บทที่ 1120 จักรพรรดินีหนานกง ‘ข้าเป็นประมุขวังหลังให้ได้’
……….
บทที่ 1120 จักรพรรดินีหนานกง ‘ข้าเป็นประมุขวังหลังให้ได้’
“หายไปหรือ?!”
นักพรตเจวี๋ยเฉินสีหน้าเปลี่ยนไปมหันต์ รีบจับสัมผัสภายในพระราชวัง
ตามคาด เขาจับสัมผัสจักรพรรดินีหนานกงไม่ได้ จักรพรรดินีหนานกงหายไปแล้ว!
พวกเขารีบรุดหน้าไปยังตำหนักสุดท้ายที่จักรพรรดินีหนานกงอยู่ สุดท้ายกลับไม่พบร่องรอยอนใด จักรพรรดินีหนานกงหายไปเสียเฉย ๆ!
“หมอนั่นใจกล้ายิ่งนัก!”
นักพรตเจวี๋ยเฉินโกรธจนสั่นไปทั้งตัว คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหมอนั่นยังกล้าลงมือในแดนลับแห่งนี้อยู่อีก
“สมควรตายนัก!”
สมาชิกแดนลับอีกสามตนต่างมีแววตาอาฆาต พวกเขาจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้แล้วยังไม่ทันการ ปล่อยให้หมอนั่นได้ดังใจใต้จมูกพวกเขา
“ทุกท่าน ข้าต้องไปแดนลับแห่งอื่นแล้ว”
นักพรตเจวี๋ยเฉินบอกลาสมาชิกแดนพิสุทธิ์อีกสามตน และไปจากแดนลับแห่งนี้
ก่อนนี้ตกลงกันแล้ว ไม่ว่าหนนี้สำเร็จหรือล้มเหลว เขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมอีก เขาจักตั้งใจบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้
ไม่นานนัก เขามาถึงแดนลับอีกแห่ง…แดนลับลำดับห้าสิบหก
นี่คือแดนลับที่ฝูหรงและสมาชิกแดนพิสุทธิ์ตนอื่นสัญญาว่าจะแลกกับเขา และเป็นแดนลับที่หนึ่งในสามสมาชิกแดนพิสุทธิ์ปกครอง
“ข้าต้องตั้งใจเฟ้นหาเสียหน่อย…”
เขาไม่ได้ลังเล เริ่มเคลื่อนไหวทันที
แดนลับแห่งนี้ไม่ใช่แดนลับใต้การปกครองของเขา เขาจึงไม่รู้เรื่องสักนิด จำต้องเรียนรู้ให้ดีสักพักเสียก่อน
“คงจบแล้วกระมัง หมอนั่นไม่น่ามาเคลื่อนไหวในแดนลับแห่งนี้แล้วกระมัง!”
ระหว่างทาง เขาอดพึมพำกับตนเองไม่ได้ กลัวจากใจจริงว่าหมอนั่นจะมายังแดนลับแห่งนี้อีก
“มีแดนลับอยู่ตั้งมากมาย ข้าคงไม่โชคร้ายปานนั้น!”
แดนลับมีอยู่นับคณา ต่อให้หมอนั่นตั้งใจเปลี่ยนแดนลับแล้วลงมือ ก็ไม่มีทางบังเอิญเลือกแดนลับแห่งนี้อีก เขาไม่ได้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดปานนั้น!
…
ขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตแดนลับสามตนที่อยู่ในแดนลับลำดับหกสิบแปดคิ้วขมวดมุ่นกันถ้วนหน้า
หมอนั่นสามารถพาตัวจักรพรรดินีหนานกงไปจากที่นี่ใต้จมูกพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเหนือขอบเขตที่พวกเขารับมือไหวแล้ว
หากพวกเขาจัดการหมอนี่ได้ หมอนี่คงพาตัวจักรพรรดินีหนานกงไปจากที่นี่ใต้จมูกพวกเขาไม่ได้
“ต้องส่งคนมาอีก ส่งสมาชิกทรงพลังกว่านี้มาพิทักษ์!”
มารกิเลสปริปาก
หวังพึ่งเพียงพวกเขาคงไม่ไหว ไม่มีทางลากคอหมอนั่นออกมาได้ จำต้องส่งสมาชิกทรงพลังกว่านี้มา
จากนั้นพวกเขาติดต่อฝูหรง รายงานสถานการณ์ให้นางทราบ
“เขากำลังเบ่งบารมีข่มเรา!”
ฝูหรงแค่นยิ้ม มั่นใจยิ่งขึ้นว่าหมอนั่นต้องการข่มขวัญพวกเขา หาไม่แล้วคงไม่ต้องลงมือแต่ในแดนลับลำดับหกสิบแปด
“เป้าหมายการข่มขวัญก็เพื่อรบกวนการฝึกตนของเรา!”
แววตานางทอประกายดุดัน เหตุใดถึงมี ‘คนทรยศ’ เดนตายเยี่ยงนี้โผล่มา บัดนี้หมอนั่นสร้างความรำคาญต่อพวกเขาอย่างร้ายแรง
เป็นผลให้นางเดือดดาลเหลือแสน หากบุกเบิกเส้นทางฝึกตนไม่ได้ ลงท้ายพวกเขาก็ต้องตายอย่างเดียวเท่านั้น ทันทีที่บรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์กลับมา ย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่
พวกเขาแข็งแกร่งมากพอ ยังมีประโยชน์ต่อเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์?
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย!
สำหรับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ พลังระดับพวกเขาหาได้สลักสำคัญไม่ จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายสร้างกำลังรบระดับพวกเขาออกมาได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาในอดีตก็ได้รับกำลังรบระดับนี้จากบรรดาจ้าวแดนพิสุทธิ์ทันทีทันใด
เพราะอย่างนั้น จ้าวแดนพิสุทธิ์ทั้งหลายไม่มีทางแยแสพวกเขา หลังรู้ว่าพวกเขามีใจต่อต้าน ย่อมต้องกำจัดพวกเขาทั้งหมดจนสิ้นซากแน่
ฝูหรงไม่ต้องการสนใจหมอนี่ ตั้งใจจดจ่อกับการบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้
มีเพียงบุกเบิกเส้นทางฝึกตนหลังจากนี้ออกมา พวกเขาถึงมีความสามารถพอจะต่อกรกับเหล่าจ้าวแดนพิสุทธิ์ พวกเขาถึงมีหวังควบคุมโชคชะตาของตน
ทว่าพวกเขาไม่อาจไม่สนใจหมอนี่
พวกเขาเคลื่อนไหวเอิกเกริกเพียงนี้ หมอนั่นยังกล้าลงมือติดต่อกันเพื่ออวดเบ่งบารมี ขืนพวกเขาเพิกเฉย หมอนั่นต้องใจกล้ากว่าเดิมแน่
ถึงเมื่อนั้น หมอนั่นอาจตามล่าสิ่งมีชีวิตทรงพลังในทุกแดนลับอย่างบ้าคลั่ง!
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องหาทางกำจัดหมอนี่ให้ได้!
“รอข้าก่อน ข้าจักออกโรงด้วยตนเอง!”
นางมายังแดนลับลำดับหกสิบแปด รวมตัวกับสมาชิกแดนพิสุทธิ์ทั้งสาม หารือกันว่าจะลากตัวหมอนี่ออกมาอย่างไร
“เขาตั้งใจข่มขวัญพวกเราไม่ใช่หรือ เช่นนั้นปล่อยให้เขาข่มไป!”
ฝูหรงแค่นยิ้ม “พวกเจ้าไปเถิด เลือกสิ่งมีชีวิตมาอีกหนึ่งตน ข้าอยากเห็นว่าเขายังกล้าลงมืออีกหรือไม่!”
“ได้!”
สมาชิกแดนพิสุทธิ์ทั้งสามตอบ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวในแดนลับ เฟ้นหาสิ่งมีชีวิต
…
อีกด้าน จักรพรรดินีหนานกงขึ้นนั่งเรือกระดาษกับจั่วเหยียนแล้ว บัดนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังที่พำนักของหลี่จิ่วเต้า
จนบัดนี้นางยังไม่อาจสงบใจลงได้ มือที่ถือใบชายังคงสั่นระริก
ใบชานี่วิเศษเหลือเกิน ยิ่งนางจับสัมผัสใบชาก็ยิ่งสะท้าน!
นางไม่นึกสงสัยเลยว่าหากชงชาด้วยใบชาเหล่านี้ ไม่ต้องทั้งหมด ลำพังใบชาใบเดียว หากได้ดื่มขอบเขตปัจฉิมของนางก็จักบริบูรณ์ บรรลุเหนือขึ้นไปยังขอบเขตไร้กั้น
และหากได้ดื่มใบชาทั้งหมดนี่ นางจักทรงพลังยิ่งขึ้น!
“ขอถามว่าคุณชายผู้นี้เป็นใคร?!”
นางถามจั่วเหยียนอย่างอดไม่ไหว อยากรู้เหลือเกินว่าคุณชายที่จั่วเหยียนกล่าวถึงเป็นใคร
คุณชายผู้นี้เก่งกาจเกินไปแล้ว ยกใบชาแสนวิเศษเหล่านี้ให้นางได้ง่ายดาย ไม่ต้องคิดให้มากก็รู้ว่าคุณชายผู้นี้ต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงส่งแน่นอน!
ส่วนคุณชายผู้นี้หวังบางสิ่งจากนางหรือไม่ หรือคิดทำร้ายนางหรือไม่ นางไม่ได้คำนึงถึงเลย
อย่าล้อเล่นหน่อยเลย หากผู้ที่สามารถนำใบชาวิเศษเช่นนี้ออกมาได้ง่าย ๆ ต้องการทำร้ายนาง จำเป็นต้องวกวนเช่นนี้หรือ
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงส่งปานนั้นหากตั้งใจทำร้ายนางจริง สังหารนางได้ในการตั้งจิตเพียงครั้งเดียว!
นางรู้สึกว่าต่อให้นักพรตเจวี๋ยเฉิน ผู้ยิ่งใหญ่จากแดนพิสุทธิ์คนนั้นที่นางได้พบก็อาจไม่สู้คุณชายท่านนี้!
“รอจนท่านได้พบคุณชายจักรู้เอง”
จั่วเหยียนคลี่ยิ้ม บอกกับจักรพรรดินีหนานกง “จักรพรรดินี หลังท่านได้รับประโยชน์จากคุณชายแล้วอย่าลืมข้านะ อย่างไรข้าก็ลำบากเดินทางไปหา จักรพรรดินีโปรดนึกถึงข้าให้มาก ๆ ด้วย!”
เป็นสาเหตุจากเพศสภาพ!
มิหนำซ้ำจักรพรรดินียังงดงามถึงเพียงนี้
เขารู้สึกว่าหลังจักรพรรดินีไปหาคุณชายแล้วต้องได้รับการปฏิบัติอย่างดียิ่งแน่นอน อนาคตเบื้องหน้าสดใสเกินหยั่ง!
เขาหวังให้จักรพรรดินีจดจำเขาไว้ วันหน้าเขาจักได้แบ่งผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ จากการติดตามจักรพรรดินีบ้าง
ได้รับประโยชน์หรือ?
หลังจักรพรรดินีหนานกงได้ยินคำกล่าวของจั่วเหยียน ดวงตาคู่งามพลันเป็นประกาย
หากเอ่ยกันเช่นนี้ นี่นางกำลังจะได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงหรือ
“หรือคุณชายผู้นี้ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่จากแดนพิสุทธิ์ หมายตาข้าเช่นกันจึงคิดแย่งข้าจากนักพรตเจวี๋ยเฉิน ไม่ต้องการให้ข้าตามนักพรตเจวี๋ยเฉินเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ หากแต่ต้องการให้ข้าตามเขาเข้าไปฝึกฝนในแดนพิสุทธิ์?”
นางเอ่ยอย่างอดไม่ได้
คิดมาถึงนี่ นางยิ่งรู้สึกว่านี่ต่างหากคือความจริง คุณชายท่านนี้มาถึงก็ยกใบชาวิเศษเพียงนี้ให้นางหลายใบ เป็นไปได้ว่าทำเพื่อดึงนางไปเป็นพรรคพวก!
‘ที่แท้ข้าเก่งกล้าปานนี้เชียวหรือ ถึงกับต้องให้ผู้ยิ่งใหญ่แดนพิสุทธิ์สองคนแย่งกัน!’
ผู้อื่นอยากเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ยังไม่มีสิทธิ์
แต่นางกลับถูกผู้ยิ่งใหญ่แดนพิสุทธิ์แย่งกันถึงสองคน!
นี่เป็นเรื่องที่นางสามารถภูมิใจได้อย่างแน่นอน!
“จักรพรรดินี?”
จั่วเหยียนเห็นจักรพรรดินีไม่ตอบเขา จึงร้องเรียกอย่างอดไม่ได้ เอ่ยเตือนอีกครั้ง “จักรพรรดินีต้องจดจำข้าไว้ อย่าได้ลืมข้า!”
“วางใจเถิด ไม่ลืมหรอก!”
จักรพรรดินีได้สติ รีบตอบและเอ่ยว่าจะไม่ลืมจั่วเหยียน หากวันหน้านางได้รับประโยชน์ นางจักแสดงความขอบคุณต่อจั่วเหยียน
“ขอบคุณ!”
จั่วเหยียนรีบกล่าวขอบคุณจักรพรรดินี ยินดีปรีดาเหลือล้น จักรพรรดินีนี่เข้าใจง่ายจริง ๆ เดินทางหนนี้นับว่าไม่เสียเปล่า
ผ่านไปไม่นาน กระดาษเรือบรรทุกจั่วเหยียนและจักรพรรดินีหนานกงมาถึงที่ที่หลี่จิ่วเต้าอยู่
“มาแล้ว”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มน้อย ๆ ออกมาต้อนรับจักรพรรดินีหนานกงด้วยตนเอง
“ท่านคือคุณชายหรือ”
จักรพรรดินีหนานกงจ้องมองหลี่จิ่วเต้า นึกในใจว่าสมเป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงส่ง นางไม่รู้สึกถึงพลังสักเสี้ยวจากตัวหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้าเสมือนปุถุชนทั่วไป
แต่นางรู้ดีว่าคุณชายผู้นี้ไฉนเลยจะเป็นเพียงปุถุชน ต้องเป็นเพราะคุณชายผู้นี้เหนือชั้นกว่านางเกินไป นางถึงจับสัมผัสอันใดไม่ได้เลย
“อืม”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “เชิญจักรพรรดินีมาอย่างฉุกละหุก นับว่าผลีผลามไปหน่อย ขอจักรพรรดินีโปรดอภัย อย่าได้ถือสา”
“คุณชายเกรงใจเกินไป!”
จักรพรรดินีหนานกงกล้า ๆ กลัว ๆ นางไฉนเลยจะกล้าล่วงเกิน คุณชายผู้นี้เชิญนางมาถือเป็นวาสนาของนางโดยแท้
“ไปกันเถิด สนทนากันต่อด้านใน”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม พาจักรพรรดินีหนานกงเข้าไปด้านใน ที่ที่พวกเขาทักทายกันเป็นเพียงบริเวณรอบนอก
‘มีสตรีเพศอยู่เยอะเพียงนี้เชียว?!’
หลังจักรพรรดินีหนานกงเข้ามาด้านในก็ได้พบสตรีเพศมากหน้าหลายตา นางตกตะลึง ซ้ำยังสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างยิ่งยวด
‘เขาคงไม่ได้ต้องการให้ข้าเป็นหนึ่งในสตรีวังหลังของเขากระมัง!’
หัวใจของนางเต้นไม่เป็นส่ำ เกิดกลัวขึ้นมาจริง ๆ
มีที่ไหนมีผู้ติดตามสตรีเพศมากมายปานนี้ นางพลันนึกถึงเรื่องราวไม่ค่อยดี
คุณชายผู้นี้ชื่นชอบโฉมงามเป็นพิเศษหรือ ที่ให้นางมาไม่ใช่เพื่อชิงตัวนางเพื่อพาเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ หากแต่ต้องการรับนางเข้าวังหลัง!
‘เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ข้าฝักใฝ่ทางธรรมมาตลอด ไม่มีทางตอบตกลง! ข้าไม่มีวันเป็นสตรีวังหลังของเขา!’
จักรพรรดินีเอ่ยเสียงแน่วแน่ในใจ
ทว่าหลังนางได้เห็นรอยยิ้มหลี่จิ่วเต้า ความคิดนั้นพลันสั่นคลอน
“ใช่ว่าจะไม่ได้…”
นางคิดฟุ้งซ่านในใจ
“จักรพรรดินี?”
เวลานั้น หลี่จิ่วเต้าเห็นจักรพรรดินียืนนิ่งไม่ไหวติง ก็ส่งเสียงเรียกจักรพรรดินีหนานกงด้วยความฉงน
“ข้าเต็มใจ!”
หลังจักรพรรดินีหนานกงได้ยินเสียงของหลี่จิ่วเต้าก็ตะโกนออกมาทันที
“เต็มใจเรื่องอะไร?”
หลี่จิ่วเต้ายิ่งงวยงงเข้าไปใหญ่
ทว่าเพียงไม่นานเขาก็ปะติดปะต่อได้ จักรพรรดินีหนานกงคงคิดเป็นอื่นเพราะได้เห็นสตรีเพศคณานับแน่นอน
“เต็มใจเป็นหนึ่งในพวกนางหรือ”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ
“อืม…”
จักรพรรดินีหนานกงก้มหน้าด้วยความเอียงอาย ไม่กล้าสู้หน้าหลี่จิ่วเต้า เอ่ยขึ้นเสียงเบา “หากเป็นไปได้ ข้าอยากเป็นประมุขวังหลัง! คุณชายวางใจได้ ข้าเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งแคว้น หากข้าได้เป็นประมุขวังหลัง รับรองว่าสามารถปกครองวังหลังได้เป็นอย่างดี!”
‘บ้าจริง! นี่คิดไปถึงเป็นประมุขวังหลังแล้วหรือ!!!’
ด้านหลังนาง อย่าให้เอ่ยเลยว่าสีหน้าจั่วเหยียนชอบกลเพียงใด อดร่ำร้องในใจไม่ได้
จักรพรรดินีหนานกงคิดเป็นตุเป็นตะเก่งเกินไปแล้ว กล้าหาญเกินไปแล้ว!
เขาอยากบอกเหลือเกินว่า จักรพรรดินีเอ๋ย ล้มเลิกความคิดเป็นประมุขวังหลังเสียเถิด ลั่วสุ่ย เซี่ยเหยียน และหลิงอินยังแก่งแย่งกันไม่เลิกราอยู่เลย!
“ประมุขวังหลัง?”
หลี่จิ่วเต้าตกใจกับคำกล่าวของจักรพรรดินีหนานกง บ้าไปแล้ว จักรพรรดินีคิดเป็นอื่นไปจริง ๆ ซ้ำยังไปไกลเสียด้วย
เขารีบเอ่ยขึ้น “จักรพรรดินีเข้าใจผิดแล้ว เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด พวกนางหาใช่สตรีวังหลัง ไม่ได้เกี่ยวข้องเช่นนั้นกับข้า พวกนางเพียงแต่ถูกบรรพมังกรเก้ากรงเล็บทำร้ายและถูกข้าช่วยไว้เท่านั้น”
“ใช่แล้ว จักรพรรดินี ท่านคิดมากเกินไปแล้ว!”
“พวกเราหาใช่สตรีวังหลังของคุณชาย!”
สตรีเพศทั้งหลายพากันก้าวเข้ามาพลางเอ่ย
“หา?”
จักรพรรดินีหนานกงกระอักกระอ่วนแทบทนไม่ไหว แดงก่ำไปทั้งหน้าและตัว นึกอยากแทรกแผ่นดินหนี
นางคิดเป็นอื่นไม่ว่า ซ้ำยังกล่าวออกมาต่อหน้าธารกำนัล!
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ป้องกันไม่ให้จักรพรรดินีหนานกงกระอักกระอ่วนไปกว่านี้
เขาเอ่ย “ที่ข้าเชิญจักรพรรดินีมาคราวนี้เพราะมีเรื่องอยากแจ้งให้ทราบ”
จากนั้น เขาก็บอกความจริงทั้งหมดในแดนพิสุทธิ์ออกไป เอ่ยว่าแดนพิสุทธิ์ไม่ได้เป็นดังที่จักรพรรดินีคิด จักรพรรดินีถูกหลอก หากถูกพาตัวเข้าไปในแดนพิสุทธิ์ไม่มีทางมีโอกาสฝึกตนให้ดีกว่านี้ รังแต่จะถูกสังหารดูดพลัง
“อะไรกัน!”
จักรพรรดินีหนานกงตะลึง หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ
ที่หลี่จิ่วเต้ากล่าวมาสร้างความสะเทือนใจให้นางอย่างมหันต์ ความจริงในแดนพิสุทธิ์เป็นเช่นนี้หรอกหรือ
พลิกผันเกินไปแล้ว นางเชื่อไม่ลงเลย!
“ท่านเป็นใครกันแน่!”
นางถามอย่างอดไม่ได้
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือนี่คือความจริง”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว “ข้ารู้ว่าความจริงนี้สะเทือนใจจักรพรรดินีมากเพียงใด ทว่าขอให้จักรพรรดินีโปรดเชื่อข้า แดนพิสุทธิ์หาใช่สถานที่ดีงามแต่อย่างใด”
จักรพรรดินีหนานกงสับสนเหลือคณา นางไม่อาจเชื่อเรื่องเช่นนี้ได้ลง ทว่านางรู้สึกได้ราง ๆ ว่านี่ต่างหากคือความจริง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เข้าใจดีว่าจักรพรรดินีหนานกงไม่อาจยอมรับความจริงเช่นนี้ได้ในเวลาอันสั้น ถึงอย่างไร ความวิเศษของแดนพิสุทธิ์ฝังรากลึกในใจจักรพรรดินีหนานกงไปแล้ว ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ
“ได้ยินว่าจักรพรรดินีชอบดื่มชา มาเถิด พวกเราลิ้มรสชาไปพลาง สนทนาไปพลาง”
หลี่จิ่วเต้าเชิญจักรพรรดินีหนานกงเข้ามานั่ง
ที่นี่มีโต๊ะมีเก้าอี้ บนโต๊ะมีเครื่องน้ำชาครบชุด รวมถึงใบชาด้วย
หลังจักรพรรดินีหนานกงได้เห็นเครื่องน้ำชาครบชุดและใบชาแล้วก็ต้องสะท้านใจเป็นหนักหนา ในชุดเครื่องน้ำชามีจังหวะแห่งเต๋าอันสูงส่งไหลเวียน เป็นจังหวะแห่งเต๋าที่เหนือขอบเขตความเข้าใจของนางไปอย่างสิ้นเชิง ภายใต้จังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้ ตัวนางเล็กกระจิริดประหนึ่งธุลี
นางไม่นึกสงสัยเลยว่า ลำพังเครื่องน้ำชานี้ก็สามารถสังหารนางได้ง่ายดาย ฆ่านางให้ตายสนิทได้
นอกจากนี้ ใบชาบนโต๊ะยิ่งอัศจรรย์เข้าไปใหญ่ สูงส่งเหนือจินตนาการยิ่งกว่าใบชาที่นางได้ไป!
“นี่เป็นใบชาที่ข้าปลูกด้วยตนเอง ใบชาที่ข้านำไปให้จักรพรรดินีข้าก็ปลูกด้วยตนเอง ทว่าไม่ใช่ใบชาชั้นดีที่สุด”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม ชี้ใบชาบนโต๊ะพลางเอ่ย “ใบชาเหล่านี้คือชั้นดีที่สุด”