ตอนที่ 121 เกรงจะเป็นหวัด!
ทุกคนในกลุ่มต่างก็พากันหัวเราะเยาะหลินหนานกันไม่หยุด และได้แต่คิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้ นอกจากจะโง่แล้ว ยังบ้าอีกด้วย!
เสี่ยวจือหลงยกมือขึ้นชี้ไปที่ถนนด้านหน้า พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงนุ่มนวล “ถนนเส้นนี้เป็นถนนขึ้นไปบนยอดเขาฟูหลง ตลอดเส้นทางเป็นหน้าผาสูงชัน บนยอดเขาจะมีต้นซากุระอยู่ต้นหนึ่ง ใครไปถึงที่นั่นก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ!”
ที่เสี่ยวจือหลงรู้ว่าบนยอดเขามีต้นซากุระอยู่นั้น ก็เพราะว่าเขาขับรถขึ้นๆลงๆเขาฟูหลงมานับร้อยๆรอบแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะหลับตาขับขึ้นไปยังได้!
ถนนเส้นนี้มีความยาวถึงสิบกว่ากิโลเมตร ตลอดเส้นทางขึ้นเขานั้น นอกจากจะมีลมกรรโชกแรงแล้ว หนทางยังลาดชันและอันตรายอย่างมากด้วย
แต่นั่นกลับเป็นเสน่ห์ของถนนเส้นนี้
นั่นเพราะ ยิ่งถนนอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการทดสอบสมรรถภาพของรถ และความสามารถทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้ขับได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
“ได้เลย!” หลินหนานพยักตกลงทันที
เสี่ยวจือหลงคร้านที่จะพูดจาไร้สาระกับหลินหนานอีก เขาเดินกลับเข้าไปในรถของตนเองทันที ก่อนจะโผล่หน้าออกมา พร้อมกับร้องตะโกนบอกหลินหนานว่า
“ถ้านายคิดจะถอนตัวตอนนี้ ก็ยังพอมีโอกาส!”
นี่เป็นโอกาสเดียวที่หลินหนานจะเลือกยอมแพ้ และไม่เสียอะไรมากไปกว่านี้
“นั่นเป็นคําพูดที่ฉันเองก็อยากจะบอกกับนายเหมือนกัน!” หลินหนานยิ้มกว้างให้กับเสี่ยวจือหลง
เสี่ยวจือหลงเห็นสีหน้าท่าทางของหลินหนานแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะปิดกระจกรถของตนเองทันที เขาจัดการหยิบซีดีออกมาแผ่นหนึ่งใส่เข้าไปในช่องเล่น จากนั้นเสียงดนตรีทํานองตื่นเต้นเร้าใจก็ดังกระหึมขึ้นออกไปถึงด้านนอก
นี่คือบทเพลงที่มีชื่อเสียงอย่างมากของคีตกวีชื่อดังก้องโลกอย่างบีโธเฟน และบทเพลงนี้ก็มีชื่อว่า “บทเพลงแห่งโชคชะตา” เป็นบทเพลงที่เสี่ยวจือหลงชื่นชอบเป็นอย่างมาก เขาจะเปิดบทเพลงนี้ทุกครั้งเมื่อมีการแข่งรถ..
เสี่ยวจือหลงหลับตานิ่ง และปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงแห่งโชคชะตา เวลานี้เขากําลังอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจอยู่
ไม่ว่าคู่แข่งของเขาจะเป็นใคร เสี่ยวจือหลงก็ไม่เคยประมาทคู่แข่งของตนเลยสักครั้ง และนี่คือข้อดีของเขา!
การขับรถแข่งเป็นสิ่งที่เขาหลงรัก จนกระทั่งเรียกได้ว่าแทรกซึมอยู่ในสายเลือด และสลักลึกลงไปถึงกระดูกเลยก็ว่าได้
ชีวิตของเขากับการขับรถแข่ง เป็นเรื่องที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้!
หลินหนานเองก็เดินกลับไปที่รถเฟอรารี่สีแดงเช่นกัน พร้อมกับร้องตะโกนเรียกเย่เข่อเอ๋อ “ยังจะยืนงงอะไรอีกล่ะ? รีบขึ้นรถสิครับคุณหนูรอง..”
เย่เข่อเอ๋อรีบโบกไม้โบกมือไปมาด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับร้องตะโกนตอบหลินหนานไป
“นายฝันไปเถอะ! ตอนนี้อย่างมากฉันก็แค่เมารถ แต่ขึ้นฉันนั่งไปกับนาย ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้หรือเปล่า? เชิญนายขับไปคนเดียวก็แล้วกัน!”
หลินหนานถึงกับหน้าวิ่งด้วยความไม่พอใจ
หึ!! นี่เธอไม่เชื่อฝีมือการขับรถของฉันเลยสินะ?
หลินหนานไม่สนใจเย่เข่อเอ๋ออีก เขาเดินเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย แต่ในระหว่างนั้น เด็กสาวสองคนก็มาเดินวนรอบรถของหลินหนาน พร้อมกับทําท่าทางแปลกๆ
“นี่พวกคุณทําอะไร?” หลินหนานชะโงกหน้าออกไปถาม
“นี่เป็นกฎกติกาการแข่งรถของพวกเรา จะต้องมีการติดตั้งกล้องไว้ที่รถของนักแข่ง เพื่อให้คนที่อยู่ด้านนอกได้รู้ผลการแข่งขันด้วย..” คนหนึ่งในกลุ่มร้องตะโกนตอบหลินหนาน
ในเมื่อเป็นกฏ หลินหนานก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือโต้แย้งได้ เขาทําได้เพียงแค่ขอให้หญิงสาว ทั้งสองรีบๆติดตั้ง และทดสอบอุปกรณ์ต่างๆให้เสร็จโดยเร็ว
หลังจากทําการติดตั้ง และทดสอบจนมั่นใจว่าไม่มีจุดบกพร่องแล้ว หนึ่งในหญิงสาวก็ยกนิ้วโป้งชูขึ้น เป็นการส่งสัญญาณว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
จากนั้น ถนนที่มืดมิดก็พลันเปลี่ยนเป็นสว่างไสวขึ้นมาทันที!
จอภาพ LED ขนาดใหญ่สองจอถูกนําออกมาติดตั้งไว้ และเวลานี้ภาพนักแข่งรถที่อยู่ในห้องโดยสารก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
ด้วยเงื่อนไขเรื่องสภาพถนนที่ใช้แข่งรถ ทําให้คนอื่นๆไม่สามารถขับรถตามคนทั้งคู่ขึ้นไปบนเขาได้ แต่ทุกคนที่อยู่ด้านล่างก็สามารถมองเห็นการแข่งรถที่เกิดขึ้นได้ จากการถ่ายทอดสดผ่านกล้องที่ติดตั้งไว้นี้
เสี่ยวจือหลงเงยหน้าขึ้นมองจอทีวีขนาดใหญ่ ด้วยสีหน้าที่ยังคงเรียบเฉย และไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกเช่นเคย
ในขณะที่หลินหนานซึ่งเห็นหน้าตัวเองในทีวีเป็นครั้งแรก ก็รีบยกมือขึ้นเสยผม เก๊กหน้าหล่อทันที สีหน้าของเขาเวลานี้ดูโอ้อวดแล้วก็หยิ่งทะนงเป็นอย่างมาก
ใครคนหนึ่งที่อยู่ในสนามแข่ง ได้หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมา และเริ่มทําการเปิดระบบถ่ายทอดสดทันที
ทุกครั้งที่มีการแข่งรถของเสี่ยวจือหลงขึ้น จะมีการถ่ายทดสดผ่านช่องส่วนตัวของกลุ่มทันที และช่องที่ถ่ายทอดการแข่งรถของเสี่ยวจือหลงนี้ ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากด้วย
ทันทีที่เริ่มทําการถ่ายทอดสดการแข่งรถครั้งนี้ จํานวนผู้คนที่เข้ามาชมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่สั้นๆ จํานวนผู้เข้าชมก็พุ่งทะยานสูงขึ้นเป็นหลักล้านทันที และส่วนใหญ่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแฟนคลับของเสี่ยวจือหลงทั้งสิ้น..
ทุกคนที่เข้ามารับชมการถ่ายทอดสดในครั้งนี้ ต่างก็พากันส่งของขวัญมาให้จนเต็มหน้าจอไปหมด และหลังจากที่มีกระหนส่งของขวัญให้กันชุดใหญ่แล้ว เวลานี้ที่หน้าจอก็เริ่มมีข้อความต่างๆปรากฏขึ้นมากมาย
“เย้!! ราชานักแข่งปรากฏตัวอีกแล้ว!!”
“นานมากแล้วที่ไม่มีการถ่ายทอดสดการแข่งรถ ดูเหมือนจะเดือนกว่าแล้ว คิดถึงมากเลย..”
“แข่งกับไอ้หน้าจืดนี่น่ะเหรอ?”
หลังจากที่ผู้ชมการถ่ายทอดสดได้เห็นใบหน้าของหลินหนาน ก็พากันคอมเมนท์ดุเดือด และออกไปในทางดูถูกเย้ยหยันหลินหนานเสียมากกว่า
“ หมอนั่นเป็นใคร?! หน้าตาท่าทางไม่เหมือนนักแข่งรถเลย..”
“ไม่นะ!! เอาคนแบบนี้มาแข่งกับราชานักแข่งรถ นี่ไม่เท่ากับเป็นการดูถูกเสี่ยวจือหลงของพวกเราเหรอ?”
“นั่นน่ะสิ! ไม่เจียมตัวเลย!”
“หลังจากแข่งเสร็จ ต้องให้หมอนั่นคุกเข่าเรียกเสี่ยวจือหลงว่าพ่อ!”
บรรดาแฟนคลับของเสี่ยวจือหลงต่างก็พากันคอมเมนท์ด่าหลินหนานไม่หยุด ข้อความถล่มหลินหนานยังคงกระหนําขึ้นบนหน้าจอราวกับห่าฝน..
ไม่มีใครชื่นชอบหลินหนานเลยแม้แต่คนเดียว!
แม้แต่เย่เขอเอ่อเองก็ยังได้แต่คิดว่า ครั้งนี้ขอเพียงแค่หลินหนานเอาชีวิตรอดกลับมาได้ ไม่ขับรถตกเขาก็บุญแล้ว เรื่องพ่ายแพ้เสียหน้าจึงแทบไม่ต้องพูดถึง!
ในเวลานั้นเอง หญิงสาวร่างสูงหน้าตาสะสวย สวมกระโปรงสั้นเผยให้เห็นเรียวขางดงาม ก็ได้เดินตรงมาที่รถของหลินหนาน และหากเขาเดาไม่ผิด หญิงสาวคนนี้น่าจะทําหน้าที่เป็นพริตตี้ในสนามแข่งครั้งนี้นั่นเอง
พริตตี้สาวสวยโน้มตัวลงมาหาหลินหนาน และสายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับเนินอกขาวเนียน ใหญ่โตทั้งสองข้างของพริตนี้สาวเข้าอย่างจัง
หญิงสาวขยิบตาให้กับหลินหนาน พร้อมกับยิ้มให้เขา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ําเสียงอ่อนหวาน
“ว่ายังไงพ่อรูปหล่อ พร้อมแล้วใช่มั้ย?”
“ทุเรศที่สุด!”
ผู้คนที่เห็นสีหน้าท่าทาง และได้ยินคําพูดของหลินหนาน ต่างก็พากันไม่พอใจ และพร้อมใจกันก่นด่าหลินหนานไม่หยุด..
“ไอ้เวร!! นั้นแกมองอะไร?! ฉันอยากจะควักลูกตาของแกออกมาจริงๆ!”
“ไอ้หมาขี้เรื้อน!!”
“ไอ้กระจอก!!”
แต่พริตตี้สาวกลับยกมือขึ้นบิดปากหัวเราะคิกคัก พร้อมกับแอบชะม้ายชายตาให้หลินหนานก่อนจะเดินตรงไปที่รถของเสี่ยวจือหลง พร้อมกับหน้าลงกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
หลังจากได้รับคําตอบจากเสี่ยวจือหลงแล้ว พริตตี้สาวก็เดินกลับมายืนอยู่ระหว่างรถทั้งสองคัน และภาพหลังจากนี้ก็ทําให้ทุกคนถึงกับอ้าปากกว้างจนขากรรไกรแทบค้าง
พริตตี้สาวค่อยๆถอดเสื้อเกาะอกสีเขียวตัวเล็กที่สวมใส่ออก เหลือเพียงแค่เสื้อชั้นในตัวจิ๋ว ก่อนจะยกขึ้นโบกสะบัดไปมากลางอากาศ
พระเจ้า!!
เลือดกําเดาของชายหนุ่มทั้งหมดในที่นั้น ถึงกับพุ่งออกมาทันที!
พริตตี้สาวร้องตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับโบกสะบัดเสื้อสีเขียวในมือ “เตรียมพร้อม…”
“สาม..”
“สอง”
“หนึ่ง”
“ไปได้”
หลังคําพูดประโยคสุดท้าย พริตตี้สาวก็ได้โยนเสื้อเกาะอกสีเขียวในมือขึ้นไปบนท้องฟ้า และนั่นคือสัญญาณว่า การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
สิ้นสัญญาณนั้น รถแลมโบกินีของเสี่ยวจือหลงก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งวัวกระทิงที่อัดอั้นรอคอยอิสระอยู่นาน เพียงแค่พริบตาเดียวก็ทะยานออกไปจนเกือบลับสายตา
รถแลมโบกินีแล่นออกไปด้วยความเร็วประหนึ่งพายุ
เสี่ยวจือหลานทําได้สมกับฉายาราชานักแข่งจริงๆ
“ราชานักแข่งเท่ห์มาเลย!”
“นั่นน่ะสิ! ไม่กี่วินาทีพี่หลงก็หายลับไปจากสายตาพวกเราแล้ว!”
“สมกับเป็นที่หลงของพวกเราจริงๆ!! โคตรเจ๋งเลย!”
หลังจากที่ได้เห็นรถแลมโบกินีพุ่งทะยานออกจากจุดสตาร์ทได้อย่างสง่างาม เลือดในกายทุกคนที่อยู่ในกลุ่มต่างก็พุ่งพล่านขึ้นมาทันที สายตาของพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและศรัทธาในตัวเสี่ยวจือหลง
ในขณะที่เย่เข่อเอ๋อได้แต่กําหมัดแน่นในใจก็ได้แต่คิดว่า
หลินหนานล่ะ?!!
หมอนั่นมัวแต่ทําอะไรอยู่?
หลังจากที่เห็นรถของหลินหนานยังคงเร่งเครื่องอยู่ที่เดิม เย่เข่อเอ๋อก็ได้แต่โมโหจนแทบคลั่ง นั่นเพราะหลินหนานยังคงพูดคุยอยู่กับพริตตี้สาว และเอาแต่จ้องมองหน้าอกใหญ่โตของเธอ
ไอ้ทุเรศ! นี่มันใช่เวลามั้ย?!
เย่เข่อเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโมโห พร้อมกับร้องตวาดเสียงดังใส่หลินหนาน “ไอ้หลินหนาน!! ทําไมนายยังไม่ออกตัวอีก การแข่งขันเริ่มต้นแล้ว!”
“จะให้ผมไปได้ยังไง? ผมเป็นห่วงคุณผู้หญิงคนนี้ ดูสิ นุ่งน้อยห่มน้อยเดี๋ยวจะเป็นหวัดซะก่อน!” หลินหนานหันไปตอบเย่เข่อเอ๋อ
ไอ้หลินหนาน!!
นี่นะเหตุผลของนาย!!
ไอ้ทุเรศ!!
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า
เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า
หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล
หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย
แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..