บทที่ 752 ความโลภส่งผลให้มนุษย์ยอมเสี่ยง จนหลงลืมสิ่งอื่นไป!
เมื่อนำของวิเศษออกมา แต่ละชิ้นล้วนเปล่งประกายวาววาม บรรพจารย์ฝูตาค้าง สิ่งเหล่านี้ทำจากวัสดุใดกัน เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของเขาไปมากทีเดียว!
เขารู้สึกเหลือเชื่อ เขาผู้อยู่ในขั้นบรรพจารย์เซียนยังมิอาจเข้าใจได้ วัสดุที่สร้างของวิเศษเหล่านี้จะสะท้านโลกาเกินไปแล้ว!
“มิน่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นถึงเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เป็นยอดศาสตราได้ง่ายดาย ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะของวิเศษเหล่านี้มีวัสดุไม่ธรรมดา!”
บรรพจารย์ฝูสะท้อนใจ
ก่อนหน้านี้ เขาชิงชังจิตใต้สำนึกของตนมากที่สั่งให้เขาขุดหลุมฝังศพ เพื่อดูดกลืนพลังจากศพคนตาย บัดนี้ เขากลับรู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่ครานั้นจิตใต้สำนึกถูกบีบคั้นออกมา
มิฉะนั้น เขาคงต้องสูญเสียยอดศาสตราเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว!
“ข้าในยามนั้นช่างโง่เขลานัก มีสุดยอดวัตถุในมือกลับคิดว่าเป็นของสวะ! อยากตบตัวเองในยามนั้นตายจริง ๆ!”
เขาเอ่ยเสียงเคียดแค้น เกือบต้องขาดทุนย่อยยับเสียแล้ว ยังดีที่สุดท้ายเขาเรียกสิ่งของเหล่านี้กลับคืนได้หมด
ทว่าเวลานั้นเอง ของวิเศษที่เคยส่องประกายวาววามกลับหม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว!
“เกิด…อันใดขึ้น?!”
เขาผงะไปในบัดดล เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ของวิเศษทั้งหมดในมือเขาก็สูญสิ้นรัศมี กลายเป็นวัตถุหม่นหมอง ไม่มีแม้แต่พลังญาณอันอ่อนแรงในที่สุด!
เขาเชื่อไม่ลง เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!
ยอดศาสตรากลายเป็นสวะไปหมดแล้วหรือ?!
เขาหยิบไข่มุกขึ้นมาเม็ดหนึ่งเพื่อควบคุมน้ำ นี่คือไข่มุกคุมวารี
ทว่าเขาเพิ่งได้ออกแรงเท่านั้น ไข่มุกเม็ดนี้ก็แหลกคามือเขา กลายเป็นผุยผงกระจายลงดิน
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
เขาเชื่อไม่ลง ทดสอบยอดศาสตราชิ้นอื่นต่อ ทว่ายอดศาสตราเหล่านั้นล้วนลงเอยเฉกเช่นไข่มุกคุมวารี ทันทีที่เขาออกแรงก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี แบกรับพลังของเขามิได้เลย
“บัดซบ! ข้าโดนหลอกอีกแล้ว!!!”
สีหน้าเขาเคร่งเครียดลงทันที ไฉนเลยจะยังไม่เข้าใจอีกว่า ยอดศาสตราเหล่านี้คงถูกหลี่จิ่วเต้าสลับไว้ก่อนแล้ว มิใช่ยอดศาสตราที่เขาคิด!
หลี่จิ่วเต้ามองลูกไม้เขาออกทะลุปรุโปร่งแต่แรก!
“อ๊ากกก!”
เขาบันดาลโทสะ เดิมอยากแก้แค้นโดยการปั่นหัวพวกหลี่จิ่วเต้า สุดท้ายเขากลับถูกอีกฝ่ายปั่นหัวเอาอีกแล้ว!
“ยังดี ข้ามิได้เสียเปรียบ!”
ที่พอปลอบใจเขาได้บ้างคือ แม้ว่าครั้งนี้เขาถูกปั่นหัว แต่อย่างน้อยเขาก็มิได้เสียหายอันใด ‘ของวิเศษ’ เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่เขาเก็บมาเรื่อยเปื่อย มิได้สลักสำคัญอะไร
“แต่…เดี๋ยวสิ!”
เขาได้สติ รู้สึกทะแม่ง ๆ
หลี่จิ่วเต้ามองลูกไม้ของเขาออกก็แค่เปิดโปงเขาตรง ๆ ยังได้ หรือเลือกที่จะไม่เข้าร่วม ไยต้องยอมแลกเปลี่ยนด้วยเล่า
ทำเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อหลี่จิ่วเต้าสักนิด!
ถึงอย่างไร หากอีกฝ่ายทำขนาดนี้เพียงเพื่อเหยียบย่ำเขาก็มิสมควรเท่าใด!
เหยียดหยามด้วยเรื่องอันใด
หลี่จิ่วเต้าหาได้ประโยชน์ไม่!
‘คงมิใช่ว่าข้าตาไม่ดีอีกกระมัง!’
สีหน้าของเขาอึมครึม ผุดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
มีเพียงเช่นนี้จึงจะสมเหตุสมผล ของปลอมที่เขาโมเมเอาเองมีของจริงปะปนอยู่ด้วยและหลี่จิ่วเต้ารู้ ต่อมา หลี่จิ่วเต้าถึงเลือกวิธีการเช่นนี้เป็นการแลกเปลี่ยนกับเขา
“วี่แววว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏออกมาชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลายครั้งข้าถึงขั้นสัมผัสลมปราณโกลาหลได้ ไม่แน่อาจมีของวิเศษร่วงหล่นออกจากแดนบรรพโกลาหลจริง ๆ และถูกข้าเก็บได้ แต่ข้ากลับไม่รู้ ข้ากลับดูไม่ออก!!!”
ยิ่งคิดเขายิ่งรู้สึกว่านี่คือความจริง โมโหจนเครื่องในแทบระเบิดเป็นยวง ที่แท้อุบายที่เขาวางไว้สุดท้ายกลับเป็นเขาเองที่หลงเข้าไป?!
ขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ เขาทรมานใจเป็นหนักหนา ชอกช้ำตรอมตรมเป็นที่สุด!
ชั่วขณะนั้น จิตสังหารพลุ่งพล่านออกจากตัวเขา หนึ่งครั้ง สองครั้ง เขาต้องเสียท่าให้กับหลี่จิวเต้าอีกครั้ง เขาอยากสับชายผู้นั้นให้เป็นชิ้น ๆ นัก!
“จะยอมให้จบเช่นนี้มิได้!”
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เคียดแค้นเหลือคณา เจ็บใจเป็นนักหนา ตั้งใจกลับไปสะสางหนี้แค้นกับพวกหลี่จิ่วเต้า!
ทว่าเขามิได้คิดกลับไปทั้งอย่างนี้
เพราะเขารู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าอาจเป็นบรรพจารย์เซียนเช่นเดียวกับเขา และทรงพลังกว่าเขา!
มิฉะนั้น คนผู้นั้นไม่มีทางมองลูกไม้เขาได้ทะลุปรุโปร่ง แต่เขากลับมองลูกไม้อีกฝ่ายไม่ออก!
เรื่องนี้เป็นที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเขา
บรรพจารย์เซียนแต่กำเนิดนั้นมีเพียงเก้าตน หลี่จิ่วเต้าบรรลุได้ด้วยการฝึกฝนของตนอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นไปได้อย่างไรกัน ขั้นบรรพจารย์เซียนไม่มีทางบรรลุได้ด้วยการฝึกฝนนี้!
เขาทึ่งกับเรื่องนี้เป็นที่สุด!
ไม่แปลกที่หลี่จิ่วเต้าจะเก่งกาจกว่าเขา
บรรพจารย์เซียนแต่กำเนิดเช่นเขาย่อมมิอาจเทียบกับบรรพจารย์เซียนผู้บรรลุได้ด้วยความเพียรฝึกฝนของตนเอง ถึงอย่างไร การจะฝึกฝนจนบรรลุขั้นบรรพจารย์เซียนนั้นยากเย็นจนจินตนาการไม่ออก!
“ไม่เป็นไร! ศพเซียนที่ข้าขุดออกมาก่อนหน้านี้ยังเหลืออีกมาก หลังดูดกลืนพลังจากศพเซียนเหล่านั้นแล้ว ต่อให้เขาแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่ไหว!”
บรรพจารย์ฝูกล่าว
ครานั้น ก่อนจิตสำนึกบรรพจารย์เซียนของเขาตื่นขึ้น จิตใต้สำนึกพาเขาขุดศพเซียนขึ้นมาเป็นจำนวนมหาศาล เขายังดูดกลืนพลังจากศพเซียนเหล่านั้นไม่หมดก็ฟื้นตัวและได้จิตสำนึกบรรพจารย์เซียนคืน
หลังจากนั้น เขาไม่เคยดูดกลืนพลังจากศพเซียนเหล่านี้อีก
“น่าคลื่นเหียนนัก! ข้าอยากจะอาเจียน!”
เขานึกภาพศพเซียนเหล่านั้นแล้วอ้วกออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ทว่าเพื่อให้ได้แก้แค้น และเพื่อชิงของวิเศษที่หลุดร่วงออกจากแดนบรรพโกลาหลกลับมา เขาตัดสินใจจะดูดกลืนพลังจากศพเหล่านี้!
จากนั้น เขาไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขาทิ้งศพเซียนไว้
อีกด้าน สิ่งมีชีวิตมากมายเพ่งเล็งหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร มีความคิดไม่ดีในใจ
จะมิให้คิดไม่ดีได้อย่างไร หลี่จิ่วเต้ามีของวิเศษในตัวมากมายปานนั้น!
หากมิใช่พวกเขายำเกรงในตัวเซี่ยเหยียนอยู่บ้าง คงได้ลงไม้ลงมือไปแล้ว เมื่อครู่เซี่ยเหยียนปะทุพลังปราณออกมาอย่างกล้าแกร่งจนข่มขวัญพวกเขาลงได้
กระนั้น พวกเขายังไม่อยากยอมไปง่าย ๆ เช่นนี้ ยังคงจ้องมองหลี่จิ่วเต้าอยู่อย่างนั้นด้วยความระส่ำระส่าย
หลี่จิ่วเต้าย่อมมองออกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีแผนอันใด สิ่งสำคัญคือสายตาของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้แจ่มแจ้งเกินไป จะให้มองไม่ออกก็คงยาก
‘ความโลภคือบ่อกำเนิดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวงที่สุด…’
เขาทอดถอนใจ ความโลภรังแต่จะเร่งเร้าให้มนุษย์ยอมเสี่ยงจนลืมสิ่งอื่นไป ก่อนนี้เซี่ยเหยียนออกโรงแล้วแท้ ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าขวางทาง แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ยังกล้าหมายตาอยู่อีก…
นี่คือผู้ที่ตั้งความหวังว่าตนจะเอาตัวรอดจากความเสี่ยงเพราะโชคช่วยอย่างเห็นได้ชัด!
‘เอาเถิด ทดลองอานุภาพของวิเศษใหม่เหล่านี้เสียหน่อย’
หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ มิได้รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่อันใด เขาตัดสินใจลงมือด้วยตนเอง เพื่อดูว่าของวิเศษใหม่ที่ได้มาทรงพลังปานใด
‘นี่คือใบหญ้าใบหนึ่ง ว่ากันว่าสามารถเบิกสวรรค์ ขจัดมาร ประหารเซียน! ทำได้จริงหรือ ไยข้าจึงไม่เชื่อเล่า!’
เขาหยิบใบหญ้าออกมาหนึ่งใบแล้วหนีบด้วยนิ้วมือ เตรียมใช้พลัง
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมา นี่คือของวิเศษจากบรรพจารย์ฝูผู้นั้น หลี่จิ่วเต้าจงใจนำออกมาเพื่อเตือนมิให้พวกเขาบุ่มบ่ามชัด ๆ
ทว่าพวกเขาก็ยังไม่ตายใจ อย่างไรก็ไม่อยากไปง่าย ๆ
‘ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!’
หลี่จิ่วเต้าทอดถอนใจอีกครั้ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาขอดูพลานุภาพของใบหญ้าใบนี้หน่อยเถิดว่ากล้าแกร่งกว่าของวิเศษชุดเก่าหรือไม่!