บทที่ 1051 หลี่จิ่วเต้า ‘ประชันหมากล้อมสักกระดานเถิด!’
บทที่ 1051 หลี่จิ่วเต้า ‘ประชันหมากล้อมสักกระดานเถิด!’
ผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ดิ่งลงไปจากจักรวาลดวงดาราเข้าสู่อาณาจักรอันมีกฎแห่งมวยอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏ อาณาจักรที่สิ่งมีชีวิต ‘เหนือพิสัย’ อยู่
สิ่งมีชีวิต ‘เหนือพิสัย’ รำมวยเสร็จแล้ว กฎแห่งมวยสลายหาย ทว่ายังเหลือร่องรอยคงอยู่ เขารีบติดตามร่องรอยเหล่านั้นไปด้วยความระมัดระวัง
นามของเขาคือจั่วเหยียน รูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงเต็มไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวา ไร้ซึ่งลมหายใจแห่งความตายแม้แต่น้อย อันที่จริง แก่นกำเนิดชีวิตของเขาอุดมสมบูรณ์มากกว่าสิ่งมีชีวิตปกติเสียอีก
หากเขาไม่บอก ผู้ใดก็คงดูไม่ออกว่าเขาตายไปนานปีจนไม่อาจนับ ก่อนจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตตนใดก็คาดไม่ถึง!
“ดินแดนเก่า…ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
เขาถอนหายใจ ต้องการให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ที่ยังมีชีวิตอยู่มาสัมผัสประสบการณ์เดียวกัน!
การฟื้นคืนชีพทำให้ทุกด้านของเขาเพิ่มสูงมากขึ้นห่างไกลจากเดิม นับเป็น ‘การเกิดใหม่’ ที่แท้จริง!
‘การเกิดใหม่’ นี้พิเศษอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้เขามีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ประหนึ่งเป็นทารกเกิดใหม่ เปี่ยมด้วยความเป็นไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด!
สำหรับสิ่งมีชีวิตเหนือชั้นเช่นเขาแล้ว ทุกด้านย่อมมั่นคง ยากยิ่งจะสร้างความก้าวหน้าอันใด การเกิดใหม่ครั้งนี้นำพาโอกาสก้าวหน้ามาสู่เขา เช่นนี้ภายในใจจะไม่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ได้อย่างไร?
ความรู้สึกของเขาสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก!
ด้วยความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุดนี้ เขาสามารถทลายขีดจำกัดเดิม ก้าวขึ้นไปยังขอบเขตที่สูงขึ้นได้ เมื่อถึงยามนั้นกระทั่งเขาเองยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตนเองจะแข็งแกร่งมากเพียงใด!
“ถึงยามนั้น กระทั่งเหล่าพลังด่างพร้อยก็จัดการได้โดยไร้แรงกดดัน!”
เขารำพึงกับตนเองด้วยความมั่นใจอย่างมาก
ทว่าเขาก็เก็บความคิดเหล่านั้นกลับไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเขาใกล้ถึงสถานที่แห่งนั้นแล้ว ไม่อาจเบาใจได้ สิ่งมีชีวิตตนนั้นไม่ง่ายต่อการรับมือ ยามนี้ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อยู่จุดสูงสุด ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า!
เพียงไม่นานเขาก็มาถึง ทว่าไม่ได้ตรงเข้าไปแต่อย่างใด ซ่อนตัวเฝ้าระวังอยู่ในความมืด
ที่นั่นมีรถม้าคันหนึ่งจอดไว้อยู่ มีอสูรทั้งเก้าเป็นผู้ลาก อืม ดูแล้วไม่มีสิ่งใดผิดแปลก อสูรทั้งเก้าไม่ได้แข็งแกร่งป่านนั้น
ข้างรถม้ามีคนอยู่ไม่น้อย เขาไล่ตรวจทีละคนเพื่อระบุว่าผู้ใดคือสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวนั่น!
“เป็นเขา!”
เขามองไปทางหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาจริงจัง
หลังสำรวจครบ เขาสามารถระบุขอบเขตของทุกคนได้ แต่มีเพียงหลี่จิ่วเต้าที่ไม่อาจมองออก!
“ปุถุชนธรรมดาหรือ? ในร่างกายไร้พลังใด? ไม่มีทางเป็นไปได้!”
เขาเหยียดยิ้มเย็น มั่นใจมากว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวนั่น
ไม่มีเหตุอื่นใด ในหมู่กลุ่มสิ่งมีชีวิตล้ำขีด กลับปรากฏปุถุชนผู้หนึ่ง อีกทั้งเหล่าสิ่งมีชีวิตล้ำขีดทั้งหมดล้วนเคารพปุถุชนผู้นี้อย่างถึงที่สุด นี่มันสมเหตุสมผลหรือ?
ไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย!
เหตุผลที่แท้จริงมีอยู่เพียงข้อเดียว นั่นก็คือหลี่จิ่วเต้าเก็บงำพลังและลมหายใจทั้งหมดเอาไว้ ดังนั้นจึงกลายเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาในสายตาของเขา
ทว่าเขาไม่ได้กังวลใจ
การที่สัมผัสถึงพลังแท้จริงของหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ นั่นเพราะเขาเกรงว่าตนเองจะแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ในการตรวจสอบ
หากใช้พลังเต็มที่ของเขาตรวจสอบ ทุกอย่างเกี่ยวกับหลี่จิ่วเต้าย่อมไม่อาจปิดบังได้ต่อหน้าเขา!
“สังเกตดูไปก่อนค่อยว่ากัน!”
เขาไม่ได้ลงมือโดยตรงกับหลี่จิ่วเต้า อย่างไรเสียความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด อีกทั้งยังไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้า การประสบความสูญเสียครั้งใหญ่นับเป็นเรื่องง่าย
เขาไม่กังวลว่าหลี่จิ่วเต้าจะพบตัว
เขาเก็บซ่อนลมหายใจทั้งหมด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่มีทางที่หลี่จิ่วเต้าจะพบตัวเขา
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิ่วเต้าไม่มีสิ่งใดทำ จึงเรียกต้นหลิวให้มาหา
“มาเถิด ต้นหลิว มาเล่นหมากกับข้าสักหน่อย ข้าไม่ได้เล่นมานานมากแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้านั่งลง หยิบกระดานหมากล้อมออกมา บอกให้ต้นหลิวมาเล่นกับเขา
ต้องบอกเลยว่าต้นหลิวมีพรสวรรค์อย่างยิ่ง เขาเพียงชี้แนะไปไม่กี่ครั้ง ความรู้แจ้งในด้านหมากล้อมของต้นหลิวก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก มีความเข้าใจในหมากล้อมสูงยิ่ง!
นับเพียงด้านหมากล้อมอย่างเดียว ต้นหลิวเหนือชั้นกว่าทุกคนในที่นี่ รวมกระทั่งลั่วสุ่ยด้วย
จำนวนครั้งที่เขาชี้แนะลั่วสุ่ยนั้นมากกว่าต้นหลิวนัก ทว่าลั่วสุ่ยกลับถูกต้นหลิวตามทันและทิ้งห่างออกไป แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านหมากล้อมที่เหนือกว่าลั่วสุ่ย
“ตกลงคุณชาย!”
ต้นหลิวนั่งลง เริ่มเล่นหมากล้อมกับคุณชาย
ทันใดนั้นเองกฎวิถีแห่งหมากล้อมอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏขึ้น สวรรค์และโลกกลายเป็นเกมหมาก ไร้ซึ่งสิ่งใดเจือปน!
ขาวและดำ ตัวหมากทั้งสองส่งพลังที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเข้าปะทะกัน หลี่จิ่วเต้าเป็นฝ่ายหมากดำ ส่วนต้นหลิวเป็นหมากขาว
พลังของหมากดำแข็งแกร่งกว่าหมากขาวมากอย่างเห็นได้ชัด!
ฉากนี้อยู่ในสายตาของผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ที่ผ่านการเกิดใหม่ หรือก็คือจั่วเหยียนที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไป!
“นี่…ข้าถูกพบตัวแล้ว!”
เสียงของเขาทุ้มลึก
ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเต้าเก็บงำตัวเองอย่างมิดชิด ดูเหมือนเพียงปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่ง ทว่าหลังจากเขามาถึงเพียงไม่นาน หลี่จิ่วเต้าก็สำแดงพลังอันน่าตื่นตะลึงออกมา
ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือ?
หลี่จิ่วเต้าเพียงแค่เล่นหมากล้อมหรือ?
เขาไม่คิดเช่นนั้น!
จากมุมมองของเขา หลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะต้องค้นพบตัวเขาแล้ว และจงใจแสร้งเล่นหมากล้อม สำแดงความแข็งแกร่งอันน่าตื่นตะลึง บังคับให้เขาล่าถอยไป
ไม่เช่นนั้นหลี่จิ่วเต้าที่เก็บงำทุกอย่าง เหตุใดจึงสำแดงพลังอันน่าตื่นตะลึงออกมากะทันหัน!
ไฉนจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้!
“นี่เขาดูแคลนข้าหรือ?!”
เขากล่าวด้วยเสียงมืดมน “อยากทำให้ข้ากลัวจนถอยหนีโดยการเล่นหมากล้อมหรือ? เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว ซ้ำยังดูแคลนข้ามากเกินไป!”
แม้เขาจะยังไม่ฟื้นฟูกลับมาอย่างเต็มที่ พลังไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด แต่เขาก็ยังคงน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด มีพลังถึงคลุมฟ้าวรรณะห้า
หลี่จิ่วเต้าอยากทำให้เขาหวาดกลัวจนล่าถอยด้วยหมากล้อม นี่นับเป็นเรื่องน่าขันอย่างแท้จริง
“ช่างมัน เช่นนั้นให้ข้าดูเสียว่าเจ้ามีเส้นสนกลในเช่นไร!” เขายิ้มหยัน
ในเมื่อถูกหลี่จิ่วเต้าพบตัวแล้ว เขาเองก็ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป เดินออกจากมุมมืดเพื่อประหน้าหลี่จิ่วเต้าโดยตรง
เรื่องการถอยหนีด้วยความกลัวนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
หากไม่ทราบถึงเส้นสนกลในของหลี่จิ่วเต้า เขาจะไม่จากออกไปโดยง่ายแน่นอน
จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปทีละก้าว เพียงไม่นานก็ถึงตัวพวกหลี่จิ่วเต้า
การมาถึงของเขาดึงดูดความสนใจของพวกลั่วสุ่ย
พวกลั่วสุ่ยต่างตกตะลึงระคนสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของจั่วเหยียน ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างแข็งแกร่งยิ่ง ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้ถึงพลังขอบเขตที่แท้จริงของจั่วเหยียนได้!
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าจั่วเหยียนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
จั่วเหยียน…อาจเป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้า!
สิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้ามาจากที่ใดกัน?
พวกเขาเริ่มระแวดระวังขึ้นมาทันที จั่วเหยียนมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะมาจากโลกใหม่!
เพราะนอกจากโลกใหม่แล้ว พวกเขาไม่สามารถนึกถึงสถานที่ใดจะมีสิ่งมีชีวิตขอบเขตคลุมฟ้าปรากฏออกมาอีก!
ท่าทางระแวดระวังของพวกลั่วสุ่ย จั่วเหยียนไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย
เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจแม้แต่น้อย ในสายตาของเขา พวกลั่วสุ่ยเป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อย ถึงจะอยู่ขอบเขตล้ำขีด ก็ยังประหนึ่งมด หากเขาต้องการ เพียงแค่นิ้วเดียวก็บดขยี้พวกลั่วสุ่ยจนสิ้นซากได้อย่างง่ายดาย
ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่หลี่จิ่วเต้า!
‘เมินข้าอย่างนั้นหรือ?!’
โทสะในใจของเขาปะทุทันที เมื่อเขามาถึงที่นี้กลับถูกหลี่จิ่วเต้าเมินเฉย ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายยังคงเล่นหมากล้อมกับต้นหลิว
ความจริง เขาเข้าใจผิดโดยสมบูรณ์
หลี่จิ่วเต้าทุ่มเทกับทุกสิ่งที่ตนเองทำ โดยเฉพาะการเล่มหมากล้อมยิ่งใจจดใจจ่อมากกว่าเดิม นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเขา แต่ยังเป็นการให้เกียรติคู่ประชันหมากด้วย
‘ได้ ข้าจะดูว่าเจ้าเล่นลูกไม้อันใด!’
จั่วเหยียนยิ้มเย็นเยียบ ยืนมองด้านข้างอย่างเงียบงันไม่เอ่ยสิ่งใด มองดูหลี่จิ่วเต้าเล่นหมากล้อมกับต้นหลิว
เขาไม่ต้องการพูดสิ่งใด นี่เป็นการลดบารมีของเขาลง อยากดูว่าหลี่จิ่วเต้าจะเสแสร้งไปได้อีกนานเท่าใด!
ต้องยอมรับว่าทักษะหมากล้อมของต้นหลิวสูงจริง ๆ เล่นกับหลี่จิ่วเต้าได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ทว่าก็ยังเป็นหลี่จิ่วเต้าที่เหนือกว่า สุดท้ายต้นหลิวก็พ่ายแพ้ไป
“คุณชายยังคงแข็งแกร่ง!”
ต้นหลิ่วกล่าวจากใจจริง
เมื่อครู่ดูแล้วราวกับสมน้ำสมเนื้อ แต่ความจริงมันกระจ่างแจ้งดี คุณชายกำลังชักนำมัน ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนถูกคุณชายควบคุมเอาไว้ ในตอนท้ายมันจึงพบความจริงข้อนี้
“เจ้าเองก็ไม่เลว ฝีมือพัฒนาเร็วมาก!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ยังอยากจะเล่นกับต้นหลิวต่ออีกกระดาน ทว่าเห็นจั่วเหยียนเข้าเสียก่อน
เขาลุกขึ้นทันทีแล้วเอ่ยถามจั่วเหยียนว่า “เจ้าเป็นใคร?”
เสแสร้งนัก!
ก่อนหน้านี้จงใจเล่นหมากล้อมข่มขวัญให้เขาหนี ตอนนี้กลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ถึงตัวตนเขาอย่างนั้นหรือ?
น่าขันนัก!
จั่วเหยียนเยาะเย้ยอยู่ในใจ ต้องการดูว่าหลี่จิ่วเต้ามาลูกไม้ไหน!
“จั่วเหยียน!”
เขาเอ่ยต่อ “เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนธรรมดาที่ผ่านทางมา”
ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ เขาย่อมไม่เอ่ยออกมา
น่าขันนัก พวกเขาไม่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตดินแดนเก่ารับรู้ถึงการดำรงอยู่ของโลกใหม่ เช่นนั้นเขาจะเปิดเผยเรื่องโลกใหม่ออกมาได้อย่างไร
“อืม เป็นเช่นนี้เอง”
หลี่จิ่วเต้ายิ้ม “สวัสดี ข้าชื่อหลี่จิ่วเต้า เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่ง”
ปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่ง?
มารดามันเถิด ยังจะเสแสร้งอยู่อีกหรือ?
ได้!
ในเมื่อแสร้งทำ เช่นนั้นเขาเองก็เล่นด้วย!
“ปุถุชนแล้วอย่างไร ผู้ฝึกตนแล้วอย่างไร แท้จริงไม่แตกต่าง สุดท้ายยามสูญสิ้นก็ไม่ต่างกัน”
เขากล่าวอย่างสงบนิ่ง
ยังมีตัวตนเช่นนี้อยู่!
หลี่จิ่วเต้าประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่คาดหวังมาก่อนว่าจะพบกับผู้ฝึกตนที่ตื่นรู้ลึกล้ำเพียงนี้
อย่างไรเสีย ในโลกผู้ฝึกตน คนที่ตื่นรู้ระดับสูงเช่นนี้หาพบได้ยากยิ่ง ส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่า ดูแคลนและรังเกียจปุถุชนยิ่ง
“เจ้าพูดถูก ความคิดลึกซึ้งนัก!”
เขากล่าวอย่างชื่นชม
“เจ้าเองก็ชื่นชอบหมากล้อมใช่หรือ? เช่นนั้นมาประชันสักกระดานดีหรือไม่?”
เขาเอ่ยกับจั่วเหยียน
จั่วเหยียนมาดูหมากล้อมที่นี่ เขาคิดว่าจั่วเหยียนก็เป็นผู้หนึ่งที่รักในหมากล้อมเช่นเดียวกัน จึงชวนอีกฝ่ายมาประชันหมากล้อม นี่ยังช่วยลดบทสนทนาอันยืดเยื้อด้วย
คำท้าประลอง!
จั่วเหยียนหัวเราะเยาะในใจ ทุกอย่างได้รับการยืนยันแล้ว
ก่อนหน้านี้หลี่จิ่วเต้าสังเกตเห็นตัวตนของเขา จึงจงใจใช้หมากล้อมข่มขวัญให้เขาหนีไป หลังจากเห็นว่าเขาไม่กลัว จึงต้องการใช้หมากล้อมมาต่อกรกับเขา!
ได้!
จั่วเหยียนไม่เกรงกลัว ต้องการใช้โอกาสนี้สำรวจเบื้องลึกของหลี่จิ่วเต้า!
“ตกลง!”
เขาตอบตกลงทันที
ต้นหลิวลุกขึ้น สละที่นั่งของตนเองให้กับเขา
หลี่จิ่วเต้าเองก็นั่งลง เก็บหมากสีดำกลับมา เตรียมพร้อมประชันแลกเปลี่ยนความรู้ด้านหมากล้อมกับจั่วเหยียน!