“ลี่หยวนตี้ตรัสได้ถูกต้อง” เยียลี่ว์เยี่ยนลุกขึ้นแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อยทำให้ไม่มีผู้ใดเห็นแววตาของเขาในตอนนี้ “ไปพยุงองค์หญิงลุกขึ้นเถิดแล้วดูว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
บรรดาขันทีไม่ได้สงสัยถึงความผิดปกติใดจึงรีบพยุงเยียลี่ว์เยียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วพานางไปนั่งด้านข้างเยียลี่ว์เยี่ยนดังเดิม
ไม่มีการกล่าวลงรายละเอียดถึงกติกา แต่ลี่หยวนตี้ก็เข้าใจ เยียลี่ว์เยี่ยนเองก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน ดังนั้นการที่ลี่หยวนตี้ไม่เอ่ยถึงผลแพ้ชนะครั้งนี้ เยียลี่ว์เยี่ยนก็ควรดีใจแล้วหุบปากเงียบเอาไว้ เพราะหากเอ่ยถึงอีกก็จะไม่เป็นธรรมกับพวกเขาเสียเปล่าๆ
“ท่าน ท่านพี่…” เยียลี่ว์เยียนเหลือบมองเยียลี่ว์เยี่ยนอย่างหวาดกลัวแล้วบิดตัวไปมาพลางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพี่ ข้ามิได้ล้มไปเองนะเพคะ! แต่มี ตอนนั้นมีของบางอย่างมากระแทกโดนข้อเท้าของน้อง เยียนเอ๋อร์ก็เลย หกล้มลงไป…” เยียลี่ว์เยียนรู้ดีว่าคำอธิบายนี้ของนางฟังดูไร้น้ำหนักถึงขั้นที่อาจทำให้เข้าใจว่านางแก้ตัว แต่ความจริงเป็นเช่นนี้จริงมีบางอย่างมากระแทกที่ข้อเท้านางจริงๆ นางจึงล้มลงไป
และก็เป็นไปตามคาด เมื่อเยียลี่ว์เยี่ยนฟังคำอธิบายที่ไร้น้ำหนักของเยียลี่ว์เยียนจบ เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงยิ้มเยาะแล้วใช้สายตาโกรธจัดมองไปที่เยียลี่ว์เยียน “แล้วอย่างไรต่อขาเจ้าหักรึไม่เจ้าตายหรือเปล่าตอนนี้เจ้ายังนั่งตัวเป็นๆ อยู่ตรงนี้แล้วบอกเหตุผลนี้แก่ข้าแล้วเจ้ามีเหตุผลอะไรที่จะร่ายรำต่อไปไม่ได้”
“ไม่ใช่นะเพคะท่านพี่! เยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์…”
“หุบปากไปซะเยียลี่ว์เยียน” เยียนลี่ว์เยี่ยนตัดบทนาง พลางใช้สายตาเกลียดชังมองไปที่นางแล้วเอ่ยขึ้นอีกว่า “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยสนใจขั้นตอน ข้าสนใจเพียงผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายเจ้ากลับ…เป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นผลจะเป็นเช่นไร ข้าเดาว่า เจ้าก็คงคิดเผื่อเอาไว้บ้างแล้วใช่หรือไม่”
ตอนนี้เยียลี่ว์เยี่ยนเองกลัวว่าตนจะควบคุมตัวเองไม่ไหวจนถึงขั้นตบหน้าเยียลี่ว์เยียน เพื่อให้นางเข้าใจเสียทีว่านางได้ทำอะไรผิดไป
เสียงของชาวต้าชั่วที่อยู่รอบทิศดังเซ็งแซ่ขึ้นเรื่อยๆ สายตาของพวกเขาในตอนนี้ก็เริ่มลามปาม เยียลี่ว์เยี่ยนสูดหายใจเข้ายาวพยายามให้อารมณ์ของตัวเองนั้นสงบลง แต่ยิ่งคิดเช่นนี้เขาก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกอยากจะสั่งสอนผู้ที่ทำผิดจนทำให้เขาต้องขายขี้หน้าคนนี้ไม่ได้
ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร ผู้ที่ทำให้เยียลี่ว์เยี่ยนต้องขายหน้าจะต้องได้รับการชดใช้ในการกระทำของตัวเองอย่างไม่มีข้อยกเว้นแม้ว่าคนผู้นี้จะเป็นน้องสาวของตนก็ตาม
“พี่ต้วน ใช้ได้เลย” หันชิงอวี่ใช้ตะเกียบคีบถั่วลิสงขึ้นมาพลางเอ่ย “ร้ายกาจๆ สามารถเอาถั่วลิสงมาทำเป็นอาวุธลับได้ กำลังภายในของพี่ต้วนใช้ได้ทีเดียว! แต่นี่มันใจร้ายเกินไปรึเปล่าเพราะถึงอย่างไรนางผู้นั้นก็เป็นสาวงาม พี่ต้วนยังทำใจลงมือได้ ดูสิ นางแพ้เลยโดนพี่ชายตัวเองดุใหญ่เลยโธ่เอ๊ย ดูท่านางเข้าสิ น่าสงสารยิ่ง”
แม้ว่าหันชิงอวี่จะคีบอาหารเข้าปากอยู่แต่เขาก็ยังคงพูดไม่ยอมหยุดปาก เขาค่อนแคะว่าต้วนเฉินเซวียนไม่รู้จักการทะนุถนอมพลางต่อว่าว่าเยียลี่ว์เยี่ยนดุร้ายกับน้องสาวของตัวเองมากเกินไป
แต่สายตาของเขากลับแสดงออกชัดเจนว่าเขามีความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งเฝ้ามองความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นระหว่างต้วนเฉินเซวียนกับซูเหลียนอวิ้น
“ทำไมของกินถึงอุดปากเจ้ามิได้” เดิมทีต้วนเฉินเซวียนตั้งใจว่าจะไม่สนใจหันชิงอวี่ เขาอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยให้เขาพูดไปเพราะถึงอย่างไรก็คงไม่ทำให้เขารู้สึกเดือดร้อนอะไร อีกอย่างก็ถือโอกาสเป็นการฝึกฝนความหน้าหนาของตัวเองไปด้วย
เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเอง…หนังหน้ายังไม่ได้หนาถึงขั้นนั้น มิเช่นนั้นแล้วตอนนี้เขาคงจีบซูเหลียนอวิ้นติดแล้วกระมังแต่จะให้ทำอย่างไรได้ แม้ว่าเขาอยากจะทนให้ได้ถึงที่สุดแต่หันชิงอวี่นั้นปากมากน่ารำคาญเกินไปเสียจนทำให้ต้วนเฉินเซวียนทนไม่ไหว
เขาจึงหยิบปอเปี๊ยะใบบัวขึ้นแล้วเอาเข้าไปอุดปากของหันชิงอวี่ที่ยังคงอ้าปากพูดไม่หยุด “ตอนนี้เจ้าช่วยปิดปากเสียทีเถอะ ข้าไม่อยากได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว นั่งกินอาหารของเจ้าไปเงียบๆ ซะ!”
หันชิงอวี่ตกตะลึงไปเพราะเขาไม่เคยเห็นต้วนเฉินเซวียนมีอาการเช่นนี้มาก่อน หงุดหงิดอยู่แต่กลับไม่ได้มีท่าทางโกรธจริงจังนี่คงจะเป็นอาการ…เขินเสียมากกว่ากระมัง!
“พี่ต้วน พี่ต้วน ข้าไม่ได้ว่าท่าน” หันชิงอวี่กระดกน้ำชาไปอึกหนึ่ง สุดท้ายเขาจึงกลืนปอเปี๊ยะใบบัวนั่นลงไปได้ “ข้าคิดว่าหากท่านอยากจะตามจีบไปแบบนี้…ผลลัพธ์ออกมาคงไม่ถูกนัก! “
“ไม่ถูกตรงไหน”
“ที่ท่านทำทั้งหมดท่านคงแอบลงมือเงียบๆ เองกระมังคุณหนูซูไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าท่านยื่นมือเข้าไปช่วยนางเห็นหรือไม่ว่านางไม่รู้ด้วยซ้ำ! ดังนั้นท่านจะมานั่งปลื้มใจในตัวเองอะไรอยู่ตรงนี้เล่า มีแต่ตัวท่านที่รู้สึกประทับใจตัวเอง
“อีกอย่าง เหมือนข้าได้ยินมาว่าคุณหนูซูเป็นคนเข้มแข็งมากคนหนึ่งหากนางรู้ว่าเบื้องหลังของชัยชนะครั้งนี้มีท่านออกแรงช่วย…เฮ้อ นั่นคงไม่เป็นผลดีแน่”
ต้วนเฉินเซวียน “…”
คำพูดนี้กล่าวได้ไม่เลวเลย…ดูเหมือนว่านิสัยของซูเหลียนอวิ้นจะเป็นเช่นนี้จริงหากซูเหลียนอวิ้นรู้ว่ามีการลงมือเช่นนี้ ผลที่จะเกิดตามมาคือนางจะว่าเขาที่เขาแอบลงมือและคงกราดเกรี้ยวใส่เขาด้วยกระมัง
แค่คิดก็…เอ่ออ
ต้วนเฉินเซวียนถอนใจ “ผู้ใดบอกว่าข้าทำเพื่อซูเหลีนอวิ้นเล่าข้าทำเพื่อต้าชั่วมิได้รึหากเยียลี่ว์เยียนเป็นฝ่ายชนะขึ้นมาจะมีผลดีอะไรกับต้าชั่วบ้างดังนั้นเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับซูเหลียนอวิ้นกัน”
เมื่อหันชิงอวี่ได้ยินต้วนเฉินเซวียนอธิบายราวกับเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนั้นเองที่เขากวาดตามองต้วนเฉินเซวียนตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายจึงถอนใจออกมาแล้วกล่าวว่า “พี่ต้วน ท่านสบายใจเช่นนั้นก็ดี…เพราะน้องอย่างข้าพูดอะไรท่านก็คงไม่ฟังอย่างนั้นท่านก็หลอกตัวเองและไม่ยอมรับความจริงต่อไปเถอะถึงตอนนั้นท่านจะเสียใจ! “
เขาไม่ยอมรับตั้งแต่เมื่อใดต้วนเฉินเซวียนขมวดคิ้ว เขาเคยบอกว่าไม่ยอมรับหรือ
อันที่จริงคำพูดนี้ของหันชิงอวี่เคยกล่าวมาแล้วรอบหนึ่งเมื่อชาติก่อน เขาก็หลอกตัวเองและไม่ยอมรับว่าตนจะเสียใจทีหลัง พอมาตอนนี้เขาเริ่มเสียใจทีหลังจริงๆ เสียแล้ว
ช่างเถอะๆ ต้วนเฉินเซวียนยกมือขึ้นลูบผมอย่างไม่ใส่ใจ อย่างนั้นรอให้งานเลี้ยงจบลงก่อนแล้วเขาจะไปคุยกับซูเหลียนอวิ้นสักหน่อยเพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ยอมรับแล้ว
……
“ฮ่องเต้ลี่หยวน” ตอนที่ลี่หยวนตี้เตรียมจะประกาศผลแพ้ชนะอยู่นั้น เยียลี่ว์เยี่ยนก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “ฮ่องเต้ลี่หยวน อันที่จริงการมาในครั้งนี้ของข้ากับน้องสาวยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะทำ”
“อ้อ? ” คิ้วของลี่หยวนตี้เลิกขึ้นอย่างน่าขบขัน”ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือ” ลี่หยวนตี้ใช้แววตานับถือมองไปที่เยียลี่ว์เยี่ยน เพราะเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะขายหน้าไปมากเสียขนาดนั้น ตอนนี้ยังยืนขึ้นมาเพื่อเล่นลูกไม้ตุกติกได้อยู่อีกหรือ
นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วๆ ไปจะสามารถทำได้ เพราะทั้งหนังหน้าหรือจิตใจคงหนามากทีเดียว
แม้ว่าผู้ชมจะคิดเช่นนี้ แต่ตอนที่เยียลี่ว์เยี่ยนสนทนากับลี่หยวนตี้อยู่นั้นไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแอบกระซิบกระซาบกันได้ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงทำได้เพียงชูคอยื่นออกไปฟังให้มากที่สุดแล้วมองไปที่เยียลี่ว์เยี่ยนด้วยความร้อนใจเพื่อรอดูว่าครั้งนี้เขาจะมีลูกไม้อะไรอีก
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่กลัว เพราะชนะมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้พวกเขาเลยมีแรงฮึกเหิมอย่างรุนแรง!