ลิขิตกลกาล 266 หารือเรื่องสำคัญ

ตอนที่ 266 หารือเรื่องสำคัญ

“ข้า…” ท่าทางของหนานกงเช่อนั้นชัดเจนว่า เขาคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่จะโผล่หน้าออกไปเพื่อแอบดูกลับเจอเข้ากับซูเหลียนอวิ้นอย่างน่าอนาถเช่นนี้ ตอนนั้นเองเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มเอ่ยออกไปว่าอย่างไรดี

 

 

“เจ้าอยากมาพบฮองเฮาหรือ” เมื่อซูเหลียนอวิ้นเห็นหนานกงเช่อ เอ่อ อ่าอยู่นานเช่นนี้แต่กลับพูดอะไรไม่ออก นางก็เริ่มร้อนใจ จากนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะพูดแทนเขาออกมา

 

 

“อืม” หนานกงเช่อพยักหน้า “ข้าอยากมาพบเสด็จแม่ แต่ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมาที่ตำหนักของเกาอู่เตี๋ยก็เต็มไปด้วยผู้คนห้อมล้อมไว้มากมายแน่นหนา เพียงดูก็รู้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากที่จะเข้าไปด้านใน

 

 

แต่ต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังอยู่ดี ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนนอกอย่างซูเหลียนอวิ้นที่จะสามารถเข้าไปได้

 

 

แต่ซูเหลียนอวิ้นกลับเดินออกมาจากตำหนักอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นใช่เรื่องใหญ่หรือไม่! แต่หากไม่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นทำไมจะต้องมีคนมาเฝ้าอย่างแน่นหนาเช่นนี้ ดังนั้นหากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง…นั่นแสดงว่าพวกเขาปล่อยคนเข้าไปง่ายเกินไปหน่อยหรือไม่

 

 

“พวกเรา…” ซูเหลียนอวิ้นโน้มตัวลงเพื่อจ้องตาหนานกงเช่อ “บังเอิญเจอกันเพราะโชคชะตากระมัง แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเราจะมายืนคุยกัน บังเอิญอย่างยิ่งที่ข้าเองก็มีเรื่องอยากจะหารือกับเจ้า ไปคุยกันที่ตำหนักของเจ้าดีหรือไม่ หากเจ้าสงสัยอะไร ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง”

 

 

เมื่อหนานกงเช่อได้ยินซูเหลียนอวิ้นเอ่ยเช่นนี้ก็รแสดงอาการลังเลใจขึ้นมา นั่นไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใดแต่เป็นเพราะตอนบ่ายวานนี้ เขาพยายามลองที่จะเข้าไปในตำหนักของเกาอู่เตี๋ยเพื่อดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

 

 

แต่ผลสุดท้ายคือเขากลับเจอสาวใช้คนสนิทของเกาอู่เตี๋ยที่เอาแต่พูดไร้สาระเพื่อบอกปัดเขา โดยบอกว่าตอนนี้เกาอู่เตี๋ยไม่สบายจึงไม่สามารถพบผู้ใดได้ ต่อให้เป็นองค์ชายเก้าก็ต้องรอให้ฮองเฮาอาการดีขึ้นก่อนถึงจะเข้าเฝ้าได้

 

 

ดังนั้นความสงสัยที่อยู่ในใจของหนานกงเช่อจึงยิ่งมากขึ้น ดังนั้นเช้าวันนี้เขาจึงมาแอบดูเพื่อจะหาลู่ทางที่พอจะแอบเข้าไปสอดแนมได้

 

 

แต่เมื่อเห็นองครักษ์ที่รายล้อมอย่างแน่นหนาเช่นนั้น คงจะ…แอบเข้าไปไม่ได้กระมัง! ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีช่องทางแล้ว โดยต้องเริ่มหาทางจากซูเหลียนอวิ้นก่อน

 

 

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องตามข้ามา” หนานกงเช่อยื่นมือออกมาจับมือด้านขวาของซูเหลียนอวิ้นเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ชี้ไปที่ต้วนเฉินเซวียนที่ยืนทำสีหน้าไร้อารมณ์โดยไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ต้น “แต่เขาห้ามเข้าไป!”

 

 

 

 

 

 

เขากับต้วนเฉินเซวียนนั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดถากถางและทะเลาะกัน จะเป็นการดีที่สุดหากพวกเขาทั้งสองคนจะไม่มองหน้ากัน

 

 

“พูดอะไรของเจ้าน่ะ!” ต้วนเฉินเซวียนก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วดึงมือของหนานกงเช่อออกจากซูเหลียนอวิ้น “หากเจ้าไม่ให้ข้าตามไปด้วยก็อย่าหวังจะได้รู้อะไรเลย เจ้าเลือกเอาเองก็แล้วกัน” เจ้าตัวก่อเรื่อง วันๆ หนึ่งเอาแต่สร้างความวุ่นวายไม่หยุด!

 

 

 เมื่อครู่นี้ที่เขาจับมือซูเหลียนอวิ้นก็อุตส่าห์ไม่ถือสาแล้วเพราะเห็นว่าเขาอายุยังน้อย จึงพยายามใจกว้างไม่คิดแค้นอะไร แต่ตอนนี้ชักหนักข้อขึ้นแล้วถึงขั้นกล้าจะพาซูเหลียนอวิ้นไปคุยกันตามลำพัง!

 

 

อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าในหัวของเจ้าเด็กนี่มีแผนร้ายอะไร ทำเป็นถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่พอคุยเรื่องนี้จบก็จะต่อว่านางว่านางขัดขวางเขา นี่ต่างหากคือเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามมา!

 

 

อย่าเห็นว่าเจ้าเด็กนี่มีหน้าตาน่ารัก ดูคล้ายไม่มีพิษสงใดๆ เพราะเบื้องหลังเขาสามารถสร้างความวุ่นวายได้ไม่น้อย ซึ่งก็ไม่รู้เช่นกันว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใคร

 

 

เนื่องจากในงานแต่งงานของต้วนเฉินเซวียนในตอนนั้น หนานกงเช่อถือได้ว่าเป็นตัวป่วนที่ร้ายกาจมากที่สุดคนหนึ่ง แถมเขายังมีแผนการที่จะปลุกห้องเจ้าสาวอีกด้วย! แต่ว่ายังดีที่ต้วนเฉินเซวียนเตรียมจัดคนรับมือเขาเอาไว้แล้วดังนั้นหนานกงเช่อจึงลงมือไม่สำเร็จ

 

 

“ต้วนเฉินเซวียน…” ซูเหลียนอวิ้นหรี่ตาแล้วหันมามอง นางลากน้ำเสียงยาว ความหมายในแววตาของนางนั้นชัดเจน

 

 

เมื่อคืนต้วนเฉินเซวียนพูดอะไรไว้จำไม่ได้แล้วหรือไง ในเมื่อตั้งใจจะให้หนานกงเช่อเป็นคนนั่งเก้าอี้ตัวนั้น แล้วตอนนี้กลับมีท่าทางไม่ได้เรื่องเช่นนี้ นี่ไม่คิดจะคุยกันอย่างสันติเลยหรือไง

 

 

เมื่อหนานกงเช่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซูเหลียนอวิ้น เขาก็มั่นใจได้ทันทีเลยว่าเรื่องนี้เป็นอย่างที่เขาคิดว่า นั่นคือซุเหลียนอวิ้นไม่ได้แต่งงานกับต้วนเฉินเซวียนอย่างเต็มใจ แต่คนผู้นี้จะต้องใช้แผนการบางอย่างบังคับให้ซูเหลียนอวิ้นแต่งงานกับเขา!

 

 

มิเช่นนั้นแล้วต่อให้เร่งด่วนมากแค่ไหนก็ไม่น่าจะยอมแต่งงานกับต้วนเฉินเซวียนได้ ผู้ชายในเมืองหลวงมีตั้งมากมาย ต่อให้เลือกมามั่วๆ สักคนอย่างไรก็ต้องดีกว่าต้วนเฉินเซวียนอย่างแน่นอน

 

 

ซูเหลียนอวิ้น พวกเราไปกันเถิด ไปตำหนักของข้า ที่นั่นไม่ใช่จวนของเขาเสียหน่อย” หนานกงเช่อจับมือของซูเหลียนอวิ้นอีกครั้ง “ดังนั้นทำไมจะต้องสนใจด้วยว่าเขาทำหน้าตาอย่างไร” ความรู้สึกจากมือของซูเหลียนอวิ้นนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรก มือของนางยังคงนุ่มนิ่มเช่นเคย

 

 

เฮ้อ แต่พอมานึกๆ ดูแล้วว่าเจ้าของมือคู่นี้แต่งงานกับต้วนเฉินเซวียนไปแล้ว…ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าต้วนเฉินเซวียนนั้นน่าชังยิ่ง!

 

 

“อืม พวกเราไปกันเถิด” ซูเหลียนอวิ้นยืดตัวขึ้นยอมให้หนานกงเช่อจูงมือนางไป เพราะเวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก พระอาทิตย์ก็ปรากฏออกมาเสียแล้ว ขืนไม่ยอมไปตอนนี้อีกไม่นานสถานที่แห่งนี้คงมีแสงแดดแผดเผาอย่างแน่นอน

 

 

ต้วนเฉินเซวียนมองตามหลังของซูเหลียนอวิ้นที่เดินไปอย่างไม่ลังเล เขาก็รู้สึกตีบตันในหัวใจขึ้นมา ตอนแรกเขาก็ปวดใจมากพอแล้ว เพราะทำไมตอนนี้นางยังทนฟังคำพูดถากถางเช่นนั้นของหนานกงเช่อได้ แต่กลับไม่เชื่อฟังสามีของตัวเอง

 

 

นี่เป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจมากสำหรับเขา!

 

 

“ซูเหลียนอวิ้น นั่งลงเถิด” หนานกงเช่อให้นางในนำเก้าอี้มาให้เพื่อที่ตัวเองจะได้นั่งตรงข้ามกับซูเหลียนอวิ้น “เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีงานอะไรให้พวกเจ้าทำแล้ว ออกไปเถิด”

 

 

“เพคะ” เหล่านางในไม่ลังเลอะไรแล้วถอยออกไปอย่างพร้อมเพียง เพราะเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนั้นขององค์ชาย พวกนางก็มั่นใจได้เลยว่าเรื่องที่พวกเขากำลังจะคุยกันต่อไปจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกนางขอไม่รู้เห็นอะไรเลยจะดีที่สุด เพราะต่อให้พวกนางฟัง พวกนางก็ไม่อยากรู้อยู่ดี!

 

 

และตอนที่พวกนางออกไปแล้ว พวกนางยังไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อย่างรู้งานอีกด้วย และนั่นเองที่ทำให้ต้วนเฉินเซวียนที่เดินตามมาข้างหลังต้องยืนเหม่อมองประตูที่ปิดลงต่อหน้าต่อตาของเขา

 

 

“เช่อเอ๋อร์ เจ้าบอกความจริงข้าเถิด” ซูเหลียนอวิ้นโน้มตัวเข้าใกล้ “เจ้า…รู้สึกอย่างไรกับการเป็นฮ่องเต้”

 

 

ซูเหลียนอวิ้นกลัวว่าหากพูดอ้อมค้อมไปอาจจะทำให้เขาไม่เข้าใจ เช่นนั้นสู้เอ่ยออกไปตามตรงจะดีกว่า

 

 

เพราะในเวลาเช่นนี้ ทุกอย่างล้วนบีบคั้นไปหมด นางจึงไม่มีเวลาที่จะมาเล่นเกมทายปริศนาอะไรกับเขาอยู่ที่นี่อีก

ลิขิตกลกาล

ลิขิตกลกาล

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 132 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


ฉู่ชาติที่แล้วบุตรีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ซูเหลียนอวิ้น มอบใจทั้งดวงให้คุณชายสืบทอดแห่งจวนโหว
ต้วนเฉินเซวียน ผู้เป็นที่เลื่องลือด้านความเลือดเย็นไร้หัวใจมาตั้งแต่แรกพบเมื่อครั้งเยาว์วัย
เพียรพยายามทำทุกวิถีทางให้เขารู้ว่านางมีใจ

เขาเฉยชาใส่นาง ไม่เป็นไร นางหาได้ท้อไม่

แต่ทว่าด้วยเพราะความเข้าใจผิด เขากลับเป็นผู้ปลิดชีวิตนาง ยามนี้เมื่อนางได้โอกาสกลับมาเกิดใหม่ ไหนเลยจะเลือกเดินตามเส้นทางเดิมอีก ด้วยกลัวต้องมีจุดจบถูกเขาฆ่าตายเป็นครั้งที่สอง ซูเหลียนอวิ้นจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งและโดดเด่นกว่าเดิม ทั้งยังพยายามหลบลี้หนีหน้าเขาให้ไกล ทว่าเหตุไฉนคนใจร้ายผู้นั้นจึงได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเองเล่า!

Options

not work with dark mode
Reset