ฮูหยินหลินที่นั่งอยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินหลินเหวินเสี่ยวพูดเจื้อยแจ้วด้วยคำพูดที่เป็นปรปักษ์กับเยียลี่ว์เยี่ยนเช่นนี้ นางจึงรู้สึกตกใจอยู่มากจึงเอามือข้างหนึ่งดึงกระโปรงของหลินเหวินเสี่ยวเบาๆ ใต้โต๊ะ
ขนาดบุรุษยังไม่ยอมเอ่ยปากอะไรหลินเหวินเสี่ยวเป็นเพียงสตรีจะไปโต้เถียงอะไรกับเขาหากสตรีถูกหาว่าเป็นพวกปากว่าตาขยิบ วาจาร้ายกาจขึ้นมา นั่นคงไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดีแน่!
อีกอย่างเมื่อดูลักษณะของเยียลี่ว์เยี่ยนแล้วก็รู้ว่าเป็นคนประเภทแค้นฝังหุ่น! นางไม่อยากให้ลูกสาวของตนมีผู้ใดเคียดแค้นเช่นนั้น!
หลินเหวินเสี่ยวไม่สนใจมือที่กำลังยุ่งกับนางอยู่ใต้โต๊ะ เพราะแม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ขัดขวางนาง อีกทั้งแววตาที่บิดามองมาที่นางนั้นก็เป็นแววตาแห่งการชื่นชม แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่นางกำลังลงมืออยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว! ดังนั้นคำพูดไร้สาระพวกนั้น นางจะยังต้องสนใจอะไรอีกเพราะฮ่องเต้มีสถานะสูงสุด ผู้ใดจะกล้าขัดขวาง
“ในเมื่อคุณหนูนางนี้บอกว่าเมื่อกี้คือการอ่อนข้อให้” เยียลี่ว์เยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อย่างนั้นแข่งกันอีกสักรอบดีหรือไม่แต่ครั้งนี้ฝั่งต้าชั่วห้ามออมมืออย่างเด็ดขาด!”
หลินเหวินเสี่ยวไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อเพียงส่งสายตาของนางไปที่ลี่หยวนตี้ เพราะแม้ว่าแววตาของลี่หยวนตี้จะสนับสนุนนางให้นางพูดต่อก็จริง แต่การตบปากรับคำตกลง ด้วยฐานะของนางแล้วมิอาจตัดสินใจได้อย่างแน่นอน
การจะตกลงหรือไม่ตกลงนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลี่หยวนตี้
หลินเหวินเสี่ยวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความมั่นใจและมีความปรารถนาอย่างมาก สายตาของนางกำลังบอกลี่หยวนตี้ว่า ‘การแข่งขันครั้งนี้นางมีแผนการแล้ว! มิถูกสิ คงต้องพูดว่านางรู้ว่าซูเหลียนอวิ้นมีแผนการแล้ว!’
“ตกลง ในเมื่อองค์ชายเยียลี่ว์ปรารถนาผลแพ้ชนะ เช่นนั้นคงต้องแข่งขันกันอีกสักรอบกระมัง” ลี่หยวนตี้ยิ้มแล้วมองไปที่เยียลี่ว์เยี่ยน ตอนนี้แรงกดดันแผ่กระจายออกมาจากรอบตัวของเขา “แต่ครั้งนี้มิรู้ว่าทางด้านเมืองเยียลี่ว์จะส่งผู้ใดออกมาหรือจะยังคงเป็นองค์หญิงคนเดิมแต่ว่า…องค์หญิงเพิ่งจะร่ายรำเสร็จไป เรี่ยวแรงกลับคืนมาแล้วหรือไม่ยังแข่งอีกรอบหนึ่งไหวหรือ”
แม้ว่าเมื่อดูจากท่าทางของหลินเหวินเสี่ยวแล้วนางจะต้องมีแผนการในใจและมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าลี่หยวนตี้เป็นเจ้าแผ่นดิน เรื่องราวทุกเรื่องหากสามารถลดความเสี่ยงลงได้ก็ต้องลดให้ได้มากที่สุด
เนื่องจากตอนนี้สงครามทางวาจาได้สิ้นสุดลงไปแล้ว พวกเขาทั้งคู่ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นการแข่งขันจริง…หากเป็นไปได้อย่าเกิดขึ้นอีกครั้งจะดีกว่า
“เยียนเอ๋อร์ เจ้าไหวหรือไม่” เยียลี่ว์เยี่ยนหันหน้าไปแล้วยิ้มให้เยียลี่ว์เยียน “หากยังไหว เจ้ามาแข่งอีกสักรอบได้หรือไม่”
เยียลี่ว์เยียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าตัวเองยังไหว ทว่าด้วยท่าทางเช่นนี้ของนาง ทำให้สังเกตได้ไม่ยากว่านางกำลังฝืนตัวเอง เพราะสำหรับนางในตอนนี้รอยยิ้มของเยียลี่ว์เยี่ยนเป็นสิ่งที่นางคุ้นเคยมาก! เพราะถือเป็นสัญลักษณ์เตือนล่วงหน้าก่อนที่อารมณ์ของเยียลี่ว์เยี่ยนจะระเบิดออกมา ดังนั้นตอนนี้เยียลี่ว์เยียนจึงรู้สึกว่าด้านหลังของนางมีเหงื่อไหลออกมาเป็นชั้นบางๆ เหงื่อที่ไหลออกมานั้นทำให้เสื้อผ้าของนางแนบชิดยิ่งขึ้น ความรู้สึกเหนียวเหนอะน่ะนี้ ทำให้นางรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก
“ท่านพี่ เยียนเอ๋อร์ยังรำไหวเพคะ” เสียงของเยียลี่ว์เยียนตอนนี้สั่นเครือ หลังจากที่นางพยักหน้ารับแล้วนางก็หดหัวของตัวเองกลับอย่างรวดเร็วไม่กล้าชูคอขึ้นมาอีก
นั่นเป็นเพราะตอนนี้ความรู้สึกกลัวและตื่นเต้นของเยียลี่ว์เยียนค่อยๆ มลายหายไปจากใจและร่างกายของนาง
รอยยิ้มของเยียลี่ว์เยี่ยนนั้นบอกนางอย่างชัดเจนแล้วว่า หากครั้งนี้นางกล้าแพ้คอยดูเถิดว่าตอนกลับว่านางจะเป็นเช่นไร! นั่นเป็นเพราะตลอดมาเยียลี่ว์เยี่ยนเป็นผู้ที่รักษาหน้าตาของตัวเองเหนือกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำยั่วยุและอวดดีเช่นนี้จากต้าชั่วแล้ว อารมณ์ของเขาจึงเริ่มเกรี้ยวดราดอย่างมากมาสักพักแล้ว
ดังนั้นหากนางไม่สามารถทำให้ต้าชั่วต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นลายและเสียหน้าได้ นางคงไม่ต้องรอถึงตอนที่กลับไปเพราะเพียงนางออกจากวัง นางก็จะได้ลิ้มรสกับวิธีจัดการของเยียลี่ว์เยี่ยนแล้ว
“คุณหนูหลิน ตามข้ามาเถิด” ตอนนี้มีขันทีน้อยท่าทางนอบน้อมโผล่มาข้างๆ นางโดยที่นางไม่ทันได้รู้ตัว เขากำลังค้อมตัวอยู่ข้างๆ หลินเหวินเสี่ยว และทำท่าทางให้นางไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว
“ข้าไม่ได้เป็นคนรำ” หลินเหวินเสี่ยวเอ่ยขึ้นเบาๆ “เป็น…ช่างเถอะ เหลียนอวิ้น เจ้าไปกับข้าเถิด”
คิดเสียว่าเป็นการทิ้งระเบิดควันเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ทำให้ผู้ชมเดาไม่ถูกว่าผู้ใดกันแน่ที่จะลงสนาม ถึงอย่างไรตอนนี้ทุกคนคงคิดว่านางจะเป็นผู้ลงสนามเองแล้วกระมัง หากทุกคนล้วนคิดเช่นนั้นก็ปล่อยให้คิดไปก่อนเถิด! เพราะหากสร้างอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ให้เยียลี่ว์เยี่ยนได้บ้างก็ควรทำใช่หรือไม่
ถึงอย่างไรระวังตัวไว้ก่อนก็ไม่เลว เพราะระหว่างการเปลี่ยนชุด ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่คาดฝันขึ้นตอนที่พวกนางกลับมาหรือไม่
“อวิ้นเอ๋อร์!” อันเพ่ยอิงเอ่ยปากเรียกเบาๆ “เจ้าจะไปก่อเรื่องอะไรอีก! มีคนตามไปกับหลินเหวินเสี่ยวแล้ว เจ้ากลับมานั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิมเสียดีๆ!” มนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นว่าหลินเหวินเสี่ยวเป็นเป้าการโจมตีเมื่อผู้ชมทุกคนล้วนพุ่งความสนใจมารวมไว้ที่นางเช่นนี้…ตอนนี้อันเพ่ยอิงไม่อยากให้ซูเหลียนอวิ้นสนิทสนมกับอันเพ่ยอิงเลยแม้แต่น้อย
ลูกสาวของนางไม่จำเป็นต้องออกหน้าอะไรทั้งนั้น ทำเพียงนั่งเฉยๆ อยู่ตรงนี้เช่นเดียวกับคนส่วนมากก็เพียงพอแล้ว
“ท่านแม่ อย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ” ซูเหลียนอวิ้นค่อยๆ แกะมือที่จับแขนของนางออกช้าๆ แล้วหันไปยิ้มบางๆ ให้ “เชื่อในตัวลูกก็พอ ลูกรู้จักผิดชอบเจ้าค่ะ เชื่อลูกเถิด”
“อย่างนั้น…เจ้าต้องระวังตัวให้มาก” เมื่ออันเพ่ยอิงเห็นการแสดงออกของซูเหลียนอวิ้นเช่นนั้นจึงตอบกลับไปเบาๆ เพราะอันเพ่ยอิงเองก็รู้ดีว่าตอนนี้แม้ว่าตนจะพูดมากแค่ไหนก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ลูกสาวของนางได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างไรตนก็ยังอยู่ตรงนี้ ครอบครัวของพวกตนยังอยู่ที่นี่ และที่นี่คือแผ่นดินต้าชั่ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล!
“เยียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงดูประหม่านัก” เยียลี่ว์เยี่ยนจิบน้ำชาพลางเหลือบมองเยียลี่ว์เยียนคราหนึ่ง
“ยังไหวเพคะ” เยียลี่ว์เยียนตอบพลางก้มหน้า มือทั้งสองข้างของนางจับชายกระโปรงเอาไว้แน่น “เพียงแค่รู้สึกแปลกใจและคาดไม่ถึงก็เท่านั้น น้องแปลกใจว่าคุณหนูคนที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่นั้น ความสามารถในการร่ายรำของนางเป็นอย่างไรถึงได้กล้าพูดออกมาเช่นนั้น”
เยียลี่ว์เยียนสูดหายใจเข้าลึก โดยหวังว่าจะทำให้ใจของตนที่กำลังเต้นแรงสงบลง เพราะที่เยียลี่ว์เยี่ยนกล่าวนั้นไม่ผิด ตอนนี้นางออกจะรู้สึกประหม่าและกังวลเป็นอย่างมาก!
นั่นเป็นเพราะว่าการร่ายรำเมื่อครู่นี้กินเรี่ยวแรงของนางไปมากแล้ว ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้นางจะได้พักผ่อนไปแล้วแต่เรี่ยวแรงของนางเกรงว่าคงยังไม่พอที่จะทำให้นางกลับมาเต้นอีกรอบหนึ่งได้
อีกทั้งยังมีการเตือนของเยียลี่ว์เยี่ยนและท่าทางมั่นอกมั่นใจของหลินเหวินเสี่ยวเช่นนั้นอีกทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมเข้าด้วยกัน ทำให้นางในตอนนี้รู้สึกอ่อนแอและกังวลจนแทบจะเป็นบ้า!
“เยียนเอ๋อร์” เยียลี่ว์เยี่ยนวางจอกสุราลงแล้วเอามือเท้าคางเอ่ยว่า “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะตื่นเต้นหรือว่าใกล้จะตายอยู่รอมร่อ การแข่งขันครั้งนี้หากเจ้าแพ้…หึๆ ยังต้องให้ข้าอธิบายอะไรอีกหรือไม่”