ตอนที่ 125 ยากที่จะหนีความตายพ้น!
รถเฟอรารี่สีแดงกําลังพุ่งทะยานอยู่กลางอากาศราวกับมีปีก เป็นภาพที่งดงามจนไม่อาจที่จะบรรยายออกมาได้ และภาพอันน่าอัศจรรย์ราวกับปาฏิหารย์เช่นนี้ ก็คงจะมีเพียงแค่ในนิยายน้ําเน่าเท่านั้น
หลังจากที่ทุกคนได้เห็นภาพอันน่ามหัศจรรย์นั้น แต่ละคนต่างก็ยังคงตกอยู่ในอาการตกตะลึง จนกระทั่งรถเฟอรารี่สีแดงได้ร่อนลงสู่พื้นดินอย่างงดงาม!
เนื่องจากตลอดหลายวันที่ผ่านมา เพิ่งจะมีฝนตกมาได้ไม่นานนัก ทําให้พื้นถนนเต็มไปด้วยเศษดิน และเศษหินมากมายจนอัดแน่นเป็นชั้น ในจังหวะที่ล้อหน้า ทั้งสองข้างของรถเฟอรารี่สัมผัสเข้ากับพื้นถนน บริเวณนั้นจึงได้กลายเป็นหลุมลึกลงไปในทันที
เปรี้ยะ
ชั้นดินและหินที่อัดกันแน่นอยู่ด้านล่าง พลันปรากฏเป็นรอยแตกร้าวรูปไยแมงมุมขึ้น แล้วเศษหินและดินที่อัดแน่นก็ได้แตกออกออก ก่อนจะปลิวว่อน และลอยละลิ่วร่วงหล่นลงไปที่หน้าผาเบื้องล่าง
ภาพที่เกิดขึ้นในเวลานี้ นับเป็นภาพที่อันตรายอย่างยิ่งยวด แต่สีหน้าท่าทางของหลินหนานกลับดูไม่ตกอกตกใจ หรือลุกลี้ลุกลนอะไรนัก
เมื่อรถแล่นลงสู่พื้นถนนแล้ว หลินหนานก็รีบเหยียบคันเร่งต่อทันที และด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้าของรถเฟอรารี่ ทําให้หลินหนานสามารถพารถของตน พุ่งทะยานออกจากพื้นถนนที่ยุบเป็นหลุม ทําให้รถเฟอรารี่ไม่ตกหล่มได้ในที่สุด
แต่ทุกขั้นตอนที่หลินหนานทํานั้น ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยอันตรายอย่างมาก และหากหลินหนานคํานวนผิดพลาดไปแม้แต่น้อย ทั้งคนทั้งรถคงต้องร่วงตกหน้าผาไปอย่างแน่นอน
“พระเจ้า!!”
ในที่สุด. ใครบางคนก็หายจากอาการตกตะลึง และกรีดร้องออกมาในที่สุด!
ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีที่รถเฟอรารี่สีแดงพุ่งทะยานเหาะไปกลางอากาศนั้น ทุกคนที่ดูอยู่ต่างก็รู้สึกราวกับว่าจะขาดอากาศหายใจอยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ พวกเขาจึงค่อยรู้สึกว่า สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในอาการตื่นเต้น ตกใจ และประหลาดใจอย่างที่สุด!
“แม่ง.. อย่างกับหนังฮอลลีวูด โคตรอันตรายเลย!” ใครบางคนกรีดร้องออกมา
“สุดยอด! นายเท่ห์มาก!” เย่เอ่อเอ้อเองก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง สีหน้าของเธอเวลานี้บ่งบอกว่ากําลังมีความสุขอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งจะคิดว่าหลินหนานคงต้องตายแน่ๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า หลินหนานจะสามารถมีชีวิตรอดออกมาจากสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมากนั้นได้
และเวลานี้รถเฟอรารี่สีแดง ก็ได้พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว และสามารถแซงรถแลมโบกินีของเสี่ยวจือหลงไปได้อย่างเฉียดฉิว
บนยอดเขาเวลานี้ เหลือระยะทางอีกเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก็จะถึงเส้นชัยแล้ว และหลังจากที่พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างน่าเหลือเชื่อ เวลานี้ชัยชนะของหลินหนานก็อยู่แค่เอื้อม!
“นายสุดยอดมาก! แล้วก็บ้าบินที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่!”
เสี่ยวจือหลงกัดฟัน และตัดสินใจทําสิ่งที่บ้าบินไม่แพ้กัน นิ้วมือที่สั่นสะท้านของเขาเอื้อมออกไปสัมผัสปุ่มสีแดงสว่างหน้าคอนโซลรถทันที
และนี่คือไม้ตายของเสี่ยวจือหลง!
เพื่อให้รถแข่งของตนมีสมรรถนะอย่างไร้ขีดจํากัด เสี่ยวจือหลงจึงได้ให้ช่างทําการโมดิฟายรถคันนี้ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยล้ําเลิศ ด้วยการติดตั้งถังไนโตรเจนเหลวไว้ที่กระบอกสูบ
เมื่อไนโตรเจนเหลวถูกเผาไหม้ จะสามารถผลิตพลังงานความร้อนที่รุนแรงได้ในทันที และนี่คือเทคโนโลยีที่วิศกรเครื่องยนต์ของเสี่ยวจือหลง นํามาติดตั้ง และทําลายขีดจํากัดในเรื่องความเร็วของรถสปอร์ต
และตลอดหลายครั้งที่แข่งรถมานั้น เสี่ยวจือหลงก็ไม่เคยต้องใช้ปุ่มนี้เลยสักครั้ง เพราะที่ผ่านมา เขาสามารถบดขยีคู่แข่งของตนเองได้ด้วยฝีมือการขับขี่ของตนเอง
แต่ครั้งนี้ เขาจําเป็นต้องใช้วิธีการที่จะเรียกว่า “ขี้โกง” ก็ไม่ผิดนัก เพราะหากเขาไม่ทําเช่นนี้ เขาก็จะต้องพ่ายแพ้ให้กับหลินหนานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แน่!
หลังจากที่ปุ่มสีแดงถูกกดลงไป เสียงร้องคํารามของรถแลมโบกินีก็เปลี่ยนไปทันที เสียงของมันดังอู้อี้อย่างน่าแปลกประหลาด และแล้วจู่ๆท่อไอเสียของรถแลมโบกินีก็มีเปลวไฟสีฟ้าพวยพุ่งออกมา!
และด้วยแรงพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเกินขีดจํากัดนั้น ทําให้ร่างของเสี่ยวจือหลง ถูกอัดให้ติดกับพนักเก้าอี้ ในขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขายังคงกําพวงมาลัยไว้แน่น
ปิ้ว!!
และแล้วรถแลมโบกินีของก็ได้พุ่งทะยานแซงรถเฟอรารี่สีแดงไปอย่างรวดเร็ว!
“โอ้ มีไม้ตายซ่อนไว้สินะ!”
หลินหนานถึงกับยิ้มกว้าง เมื่อเห็นเปลวไฟสีฟ้าที่กําลังพวยพุ่งออกมาจากท่อไอเสีย ของรถแลมโบกินี แม้เขาจะไม่มีเทคโนโลยีที่ล้ําสมัยเช่นนั้น แต่เขาก็มีพลังงานอย่างอื่นทดแทน ซึ่งก็คือพลังปราณในร่างของเขานั้นเอง!
ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพียงแค่สสารและพลังงาน!
พลังปราณก็คือพลังงานชนิดหนึ่งเช่นกัน และเวลานี้ ฝ่ามือของหลินหนานก็กําแน่นอยู่ที่พวงมาลัย และเขาก็กําลังถ่ายเทพลังปราณในร่างของตนไปสู่เครื่องยนต์ผ่านทางพวงมาลัย
พลังงานสีขาวคล้ายน้ํานม ได้พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของหลินหนานอย่างต่อเนื่อง และเคลื่อนผ่านพวงมาลัย ไหลเข้าสู่ภายในเครื่องยนต์ของรถเฟอรารีต่อไป
บึ้ม!!
หลังจากที่พลังงานสีขาวได้ผสมผสานรวมตัวเข้ากับเชื้อเพลิงรถ ก็ได้กลายเป็นแสงสีทองสุกสว่าง และมีลักษณะคล้ายกับเงามังกรสีทอง ที่กําลังเงยหน้าขึ้นพร้อมกับอ้าปากส่งเสียงร้องคํารามออกมา
หลังจากนั้น พลังงานที่ทรงพลังก็ได้พวยพุ่งขึ้นในทันที ห้องโดยสารของรถเฟอรารี ได้เปลี่ยนเป็นสีทองสุกสว่าง และประกายไฟที่พวยพุ่งออกมาจากท่อไอเสียทั้งคู่นั้น ก็ได้กลายเป็นสีแดงอมทองเช่นกัน
นิ้ว..
เฟอรารี่สีแดงพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง
และเวลานี้ เนื่องจากทั้งรถแลมโบกินีของเสี่ยวจือหลง และรถเฟอรารี่ของหลินหนานต่างก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วที่สูงเกินขีดจํากัด ทําให้กล้องที่ติดตั้งไว้ไม่สามารถบันทึกความเร็วของรถทั้งสองคันไว้ได้อีกต่อไป
ทําให้หน้าจอ LED ขนาดใหญ่เวลานี้ ปรากฏเป็นหน้าจอสีดํา และทุกคนในที่นั้น ต่างก็กระวนกระวายใจ และในสมองของแต่ละคนก็คิดกันไปต่างๆนานา
เหล่าแฟนคลับของราชานักแข่งต่างก็พากันคาดเดาว่า ผู้ชนะจะต้องเป็นราชานักแข่งอย่างแน่นอน!
แต่ภาพแห่งความจริงในเวลานี้ เฟอรารี่สีแดงกลับพุ่งทะยานออกไปราวกับปีศาจร้าย ความเร็วของรถเฟอรารี่เวลานี้ เรียกได้ว่าสายตาของมนุษย์ปกติ ยากนักที่จะจับภาพไว้ไดทันที
หนึ่งร้อยเมตร!
ห้าสิบเมตร!
สิบเมตร
เอี้ยด!!
ในที่สุด รถเฟอรารี่สีแดงก็ได้วิ่งเข้าสู่เส้นชัยเป็นคันแรก หลินหนานกระทุบเบรคอย่างแรง และสามารถนําพาตนเองและรถไปจอดอยู่ใต้ต้นซากุระได้สําเร็จ
ด้วยแรงเบรคกะทันหัน ทําให้เกิดกระแสลมรุนแรงขึ้น จนดอกซากุระบนต้นได้ร่วงหล่นลงมาพร้อมกัน และเวลานี้ ดอกซากุระก็กําลังร่วงหล่นลงมาจากต้น เป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก
หลินหนานเปิดกระจกลง พร้อมกับเอื้อมมือออกไปหยิบดอกซากุระมาหนึ่งดอกขึ้นมา สูดดมกลิ่นหอมของมัน และกําลังลิ้นรสแห่งความสุขของผู้กุมชัยชนะ!
“นี่ฉันแพ้เหรอนี่?”
เสี่ยวจือหลงจ้องมองไปที่ถนนเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง และเวลานี้สมองของเขาก็ดูราวกับว่างเปล่า ร่างทั้งร่างชาและไร้ความรู้สึก ราวกับถูกพรากวิญญาณออกไปจากร่าง
ราชานักแข่งผู้เป็นตํานาน แต่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่ง
ในที่สุด หลินหนานก็สามารถสร้างปาฏิหารย์ให้เกิดขึ้นได้จริงๆ และเวลานี้ เสี่ยวจือหลงก็ได้กลายเป็นเพียงภาพเบื้องหลัง แม้ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็คือความจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้!
ความจริงที่ว่า วันนี้ราชันได้พ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งแล้ว!
“เฮอะ นี่ฉันไม่สามารถรักษาตําแหน่งไว้ได้สินะ!”
แต่แล้วจู่ๆ เสี่ยวจือหลงก็หัวเราะออกมาด้วยน้ําเสียงที่ขมขึ้นอย่างมาก เขารู้สึกว่าต้นไม้ข้าง ทางในเวลานี้ ได้เปลี่ยนเป็นปีศาจร้ายที่กําลังยืนแสยะยิ้ม และกําลังหัวเราะเยาะเขาอยู่
“โอ๊ะ โอ๊ย…”
จู่ๆเสี่ยวจือหลงก็เกิดเจ็บหน้าอกขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนจะเจ็บปวดกว่าครั้งก่อนๆมา
น่าแปลก… ทําไมครั้งนี้ถึงได้เจ็บปวดมากกว่าทุกครั้งนะ?!
ความเจ็บปวดที่แทรกขึ้นกลางหน้าอกอย่างเฉียบพลันนี้ ทําให้เสี่ยวจือหลงไม่มีแม้แต่แรง จะยกเท้าข้ามมาเหยียบเบรคได้ ทําให้รถแลมโบกินีของเขายังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้าไม่หยุด
และด้านหน้านั้นก็คือหน้าผา!
เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นถนนร้างที่ประกาศไม่ให้ผู้คนใช้สัญจรแล้ว ทางทีมวิศกรจึงไม่ได้สร้างเครื่องกําบังปิดเส้นทางตรงนี้ไว้ และหากเสี่ยวจือหลงยังคงไม่เบรค ทั้งรถทั้งคนจะต้องพุ่งตกลงจากหน้าผาด้านหน้าอย่างแน่นอน!
“หมอนั่นคิดจะทําอะไรกัน?! แค่แพ้ให้ฉัน ถึงกับจะต้องฆ่าตัวตายเชียวเหรอ?”
หลินหนานเองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาไม่รอช้า รีบยกเท้าขึ้นเหยียบคันเร่งพุ่งตามรถแลมโบกินีไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ความเจ็บปวดกลางอกของเสี่ยวจือหลงก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาใกล้จะหมดสติไปในที่สุด
สภาพของเสี่ยวจือหลงเวลานี้ดูหมดเรี่ยวแรง หายใจหอบหนัก และเสื้อผ้าก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“เขาฝูหลง! เขาฝูหลง ที่นี่คงจะเป็นที่ฝังศพของฉันสินะ!”
เสี่ยวจือหลงพึมพําออกมาพร้อมกับหัวเราะขมขึ้น ก่อนจะหมดสติไปจริงๆ!
แต่ถึงอย่างนั้น รถของเสี่ยวจือหลงที่แม้จะไร้คนขับ แต่ก็ยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้าซึ่งเป็นหน้าผาอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่มีท่าทีว่าจะถอยกลับเลยแม้แต่น้อย!
และดูเหมือนว่า เสี่ยวจือหลงคงยากที่จะหนีความตายได้พ้น!