ตอนที่ 152 คุกเข่า
บนโซฟาภายในห้องคาราโอเกะส่วนตัว เฉิงซินเย่วยังคงนอนหลับไหลราวกับเด็กน้อยไร้เดีย งสา..
เพียะ!
“อะไรนะ?! ไอ้ลูกชั่ว!! นี่แกกล้าทําเรื่องเลวทรามถึงเพียงนี้เชียวรึ?”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน หวังเซียนหย่งตบหน้าหวังเฉิงหยวนอย่างแรง เขาจ้องหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว พร้อมกับตวาดต่อด้วยน้ําเสียงที่ดังกึกก้อง
“ไอ้สารเลว! เล่าความจริงทั้งหมดให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ก็พ่ออนุญาตให้ผมออกมาดื่มมาปาร์ตี้กับเพื่อนๆเองไม่ใช่เหรอ? แล้วผมจะหาความสุขกับพวกเธอทั้งสองคนบ้างไม่ได้หรือยังไง?”
หวังเฉิงหยวนยกมือขึ้นกุมใบหน้าข้างที่ถูกตบของตนเองไว้ พร้อมกับก้มหน้าลงตอบเสียงเบาเขายังไม่รู้ตัวว่าเวลานี้พ่อของตนกําลังโกรธมากขนาดไหน?
“ไอ้ลูกเวร! แกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ แม้กระทั่งน้องสาวของคุณชายหลิน แกก็ยังกล้าคิดชั่วๆแบบนี้ได้นี่แก.. แกคงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆสินะ!”
หลังจากที่ก่นด่าหวังเฉินหยวนจนเหน็ดเหนื่อยแล้ว หวังเซียนหย่งก็รีบหันไปทางหลินหนานพร้อมกับพูดด้วยน้ําเสียงและท่าทางนอบน้อม
“คุณชายหลินเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของไอ้ลูกสารเลวคนนี้ มันคิดเองทํา เองทั้งนั้น ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย…”
“โบราณว่า มีลูกผิดคิดจนตัวตาย! การที่คุณมีลูก แต่กลับไม่รู้จักอบรมสั่งสอน แล้วเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีได้ยังไงกัน?” หลินหนานตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชา
“เรื่องนั้น”
หวังเซียนหย่ง.. คนใหญ่คนโต และผู้มีอิทธิพลอย่างมากคนหนึ่งของเมืองเจียงไฮว หลังจากถูกหลินหนานตําหนิซึ่งหน้าเช่นนี้ แต่กลับทําได้เพียงแค่นิ่งเงียบ ไม่กล้าตอบโต้กลับไปแม้แต่คําเดียว
“หลินหนาน แกหุบปากไปเลย ไม่ต้องมาทําอบรมสั่งสอนพ่อของฉัน! ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกใช้วิธีการอะไร ถึงได้หลอกลวงพ่อฉันได้สนิทแบบนี้ แต่ที่นี่ยังมีอาวุโสหยานอยู่ด้วยทั้งคน และอาวุโสก็จะไม่มีวันหลงกลอุ้ยอย่างแกแน่!”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถพึ่งพาหวังเซียงหย่งผู้เป็นพ่อได้ หวังเฉิงหยวนจึงรีบวิ่งออกไปหาผู้เฒ่าหยานซึ่งยืนอยู่ด้านนอกเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
หลินหนานไม่สนใจหวังเฉิงหยวนเลยแม้แต่น้อย แต่หันไปพูดกับหวังเซียนหย่งแทน “นี่นอกจากคุณจะมาด้วยตัวเองแล้ว ยังถึงกับต้องเชิญคนของสมาคมเมิ่งหลานคนอื่นมาช่วยด้วยงั้นรึ?”
หวังเซียนหย่งตอบกลับไป พร้อมกับยิ้มขึ้น “ครับ. ผม.. ผมเป็นคนเชิญเขามาที่นี่เอง!”
“อาวุโสหยานเหรอ? อ่อ.. ผมนึกออกแล้ว ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายแก่ๆ ที่เอาแต่นั่งทําท่าเคร่งขรึมแกล้งทําเป็นผู้แก่กล้าให้ผู้คนเคารพนับถือคนนั้นสินะ?”
หลินหนานทําท่าทางนึกอะไรขึ้นมาได้ พร้อมกับร้องตะโกนออกไปเสียงดัง และเมื่อหวังเซียน หย่งได้ยิน เขาก็ตกใจจนแทบจะล้มทั้งยืน..
ผู้เฒ่าหยานเป็นบุคคลที่คนใหญ่คนโตในเมืองเจียงไฮว ต่างก็เคารพและให้เกียรติอย่างมากนี่แกกล้าพูดว่าเขาแกล้งทําเป็นผู้เก่งกล้าได้ยังไงกัน?!
ถึงแม้ผู้เฒ่าหยานจะมีอายุค่อนข้างมาก แต่ก็จัดอยู่ในขั้นปรมาจารย์ครึ่งระดับ การที่หลินหนานเรียกขานเขาอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ ไม่เท่ากับเป็นการฉีกหน้าเขาหรอกหรือ?
“หึ ไอ้กุ้ยหลินหนาน! คราวนี้แกตายแน่ๆ แกมันพวกหมูไม่กลัวน้ําร้อน แม้กระทั่งท่านปูนยานแกยังกล้าล้อเลียนอย่างไร้มารยาทแบบนี้ นี่แกคงไม่รู้สินะว่า ท่านปูหยานเป็นถึงปรมาจารย์ครึ่งระดับ!”
ก่อนที่หวังเซียนหย่งจะทันได้อธิบายอะไรให้หลินหนานฟัง หวังเฉิงหยวนก็ร้องตะโกนตอบหลิ้นหนาน และเดินกระหยิ่มยิ้มย่องเข้ามาในห้องพร้อมกับหยานลู่เฟิง หวังเฉิงหยวนปรายตามองหดินหนานอย่างเหยียดหยัน ก่อนจะหันไปพูดยั่วยุหยานสู่เพิ่งแทน
“ท่านปูหยานครับ อาวุโสได้ยินคําพูดพล่อยๆของไอ้กู้ยนั่นแล้วใช่มั้ยครับ? ถ้าเป็นผม ผมคงทนให้มันพูดจาเหยียดหยามแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ!”
“นั่นสิคะอาวุโส! ผู้ชายแซ่หลินคนนี้ ทําตัวไร้มารยาทกับอาวุโส ไม่รู้จักที่ต่ําที่สูง อาวุโสอย่าได้ยกโทษให้เขานะคะ!” ทางด้านเจิ้นเยี่วยเองก็ช่วยใส่ไฟอีกทาง
คราวนี้หลินหนานต้องแย่แน่ๆ! ต่อหน้าผู้เฒ่าหยานที่เป็นถึงปรมาจารย์ครึ่งระดับแบบนี้ หดินหนานถึงกับกล้าเสียมารยาท ต่อให้ฐานะของเขาจะลึกลับแค่ไหน แต่ถ้ามีเรื่องกับผู้เฒ่าหยานก็คงยากที่จะรอดได้แน่
หลังจากที่ได้ยินหวังเฉิงหยวนพูดถึงฐานะของหยานสู่เฟิง โม่อชิงก็ได้แต่แอบตกใจ และอด เป็นห่วงหลินหนานไม่ได้ ในความเห็นของเธอ ครั้งนี้หลินหนานได้ทําผิดพลาดไปอย่างมากเลยที เดียว!
“ไม่ได้พบเจอคุณชายหลินเพียงไม่กี่วัน คิดไม่ถึงว่าคุณชายหลินยังคงมีอารมณ์ขันเหมือนเดิมแต่คําหยอกเย้าของคุณชายหลินเมื่อครู่ ทําให้ผมรู้สึกละอายใจนัก..”
ระหว่างที่หลายคนกําลังคิดกันไปต่างๆนานานั้น หยานลู่ฟางกลับทําสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดเขาเดินตรงเข้าไปหาหลินหนาน พร้อมกับยกมือขึ้นประสานกัน และโน้มตัวลงไปเล็กน้อยในระหว่างที่สนทนากับหลินหนาน
ไม่เพียงหยานสู่เฟิงไม่มีท่าทีโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขากลับยังพูดจาทักทายหลินหนานอย่างสนิทสนม ราวกับว่าหลินหนานเป็นสหายเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันมานานหลายปี!
และภาพตรงหน้าเวลานี้ ก็ทําให้หลายๆคนในห้องตกใจจนแทบล้มทั้งยืนเลยทีเดียว!
นี่หลินหนานมันใช้เวทย์มนต์คาถาอะไรของมัน? แม้แต่ท่านปูหยานยังหลงกลมันเลยเหรอนี่?เห็นๆอยู่ว่า มันไม่ใช่คุณชงคุณชายอะไรเลย มันก็แค่กุ้ยที่มาจากสลัม!
เมื่อได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าหวังเฉิงหยวนก็รู้สึกราวกับถูกถีบตกจากสวรรค์ และความรู้ สึกเย็นยะเยือกก็เริ่มแผ่ซ่านตามแผ่นหลังของเขาทันทีตอนี้เขารู้สึกเหน็บหนาวราวกับถูกจับไปขังไว้ในห้องน้ําแข็ง
ตั้งแต่พี่อีกาดํา พ่อของเขา มาจนถึงอาวุโสหยาน ทุกคนที่เขาร้องขอให้มาช่วยเหลือ ต่างก็พากันพูดจากับหลินหนานด้วยท่าทางเคารพนบนอบ สิ่งเดียวที่หวังเฉิงหยวนคิดออก และมีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ หลินหนานคงต้องใช้เวทย์มนต์คาถาเสกให้ทุกคนเชื่อฟัง!
หมอนี่มันก็แค่คนยากจนที่อาศัยอยู่ในสลัม ทําไมทุกคนจะต้องให้เกียรติ แล้วก็เรียกมันว่าคุณชายหลินด้วย?
หวังเฉิงหยวนเฝ้าครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? และถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจเรื่องนี้แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้และเข้าใจเป็นอย่างดีนั่นก็คือ.. หากเขาไม่รีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดแล้วล่ะก็เขาจะต้องโชคร้ายแน่!
“ไอ้ลูกชั่ว! นั่นแกจะไปไหน? ยังไม่รีบมาขอโทษคุณชายหลินอีกงั้นเหรอ?”
ก่อนที่หวังเฉิงหยวนจะทันได้ออกจากประตูห้อง หวังเซียนหย่งก็ร้องตะโกนเรียกเขาไว้เสียก่อนพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อของลูกชาย และลากกลับเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
“พ่อ.. ปล่อยผมนะ!! ทําไมผมต้องขอโทษไอ้คนชั้นต่ํายากจนที่อยู่สลัมอย่างมันด้วย? ผมทําตามคําสั่งพ่อไม่ได้จริงๆ!”
ถึงแม้ว่าจะถูกหวังเซียนหย่งลากตัวกลับเข้ามาในห้อง แต่หวังเฉิงหยวนก็ยังคงต่อต้านอีกทั้งยังเรียกหลินหนานอย่างดูถูกดูแคลนอีกด้วย
“คุณชายหวัง.. นายนี่มันเป็นเด็กหัวดื้อที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมาเลยจริงๆ แม้แต่ถึงจินซึ่งแห่งตระกูลถัง ยังไม่หัวแข็งแล้วก็ดื้อรั้นเหมือนกับนายเลย!”
หวังเฉิงหยวนสะบัดหน้ามาพูดกับหลินหนานด้วยน้ําเสียง และสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว “แล้วทําไม? ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ถ้าแกกล้าจริง ก็ลองทําร้ายฉันดูสิ!”
เพียะ!!
หวังเฉิงหยวนพูดจายะโสโอหังได้เพียงไม่กี่ประโยค ก็ถูกหลินหนานตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงและเพียงแค่ฝามือเดียว ก็ทําให้หวังเฉิงหยวนถึงกับเลือดกลบปาก และมีสภาพที่น่าสมเพชเวทนาอย่างมาก
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันปล่อยให้คนปากพล่อยยืนพล่ามอยู่ได้ตั้งนาน นายคงต้องขอบคุณ แล้วก็นึกซาบซึ้งในบุญคุณครั้งนี้ของฉันให้มากๆล่ะ เพราะนี่นับว่าฉันเมตตานายมากแล้ว”
หลังจากตบสั่งสอนหวังเฉิงหยวนแล้ว หลินหนานก็บอกให้เขาขอบคุณในความเมตตาของตนเอง
ขอบคุณงั้นเหรอ?! ไอ้บ้า! จะให้ฉันขอบคุณแกที่แกตบหน้าฉันนี่นะ!
ไอ้คนไร้ยางอาย!
“ท่านปูหยาน ช่วยสะสางเรื่องนี้อย่างยุติธรรมด้วย!”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถพึ่งพาผู้เป็นพ่อได้ หวังเฉิงหยวนจึงรีบหันไปของออดอ้อนขอความช่วยเหลือจากหยานลู่เฟิงแทน เพราะหากเปรียบเทียบกับพ่อของตน ที่เอาแต่ก้มศรีษะให้หลินหนานอย่างนอบน้อม หยานลู่เฟิงดูมีศักดิ์ศรีมากกว่านัก
“ยุติธรรมเหรอ? ไม่ต้องห่วง ฉันต้องตัดสินเรื่องนี้อย่างยุติธรรมแน่! แต่ก่อนอื่น เธอไปคุกเข่าขอโทษคุณชายหลินซะก่อน!”
หลังจากที่หยานลู่เฟิงพูดจบ เขาก็ไม่รอให้อีกฝ่ายลังเลหรือตัดสินใจ ฝ่ามือของเขากดลงบนไหล่ของหวังเฉิงหยวนทันที
ดูเหมือนเด็กหัวแข็งผู้เชิดหน้าขึ้นฟ้าตลอดเวลาอย่างหวังเฉิงหยวน เด็กหนุ่มที่ทั้งหยิ่งยะโสและอวดดี กําลังเผชิญหน้าอยู่กับขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ เขาจําต้องยอมคุกเข่าลงตามคําสั่งของหยานลู่เฟิงด้วยใบหน้าที่แดงก่ําด้วยความอับอาย
ทั้งเฉินเผิงและเจิ้นเยื่วยที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก เพราะเวลานี้คุณชายหวังผู้จองหองอวดดีและไม่เคยก้มหัวให้ใคร กลับกําลังคุกเข่าขอโทษคนอย่างหลินหนาน..
ในแววตาของหวังเฉิงหยวนนั้น มีทั้งความสับสน โกรธเคือง และคับแค้นใจอย่างที่สุด!
ทําไม?!
ทําไมต้องให้ฉันคุกเข่าขอโทษไอ้กระจอกนี้ด้วย?
ฉันไม่ยอม!