รุ่งขึ้น หลังจากเหตุการณ์เลวร้าย…
อันยืนมองตัวเองหน้ากระจก มองเงาภาพสะท้อนใบหน้าของตนที่ไร้ความรู้สึก เหม่อลอย เมื่อยล้า มองรอยจูบเล็ก ๆ ที่เขาฝากไว้ตรงต้นคอ มองตาบวมแดงก่ำ แสดงให้เห็นว่าเธอร้องไห้อย่างหนัก และไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน
อยากคิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายที่เกิดขึ้น รอยเลือดที่เปื้อนกางเกงใน เป็นเครื่องยืนยันที่ดีว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว ความเจ็บปวดนี้ไม่อาจมีใครเข้าใจ
เธอหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินขึ้นมาสวมใส่ รวบผมลอนยาวประมาณกลางหลังผูกเป็นหางม้า แต่งหน้าอ่อน ๆ พลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา ใส่แว่นอันใหญ่หนาเตอะ มันคือลุคสไตล์ประจำตัวของอันในทุก ๆ วัน เธอกลับมาเป็นอัน นักเขียนคอลัมน์นิตยสารอาหาร
อันเคยคิดเสมอว่าการที่อันได้ทำงานแทนอิง เธอก็เหมือนซินเดอเรลล่าได้ใส่ชุดสวย ๆ ได้ทำงานกับนักแสดงเก่ง ๆ มากมาย พอตื่นขึ้นมาอีกวัน เธอก็เป็นเพียงหญิงสามัญชนกลับมาทำงานตามปกติ
แต่เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้มุมมองของเธอเปลี่ยนไป เธอเป็นแค่ของเล่นแสนสนุกของแม่มดพ่อมดเท่านั้นแหละ เจ้าหญิง เจ้าชายในเทพนิยายไม่มีหรอก เพราะชีวิตจริงมีแต่สิ่งจอมปลอม มีหน้าตาหล่อ สวย ชื่อเสียง เงินทองไว้ปกปิด ส่วนที่เน่าเฟะเบื้องหลังเอาไว้ นัยน์ตาของเธอมีแต่ความว่างเปล่า ไร้ความรู้สึกใด ๆ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น มันทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น
อันตัดสินใจไปหาอิงที่บริษัทต้นสังกัดที่เธอทำงานอยู่ อันค่อนข้างจะรู้รายละเอียดตารางงานของอิงอยู่พอสมควร เพราะเธอต้องทำอะไรแทนอิงอยู่บ่อยครั้ง
และวันนี้ เวลา 10.30 น. อิงกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องแต่งตัว เพื่อเตรียมตัวถ่ายละครที่บริษัทต้นสังกัด
ณ บริษัทต้นสังกัดที่อิงทำงานอยู่
อันเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าของห้อง สร้างความตกใจให้กับอิงเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่คิดว่าอันจะบุกมาหาเธอถึงที่นี่
“มาที่นี่ทำไม อยากให้คนอื่นจับได้รึยังไง”
คำพูดแรกที่อิงทักเธอ และมีสีหน้าโมโห ไม่พอใจ
หลังจากที่อิงส่งอันไปหาลูเซี่ยนเมื่อคืน นี่คือคำทักทายแรกงั้นเหรอ สิ่งที่อิงกลัวมากที่สุดคือความลับจะถูกเปิดเผย ที่ว่าเธอมีน้องสาวฝาแฝดแทนที่จะถามถึงเรื่องเมื่อคืน
‘นี่ไม่คิดจะถามเลยเหรอว่าเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนนี้’ อันคิดในใจ
อิงห่วงแค่สิ่งที่เธออุตส่าห์สร้างสมทำมาทั้งหมดต้องเสียเปล่า ทั้งชื่อเสียง เงินทอง ถ้าอันไปต้องตาผู้บริหารหรือแมวมองหรือนักปั้นคนไหนขึ้นมา อันจะต้องแย่งตำแหน่งเธอ แย่งงานเธอไปแน่ เธอห่วงแต่ตัวเอง
อันมองอิงด้วยความโกรธ เธอเดินเข้าไปหาอิงที่นั่งเล่นมือถืออยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง อันเขย่าตัวอิงอย่างแรง จนโทรศัพท์ในมือเธอตกลงกับพื้น ทำให้หน้าจอโทรศัพท์มือถือมีรอยแตกร้าว
“เธอทำแบบนี้ทำไม รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไม! ทำแบบนี้ทำไม!”
อันไม่เคยโกรธอิงมากขนาดนี้มาก่อน เธอร้องไห้ออกมา บีบแขนอิงอย่างแรง อันโกรธอิงมากที่สุดในเวลานี้ เพราะอิงเป็นสาเหตุที่ให้อันเจอแต่เรื่องร้าย ๆ
“ปล่อยฉันนะอัน ฉันเจ็บ”
อิงพยายามดิ้นขัดขืน จับแขนอันแล้วผลักออก แต่มันไม่ได้ผล
“แค่นี้มันยังน้อยไปที่เธอทำกับฉัน ฉันเป็นน้องเธอนะ ทำไม! ทำไม!”
อันตะโกนลั่นห้องปลดปล่อยความโกรธออกมา อันสติแตก อิงเองก็ไม่คิดจะอธิบายเหตุผลอะไร
“ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อยไง!” อิงพูด
เธอมองหน้าอันที่ร้องไห้แต่เธอไม่สนใจสักนิด เธอแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่เท่านั้น
นทีที่เห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาแยกอันออกจากอิง อันดิ้นไม่หยุดเพื่อจะเข้าไปถามเธอถึงเหตุผลของเรื่องที่เธอทำเมื่อวาน อิงจ้องหน้าอันด้วยสายตาไม่พอใจ แรงบีบของอัน ทำให้แขนเธอเจ็บ แดงช้ำเป็นรอยนิ้วมือ
“แกทำบ้าอะไร! ถ้าวันนี้ฉันถ่ายละครไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง รู้ไหมว่ามันจะกระทบกับชื่อเสียงและเงินของฉันมากเท่าไหร่ เพราะการกระทำบ้า ๆ ไร้สติของแก”
อิงขึ้นเสียง อิงสำรวจตัวเอง จัดเสื้อผ้า หน้าผมที่ยุ่งกระเจิง ทั้ง ๆ ที่ช่างทำผมพึ่งทำผมให้เธอเสร็จหมาด ๆ
อันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าอิงยังจะห่วงตัวเองมากขนาดนี้ ไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอเลย ความโกรธ เสียใจ ทำให้อันหน้าแดงและกำหมัดแน่น จนอยากกระโจนเข้าไปหาอิงอีกรอบ ถ้าไม่ติดที่นทีรั้งตัวอันไว้
“ชื่อเสียง เงินทอง มันสำคัญมากกว่าชีวิตของน้องสาวของเธออย่างนั้นเหรอ ทำไม!” อิงตอบอะไรทำแค่เพียงนิ่งเงียบ
“…”
“นี่เหรอชื่อเสียง เงินทอง ชีวิตหรูหราที่เธอต้องการ โดยการเอาตัวเข้าแลก นอนกับผู้ชายที่พร้อมจะจ่ายเงินเธอ น่าขันสิ้นดี” อันพูด
“ก็ใช่ไง ฉันยอมแลกได้ทุกอย่างเพื่อให้ฉันได้เงินและชื่อเสียง แลกได้แม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง”
อิงพูดออกมาพร้อมจ้องมองอันไม่ละสายตา สายตาของอิงตอนนี้คือนางมารร้ายจากละครที่มาอยู่ในชีวิตจริง สายตาที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เย็นชา ไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้ อันไม่อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากพี่สาวของตนเอง น้ำตาอันไหลไม่หยุด เพราะความเสียใจ ผิดหวัง
“อิง!” อันเรียกตะโกนชื่อของอิงอย่างโมโห
นทีพยายามจับแขนอันไว้ กลัวว่าเธอเข้าไปทำร้ายอิง แม้แต่นทีเองก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าอิงจะพูดแบบนี้กับอัน ที่เป็นสายเลือดเดียวกันแท้ ๆ
“ถ้าเข้าใจแล้วก็กลับไปซะสิ ฉันไม่อยากเห็นเธอที่นี่อีก”
“…”
“กลัวจะมีคนรู้เหรอ ว่าอิง ณภัสสร มีน้องสาวฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันเอามาก ๆ จนบางครั้งก็ให้ไปงานแทนตัวเอง ขณะที่ตัวเองกำลังทำสปาอย่างสบายใจหรือไม่ก็นอนกกกับผู้ชายที่ไหนสักแห่ง” อันพูดประชดประชัน
เพี๊ยะ!
อิงเดินเข้ามาตบหน้าอันอย่างแรง เมื่ออันพูดจบ
“แล้วแกจะทำอะไร ป่าวประกาศให้คนรู้งั้นเหรอ แกคิดจะทำลายชื่อเสียงฉันใช่ไหม คิดจะแย่งอะไรไปจากฉันอีกละ หรือชีวิตแม่มันยังไม่พอ”
อิงโกรธใช้มือดึงผมอัน ยกหน้าอันให้เงยขึ้นสบตาเธอ ตาแดงก่ำน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้เมื่อพูดถึงแม่ของอิง ทำให้อันนิ่งเงียบไม่พูดอะไร อารมณ์โกรธราวกับพายุไต้ฝุ่นเมื่อกี้ของอัน กลับเปลี่ยนมาเป็นเพียงแค่เมฆฝน เพราะอันรู้ถึงความหมายของคำพูดนั้นดี
ตั้งแต่แม่ของอิงและอัน ตายจากไปเพราะอุบัติเหตุ ตอนพวกเธออายุได้ 7 ขวบ สาเหตุของอุบัติเหตุที่ทำให้แม่ตายก็คืออัน มันเป็นบาดแผลฝั่งลึกในใจทั้งสองฝ่าย อันรู้ตัวเองดีว่าเธอทำให้แม่ต้องตาย เธอคิดแบบนั้นมาตลอด อันพรากสิ่งสำคัญที่สุดของอิงไป และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อันยอมเสียสละได้ทุกอย่างให้อิง ไม่ว่าจะเป็นความฝัน หน้าที่การงาน หรือทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้เพื่อให้อิงสบายใจ เหมือนเป็นการไถ่โทษ
ทั้งสองจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไร
“…”
“พี่นที ปล่อยอันเถอะค่ะ อันจะกลับแล้ว” นทีปล่อยแขนอัน
ท่าทางที่เปลี่ยนไปของอันโดยฉับพลันทำให้นทีที่อยู่ในเหตุการณ์งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพียงเพราะคำพูดเพียงนิดเดียวของอิง ทำให้เธอสงบอารมณ์ได้มากขนาดนี้เลยเหรอ อันหยิบกระเป๋าสะพายที่ตกอยู่บนพื้น เดินไปเปิดประตู ก่อนหยุดพูดโดยไม่หันหน้ามามองอิง
“ไม่ต้องห่วงหรอกอิง ฉันจะทำงานแทนเธอทุกอย่างเท่าที่เธอต้องการอยากจะให้ฉันทำ เธอจะให้ฉันไปถ่ายละคร ตากแดด ตากลม ตากฝนที่ไหนก็ได้ แต่…ถ้าเรื่องเมื่อวานเกิดขึ้นกับฉันอีก… ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป” อันปิดประตูลง
อันเดินจากมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อิงรู้สิ่งที่อันพูดเป็นอย่างดี อิงเงียบไม่พูดอะไร กลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม แม้จะดูภายนอกเหมือนเธอจะสงบนิ่งแต่ในใจของเธอกลับร้อนรนเหมือนไฟที่กำลังมอดไหม้ แต่ใช้เวลาไม่นานไฟก็ค่อย ๆ สงบลง เธอยิ้มมุมปาก ก่อนนะพูดออกมาว่า
“เธอไม่มีทางจะทำแบบนั้นหรอกอัน เพราะเธอเองก็รู้เหตุผลนั้นดี ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอคงเป็นดาราดังไปแล้ว” นทีฟังที่อิงพูด
เขาไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองพี่น้อง เขารู้เพียงว่าอิงเป็นคนที่นิสัยร้ายกาจมาก ก่อนจะเดินไปตามช่างทำผมมาทำผมให้อิงใหม่อีกครั้ง
ไม่มีใครสักคนสังเกตถึงสีหน้าอารมณ์อ่อนไหวที่โผล่ออกมาชั่วพริบตาของอิง น้ำตาเธอไหล มันมีบางอย่างที่มากระทบใจเธอ เธอรีบเช็ดมันออก เพราะอิงไม่อยากให้ใครเห็น มุมอ่อนแอของเธอแม้แต่คนเดียว
อันเดินออกมา หยุดยืนอยู่หน้าบริษัทที่ทำงานของอิง เธอยืนนิ่งให้ผู้คนเดินผ่านไปมา หลับตานิ่ง สงบอารมณ์ของเธอ เธอก้มหน้ามองลงพื้น เอามือเท้าสะเอวด้านข้างทั้งสอง เม้มปากกลั้นอารมณ์ตัวเองไม่ให้เธอร้องไห้ออกมา ก่อนใช้มือข้างหนึ่งเสยผมขึ้น แก้มัดผมที่ยุ่งเหยิงปล่อยผมลง ทำให้เธอรู้สึกเบาหัว ปล่อยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้ายคืนหนึ่ง
ก่อนจะเดินกลับไปทำงานตามปกติ โดยไม่รู้ว่ามีคนเฝ้ามองดูเหตุการณ์นั้นอยู่ ชายหนุ่มในชุดสูทหรูนั่งไขว่ห้าง มือกุมเข่าในท่าทางสง่าผ่าเผยอยู่บนรถยุโรปที่จอดห่างจากเธอไม่มากนัก เขายิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
“น่าสนใจจริง ๆ อิง ณภัสสร กับ อัน นริศรา ฝาแฝดงั้นเหรอ หึ”
“…”
“สั่งคนคอยจับตาดูสองคนนั้นให้ดี”
“ครับท่านลูเซียน”
บอดี้การ์ดคนขับรถรับคำสั่ง ก่อนจะขับรถออกไป