รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]บทที่ 1046 สิ่งมีชีวิตมายา เหตุใดจึงกล้าตีตนเสมอโลกใหม่!

บทที่ 1046 สิ่งมีชีวิตมายา เหตุใดจึงกล้าตีตนเสมอโลกใหม่!

บทที่ 1046 สิ่งมีชีวิตมายา เหตุใดจึงกล้าตีตนเสมอโลกใหม่!

บทที่ 1046 สิ่งมีชีวิตมายา เหตุใดจึงกล้าตีตนเสมอโลกใหม่!

ขั้นเจ็ด?

เอาความกล้าจากที่ใดมาขวางพวกเขา?

เหล่าบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่หัวเราะออกมา แต่ละคนต่างแย้มยิ้มร่า โลกใหม่กว้างใหญ่ไพศาล พวกเขาอยู่ห่างไกลเกินกว่าที่พวกอู่เลี่ยจะเทียบได้

ในหมู่พวกเขา คนที่อ่อนแอสุดอยู่ในขั้นเจ็ดขอบเขตล้ำขีด มากสุดอยู่ถึงขั้นที่เก้าแล้ว!

จากมุมมองของพวกเขา จักรพรรดินีที่พลังอยู่ขั้นเจ็ดขอบเขตล้ำขีดเป็นได้เพียงตัวตลกเท่านั้น!

“ข้าจัดการนางเอง พวกเจ้าทุกคนคอยดู!”

มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความมั่นใจ เขามีพลังขั้นที่แปดขอบเขตล้ำขีด

ความแตกต่างระหว่างขั้นในขอบเขตล้ำขีดกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง กล่าวได้ว่าประหนึ่งฟ้ากับเหว ไม่สามารถก้าวข้ามได้!

เขาอยู่สูงกว่าจักรพรรดินีหนึ่งขั้น หากต่อสู้กันเพียงแค่หนึ่งมือก็สามารถจัดการจักรพรรดินีลงได้อย่างง่ายดาย

เสียงระเบิดดังขึ้น เขาพุ่งตัวโฉบลงมาจากฟ้าสูงตรงเข้าใส่จักรพรรดินีด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึง

แม้ว่าเขาจะแสดงท่าทางดูแคลนนางมาก แต่ผู้ที่กล้ามาขวางทางพวกเขา จะธรรมดาสามัญได้อย่างไร?

ความจริงแล้วเขาไม่ได้ประมาทแม้แต่น้อย ภายในใจให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

ฉับพลันที่ตรงเข้าไปก็ระเบิดพลังในร่างออกมาเต็มที่ทันที โจมตีเข้าใส่จักรพรรดินี หมายจะสังหารนางในการโจมตีครั้งเดียว!

น่าเสียดาย คนที่เขาประมือด้วยนั้นเป็นจักรพรรดินีที่มีรากฐานมั่นคงแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ใช้ความเป็นตายจำนวนนับไม่ถ้วนมาพัฒนาตนเอง!

จักรพรรดินีไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถใช้หนึ่งขั้นที่ห่างกันมากดข่มได้!

ฉัวะ!

เลือดสาดกระเซ็น จักรพรรดินีไร้ความเกรงกลัว พุ่งตรงเข้าหาเขาโดยพลัน หอกในมือเปล่งแสงเย็นเยียบไร้ที่สิ้นสุด ทำลายการโจมตีของเด็กหนุ่มในบัดดล!

ขณะเดียวกัน หอกของนางยังคงพุ่งไปด้านหน้าต่อ ทั้งร่างของเด็กหนุ่มแหลกเละเป็นชิ้น ๆ โลหิตสาดไปทั่วจักรวาลดวงดารา ประหนึ่งฝนโลหิตงดงามอย่างน่าสะพรึงกลัว!

“อะ…อะไรกัน!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

เหล่าผู้เฝ้าดูทั้งหมดตกตะลึง บุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่ทุกคนต่างตื่นตะลึงกับความดุร้ายของจักรพรรดินี!

ขั้นขอบเขตต่ำกว่าหนึ่งขั้นกลับสามารถทำลายร่างเนื้อของเด็กหนุ่มได้ในพริบตา จะน่าหวาดกลัวไปแล้ว ไกลเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขา!

นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?!

สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนทันที ตระหนักชัดแจ้งว่าครั้งนี้พวกเขากำลังประสบกับสถานการณ์ร้ายแรง!

“ตาย!”

ใบหน้าของพวกเขามืดมน รอยยิ้มที่เคยยิ้มเยาะจักรพรรดินีเลือนหายไปนานแล้ว ต่างจริงจังเป็นอย่างยิ่ง ลงมืออย่างเต็มที่พุ่งตรงเข้าใส่นาง!

กลุ่มบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่มีอยู่นับสิบชีวิต ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ขั้นเก้าขอบเขตล้ำขีด ดูแล้วจักรพรรดินีไม่มีทางอาศัยกำลังของตนเองเพียงผู้เดียวในการต่อกรกับบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่จำนวนมากเพียงนี้ได้

แม้ว่านางจะก้าวผ่านความเป็นตายอีกครั้ง แต่ช่องว่างก็ยังมีมากเกินไป ระเบิดศักยภาพออกมาเท่าใดล้วนไม่อาจชดเชยได้!

แม้สิ่งมีชีวิตโลกใหม่เหล่านี้จะกลวงเปล่าเพียงใด แต่ก็ยังอยู่ถึงขั้นเก้าขอบเขตล้ำขีด ช่องว่างสองขั้นไม่อาจใช้เพียงรากฐานอันมั่นคงมาชดเชยได้!

แน่นอน จักรพรรดินีย่อมตระหนักได้ถึงจุดนี้

นางเรียกภาพอักษรที่คุณชายมอบให้ออกมาทันที หยิบยืมพลังจากภาพอักษรเพื่อปราบปรามเหล่าบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่ทั้งหมดลง!

“อ๊ากกก! เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?!”

“แตกต่างจากที่พวกเราคิดไว้อย่างสิ้นเชิง!”

เหล่าบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่ตะโกนออกมาด้วยความไม่เต็มใจ

ก่อนมาพวกเขาต่างคิดว่าตนเองสามารถล้างบางสังหารทั่วทุกสารทิศในดินแดนเก่าได้ ทว่าผู้ใดจะรู้ เพียงแค่พวกเขาเพิ่งมาถึงดินแดนเก่า ยังไม่ทันได้เข้าไปจริง ๆ ก็ถูกจักรพรรดีนีจัดการลงเสียแล้ว!

ดินแดนเก่าน่ากลัวถึงเพียงนี้เลยหรือ?

ขณะเดียวกันภายในใจของพวกเขาก็หวนเสียใจภายหลังอย่างถึงที่สุด หากรู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ พูดอย่างไรพวกเขาก็คงไม่มาดินแดนเก่า!

คิดถึงก่อนหน้าที่ต้องการเข้ามายังดินแดนเก่าก็ชวนขบขันนัก

ยามนั้น เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ต้องการส่งบุตรแห่งสวรรค์เข้าไปในดินแดนเก่า พวกเขาต่างต่อสู้แย่งชิงอย่างหนักและนองเลือด ต่างทุ่มทั้งชีวิตเพื่อให้ได้เข้าไปในดินแดนเก่า

เดิมทีคิดว่าการเข้าดินแดนเก่าเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลง ทว่าไฉนเลยจะเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดว่าเป็นการส่งมาตาย!

ย้อนนึกถึงตอนต่อสู้แย่งชิงเลือดตาแทบกระเด็นเพื่อมาตาย ช่างน่าขับขันจนไม่อาจมากไปกว่านี้แล้ว!

“สู้กับข้าให้มากกว่านี้ แสดงคุณค่าสุดท้ายของพวกเจ้าออกมา!”

สีหน้าจักรพรรดินีเย็นเยียบไม่แยแส นางยังคงต้องการใช้บุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่มาลับคมตนเอง ไม่ได้อยากจะสังหารบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่เหล่านี้เลยทันที

“เรียกหยวนอีมาด้วยดีกว่า…”

จักรพรรดินีรำพึง นึกถึงหยวนอีขึ้นมา

บุตรแห่งสวรรค์กลุ่มใหญ่ได้มายังดินแดนเก่า นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีแต่อย่างใด บางทีอนาคตอีกไม่ไกล สงครามครั้งใหญ่ระหว่างโลกใหม่และดินแดนเก่าอาจจะปะทุขึ้น

“ไม่รู้ว่านางจะอดทนได้หรือไม่…”

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำเช่นนางได้ จิตวิญญาณของนางมั่นคงเป็นอย่างมากจนไม่อาจจินตนาการถึง ตัวนางปีนป่ายขึ้นมาจากประตูนรกได้ทุกครั้ง แต่ไม่รู้ว่านี่จะมากไปสำหรับหยวนอีหรือไม่

“อดทนไม่ไหวก็ไม่เป็นอันใด ได้ลับคมก็นับว่าเป็นเรื่องดี”

คิดเช่นนี้แล้วนางก็ใช้ศาสตราสื่อสารติดต่อหยวนอี

“พี่หญิง!”

เมื่อเชื่อมต่อศาสตราสื่อสารแล้ว เสียงสนิทสนมของหยวนอีก็ดังขึ้น

ความคิดของจักรพรรดินีล่องลอยออกไปเล็กน้อย ยามนั้นหยวนอีเป็นคนพบนาง ทำให้นางได้มีโอกาสพบกับคุณชาย สำหรับนางแล้วหยวนอีนับเป็นผู้มีพระคุณ เปลี่ยนแปลงโชคชะตาทั้งชีวิตของนาง!

หากไม่มีหยวนอี นางก็ไม่อาจพบคุณชาย ถึงนางจะแข็งแกร่งทรงพลังเพียงใดก็ไม่มีทางก้าวมาถึงจุดที่อยู่สูงเพียงนี้ได้!

นางรู้แจ้งชัดเจนยิ่ง นางบรรลุมาถึงจุดสูงเพียงนี้ได้ ความเข้มแข็งของตัวนางเองนับได้ว่ามีส่วน แต่ส่วนใหญ่แล้วยังล้วนเป็นเพราะคุณชาย

“เจ้ามาหาข้า มหาสงครามที่แท้จริงในอนาคตกำลังจะปะทุขึ้น ข้าหวังว่าก่อนจะถึงยามนั้นเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้”

นางดึงความคิดที่ล่องลอยกลับมา เอ่ยกับหยวนอีพร้อมบอกว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด

“ตกลงพี่หญิง!”

หยวนอีตอบรับทันที

ทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า “อันที่จริง ข้าอยากต่อสู้ร่วมกับพี่หญิงนานแล้ว ข้าเองก็ตระหนักได้ว่ามหาสงครามที่แท้จริงกำลังจะเกิดขึ้นอีกในไม่นาน แต่น่าเสียดายนัก ที่ข้าไม่อาจเด็ดขาดได้เท่าพี่หญิงจริง ๆ!”

ภัยพิบัติจากความมืดมิดสิ้นสุดลงแล้ว ปัญหาเรื่องผู้เบิกทางและศิษย์พี่หญิงของเขาเองก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย ความสงบสุขกลับคืนสู่ทุกอาณาจักร ไม่ได้ถูกความมืดมิดคุกคามอีกต่อไป

ทว่าสำหรับพวกเขาเหล่าผู้ติดตามคุณชายต่างรู้แจ้งดี ทุกสิ่งยังอีกยาวไกลกว่าจะสิ้นสุด

อย่างน้อยศัตรูที่แท้จริงของคุณชายก็ยังไม่ปรากฏออกมา!

สำหรับคุณชายนั้น ต้องการเพียงออกท่องเที่ยวเล่นจริงหรือ?

ไม่มีทาง!

พวกเขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าคุณชายกำลังวางหมาก เตรียมพร้อมรับมือกับเหล่าศัตรูที่แท้จริง ทุกสิ่งที่คุณชายทำแฝงด้วยความหมายล้ำลึก ไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาแต่อย่างใด

พวกเขาได้รับความโปรดปรานและบุญคุณจากคุณชาย ทุกคนล้วนต้องการช่วยเหลือคุณชายต่อกรกับศัตรูเหล่านั้น ตอบแทนบุญคุณที่คุณชายมีต่อพวกเขา

แม้ว่าคุณชายอาจไม่ต้องการการตอบแทน ทว่าพวกเขายังคงต้องการที่จะทำ!

เพราะเหตุนี้ ยามจักรพรรดินีเรียกนางไป หยวนอีจึงตัดสินใจเด็ดขาด ต้องการใช้ชีวิตมาลับคมตนเอง ก่อนที่มหาสงครามจะปะทุ นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้

“สี่กระบี่ประหารเซียนในมือของข้าถูกฝุ่นคลุมมาเป็นเวลานานจนกระทั่งถึงตอนนี้! ทว่าในมหาสงครามที่จะเกิดขึ้น สี่กระบี่ประหารเซียนจะต้องเปล่งแสงเจิดจ้ารุ่งโรจน์อย่างถึงที่สุดแน่นอน กลายเป็นตัวตนอันน่าหวาดกลัวในหัวใจเหล่าศัตรู!”

หยวนอีกล่าวอย่างหนักแน่น

สี่กระบี่ประหารเซียนเป็นสิ่งที่คุณชายมอบให้นาง น่าเสียดายที่ขอบเขตของนางต่ำเกินไป วิถีกระบี่ที่บรรลุก็ยังสูงไม่พอ ทำให้สี่กระบี่ประหารเซียนในมือนางไม่อาจสำแดงพลังที่แข็งแกร่งสุดออกมาได้

คำพูดที่ว่าสี่กระบี่อยู่ในมือนางนับว่าฝุ่นจับไม่เกินจริงแต่อย่างใด

ทว่านางตัดสินใจแล้ว ในภายภาคหน้านางจะต้องทำให้สี่กระบี่ประหารเซียนที่ฝุ่นจับอยู่สำแดงความไร้เทียมทานออกมา สังหารศัตรูทั้งหมด!

จากนั้นนางก็เก็บศาสตราสื่อสาร เริ่มออกเดินทางไปหาจักรพรรดินี

ทางด้านของจักรพรรดินีนั้นก็หยิบศาสตราสื่อสารออกมาอีกครั้ง ติดต่อไปยังเมิ่งจี

เกิดเรื่องขึ้นกับบุตรแห่งสวรรค์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่ถูกส่งมายังดินแดนเก่า ทางด้านโลกใหม่จะยังคงเฉยเมยไร้การเคลื่อนไหวอย่างนั้นหรือ?

ไม่มีทาง!

นางรู้สึกว่าหลังจากเหล่ายอดฝีมือในโลกใหม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับบุตรแห่งสวรรค์ ย่อมไม่อาจปล่อยผ่านเฉย ๆ จะต้องมีการเปิดฉากจู่โจมอย่างดุเดือดแน่นอน

ดังนั้นตัวนางเพียงลำพัง เกรงว่าจะไม่ไหว

นางจึงติดต่อไปหาพวกเมิ่งจี อยากให้พวกเขาเตรียมตัวล่วงหน้า

“จักรพรรดินี?”

ศาสตราสื่อสารสว่างขึ้น เสียงของเมิ่งจีดังขึ้น

ไม่แปลกใจเลยที่เมิ่งจีจะส่งเสียงตอบกลับมาด้วยความสงสัย อย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดินีริเริ่มติดต่อเมิ่งจีไปหลังจากที่ทั้งสองมีศาสตราสื่อสารเชื่อมต่อกัน

“ผู้อาวุโสเมิ่ง…”

จักรพรรดินีเคารพเมิ่งจีมาก เนื่องจากรู้ว่าเมิ่งจีเป็นคนแรก ๆ ที่ติดตามคุณชาย ทั้งยังเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่มากที่ได้อาศัยอยู่ในลานเล็กของคุณชายเป็นระยะเวลานาน

แม้อายุที่แท้จริงของนางจะมากกว่าเมิ่งจีโข ขอบเขตปัจจุบันก็เหนือกว่า แต่นางยังคงเคารพเมิ่งจีเช่นเดิม

นางเล่าเรื่องบุตรแห่งสวรรค์โลกใหม่ให้เมิ่งจีฟัง

“คนโลกใหม่คิดว่าพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตมายา เรียกที่นี่ว่าดินแดนเก่า พวกเขาส่งบุตรแห่งสวรรค์กลุ่มใหญ่มาเพื่อใช้เลือดของพวกเราลับคมตนเอง”

นางเล่ารายละเอียด บอกทุกเรื่องราวให้เมิ่งจีฟัง

“ตอนนี้ข้าอยู่ตรงทางเข้าออกโลกใหม่!”

นางบอกตำแหน่งตนเองให้แก่เมิ่งจี

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ให้ความสำคัญอย่างมากกับดินแดนเก่า พวกเขาไม่เพียงสร้างหลายชั้นสกัดกั้น ยังหลงเหลือทางเข้าออกไว้เพียงแห่งเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตโลกใหม่เข้าสู่ดินแดนเก่าตามใจชอบ

ขณะเดียวกันก็ยับยั้งไม่ให้สิ่งมีชีวิตดินแดนเก่าเข้าสู่โลกใหม่

“รอข้าก่อน ข้ากำลังไป ไว้ค่อยคุยกันต่อ”

น้ำเสียงเมิ่งจีสงบนิ่งมาก แม้เขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกใหม่นัก แต่ก็ยังนับว่ารับรู้อยู่บ้าง รู้ว่าโลกใหม่ถูกเรียกว่าดินแดนที่แท้จริง

เขายุติการสื่อสาร รีบตรงไปหาจักรพรรดินี

“นี่คือเรียกคนมาช่วย?”

“น่าขันนัก สิ่งมีชีวิตมายาอย่างพวกเจ้าต้องการตีตนเสมอโลกใหม่อย่างพวกข้า?”

“ตื่นได้แล้ว”

“สิ่งมีชีวิตมายาอย่างพวกเจ้าล้วนถูกเหล่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่ของพวกข้าสร้างขึ้นมา กล่าวว่าผู้ยิ่งใหญ่โลกใหม่เป็นบิดามารดาของพวกเจ้าก็ไม่เกินจริง พวกเจ้ายังคิดจะเนรคุณต่อต้านผู้ให้กำเนิดหรือ? น่าขันยิ่งนัก!”

“หาเรื่องทำลายตนเอง!”

“หากเจ้ามีสติปัญญาอยู่บ้างก็ปล่อยพวกข้าไปเสีย เช่นนั้นเจ้ายังคงเหลือหนทางรอด!”

อีกด้านหนึ่ง เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ได้ยินบทสนทนาของหยวนอีและเมิ่งจีต่างก็เหยียดหยามดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง

ในมุมมองของพวกเขาแล้ว จักรพรรดินีเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตมายา ต้องการตีตนเสมอโลกใหม่ ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้าแล้ว!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Score 10
Status: Completed
‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน! ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

Options

not work with dark mode
Reset