ตอนที่ 729 บริการพิเศษของคุณเผยขี้อ่อย
ณ คฤหาสน์เมฆ
หลินเยียนเพิ่งจะมาถึงบ้านก็โดนเจ้าตัวเล็กขนปุยสองตัวพันเท้าเอาไว้
“เมี๊ยว”
หัวใจหลินเยียนละลายทันที ความเครียดและกังวลที่หลงเหลืออยู่ในใจได้หายไปในพริบตา เธอรีบไปป้อนอาหารและเก็บอึให้เจ้าตัวเล็กทั้งสองอย่างมีความสุข
อาจจะเป็นนิสัยของทาสแมวทุกคนที่พอมีแมวแล้วก็อยากโชว์ให้โลกรู้
หลันเยียนใส่อาหารแมวเสร็จแล้วได้โพสต์ภาพแมวน้อยอย่างที่เคยทำปกติ
จากนั้น…
โดนด่าจนขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของการค้นหายอดฮิต
[ในวงการบันเทิงมีคนหน้าด้านอยู่ แต่ยังไม่มีใครที่หน้าด้านหน้าทนเหมือนหลินเยียนแล้วล่ะ]
[โดยทั่วไปคนธรรมดาคงไม่ทำตัวโจ่งแจ้งอะไรอีก แต่หลินเยียนยังคงทำอะไรตามใจชอบ ไม่สนใจคำด่าทอที่ถล่มทลาย]
คนที่รู้จักเธอก็จะรู้ว่าเธอไม่มีอะไรจะแก้ตัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คนที่ไม่รู้ความจริงก็ต้องคิดว่าเธอตั้งใจจัดฉากเกาะกระแสแน่นอน
[เอาจริงๆ นะ ฉันเคยเจอคนหน้าด้าน แต่ไม่เคยเจอคนหน้าด้านระดับเทพแบบนี้ มีเรื่องแบบนั้นแล้วยังมาอวดแมวอีก! หน้าของหลินเยียนด้านเหมือนกำแพงเมืองเลย!]
[นั่นน่ะสิ ซื้อเสียงจนโดนทางการถอนสิทธิ์ไป ยังมีหน้ามาจัดฉากต่ออีก!]
[หมาซื้อเสียง ไสหัวไปเถอะ! เห็นแล้วก็จะอ้วก! หล่อนน่ะเหรออยากลงประกวดแอมบาสเดอร์เพื่อการกุศล หล่อนก็เป็นได้แค่ก้อนขี้หมาแหละ!]
…
ก่อนหน้านั้นเธอคุยกับจ้าวหงหลิงแล้ว ดังนั้นหลินเยียนไม่ได้สนใจอะไรมาก ปล่อยเบลอต่อไป เธอตอบคอมเมนต์ที่ด่าเธอซื้อเสียงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ [ไม่ได้ซื้อ ไม่จำเป็น]
หลายปีที่ผ่านมา รายได้ส่วนมากของเธอเอามาใช้ทำเพื่อการกุศลหมด นอกจากเดอะ แองเจิล เฮ้าส์แล้ว ยังมีองค์กรเพื่อการกุศลอย่างอื่นอีก ถ้าเธออยากได้ตำแหน่งแอมบาสเดอร์เพื่อการกุศลจริงๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อเสียงเลย
แต่เธอไม่อยากไปรบกวนหญิงชราท่านนั้นด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ยิ่งไม่อยากใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เลย
คอมเมนต์หกพยางค์ของหลินเยียนสร้างกระแสด่าทออีกยกใหญ่
[กล้าพูดจริงๆ เลยนะ หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นซูหย่าเหรอ! หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถือรองเท้าให้ซูหย่าเลย! ถ้าไม่ซื้อเสียงจริง คะแนนหล่อนคงไม่พ้นหลักหน่วยด้วยซ้ำ เอาความมั่นใจจากไหนมาพูดเนี่ย?]
[ไม่ต้องซื้อคะแนนงั้นเหรอ? ฮ่าๆ ไม่ต้องซื้อจริง ต่อให้ซื้อไปก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าหล่อนเป็นขยะไม่ได้!]
…
หลินเยียนไม่ได้สนใจคอมเมนต์พวกนั้นอีก เธอเปิดคลิปการแข่งขันต่างประเทศในช่วงนี้ขึ้น
หลังจากเธออำลาวงการไป ทีมเดิมของเธอเป็นไปได้ด้วยดี คว้าชัยในการแข่งขันสำคัญหลายงาน…
ชณะที่กำลังดูการแข่งขันอยู่ เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยดังขึ้นจากนอกประตู จากนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
หลินเยียนปิดคลิปด้วยความลนลาน จากนั้นเห็นเผยอวี้เฉิงยืนอยู่ตรงหน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“คุณเผย! กลับมาแล้วเหรอคะ!” หลินเยียนแอบตะลึงเล็กน้อย
“อื้ม” เผยอวี้เฉิงถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ออกแล้ววางลงที่แขน จากนั้นปลดเน็กไทบนคอแล้วค่อยๆ เดินเข้ามา
แมวน้อยที่เมื่อกี้วนเวียนอยู่ข้างหลินเยียนเห็นเผยอวี้เฉิงปุ๊บก็รีบวิ่งหนีอย่างขวัญกระเจิง
เมื่อเห็นเผยอวี้เฉิงเดินเข้ามา หลินเยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
อยู่บ้านเดียวกันนานขนาดนี้แล้ว เผยอวี้เฉิงไม่ค่อยเข้ามาในห้องเธอเลย
หลินเยียนไม่ได้คิดอะไรมาก ต้อนเข้าไปรับเสื้อคลุมในมือเผยอวี้เฉิงไว้ แล้วแขวนเสื้อของเขาไว้บนราวแขวนเสื้อ “วันนี้กลับมาเร็วจังเลยนะคะ!”
ช่วงนี้เผยอวี้เฉิงงานยุ่งมาโดยตลอด ปกติกว่าจะกลับมาก็เลยเที่ยงคืนแล้ว แต่วันนี้ยังไม่ถึงสองทุ่มเขาก็กลับมาถึงบ้าน
หลังจากเผยอวี้เฉิงเข้ามาในห้อง เขาเดินไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามเตียงหลินเยียน
ไม่รู้ว่าเผยอวี้เฉิงมีธุระอะไรหรือเปล่า หลินเยียนมองไปทางเขาด้วยสายตาสงสัย “คุณเผยมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
เผยอวี้เฉิงถอดแว่นขอบทองที่สวมอยู่ออกมา จากนั้นช้อนสายตามองไปทางหญิงสาวพลันเอ่ยปากพูดขึ้น “ให้ฉันคุยเป็นเพื่อนเธอไหม?”
หลังจากเผยอวี้เฉิงถอดแว่นออกแล้ว ความเย็นชาห่างเหินเพลาลงเล็กน้อย เพิ่มความสบายและผ่อนคลายขึ้น ทำให้รู้สึกยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก
หลินเยียนจ้องไปยังใบหน้าของเผยอวี้เฉิง สมองไม่ค่อยตอบสนองเท่าไหร่ ชะงักไปชั่วคราว “…หืม? คุยเหรอคะ?”
เผยอวี้เฉิงมองไปทางนาฬิกาข้อมือ “วันนี้ฉันไม่ยุ่ง เธอจะเอาเวลาไปทำอะไรก็ได้”
ท่าทางแบบที่ว่า ‘วันนี้ฉันว่าง เธอออฟฉันได้’ หมายความว่าไงกัน?!
มุมปากหลินเยียนกระตุกเล็กน้อย “แฮ่ก ทำอะไรก็ได้เหรอคะ…”
เผยอวี้เฉิง “ได้”
หลินเยียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอพูดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “งั้นฉันขอเหมาทั้งคืนได้ไหม?”
เผยอวี้เฉิง “…”
ตอนที่ 730 ควบคุมตัวเองยังพอได้
หลังจากตั้งสติได้ว่าตัวเองพูดอะไรแล้ว หลินเยียนแทบอยากจะขุดหลุมมุดดินลงไปเลย เธอรีบส่ายมือแล้วพูดขึ้น “ขอโทษค่ะ พูดผิดๆ”
เธอแค่หลุดปากไปเฉยๆ! ไม่ได้เผลอพูดความในใจเพราะโดนอ่อยเลยจริงๆ นะ!
เผยอวี้เฉิงหัวเราะเบาๆ ราวกับแสงพระอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา ณ ป่าลึกอันหนาวเหน็บในฤดูหนาว
ผู้ชายเอ่ยปากขึ้น “คงจะไม่ได้นะ”
ได้ยินเผยอวี้เฉิงตอบแบบนี้ หลินเยียนรู้สึกเครียดกว่าเดิม
ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ เผยอวี้เฉิงให้เกียรติเธอเหมือนแขกคนหนึ่งมาโดยตลอด นอกจากว่าไม่เคยเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอแล้ว ปกติแล้วยังรักษาระยะห่างกับเธอระดับหนึ่งอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นเธอคิดว่าเผยอวี้เฉิงเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติเธอ แต่ตอนนี้นึกดูดีๆ แล้ว…อย่าบอกว่าเผยอวี้เฉิงพยายามหลีกเลี่ยงเธออยู่นะ
ฟ้าเป็นพยาน เธอไม่เคยมีความคิดแย่ๆ แบบนั้นเลยนะ
หลินเยียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย รีบเอ่ยปากอธิบายขึ้น “คุณเผยอย่าเข้าใจผิดนะคะ เมื่อกี้ฉันพูดผิดจริงๆ จริงๆ แล้วฉันยังพอควบคุมตัวเองได้อยู่น่ะค่ะ…”
คงจะไม่ขาดสติแล้วลงมือทำเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกนะ
เผยอวี้เฉิงมองไปทางหลินเยียนด้วยสีหน้ามีเลศนัย “อื้ม ฉันรู้”
หลินเยียนได้ยินแล้วรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
ขณะที่เผยอวี้เฉิงกำลังจะเอ่ยปากพูด ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วค่อยพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ว่าฉันไม่ค่อยมั่นใจในการควบคุมตัวเองเท่าไหร่น่ะ”
หลินเยียน “…”
หลินเยียนได้ยินเช่นนั้นแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง เธอไอขึ้นอย่างรุนแรง
ดังนั้น ที่เผยอวี้เฉิงเว้นระยะห่างกับเธอตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาคือกลัวว่าตัวเองจะควบคุมสติไม่ได้งั้นเหรอ
สุดท้าย เผยอวี้เฉิงเป็นคนจัดเวลาให้ “สองชั่วโมงได้ไหม”
กว่าหลินเยียนจะผ่อนคลายอารมณ์ลง เธอเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความลังเล “ทำไม…ทำไมจู่ๆ อยากคุยเป็นเพื่อนฉันเหรอคะ”
“คุณหลินอยากคุยกับฉันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าฉันไม่ได้เป็นคนเข้าหา คุณหลินก็คงไม่เข้าหาฉันสินะ” เผยอวี้เฉิงพูดขึ้น
“เอ่อ…” หลินเยียนเอามือแตะจมูกโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทำไมฟังดูแล้วเหมือนเธอเป็นคนเลวเลยแฮะ
จะว่าไปแล้วก็มีบ้างนิดหน่อยแหละ ตั้งแต่คบกันมา เธอมัวแต่หาเงินอย่างเดียว ยุ่งยิ่งกว่านักธุรกิจอย่างเผยอวี้เฉิง ถึงแม้จะย้ายมาแล้ว ก็ไม่ค่อยได้คุยกับเผยอวี้เฉิงเหมือนกัน
ก่อนหน้านั้นที่ไปเดทกับเผยอวี้เฉิง ก็เพราะว่าร่างนั้นส่งข้อความให้เขา
ครั้งที่แล้วจัดงานวันเกิดให้เผยอวี้เฉิงก็เพราะว่าร่างนั้นเตือนเธอถึงนึกขึ้นได้ ทั้งของขวัญและกับข้าวมื้อนั้น เธอไม่ได้เป็นคนทำเลย
อ้อ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกตัวเองทำตัวแย่อย่างไรไม่รู้…
“งานช่วงนี้เป็นไงบ้าง” เผยอวี้เฉิงถามขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
หลินเยียนได้ยินแล้วเหมือนมีอะไรผ่านเข้ามาในหัว
ที่เผยอวี้เฉิงคุยกับเธอในวันนี้ก็เพราะเรื่องดราม่าในเน็ตหรือเปล่า
เขาเคยตกลงกับเธอไว้ว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของเธอ แต่ก็เป็นห่วงเธอ ก็เลย…อยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยวิธีแบบนี้เหรอ
พอนึกขึ้นได้ หลินเยียนรู้สึกผิดกว่าเดิม!
รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นคนเลวเลย!
“มีปัญหานิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หลินเยียนพูดขึ้น
ถึงแม้คอนเนคชันภายในประเทศจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยตัวละครใน ‘เลเจนด์’ ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะเยวาเป็นคนเลือกเองกับมือ
ถ้าทีมงานติดต่อเยวามาเพื่อถามว่าจะเปลี่ยนนักแสดงหรือไม่ เธอก็แค่ตอบว่าห้ามเปลี่ยนแค่นั้นเอง
จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักวิธีการและเส้นสายอันวุ่นวายภายในวงการบันเทิง เธอแค่ไม่อยากทำเท่านั้นเอง
ถ้าเธอจะสร้างชื่อเสียงของเธออีกครั้งก็ต้องสร้างขึ้นมาด้วยความสามารถของเธอจริงๆ