บทที่ 869 ยายเมิ่งร้องไห้ ติดอยู่ไม่อาจผ่านไปได้แล้ว!
ลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน มีสิ่งมีชีวิตก้าวย่างผ่านจักรวาลโกลาหลต่าง ๆ อย่างแช่มช้า
การเดินด้วยนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมาก มันคือคุนขนาดมหึมาตัวหนึ่ง สีหน้าท่าทางของมันราวกับรู้แจ้งเรื่องราวบางอย่าง และกำลังอยู่ระหว่างการครุ่นคิด
ร่างกายใหญ่มโหฬารของมันเปล่งแสงสลัว เมื่อเดินทางผ่านจักรวาลอันมืดมิด ประหนึ่งเป็นแสงสว่างส่องบนจักรวาลอันเปี่ยมไปด้วยดวงดาว
“ชุมนุมพ่นใย หลี่จิ่วเต้า?!”
เมื่อผ่านจักรวาลโกหาหลแห่งนี้ มันก็ได้ยินเสียงนี้ขึ้นมา จึงหยุดก้าวเดินต่อ
มันตัวใหญ่มหึมาอย่างถึงที่สุด เพียงแค่ร่างของมันก็สามารถบรรจุดวงดาราเอาไว้ได้ ทั้งยังเปล่งด้วยแสงเจิดจ้าหาที่เปรียบไม่ได้ ดูศักดิ์เหนือชั้นยิ่ง
ทว่ากลับไม่สิ่งมีชีวิตใดที่สามารถเห็นตัวมันได้
ขอบเขตของมันสูงล้ำ สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจมองเห็นร่างของมันได้ยกเว้นมันจงใจปรากฏตัวออกมาเอง
“ก่อนหน้านี้มัวแต่ตามรอยเส้นสนกลในของฉากหน้าจึงถูกเหนี่ยวรั้ง สบโอกาสให้เขาได้รับกระบี่ฉุนจวินไป…”
น้ำเสียงเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของมันมีความเสียดายอยู่บ้าง
กระบี่ฉุนจวิน กระบี่ไร้เทียมทานในตำนาน สามารถกวาดล้างโลกหล้าได้
น่าเสียดาย ยามนั้นมันติดตามเบื้องลึกของฉากหน้าทำให้ไม่อาจเข้าร่วมการแย่งชิง หลังจากนั้นหลี่จิ่วเต้าก็นำกระบี่ฉุนจวินออกไป
“ลองไปที่นั่นดูเสีย บนร่างของเขาไม่ได้มีเพียงกระบี่ฉุน แต่น่าจะยังมีเบื้องหลังฉากหน้าอยู่ไม่น้อย”
มันจากสถานที่แห่งนี้ ตรงไปทางหลี่จิ่วเต้า
…
จักรวาลภายนอกอาณาจักร
มีร่างของชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ในดวงตาเปี่ยมประกายชั่วร้ายเป็นพิเศษ เพียงแค่มองก็ทำให้ไม่อาจควบคุมตนเองได้ อารมณ์ด้านลบภายในร่างถูกจุดออกมาอย่างเต็มที่
เขาคือจอมมารผู้หนึ่ง เพิ่งออกจากฉากหลังเพื่อมาหาหลี่จิ่วเต้า
“ช่างน่าสนใจเสียจริง ได้รับเบื้องลึกของฉากหน้า อีกทั้งยังนำกระบี่ฉุนจวินไป ไม่เพียงแต่จะไม่หาที่หลบซ่อนตัวเท่านั้น ยังคงปักหลักอยู่ในอาณาจักรจัดงานชุมนุมพ่นใย!”
ข่าวคราวการปรากฏออกมาของกระบี่ฉุนจวินแพร่กระจายไปทั่วหลังฉาก เขาเองก็ถูกดึงดูดความสนใจขึ้นมาทันที ต้องการจะไปรับกระบี่ฉุนจวินมา
ระหว่างที่เขาได้หาข่าวมากขึ้น เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้อาจได้รับเบื้องหลังอันไม่ธรรมดาของหน้าฉาก
สิ่งนี้ทำให้เขาสนใจในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น คราวนี้ก็ออกจากเบื้องหลังก็เพื่อตามหาเขา
หลังจากเขาเพิ่งออกจากหลังฉาก เมื่อมาถึงจักรวาลโกลาหลก็ได้ยินว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการจะจัดการชุมนุมพ่นใยขึ้น
“รนหาที่ตาย ในสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่ทำตัวเรียบง่าย ยังทำเรื่องใหญ่โต เจ้ากลัวว่าตัวเองจะตายช้าเกินไปหรือ!”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายดุร้าย
ไม่ใช่เพียงแค่เขาผู้เดียวที่มุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย หลังฉากมียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยกำลังเพ่งเล็งไปทางหลี่จิ่วเต้า เท่าที่เขารู้ มียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยออกมาจากเบื้องหลังโดยมีเป้าหมายที่หลี่จิ่วเต้าเฉพาะ
กระบี่ฉุนจวิน…เบื้องลึกฉากหน้าไม่ธรรมดา สิ่งเหล่านี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้านั้นพิเศษเกินไป ย่อมต้องดึดดูดความสนใจจากยอดฝีมือจากฉากหลังอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ฉุนจวินหรือเบื้องลึกหน้าฉาก มียอดฝีมือคนใดไม่อยากได้กัน!
“ไป!”
เขาก้าวออกไปด้านหน้า ตรงไปทางอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอยู่
…
ขณะเดียวกัน
อีกด้านหนึ่งในจักรวาลโกลาหล
ว่านเซวียนเองก็ได้พบกับศิษย์พี่ของตนที่เพิ่งออกจากหลังฉาก
ศิษย์พี่ของนางหล่อเหลาสง่างาม บนใบหน้ามีรอยยิ้มชวนมอง ให้ความรู้สึกเหนือสามัญไม่ธรรมดา
“ศิษย์พี่ ช่างมันเสียเถิด ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ไม่สมควรตอแย…”
ว่ายเซวียนขมวดคิ้วเอ่ยกับศิษย์พี่
ครั้งก่อนหน้า นางไปหาเซี่ยเหยียนเนื่องด้วยต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมของหลี่จิ่วเต้า ทว่าผลออกมากลับล้มเหลวอย่างน่าสังเวช เนื่องด้วยบนตัวของเซี่ยเหยียนมีสมบัติอยู่มากเกินไป
“ศิษย์น้องหญิง ฝึกฝนจนมาถึงขอบเขตเช่นพวกเราแล้ว เหตุใดจึงยังไม่กล้าลอง? หากภายในใจยังคงมีความขลาด ย่อมไม่ประสบผลสำเร็จ”
ศิษย์พี่ว่านเซวียนนามหวังจื้อส่ายหัว พร้อมเอ่ยกับว่านเซวียน “นี่เป็นจุดบกพร่องใหญ่ที่สุดของเจ้า เจ้าเอาแต่ห่วงหน้าพะวงหลัง คิดกังวลมากเกินไป ไม่เช่นนั้นตอนนี้ความสำเร็จเจ้าคงไม่อยู่เพียงแค่นี้ จะต้องแข็งแกร่งกว่านี้เป็นอย่างมาก มากเสียจนศิษย์พี่ยังไม่อาจแตะต้องเงาของเจ้าได้…”
“แต่…”
ว่านเซวียนเปิดปากต้องการจะพูดบางสิ่ง ทว่ากลับถูกศิษย์พี่ขัดจังหวะ
“มาก็มาแล้ว ไม่อาจปล่อยเปล่าได้กระมัง? มีงานชุมนุมพ่นใยไม่ใช่หรือ? ข้าจะลองไปดูสักหน่อย…”
หวังจื้อเอ่ย
ว่านเซวียนถอนหายใจ นางห่วงหน้าพะวงหลัง คิดมากเกินไปจริงหรือ?
นางไม่รู้สึกเช่นนั้น หลี่จิ่วเต้านั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ไม่ควรดูเบาแต่อย่างใด
…
อีกด้าน ณ จักรวาลโกลาหลขนาดเล็ก
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเลือด อาณาจักรทั้งหมดพังทลายลง มารกระดูกและโลงโลหิตได้สังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังไม่อาจฟื้นฟูตัวเองกลับไปสู่สภาพสูงสุด
สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งกลับมาตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
อาณาจักรดวงดาราทั้งหมดล้วนมลายสิ้น เหลือเพียงแค่ซากศพและกองเลือดสุดลูกตาล่องลอยอยู่ในจักรวาลโกลาหล
“เกิดอันใดขึ้น?!”
ร่างของเขาสั่นสะท้าน สัมผัสได้ถึงลางไม่ดี ไม่กล้ารั้งอยู่ต่อ ต้องการจะหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
ทว่ากลับถูกกรงเล็บกระดูกขนาดใหญ่คว้าจับเอาไว้แน่น
“หลี่จิ่วเต้า ชุมนุมพ่นใย?”
มารกระดูกที่ปรากฏตัวออกมาเข้าใจทุกอย่างในพริบตา
หลังจากนั้นมันก็อ้าปากกลืนกินสิ่งมีชีวิตที่กลับมาทันที
“หลี่จิ่วเต้าสมควรตาย!”
โลงโลหิตปรากฏตัวขึ้น เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านใน
ครั้งก่อนมันกับมารกระดูกไปหาสือเฟิงเพื่อต้องการรู้ข้อมูลของหลี่จิ่วเต้า ทว่าผลที่ออกมากลับน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง เครื่องประดับบนร่างฉินซินจะเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกมันต้องจ่ายราคาไปมหาศาลเพื่อหลบหนี
มารกระดูกนั้นยังดีกว่านั้น ส่วนโลงโลหิตนั้นย่ำแย่อย่างถึงที่สุด
สถานการณ์ของมันพิเศษยิ่ง มันเก็บตัวอยู่ในโลงโลหิตเพื่อฝึกฝน ทว่าครั้งเพื่อรับมือกับฉินซิน มันฝืนสภาพเปิดใช้งาน ทำให้ได้รับผลกระทบอันใหญ่หลวง
ผลกระทบดังกล่าวแทบไร้หนทางแก้ไข นั้นหมายความว่าหนทางให้มันก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดถูกตัดขาด
“ไป พวกเราเองก็ไปดูที่นั่นกัน!”
เสียงกัดฟันดังลอดออกมาจากโลงโลหิต
“อย่า!”
มารกระดูกร้องออกมาด้วยความตกใจ “ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ในสภาวะสูงสุดแล้ว จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร นับเป็นการรนหาที่ตาย!”
แม้ยามพวกมันอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม ก็ยังไม่อาจจัดการกระทั่งคนข้างกายของหลี่จิ่วเต้าได้ เช่นนั้นแล้วการต่อกรกับหลี่จิ่วเต้าในสภาพนี้ย่อมถูกกำหนดให้พ่ายแพ้
“กลัวอันใด!”
โลงโลหิตเอ่ย “ยอดฝีมือจากหลังฉากคงเพ่งเล็งเขาเป็นแน่แล้ว ครั้งนี้ทำการใหญ่ถึงเพียงนี้ เหล่ายอดฝีมือจากหลังฉากจะพลาดได้อย่างไร? ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้!”
หลังจากนั้นมันก็หัวเราะเย้ยออกมา “หากพวกเราไม่ปรากฏตัว ไม่ลงมือ ก็ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่แต่อย่างใด เพียงแค่ไปลองดูว่าจะหาช่องว่างได้หรือไม่! หากพลาดครั้งนี้ไป เกรงว่าพวกเราคงไม่อาจได้รับเบื้องลึกของหน้าฉากอีกต่อไป!”
มารกระดูกไม่พูดอันใด ขบคิดดูแล้วก็เป็นดังเช่นที่โลงโลหิตกล่าวจริง ๆ
“ตกลง!”
มันพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนออกจากสถานที่แห่งนี้พร้อมโลงโลหิต มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรที่หลี่จิ่วเต้าอาศัยอยู่
…
ภายในช่องว่างพิเศษปริภูมิเวลา
“เบื้องลึกของหน้าฉากคือกุญแจสำคัญ! งานชุมนุมพ่นใยอย่างนั้นหรือ? ให้แมงมุมปริภูมิเวลาไป!”
สิ่งมีชีวิตปริภูมิเวลาตนหนึ่งเหยียดยิ้มเย็น มันเองก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับชุมนุมพ่นใยด้วย
เขาตัดสินใจให้แมงมุมปริภูมิเวลาไปที่นั่น
เขาจึงเรียกแมงมุมปริภูมิเวลาออกมา
“จำเอาไว้ งานสำคัญของเจ้าในครั้งนี้ก็คือการไปให้ลึกที่สุด สามารถกลายเป็นคนข้างกายของเขา จะดีที่สุดหากได้รับความไว้วางใจจากเขาด้วย!”
เขาเอ่ยกับแมงมุมปริภูมิเวลา
เบื้องลึกอันไม่ธรรมดาของหน้าฉาก พวกมันเองก็ต้องการจะได้รับมาด้วย เมื่อตระหนักได้ว่าเบื้องลึกนั้นน่าตื่นตะลึงเพียงใด จึงได้ดำเนินการเปลี่ยนกลยุทธ์ ไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับหลี่จิ่วเต้าโดยตรงอีกต่อไป หมายจะวางไส้ศึกเอาไว้ข้างกายหลี่จิ่วเต้า ยิ่งได้รับความไว้วางใจด้วยยิ่งดี
“ตกลง! ข้าสาบานว่าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ!”
แมงมุมปริภูมิเวลากล่าวออกมาด้วยเสียงใสของสตรี ฟังแล้วไพเราะยิ่ง
หลังจากนั้นนางก็จากไปทำการเริ่มลงมือ
“ข้าต้องการเป็นไส้ศึกที่ยอดเยี่ยมสุด ทำงานครั้งนี้ให้สมบูรณ์แบบ ทำให้หลี่จิ่วเต้าเชื่อข้าอย่างหมดใจเพื่อหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้า!”
นางเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจที่มากเป็นพิเศษ
…
ปรโลก
สะพานไน่เหอ
หญิงชราผู้หนึ่งกำลังต้มน้ำแกงอยู่หัวสะพาน ก่อนจะส่งน้ำแกงที่ปรุงเสร็จแล้วให้กับวิญญาณหยินดวงแล้วดวงเล่า
หลังจากวิญญาณหยินดื่มน้ำแกงแล้ว ก็ล้วนลืมเลือนความทรงจำในชีวิตก่อนหน้าทั้งหมด จากนั้นก็เดินล่องลอยข้ามสะพานไน่เหอไป
มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา หญิงชราเติมน้ำแกงใส่ชามแล้วยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“ท่านยายนี่คือน้ำแกงอันใดหรือ?”
ชายหนุ่มรับน้ำแกงมาแล้วถามหญิงชราด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือน้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง ดื่มเสียเถิดจะได้ออกเดินทาง…”
หญิงชราที่เอ่ยตอบออกมาคือยายเมิ่ง
“ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมา “งั้นให้ข้าลองเสียหน่อย!”
เขาดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง สีหน้าของเขาพลันว่างเปล่าเล็กน้อย ราวกับว่าลืมเลือนไปหลายสิ่ง
“ท่านยายนี่คือน้ำแกงอันใด?”
เขาถามยายเมิ่งอีกครั้ง
“นี่คือน้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง ดื่มเสียเถิดจะได้ออกเดินทาง…”
ยายเมิ่งอธิบายอีกครั้ง
บางทีชายหนุ่มอาจดื่มน้อยเกินไป ทำให้ยังไม่หลงลืมความทรงจำทั้งหมด นางไม่ได้คิดอันใดมาก
“ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมา “งั้นให้ข้าลองเสียหน่อย!”
หลังจากนั้นเขาก็ดื่มเข้าไปอึกหนึ่งอีกครั้ง
“ท่านยายนี่คือน้ำแกงอันใด?”
ดื่มเสร็จ สีหน้าของเขาก็พลันฉงนขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามยายเมิ่งอีกครั้ง
“…”
ยายเมิ่งพูดไม่ออก นางทำหน้าที่นี้มาไม่รู้ยาวนานเท่าใด ทว่าก็ยังไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน!
เกิดอันใดขึ้น?
ติดอยู่ที่นี่ไม่อาจผ่านไปได้หรือ?
“นี่คือน้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง ดื่มเสียเถิดจะได้ออกเดินทาง”
ยายเมิ่งเอ่ยอีกครั้ง คราวนี้นางยังกล่าวเสริมอีกด้วย “ดื่มให้หมดเสีย!”
บางทีชายหนุ่มอาจดื่มน้อยเกินไป ทำให้ติดอยู่ที่นี่ไม่อาจไปต่อได้
“ได้”
ชายหนุ่มดื่มน้ำแกงยายเมิ่งทั้งหมดในคราวเดียว สีหน้าของเขาพลันฉงนอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าได้สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว
“เดินทางเถิด…”
ยายเมิ่งหยิบชามจากมือของชายหนุ่มพร้อมเอ่ยออกมา
ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงไม่ไปไหน เขามองไปที่ยายเมิง จากนั้นก็มองไปที่หม้อใบใหญ่ด้านข้างนาง
“ท่านยายกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”
เขาเอ่ยถามยายเมิ่ง
เมื่อได้ยินคำถามของเขา ยายเมิ่งก็ตื่นตะลึงยิ่ง
หลังจากดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว ทุกสิ่งล้วนถูกลืมเลือน กระทั่งการพูดยังต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่
เหตุใดชายหนุ่มผู้นี้ถึงยังสามารถพูดได้หลังจากดื่มน้ำแกงยายเมิ่งไปแล้ว?!
นี่มันวิญญาณหยินอันใดกัน!
“ข้ากำลังทำน้ำแกง น้ำแกงยายเมิ่ง สามารถขจัดความกลัดกลุ้มทั้งปวง…”
ยายเมิ่งรู้สึกว่าเพียงแค่ชามเดียวอาจไม่พอ นางจึงเติมเพิ่มอีกชามแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
“ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
ชายหนุ่มรับน้ำแกงจากยายเมิ่งมาดื่มเข้าไปภายในคราวเดียว
หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็ฉงนอย่างถึงที่สุด
“เดินทางเถิด”
ยายเมิ่งยิ้มแล้วหยิบชา ในใจเอ่ยว่าน้ำแกงยายเมิ่งสองชามควรเพียงพอแล้ว!
ทว่าผู้ใดจะคาดคิด ชายหนุ่มยังคงไม่เคลื่อนไหว ไม่มีทีท่าจะก้าวขึ้นไปบนสะพานไน่เหอ
“ท่านยายกำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?”
คำที่คุ้นเคยเอ่ยออกจากปากชายหนุ่มอีกคนั้ง ส่วนยายเมิ่งนั้น…ร้องไห้แล้ว!
จบสิ้นแล้ว ไม่อาจผ่านไปได้แล้ว!