ตอนที่ 105 จับฉลาก
วันนี้เป็นวันตายของเสิ่นวู๋เตาจริงสินะ?
คําพูดของหลิวหยิงหยิงเสมือนหยดน้ำที่หยดลงไปในกระทะที่มีน้ำมันร้อน เพราะทันทีที่สิ้นคําพูดของเธอ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งห้อง
สีหน้าของจางเฉิงถึงกับเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“เถ้าแก่หลิว! คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?” จางเฉิงเอ่ยถามเสียงเย็น
“หมายความว่ายังไงเหรอ? คําถามนี้ฉันควรต้องเป็นฝ่ายถามคุณจางมากกว่า”
หลิวหยิงหยิงยิ้มเศร้าก่อนจะพูดต่อว่า “คุณยังกินได้นอนหลับ แล้วก็ไม่รู้สึกรู้สมกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตัวเลยหรือยังไง?”
จางเฉิงไม่ตอบ แต่สีหน้าของเขานั้นบ่งบอกว่า กําลังไม่พอใจเป็นอย่างมาก
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงเปลี่ยนเป็นตึงเครียดและบีบคั้น แต่ไม่มีใครในห้องกล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว
นั่นเพราะเสิ่นวู๋เตาเปรียบเสมือนสิ่งสูงส่งที่ห้ามแตะต้อง
เขาเป็นคนตรงก็จริง แต่ก็เปี่ยมด้วยเมตตา
เขาเป็นคนจงรักพวกรักพ้องก็จริง แต่ก็ยุติธรรมและเที่ยงธรรมเสมอมา..
และด้วยความทุ่มเทพยายามของเสิ่นวู๋เตา จึงทําให้สามารถปลดเปลื้องอํานาจต่างๆ ที่ครอบงําเมืองเจียงไฮวไว้ได้ และเขาก็ได้กลายเป็นวีรบุรุษที่ใครก็ไม่อาจทัดเทียมได้
เพื่อต่อต้านการรุกรานของกลุ่มอํานาจอื่นๆในเจียงซูด้านเหนอ เสิ่นวู๋เตาจึงได้ก่อตั้งสมาคมเมิ่งหลานนี้ขึ้น เพื่อทําให้เมืองเล็กๆอย่างเจียงไฮ มีกําลังที่จะสามารถคานกลุ่มอํานาจในเจียงซูเหนือได้
เสิ่นวู๋เตาควรจะต้องมีชีวิตอยู่รับมือกับกลุ่มอํานาจนี้ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ต้องมาจบชีวิตลงเสียก่อน!
แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของเสิ่นวู๋เตา แต่ข้อสังเกตเกี่ยวกับการตายของเขาก็มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันในระหว่างมื้ออาหารอยู่เสมอๆ
บางคนถึงกับร่ำลือว่า เสิ่นวู๋เตาถูกคนรุมสังหารจนตายก็มี แต่ก็เป็นเพียงการพูดคุยกันในครอบครัวเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ สาเหตุการตายของเสิ่นวู๋เตา จึงยังคงเป็นปริศนาที่ไขไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้!
อีกทั้งเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นเรื่องต้องห้าม ที่ทุกคนต่างก็ไม่กล้ากล่าวถึงในที่สาธารณะไปโดยปริยาย..
แม้แต่หลิวจื่อหยานฉายาพยัคฆ์หน้ายิ้ม ยังถึงกับยิ้มแห้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่หลิว อย่าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นจะดีกว่า!”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น! วันนี้เป็นวันตายของเขาจริงๆ”
แววตาของหลิวหยิงหยิงเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นเด็ดเดียว “เหตุผลที่ฉันเลือกจัดประชุมเหล่าสมาชิกสมาคมเมิ่งหลานขึ้นในวันนี้ ก็เพื่อที่จะให้ดวงวิญญาณของท่านเสิ่นซึ่งอยู่บนสรวงสวรรค์ได้เห็นว่าพวกคุณรุมรังแกผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งอย่างไรบ้าง?”
หลังจากได้ฟังคําพูดของหลิวหยิงหยิง หลายคนถึงกับทําอะไรไม่ถูก และต้องหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้าสับสน
“ฉันต้องการให้ท่านเสิ่นได้เห็นว่า พวกคุณกระเหี้ยนกระหือที่จะฉกฉวยสมบัติของเขาไปครอบครองมากเพียงใด? ต้องการให้เขาได้เห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจและขยะแขยงที่ซ่อนอยู่ของพวกคุณ..” หลิวหยิงหยิงร้องตะโกนออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล
จะไม่ให้เธอเดือดดาลได้อย่างไรกัน ในเมื่อคนเหล่านี้กําลังแสดงธาตุแท้ของตนเองออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“เถ้าแก่หลิว! คุณทําเช่นนี้เพื่ออะไรกันแน่?” หวูเฟิงส่ายหน้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน
“ฉันทําเช่นนี้เพื่ออะไรงั้นรึ?”
หลิวหยิงหยิงหันไปยิ้มเศร้าให้กับหรูเฟิง แล้วจึงตอบกลับไปว่า “อาวุโสหวู่ คุณก็เห็นกับตาตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าคนพวกนี้รุมรังแกฉันอย่างไรบ้าง?”
“หากเธอมีอะไรจะพูด ก็สามารถพูดออกมาได้ ไม่จําเป็นต้องแสดงกิริยาก้าวร้าวขนาดนี้ เพราะถึงอย่างไร คุณเองก็เป็นถึงหนึ่งในเก้าคณะกรรมการของสมาคม กรุณารักษาภาพลักษณ์ของตัวเองด้วย..” หวูเฟิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าไม่พอใจนัก
“หึ! นี่อาวุโสหวู่ยังเห็นว่าฉันเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทั้งเก้าอีกเหรอคะนี่? ถ้าเช่นนั้น เมื่อครู่ที่พวกเขากําลังทําตัวเป็นหมาป่าหิวกระหาย คิดที่จะแย่งชิงทรัพย์สมบัติของดิฉันไป ทําไมอาวุโสถึงไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาบ้าง? หรือว่าอาวุโสเองก็ไม่ต่างจากพวกเขา?” หลิวหยิงหยิงย้อนถาม พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างหมดความอดทน
“มันจะมากไปแล้ว!”
หวูเฟิงร้องตะโกนออกมา พร้อมกับลุกขึ้นยืนตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว..
“ทําไมคะ? หรืออาวุโสคิดที่จะทําร้ายฉัน? เชิญเลย…. เชิญทําร้ายฉันได้ตามสบาย! ท่านเสิ่นกําลังเฝ้ามองดูอยู่ เขาจะได้เห็นกับตาตัวเองว่าคุณกําลังทําร้ายยังไง?”
หลิวหยิงหยิงประกาศกร้าวพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว..
“นี่เธอ..”
หวู่เฟิงโกรธมากจนถึงขนาดที่เงื้อฝามือขึ้น ส่วนหลินหนานเองก็เตรียมเข็มไว้ในมือเรียบร้อยแล้วเช่นกัน และหากชายชราลงมือเมื่อใด เขาก็ไม่รีรอที่จะลงมือเช่นกัน และหลินหนานก็มั่นใจว่า เขารวดเร็วกว่าตาแก่นั่นอย่างแน่นอน!
แต่นับว่าโชคดีที่หวูเฟิงไม่ได้ทําเช่นนั้น เขาได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ตามเดิม และไม่รู้ว่าเป็นเพราะทุกคนต่างก็มีความหวาดกลัวต่อดวงวิญญาณของเสิ่นวู๋เตาหรืออย่างไรจึงไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คําเดียว ภายในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง
จนกระทั่งในที่สุด หยานลู่เฟิงก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก “เถ้าแก่หลิว ไม่ทราบว่าจะยอมฟังคําพูดของฉันหน่อยจะได้มั๊ย?”
ทันทีที่หยานลู่เฟิงเอ่ยปาก สัญชาติญาณของหลิวหยิงหยิงก็สามารถจับความผิดปกติได้ในทันทีเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็สะกัดกั้นอารมณ์ความรู้สึกต่างๆไว้ และเอ่ยตอบกลับไปว่า
“เชิญอาวุโสหยานกล่าวชี้แนะ…”
“เท่าที่ฉันรู้จักเถ้าแก่หลิวมา ปกติคุณเป็นคนที่ทําอะไรมีสติรอบคอบเสมอ ไม่เคยปล่อยให้อารมณ์ครอบงําเลยสักครั้ง ดูท่าวันนี้ เถ้าแก่หลิวคงมีเรื่องคับข้องใจที่ต้องการจะพูดกระมัง” หยานลู่เฟิงพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มให้หลิวหยิงหยิง
“อาวุโสหยานเป็นคนช่างสังเกตนัก อาวุโสกล่าวไม่ผิดแม้แต่น้อย ดิฉันมีเรื่องคับข้องใจจริงๆ” หลิวหยิงหยิงตอบกลับ
“เถ้าแก่หลิวมีอะไรอยากจะพูด ก็เชิญพูดออกมาได้เลย?”
“ได้ค่ะอาวุโสหยาน ดิฉันจะขอพูดอย่างตรงไปตรงมา!”
หลิวหยิงหยิงสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองกรรมการคนอื่นๆ ในขณะที่ปากก็พูดออกไปว่า
“อาวุโสหยาน คุณคงจะรู้เรื่องที่สมาคมเมิ่งหลานของเรา จะต้องมีการคัดเลือกประธานคนใหม่ทุกๆสองปีใช่มั้ยคะ?”
เมื่อได้ฟังคําพูดของหลิวหยิงหยิง ทั้งจางเฉิงและหลิวจื่อหยานถึงกับหน้าเสียทันที แม้กระทั่งหวู่เฟิงเอง ก็มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าตกใจไม่น้อย จนถึงกับต้องกระแอมออกมาเสียงดัง
นั่นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา หวู่เฟิงถูกเลือกให้เป็นประธานของสมาคมมาถึงสองสมัยติดกัน
และการที่ได้ดํารงตําแหน่งนี้ ก็ทําให้เขาได้รับผลประโยชน์ และผลกําไรอย่างมากมาย หากมีการเปลี่ยนตัวประธาน แน่นอนว่า เขาเองย่อมต้องสูญเสียผลประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
“อืมม.. เรื่องนั้นฉันรู้ดี” หยานลู่เฟิงพยักหน้ายิ้มๆ
“ดิฉันจึงต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ ขึ้นเป็นประธานคนใหม่แทน..” หลิวหยิงหยิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา และนี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงสําหรับการจัดงานเลี้ยงคืนนี้ขึ้น
มีเพียงต้องให้ตนเองขึ้นมาเป็นประธานสมาคมเท่านั้น เธอจึงจะสามารถแก้แค้นได้สําเร็จ!
“เถ้าแก่หลิว นี่คุณกําลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ตําแหน่งประธานจะต้องให้กรรมการทั้งเก้าเป็นคนเลือก และผู้ที่จะดํารงตําแหน่งนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้น..”
จางเฉิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นเคย “พวกเราทุกคนต่างก็เห็นว่า อาวุโสหวู่มีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในสังคม จึงเหมาะที่จะดํารงตําแหน่งประธานของสมาคม แต่จู่ๆ คุณกลับต้องการที่จะดํารงตําแหน่งประธานเสียเอง นี่ไม่เท่ากับเป็นการฝืนกฏของสมาคมหรอกรึ?”
เมื่อได้ฟังคําพูดจางเฉิง หวู่เฟิงก็ได้แต่นึกดีใจ ที่เมื่อครู่ตนเองแสดงออกว่าอยู่ข้างจางเฉิงอย่างชัดเจน นับว่าเขาเลือกฝั่งถูกจริงๆ!
“ผมเห็นด้วยกับคุณจาง” หวังเซียนหย่งยกมือขึ้นพร้อมกับออกความเห็น
หลิวหยิงหยิงเองก็คาดคิดไว้อยู่แล้วว่า เหตุการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
“กฏย่อมเป็นกฏ ดิฉันเข้าใจดี แต่ถึงแม้ว่าอาวุโสหวู่จะมีความสามารถ แต่ก็คงไม่สามารถที่จะดํารงตําแหน่งนี้ตลอดไปได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ทําไมจะไม่ได้? ในเมื่อตําแหน่งประธานสมาคม ควรจะต้องให้ผู้ที่มีความสามารถดูแลสมาคมได้มาดํารงตําแหน่ง และอาวุโสหวู่ก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อม!” จางเฉิงโต้แย้งกลับไปทันที
“แม้แต่ฮวงจุ้ยยังต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม หากครั้งนี้ดิฉันต้องการจะดํารงตําแหน่งประธานบ้าง ไม่ทราบว่ามีความไม่เหมาะสมอย่างไร?” หลิวหยิงหยิงตอบโต้กลับทันทีเช่นกัน
“เถ้าแก่หลิว คุณไม่ควรแต่งตั้งตัวเองแบบนี้ หากคุณต้องการที่จะดํารงตําแหน่งประธานสมาคมจริง ก็ควรต้องให้คณะกรรมการโหวตเลือกเหมือนทุกครั้ง” หลิวจื่อหยานยื่นข้อเสนอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเคย
“ผมเห็นด้วย! ควรให้กรรมการทุกคนโหวตเลือกประธานเหมือนทุกครั้ง!” จางเฉิงรีบร้องตะโกนสนับสนุนทันที
ส่วนคณะกรรมการคนอื่นๆ ก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คําเดียว แต่ความจริงแล้ว พวกเขาต่างก็มีอํานาจน้อยกว่าทั้งสี่คน ที่กําลังโต้เถียงกันอยู่ในเวลานี้มาก จึงไม่ต้องการที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆออกไป
แต่หากมีการโหวตคัดเลือกจริงๆ ผลก็ออกมาเหมือนเดิมอยู่ดี!
หวู่เฟิงก็จะได้เป็นประธานไปอีกหนึ่งสมัยอย่างแน่นอน!
และตําแหน่งประธานนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นหุ่นเชิดของกลุ่มอํานาจฝ่ายจางเฉิงอยู่ดี!
นั่นเพราะแม้หวู่เฟิงจะได้รับผลประโยชน์มากมาย แต่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ก็ล้วนถูกถ่ายเทไปที่จางเฉิงกับหลิวจื่อหยานอยู่ดี
“ทําไมจะต้องโหวตเลือกประธานทุกครั้งด้วยล่ะ? ครั้งนี้ควรเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกประธานบ้างสิคะ?” หลิวหยิงหยิงตอบกลับพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ทราบเถ้าแก่หลิวจะใช้วิธีไหนคัดเลือกประธานงั้นรึ?” จางเฉิงถามขึ้นทันที
“จับฉลาก!” หลิวหยิงหยิงตอบยิ้มๆ
“ห้ะ?! อะไรนะ?!!”
ทั้งจางเฉิง และอีกหลายๆคนถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“เถ้าแก่หลิว เลิกล้อเล่นได้แล้ว! นี่เป็นการคัดเลือกประธานของสมาคมเมิ่งหลานที่ยิ่งใหญ่ จะใช้วิธีการจับฉลากได้ยังไงล่ะ? มันไม่ฟังดูน่าขันไปหน่อยรึ?” จางเฉิงคัดค้านทันที
จับฉลากเลือกประธาน.. ทุกคนในห้องต่างก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
“นั่นน่ะสิ! ฉันไม่เห็นด้วย!” หวู่เฟิงร้องตะโกนคัดค้านทันทีเช่นกัน เขาไม่ยอมให้เรื่องน่าขบขันเช่นนี้เกิดขึ้นแน่ๆ
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกําลังโต้เถียงกันอยู่นั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นที่หน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง
“จับฉลากเลือกประธาน?! ดูเหมือนผมจะมาทันเวลาสินะ!”
ฝากนิยายของทีมงานด้วยนะคะ
เรื่อง : เทพปีศาจผงาดฟ้า
เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและพื้นพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า
หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในพื้นพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล
หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จําต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย
แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!
—–
เรื่อง : จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทําให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลําดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..