมาจากด้านหลังของเยเข่อเอ๋อ และในมือของเขาก็ถือกระเป๋าสีดําใบใหญ่ไว้ด้วย
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเสี่ยวจือหลงนั่นเอง!
เมื่อเห็นเสี่ยวจือหลง หลินหนานก็ถึงกับขมวดคิ้ว และทําสีหน้าไม่พอใจทันที พร้อมกับพูดจาเหน็บแนม
“นึกว่าใคร? ที่แท้ก็น้องชายหน้าอกใหญ่นี่เอง มีอะไรถึงต้องแจ้นมาหาฉันถึงที่นี่? อ่อ.. แล้วถือกระเป๋าอะไรมาด้วย? ข้างในเป็นอุปกรณ์สําหรับเล่นมายากลหรือยังไง?”
หลินหนานเหลือบมองเสี่ยวจือหลง พร้อมกับพูดทีเล่นทีจริง
“ในประเป๋านี้มีเงินสดอยู่สามล้าน ถ้านายยอมไปกับฉัน เงินในกระเป๋านี้ทั้งหมดจะเป็น ของนายทันที!”
หลังจากพูดจบ เสี่ยวจือหลงก็ไม่รอให้หลินหนานได้ถามอะไร เธอจัดการเปิดกระเป๋าสีดํานั้นออกทันที และภายในก็มีธนบัตรสีแดงอยู่มากมาย
หลินหนานถึงกับตาโตเป็นประกาย!
“นี่ถ้าไม่เห็นกับตา ฉันไม่มีทางเชื่อแน่! นายเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาเหมือนกันนี่! แต่เสียใจด้วยเงินสามล้านหยวนนของนายซื้อฉันไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันไม่ได้ขายตัว!”