“หน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนไอ้แทนตอนเด็กเลยครับคุณพ่อคุณแม่” ไททันกล่าวหลังจากนั่งจ้องหลานด้วยรอยยิ้มมาสักพักแล้ว
“หน้าเหมือนพ่อได้แต่อย่าเอานิสัยมาด้วยก็พอ” ศรัยฉัตรว่าพลางปรายตามองลูกชายคนเล็ก
“แม่อ่ะ ทำไมว่าอย่างนี้ล่ะครับ ผมกลับเนื้อกลับตัวแล้วนะครับ”
“ทำให้ได้ตลอดรอดฝั่งเถอะ ยังไงก็ฝากลูกพลับดูแลควบคุมมันด้วยนะ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลจัดการได้ตามสบายเลย”
“ครับคุณฉัตร” ลูกพลับยิ้มรับ
“คุณฉัตรอะไรกัน ตอนนี้ต้องเรียกคุณแม่ได้แล้ว เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้วนะ”
“ครับคุณแม่”
เมื่อถูกยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วลูกพลับก็ดีใจ หันไปส่งยิ้มหวานให้คนที่นั่งข้างกัน แทนไทนั่งโอบไหล่ไว้ตลอดเวลาไม่อายสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมองมา สร้างบรรยากาศที่ชื่นมื่นให้กับทุกคน เว้นแต่เจตน์เท่านั้นที่เบื้องหน้าอาจจะไม่ได้แสดงออกอะไรมาก แต่ในใจยังคงมีบาดแผลที่ยังไม่สมานตัวดีนัก เมื่อถูกตอกย้ำด้วยภาพบาดตารอยยิ้มที่บาดใจก็ทำให้จุกในอกไม่น้อย
“ดีใจด้วยนะแก ในที่สุดก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพื่อน ๆ ที่คณะคิดถึงแกมากเลยนะ บอกว่าจะพากันมาเยี่ยม”
“ขอบใจนะแก ที่คอยเป็นที่ปรึกษามาโดยตลอด ถ้าไม่มีแกฉันคงจะเหงาแย่ ถ้าเพื่อน ๆ จะมากันวันไหนบอกล่วงหน้าด้วยนะจะได้เตรียมตัวรอต้อนรับ”
“ได้ ๆ แล้วเรื่องเรียนจะเอายังไง จะดรอปต่อไหม”
ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็หันไปมองหน้าแทนไท ตอนนี้อีกฝ่ายเรียนจบแล้วแต่ตัวลูกพลับเองยังเรียนไม่จบเทอมด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรก็ยังอยากจะเข้าเรียนต่อให้จบ
“แล้วแต่มึงเลยจะมามองหน้ากูทำไมเนี่ย” แทนไทแอบขำเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องหน้าราวกับถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจแทน
“ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่นา ยังไงก็ต้องขอความเห็นจากพี่แทนก่อน”
ได้ยินคำเรียกชื่อที่ไม่เหมือนก่อน ทำเอาทุกคนต่างก็เบิกตามองมาที่คนพูด ส่งสายตาแซวกันอย่างถ้วนหน้า ลูกพลับกลอกลูกตาไปมา ดวงหน้าขึ้นสีแดงเรื่อด้วยความเขินอาย แทนไทคว้ามือเรียวมากุมไว้ เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นเสียเอง
“มองทำไมครับทุกคน คนรักกันเขาจะเรียกให้ดูสนิทสนมมันผิดตรงไหนครับ”
“มันไม่ผิดหรอกแต่พวกเราแค่แปลกใจ พี่ทำอะไรให้ไอ้พลับมันหลงกลได้ง่ายขนาดนี้ หรือว่าช่วงที่ไปบวชแอบฝึกวิชาทำคุณไสยมาใช้กับเพื่อนผม” ฮ่องเต้เอ่ยแซวขำ ๆ
“พูดไป พี่ใช้ใจต่างหากล่ะ ใจที่มันมีแต่รักอันบริสุทธิ์”
ยิ่งพูดยิ่งทำให้คนที่นั่งข้างกันเขินหนักเข้าไปใหญ่ รู้สึกราวกับว่าตอนนี้เป็นงานแต่งของเขาและแทนไทเสียอย่างนั้น แค่นี้ก็เขินหนักมากอยากจะรู้จังว่าหากมีงานมงคลเกิดขึ้นจริง ๆ จะตื่นเต้นมากแค่ไหน ลูกพลับได้แต่คิดในใจ
“ฮิ้วว!!!” เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนต่างก็ส่งเสียงโห่แซว ทำเอาเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของนับดาวตกใจร้องไห้ยกใหญ่
“อุแว้ ๆ”
“ชู่วว์!!! เบาเสียงหน่อยครับทุกคน ลูกผมตกใจร้องไห้งอแงแล้วเนี่ยยยย”
แทนไทส่งเสียงเตือนทุกคน ก่อนเข้าไปแย่งตัวลูกชายจากอกนับดาวมาอุ้มไว้เสียเอง เร็วกว่าคนเป็นแม่อย่างลูกพลับเสียอีก เขาทำหน้าที่พ่อหยอกล้อเล่นกับลูกชายจนแทบจะลืมแทนไทคนก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท ทุกคนต่างก็มองแล้วยิ้มให้กับความน่ารักของสองพ่อลูก โดยเฉพาะลูกพลับที่นั่งยิ้มอย่างมีความสุขเหลือเกิน ในที่สุดวันนี้ก็มีจริง วันที่เขาและแทนไทเวียนกลับมาบรรจบกัน
หลังจากพูดคุยกันจนหนำใจแล้วก็ทยอยกลับบ้าน ก่อนกลับศรัยฉัตรและทีปกรได้เจรจาขอให้ลูกพลับและปิ่นวดีกลับเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกครั้ง เพื่อจะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าเป็นครอบครัวใหญ่ ให้ลูกพีชเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความสุขจากคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งพ่อหรือแม่ก็ตาม ลูกพลับยังไม่ได้รับปากแต่รับไว้พิจารณา
กลุ่มสุดท้ายที่กำลังจะกลับนั่นคือฮ่องเต้ กาย และเจตน์ ลูกพลับเดินมาส่งที่หน้าบ้าน ทั้งที่เพื่อนเอ่ยปากห้ามเพราะเพิ่งจะผ่าคลอดมา แต่เจ้าตัวยังดึงดันเพราะอ้างว่าคุณหมอให้เดินออกกำลังกายบ้าง เพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดเป็นพังผืดนั่นเอง ทุกคนจึงยอมให้มาส่งแต่โดยดี ปล่อยให้แทนไทดูแลลูกอยู่ในบ้าน
“ฉันกลับแล้วนะแก”
“อื้ม ขอบใจมากนะที่มาเยี่ยม ขอบคุณพี่กายและเฮียเจตน์ด้วยนะครับ” กล่าวกับเพื่อนแล้วหันไปยกมือไหว้อีกทั้งสองคนที่ยืนอยู่ และก็ได้รับรอยยิ้มกลับคืนมา
“แล้วสรุปจะกลับไปเรียนไหม ตอนนั้นยังไม่ได้ตอบเลยนะ”
“ฉันจะกลับไปเรียนแน่นอน กว่าจะเปิดเทอมหน้าอะไรคงจะดีขึ้นแล้วล่ะ ฝากบอกเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยนะ”
“อื้ม เดี๋ยวฉันบอกให้”
“ก่อนกลับมีใครบางคนอยากจะคุยด้วยน่ะน้องพลับ” กายบอกพลางโบ้ยหน้าไปยังลูกพี่ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างกัน
ลูกพลับละสายตาจากเพื่อนแล้วหันมามองหน้าเจตน์
“เดี๋ยวฉันกับพี่กายขึ้นรถก่อนละกันนะ เอาไว้จะมาเยี่ยมใหม่นะแก”
“ได้ ๆ ยินดีต้อนรับเสมอ สวัสดีครับพี่กาย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ลูกพลับร่ำลาคนทั้งสองก่อนจะหันมาสนใจเจตน์อีกครั้ง เขายิ้มแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ เอื้อมมาจับมือหนาทั้งสองข้างประสานไว้ตรงกลาง
ด้วยความที่เก็บอาการเอาไว้มานาน บัดนี้คงถึงเวลาที่จะปลดปล่อยมันออกมาแล้ว เมื่อได้มีโอกาสจ้องตากับลูกพลับใกล้ ๆ เขื่อนน้ำตาก็พังทลายลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ แก้มขาวมีหยาดน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง ความหวังที่จะได้เคียงคู่กับหนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว ปิดฉากความรักที่คาดหวังเอาไว้อย่างถาวร
“เฮียยินดีด้วยนะ”
“เฮียครับ ฮึก ผมขอโทษ”
เป็นลูกพลับที่โผเข้ากอด วางมือไว้บนแผ่นหลังกว้างอย่างแนบแน่น เขาเองก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ที่ผ่านมาเจตน์ทำหน้าที่แทนคนเป็นพ่อตัวจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ นานวันเข้าก็เริ่มใจอ่อนลืมสิ่งที่เขาทำไว้ ความประทับใจเข้ามาแทนที่ความรู้สึกแย่เหล่านั้น แต่มิอาจมอบสถานะเกินกว่าพี่ชายได้ เขาอยากมีผู้ชายดี ๆ อย่างนี้อยู่ในชีวิตในฐานะพี่ชายตลอดไป
“ทำไมต้องขอโทษด้วย น้องพลับไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ต่อไปนี้เราจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันนะ มีอะไรสามารถปรึกษาเฮียได้เสมอ หากวันไหนไอ้คุณแทนมันทำน้องพลับเสียใจรีบมาบอกเฮีย เฮียจะจัดการให้เอง”
“ครับเฮีย หากมีอะไรผมจะนึกถึงเฮียเป็นคนแรกเลย”
“ต่อไปนี้ชีวิตเราจะได้มีความสุขสักทีนะ เฮียสัญญาว่าจะรีบทำใจให้ได้ แล้วจะพาแฟนมาเปิดตัวให้เร็วที่สุด จะหาให้น่ารักกว่าน้องพลับเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยคอยดู”
“สาธุ ผมจะคอยดูละกัน และขออวยพรให้เฮียเจอคนนั้นเร็ว ๆ นะ”
คนทั้งสองส่งรอยยิ้มแห่งมิตรภาพให้แก่กัน เจตน์เอื้อมมือไปยีผมเล่นอย่างเอ็นดู เมื่อได้เปิดอกคุยกันแล้วก็ทำให้ความเศร้าโศกเสียใจจางหายไปอย่างง่ายดาย
การจากกันครั้งนี้มิใช่การจากลา แต่เป็นการกลับมาตั้งหลักเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทุกชีวิตย่อมเคยมีบาดแผลกันทั้งนั้น หากโชคดีแผลนั้นก็อาจจะหายและไม่ทิ้งร่องรอย แต่หากโชคร้ายมันก็จะกลายเป็นแผลเป็นที่สลักร่องรอยความทรงจำเอาไว้ ย้ำเตือนให้รู้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็เคยประสบพบเจอสิ่งเหล่านี้มาแล้ว เป็นบทเรียนสอนให้เรารู้ว่าอย่าทำให้ตัวเองเกิดรอยแผลเช่นนี้อีกครั้งเป็นดีที่สุด