รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]บทที่ 1121 กระบี่ฉุนจวิน ‘เจ้ามีฐานะอะไร ส่วนข้ามีตำแหน่งเช่นใด!’

บทที่ 1121 กระบี่ฉุนจวิน ‘เจ้ามีฐานะอะไร ส่วนข้ามีตำแหน่งเช่นใด!’

บทที่ 1121 กระบี่ฉุนจวิน ‘เจ้ามีฐานะอะไร ส่วนข้ามีตำแหน่งเช่นใด!’

……….

บทที่ 1121 กระบี่ฉุนจวิน ‘เจ้ามีฐานะอะไร ส่วนข้ามีตำแหน่งเช่นใด!’

บนโต๊ะ ด้านในกระป๋องชาเป็นใบชาขาวหิมะโปร่งแสง นี่คือชาขาวที่หลี่จิ่วเต้าใช้ความพยายามมากด้วยที่สุด และก็เป็นชาดีที่สุดเช่นกัน

เพื่อรับรองจักรพรรดินีหนานกง หลี่จิ่วเต้าไม่ลังเลที่จะนำชาขาวออกมาแม้แต่น้อย

ยามนั้นเมื่อเขารับรองมู่อวี่ก็ไม่ได้ใช้ชาขาวนี้

ความจริงแล้ว นอกจากพวกลั่วสุ่ย ยังไม่มีผู้ใดได้ดื่มชาขาวนี้มาก่อน เขาชื่นชอบชาขาวนี้เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่มักเก็บเอาไว้ดื่มเอง หรือไม่ก็ดื่มร่วมกับพวกลั่วสุ่ย

‘ดูเสีย นี่คือสิทธิพิเศษเฉพาะสตรีเพศ!’

จั่วเหยียนที่อยู่ด้านข้างคิดเรื่องนี้ขึ้นอีกครั้ง

จักรพรรดินีหนานกงงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนมาถึง หลังจากจักรพรรดินีได้พบกับคุณชายแล้ว จะต้องถูกรับรองเป็นอย่างดีแน่นอน

ผลคือสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง

เขารู้ว่าชาขาวพิเศษเพียงใด นี่เป็นชาชั้นยอดที่คนนอกไม่มีสิทธิ์ดื่ม กล่าวได้ว่าจักรพรรดินีหนานกงเป็นคนนอกคนแรกที่ได้ดื่มชาขาว

‘โชคชะตาไม่อาจย้อนกลับได้จริงหรือ? ข้าไม่เชื่อ! ข้าต้องการ…ตอนตัวเอง เปลี่ยนโชคชะตา!’

เขาเอ่ยในใจ ต้องการเปลี่ยนชะตากรรมตัวเอง ไม่ปรารถนาจะเป็นบ่าวรับใช้อีกต่อไป เขาคิดจะตอนตัวเองให้เปลี่ยนกายเป็นสตรีโดยสมบูรณ์!

คิดว่าหลังจากเป็นสตรีแล้ว ชะตากรรมของเขาจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

หลี่จิ่วเต้าชงชาด้วยความชำนาญ ทำให้จักรพรรดินีหนานกงที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองด้วยความตกตะลึง

สามพันมหาเต๋า เส้นทางแตกต่างหากแต่มุ่งไปทางเดียวกัน ทั้งหมดล้วนขึ้นไปสูงกว่าเดิม

แต่คำพูดนี้ใช้ได้กับเพียงขอบเขตระดับล่างเท่านั้น

ระดับเช่นนางอย่างขั้นสิบห้าขอบเขตปัจฉิม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุผลด้วยเพียงเต๋าธรรมดา

ไม่ต้องกล่าวถึงขอบเขตปัจฉิมเลย กระทั่งขอบเขตคลุมฟ้า และครอบเขตแสวงวิถีก็ยังไม่อาจทำได้ มีเพียงแต่เต๋าบนปลายยอดเท่านั้นที่ทำให้บรรลุเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่าได้

นางชื่นชอบการดื่มชา ในด้านวิถีชานับได้ว่ามีความตระหนักรู้เข้าใจสูงล้ำยิ่ง

แต่สำหรับนางแล้ว วิถีชาถือเป็นเพียงเต๋าเล็ก ๆ ธรรมดา เป็นงานอดิเรกยามว่างของนาง สำหรับการฝึกฝน วิถีชาไม่ได้ช่วยเหลือให้ความแข็งแกร่งของนางพัฒนาแต่อย่างใด

ทว่าหลังจากนางได้เห็นการชงชาของหลี่จิ่วเต้า ทุกอย่างล้วนพลิกกลับตาลปัตร!

วิถีชาไม่ใช่เพียงเต๋าเล็ก ๆ ยังสามารถพาเข้าสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นได้!

น่าตื่นตะลึงและพิเศษเกินไปแล้ว นางไม่คาดคิดโดยสิ้นเชิงว่าวิถีชาจะเหนือล้ำลึกซึ้งเกินกว่าจะจินตนาการได้เช่นนี้!

ภายใต้วิถีชานี้ นางรู้สึกเหมือนตนเองตัวเล็กจ้อยเผชิญหน้ากับสิ่งใหญ่โตมโหฬาร วิถีชานี้สามารถพานางขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงกว่าได้อย่างแน่นอน กระทั่งสามารถเทียบเคียงกับเหล่าผู้สูงส่งแดนพิสุทธิ์ได้!

นางรีบจารึกจังหวะการชงชาลงในความทรงจำอย่างไม่ลังเล ทิ้งให้หลังจากนี้ได้ฝึกฝนทำความเข้าใจ ทำให้หนทางการฝึกฝนในอนาคตมีความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่!

หลังจากชาได้ที่แล้ว หลี่จิ่วเต้าก็รินชาให้ตนเองและจักรพรรดินีหนานกงคนละถ้วย

เขายิ้มบางเบา “มาเถิด จักรพรรดินีลองชิมชาว่ามีรสเช่นใดเถิด”

“ตกลง!”

จักรพรรดินีหนานกงไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นในใจได้ มือที่ถือถ้วยชาสั่นเทา

นางสัมผัสได้ว่าชาในมือของนางพิเศษเหนือชั้นมากเพียงใด นี่นับเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สะท้านฟ้า หลังดื่มลงไปแล้ว นางก็ไม่อาจทราบว่าตนเองจะได้รับผลประโยชน์มากมหาศาลเพียงใด!

นางพยายามไม่ให้ตนเองตื่นเต้นมากเกินไป ค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นจรดริมฝีปาก ทันทีที่ได้กลิ่นหอมของชา นางก็ตกจมดิ่งลงไปทันที!

นางรู้สึกว่าร่างกายของตนเองได้รับการยกระดับในทุกด้าน ราวกับเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้อย่างหนึ่ง ทุกส่วนในร่างพัฒนาขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!

นี่ทำให้กระทั่งตัวนางเองยังตื่นตะลึงมาก!

นางยังไม่ทันได้ดื่ม เพียงแค่ได้กลิ่นของชา กลับได้รับผลประโยชน์มหาศาลเพียงนี้ สวรรค์ หากนางดื่มชาเข้าไปทั้งถ้วยจะก้าวหน้าได้มากเพียงใดกัน?

นางไม่กล้าจินตนาการถึงจริง ๆ!

สุดท้ายชาก็ถูกส่งเข้าปาก นางเผยอริมฝีปากสีแดงออกเล็กน้อยเพื่อจิบ

น้ำชาไหลจากปากลงสู่ท้อง สดชื่นไปทั้งกายและใจ ร่างบอบบางสั่นสะท้าน ตั้งแต่หัวจรดเท้าเปล่งประกาย เพียงแค่น้ำชาหนึ่งจิบเล็กทำให้นางประสบความก้าวหน้าครั้งใหญ่มหาศาล!

แม้จะอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตปัจฉิม ทว่านางก็ยังห่างไกลจากการทะลวงผ่านเข้าไปยังขอบเขตไร้กั้น ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่นางต้องก้าวเดิน ห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์!

ทว่าหลังจากดื่มชาไปหนึ่งจิบเล็ก ขอบเขตปัจฉิมของนางพลันสมบูรณ์ขึ้นมาทันที!

ไม่ใช่เพียงแค่พลังที่สมบูรณ์เท่านั้น ไม่ว่าด้านใดในขอบเขต นางล้วนบรรลุอย่างสมบูรณ์!

กำแพงขอบเขตไร้ขั้นทลายลงทันที ความแข็งแกร่งของนางก้าวเข้าขอบเขตไร้ขั้น!

อีกทั้งรากฐานของเขตไร้กั้นของนางยังเสถียรอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สูญเสียความแข็งแกร่งไปสักนิด ยังคงอยู่เช่นเดิม และตอนนี้ก็พุ่งทะยานเข้าสู่ขอบเขตที่สูงกว่า!

“!!!”

นางเบิกตากว้าง รู้สึกประหนึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน เพียงแค่ชาหนึ่งจิบเล็กก็ทำให้นางก้าวหน้าขึ้นมาก!

นางตื่นตะลึงอย่างแท้จริง สามารถก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้เพราะแค่จิบน้ำชา!

ขณะเดียวกันก็ไม่สงสัยอีกต่อไปเกี่ยวกับความจริงที่หลี่จิ่วเต้าพูดถึงก่อนหน้านี้

ตัวตนพิเศษเหนือชั้นเพียงนี้ จำเป็นต้องโกหกนางด้วยหรือ?

น้ำชาหนึ่งจิบเล็กสามารถทำให้นางทะลวงเข้าสู่ขอบเขตไร้กั้นได้ นางมีสิ่งใดมีค่าพอสำหรับการหลอกลวงของหลี่จิ่วเต้ากัน?

นางไม่สงสัยเลย หากหลี่จิ่วเต้าต้องการก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตสตรีเพศทั้งหมดที่นี่บรรลุสู่ขอบเขตไร้กั้นได้!

ต่อหน้าเขาแล้ว นางไม่มีอันใดพิเศษอย่างแท้จริง!

เพราะนางถูกนักพรตเจวี๋ยเฉินเลือก หลี่จิ่วเต้าจึงหลอกลวงนางเพื่อต้องการให้ต่อกรกับนักพรตเจวี๋ยเฉินหรือ?

ฮ่าฮ่า นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้!

ตัวตนพิเศษเหนือชั้นเช่นนี้ คิดต้องการใช้ประโยชน์จากนาง ไม่จำเป็นต้องนำชาขาวออกมารองรับนางเลย แค่คิดอย่างสบาย ๆ นางก็ต้องถูกควบคุมจนฟังคำสั่งของหลี่จิ่วเต้าแน่นอน

การกระทำเช่นนั้นน่าเชื่อถือและพึ่งพาได้เสียยิ่งกว่าการให้นางดื่มชาขาว

อีกทั้งการทำเช่นนี้ มีโอกาสที่นักพรตเจวี๋ยเฉินจะสังเกตเห็น นำมาสู่การถูกเปิดโปง นี่จึงเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน

ใช้ชาขาวเช่นนี้มาต้อนรับนาง ทำให้นางก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก เช่นนี้นักพรตเจวี๋ยเฉินจะไม่สังเกตเห็นอย่างนั้นหรือ?

ไม่มีทางเป็นไปได้!

กลับกันสิ่งนี้จะดึงดูดความสงสัยของนักพรตเจวี๋ยเฉินได้อย่างง่ายดาย!

อย่างไรเสีย นางจะก้าวหน้าขึ้นมาเพียงนี้โดยไร้เหตุผลได้อย่างไร? ถ้านักพรตเจวี๋ยเฉินไม่คิดสงสัยนั่นต่างหากที่แปลก!

แน่นอนว่าสามารถใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกปิดความก้าวหน้าของนาง ไม่ให้นักพรตเจวี๋ยเฉินสังเกตเห็นได้

แต่ก็อย่างที่เอ่ยก่อนหน้านี้ หากหลี่จิ่วเต้ามีวิธีการปกปิดไม่ให้นักพรตเจวี๋ยเฉินสังเกต เขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอันใดให้มากความ ทั้งยังเชื้อเชิญนางร่วมดื่มชา เพียงแค่ควบคุมนางโดยตรง ใช้วิธีการปกปิดเพื่อไม่ให้นักพรตเจวี๋ยเฉินสังเกตเห็น แค่นี้ไม่ดีกว่าหรือ?

ทุกอย่างบ่งชี้ว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ได้โกหกนาง เขาเพียงไม่ต้องการเห็นนางถูกพาตัวเข้าไปยังแดนพิสุทธิ์ จากนั้นถูกนักพรตเจวี๋ยเฉินเก็บเกี่ยว จึงให้คนไปพานางมาที่นี่

“ขอบคุณท่าน!”

นางขอบคุณอีกฝ่าย ทั้งยังเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม เขามองท่าทีของจักรพรรดินีหนานกงแล้วก็รู้ได้ในทันที หลังจากจักรพรรดินีหนานกงดื่มชาแล้วจะต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาล

และการที่เขาชวนจักรพรรดินีหนานกงมาดื่มชาขาวก็ด้วยเหตุนี้

จักรพรรดินีดื่มชาขาวลงไป ย่อมสัมผัสได้ว่าชาขาวมีความพิเศษเพียงใด ขณะเดียวกันต้องกระจ่างชัดว่าเขาไม่มีความจำเป็นอันใดต้องหลอกลวงนาง

ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้จักรพรรดินีตระหนักเรื่องเหล่านี้ได้หมดแล้ว

“เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ไปก่อนได้ รอหลังจากปัญหาแดนพิสุทธิ์ถูกแก้ไขแล้วจึงค่อยออกไป”

เขากล่าวกับจักรพรรดินีหนานกง สถานที่ชั่วร้ายเช่นแดนพิสุทธิ์จำต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก และเขาก็เตรียมพร้อมที่จะทำเช่นนั้นแล้ว

“เบื้องหลังสมาชิกแดนพิสุทธิ์มีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าดำรงอยู่ พวกเขาคือตัวการสำคัญที่แท้จริง”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวต่อ “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ลงมือกับเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์ เพราะกำลังเตรียมการสำหรับเหล่าตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่เบื้องหลังเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์อยู่ ยามนี้ข้ายังไม่รู้อันใดมากนัก รอจนหลังจากเข้าใจเรื่องราวแล้วถึงค่อยเริ่มลงมือ”

“ท่านอยากให้ข้าเข้าไปในแดนพิสุทธิ์เพื่อสืบหาข้อมูลเบื้องลึกของตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นหรือไม่?”

จักรพรรดินีหนานกงถาม

“ไม่”

หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปสืบ ที่นั่นลึกล้ำยิ่งนัก หากเจ้าไปที่นั่น ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

จ้าวแดนพิสุทธิ์น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด กระทั่งสมาชิกแดนพิสุทธิ์ก็ไม่รู้อันใดมากนัก ต่อให้จักรพรรดินีหนานกงจะเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ได้ก็ไม่อาจเสาะหาข้อมูลเบื้องลึกอย่างใดได้

นอกจากนี้เป็นดังที่เขากล่าว จักรพรรดินีหนานกงเข้าไปในแดนพิสุทธิ์แล้ว ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอันใด เขาไม่มีทางปล่อยให้จักรพรรดินีหนานกงต้องไปเสี่ยงเช่นนั้น

หลังจากฟังที่หลี่จิ่วเต้าเอ่ยแล้ว จักรพรรดินีหนานกงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อได้ยินเขากล่าวถึงตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นแล้ว นางเข้าใจว่าก่อนหน้านี้นางคิดผิดแล้ว คิดว่าเขาต้องการใช้ประโยชน์จากนางจริง ๆ หมายให้นางเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ สืบเรื่องราวของตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น

คำพูดต่อมาของหลี่จิ่วเต้าทำให้นางวางใจลงอย่างสมบูรณ์ หลี่จิ่วเต้าไม่ต้องการให้นางเข้าไปยังแดนพิสุมธิ์

“ขออภัยคุณชาย ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าท่านต้องการใช้ประโยชน์จากข้า!”

จักรพรรดินีขอโทษหลี่จิ่วเต้าด้วยความละอาย

หลี่จิ่วเต้าบอกเล่าความจริง นี่เท่ากับเป็นการช่วยชีวิตนางเอาไว้ อีกทั้งยังให้นางได้ดื่มชาขาวอันพิเศษเช่นนี้ แต่กลับมีความคิดว่าหลี่จิ่วเต้าต้องการใช้ประโยชน์จากตนเอง ช่างไม่สมควรอย่างแท้จริง!

“ไม่เป็นไร เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติ”

หลี่จิ่วเต้าไม่ถือสา หากเปลี่ยนเขาเป็นจักรพรรดินีหนานกง เขาเองก็คงคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดินีหนานกงจึงรั้งอยู่ต่อที่นี่

หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงหลายวันมานี้ จักรพรรดินีหนานกงรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้าในหลายด้านมากขึ้น อย่างเช่น ยามที่หลี่จิ่วเต้าเขียนหนังสือภาคที่สาม นางพลันรู้สึกตื่นตะลึงอย่างแท้จริง!

พู่กันจรดลงเขียนหนังสือ นางสัมผัสได้ว่าตัวอักษรด้านในหนังสือเต็มไปด้วยพลังเหนือชั้นอย่างถึงที่สุด รู้สึกว่ากระทั่งนักพรตเจวี๋ยเฉินที่นางเคยพบ ไม่อาจเทียบได้กับพลังในตัวอักษรเหล่านี้แม้แต่น้อย!

นอกจากนี้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของนางก็พัฒนาขึ้นอีก

ตราประทับของนักพรตเจวี๋ยเฉินบนร่างของนางเองถูกขจัดออกไปแล้ว!

“กล่าวแล้วยังต้องขอบคุณนักพรตเจวี๋นเฉินผู้นี้!”

นางยิ้มเล็กน้อย

หากไม่ใช่เพราะนักพรตเจวี๋ยเฉินผู้นี้ นางจะพานพบบุคคลอันแสนพิเศษเหนือชั้นอย่างหลี่จิ่วเต้าได้เช่นไร?

เช่นเดียวกัน ไฉนเลยนางจะได้รับความก้าวหน้าและผลประโยชน์มหาศาลเพียงนี้!

และวันนี้เองก็มีข่าวแพร่กระจายออกมา สิ่งมีชีวิตในแดนลับอีกตนได้รับเลือกให้เข้าสู่แดนพิสุทธิ์

“นี่เป็นการล่อให้ข้าออกไป”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มบาง ก่อนหน้ามีบรรพมังกรเก้าเล็บ หลังจากนั้นก็เป็นจักรพรรดินีหนานกง ยามนี้มีข่าวกระจายออกมาอีกครั้งว่าสิ่งมีชีวิตแดนลับถูกเลือก ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์จะต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตตนนั้นล่อให้เขาออกไป

“หัวแข็ง ดื้อรั้นเสียจริง!”

หลี่จิ่วเต้าไร้คำจะเอ่ย

สถานการณ์เมื่อครั้งจักรพรรดินีหนานกงก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?

ไม่ใช่เป็นเพราะเขาสั่งให้จั่วเหยียนไปพาจักรพรรดินีหนานกงมาที่นี่หรือ

เป็นผลให้เหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์วางแผนใส่เขาอีกครั้ง

“เสี่ยวเหยียนจื่อ เจ้าออกไปอีกครั้ง ไปพาสิ่งมีชีวิตตนนั้นกลับมา”

เขาเรียกจั่วเหยียนมาสั่งการ

“ครั้งนี้นำกระบี่ฉุนจวินไปด้วย หากเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย กระบี่ฉุนจวินสามารถปกป้องเจ้าได้อย่างไร้กังวล”

เขาตระหนักเป็นอย่างดี เหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์กล้าเล่นอุบายซ้ำซาก ย่อมมีความมั่นใจว่าจะหาตัวเขาพบ ไม่เช่นนั้นเหล่าสมาชิกแดนพิสุทธิ์คงไม่วางแผนเดิมซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้จั่วเหยียนนำกระบี่ฉุนจวินติดตัวไปด้วย เพราะเกรงว่าครั้งนี้จะเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายกับจั่วเหยียน

กล่าวจบเขาก็นำกระบี่ฉุนจวินออกมาส่งให้จั่วเหยียน

“ทราบแล้วคุณชาย!”

หลังจากได้กระบี่ฉุนจวินมาแล้ว จั่วเหยียนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

เดิมทีมีเรือกระดาษอยู่ เขาก็คิดว่าไม่เกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายใดแล้ว ตอนนี้เพิ่มกระบี่ฉุนจวินมา เขายิ่งมั่นใจว่าจะไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้น!

“พาข้าไปด้วย!”

จักรพรรดินีหนานกงกล่าว “ข้ามาที่นี่ได้รับการดูแลจากคุณชาย ทั้งยังได้รับผลประโยชน์มากมาย เช่นนั้นก็สมควรทำสิ่งใดสักอย่าง!”

“ตกลง เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสองไปเถิด”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า

หลังจากนั้น จักรพรรดินีหนานกงและจั่วเหยียนก็กระโดดขึ้นเรือกระดาษแล้วจากไป

“กระบี่ฉุนจวิน กระบี่วิเศษ!”

ระหว่างทาง จั่วเหยีนนำกระบี่ฉุนจวินออกมา ใช้มือลูบไล้ตัวกระบี่ไม่หยุด

เขาเคยเห็นพลังของกระบี่ฉุนจวินมาก่อน ไม่มีสิ่งใดสามารถขวางกั้นมันได้อย่างแท้จริง ทำให้เขาตื่นเต้นมาก ไม่คิดเลยว่าสักวันหนึ่งจะได้ใช้งานกระบี่ฉุนจวิน!

แม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็ยังทำให้เขาตื่นเต้นสุดขีด

ทว่าเพียงพริบตาต่อมา เขาก็ได้รับความรังเกียจเดียดฉันท์จากกระบี่ฉุนจวิน ถูกพลังของกระบี่กระแทกตัวออกไปจนเกือบตกเรือกระดาษ!

“บังอาจ เจ้ามีฐานะอะไร ส่วนข้ามีตำแหน่งเช่นใด เจ้าคู่ควรมาสัมผัสข้าเช่นนี้หรือ? มารดาเจ้าเถิด ถึงกับใช้มือมาลูบตัวดาบ! น่าขยะแขยง ขยะแขยงยิ่งนัก!”

กระบี่ฉุนจวินส่งเสียงจากจิตสำนึกออกมา

มารดาเจ้าเถิด!

กระทั่งกระบี่เล่มหนึ่งยังรังเกียจเขาเช่นนี้?!

จั่วเหยียนอยากจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ!

ทว่าเขายังคงเอ่ยออกมาอย่างดื้อรั้น “คุณชายมอบเจ้าให้ข้าแล้ว!”

“คุณชายเพียงแค่ให้ข้าปกป้องเจ้าให้แคล้วคลาด ทว่าไม่ได้ให้เจ้าจับตัวข้าเช่นนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องใช้มือลูบข้าอย่างน่ารังเกียจเลย!”

กระบี่ฉุนจวินเอ่ยด้วยโทสะ “มารดาเจ้าเถิด ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยื่นอุ้งเท้าสุนัขทั้งสองข้างของเจ้าออกมา ข้าจะตัดมันทิ้งเสีย!”

อะไรกัน?

ยังต้องการตัดมือทั้งสองข้างของเขาด้วย?!

เพราะตื่นเต้นเกินไป เลยหลงลืมฐานะอันต่ำต้อยอย่างถึงที่สุดของตน

จักรพรรดินีหนานกงที่อยู่ด้านข้างมองด้วยความตะลึง นางไม่คิดว่าฐานะจั่วเหยียนจะต่ำต้อยถึงเพียงนี้!

ไม่แปลกใจที่ยามนั้นจั่วเหยียนเอ่ยขอให้นางอย่าได้ลืมตน หลังจากได้รับผลประโยชน์มหาศาลแล้วก็ดูแลจั่วเหยียนดี ๆ

คิดถึงตรงนี้แล้ว นางก็เอ่ยกับกระบี่ฉุนจวินว่า “ท่านกระบี่ ผู้ใหญ่ไม่ถือสาผู้น้อย ดังนั้นคราวนี้ปล่อยเขาไปเถิด”

นางเคยให้สัญญากับจั่วเหยียนว่าจะจดจำความดีครั้งนั้นเอาไว้ และนางก็รักษาคำพูดของตนเอง จึงเริ่มออกปากช่วยเหลือจั่วเหยียน

“เสี่ยวเหยียนจื่อ เจ้าดูคนอื่นเขา แล้วย้อนกลับไปมองตนเองเสีย! นางกับผู้ติดตามคุณชายรู้จักเรียกข้าว่าท่านกระบี่เพื่อให้ความเคารพต่อข้า แล้วเจ้าเล่า? กระทั่งคำว่าท่านยังไม่เต็มใจเรียก!”

กระบี่ฉุนจวินตะโกนใส่จั่วเหยียน

“เอาละ ครั้งนี้เห็นแก่หน้าจักรพรรดินี ข้าจะปล่อยเจ้าไป อย่าได้มีครั้งหน้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดอุ้งเท้าสุนัขเจ้า!”

มันกล่าวต่อ

จากนั้นก็ลอยไปทางจักรพรรดินีหนานกง เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “จักพรรดินี เจ้าสามารถจับข้าได้ ลองกระบี่ดูก็ได้”

กล่าวจบมันก็ร่วงลงไปอยู่ในมือจักรพรรดินีโดยตรง

ภาพนี้ทำให้จั่วเหยียนโกรธจนจมูกบิดเบี้ยว!

……….

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Score 10
Status: Completed
‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน! ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

Options

not work with dark mode
Reset