รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]บทที่ 1013 บ่วงกรรมกำเนิดรูปร่าง หนนี้จบสิ้นแล้วจริง ๆ!

บทที่ 1013 บ่วงกรรมกำเนิดรูปร่าง หนนี้จบสิ้นแล้วจริง ๆ!

บทที่ 1013 บ่วงกรรมกำเนิดรูปร่าง หนนี้จบสิ้นแล้วจริง ๆ!

บทที่ 1013 บ่วงกรรมกำเนิดรูปร่าง หนนี้จบสิ้นแล้วจริง ๆ!

“พอเสียที เด็กสามขวบเท่านั้นที่จะติดกับเจ้า!”

เอ้อเมิ่งขำพรืด “หากเจ้าหาข้าพบจริง ข้าเรียกเจ้าว่าท่านพ่อยังได้!”

มันนั่งไขว่ห้างสบายใจอยู่บนหินก้อนหนึ่ง อย่างไม่เชื่อว่าต้นหลิวจะหามันพบ

ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์เชียวนะ หนึ่งในสิบสุดยอดค่ายกลที่ท่านผู้นั้นสร้างขึ้น มันสลักออกมาอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังใช้สมบัติลับระดับล้ำขีดมากมายเป็นบ่อกำเนิดพลัง ไฉนเลยจะถูกพบ ไม่มีทางเลย!

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเรียกได้เลย”

ต้นหลิวปริปาก “เจ้าคิดว่าข้าหลอกเจ้ารึ น่าขัน ข้ายังไม่ถึงขั้นต้องทำเช่นนั้น เจ้านั่งอยู่บนหินยักษ์ก้อนหนึ่ง ไขว่ห้างอยู่ใช่หรือไม่”

“บัด…ซบ!”

เอ้อเมิ่งตะลึง เด้งตังขึ้นจากหินยักษ์ คงไม่ใช่เรื่องจริงกระมัง ต้นหลิวมองเห็นมันได้จริงหรือ?

“หาตัวเจ้าง่ายเหมือนพลิกมือ! จุดที่เจ้าอยู่มีหินยักษ์เก้าก้อน ต้นไม้อับเฉาแปดต้นใช่หรือไม่”

ต้นหลิวกล่าว “ลูกข้า เรียกข้าสิ”

คราวนี้ เอ้อเมิ่งร้อนใจแล้วจริง ๆ

มันสอดส่ายสายตาไปรอบ ๆ ทุกอย่างล้วนเป็นตามที่ต้นหลิวว่า จุดที่มันอยู่มีหินยักษ์เก้าก้อน ต้นไม้อับเฉาแปดต้น!

เป็นไปได้อย่างไร?!

มันไม่อาจเชื่อได้ลง!

ต้นหลิวมองเห็นภาพภายในนี้จากข้างนอกได้อย่างไร

ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ไม่ได้ผลสักนิดต่อหน้าต้นหลิวอย่างนั้นหรือ

เสี้ยวลมหายใจนั้น ใบหน้าของมันแดงก่ำด้วยความอาย

เพราะเมื่อครู่มันกล่าวว่าหากต้นหลิวเจอมันจริงมันจะยอมเรียกต้นหลิวว่าท่านพ่อ!

“เป็นอะไรไป ไม่รักษาวาจาหรือ”

ต้นหลิวหัวเราะ “เจ้ายอมทิ้งศักดิ์ศรีอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ด้วย”

“เหลวไหล! ข้าหมายถึงเจ้าหาข้าเจอ ไม่ใช่มองเห็นข้า! เจ้าต้องหาข้าจนเจอ มาอยู่ต่อหน้าข้าถึงนับ!”

เอ้อเมิ่งกัดฟันเอ่ย

“ยากตรงไหน ข้าจะเข้าไปหาเจ้าเดี๋ยวนี้”

ต้นหลิวก้าวเท้าบุกเข้าไปในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์

ก้านหลิวชะล้างผสานเป็นหนึ่งกับมัน มันมั่นใจเต็มเปี่ยม กล้าไปทุกที่

เมื่อเห็นต้นหลิวเข้ามาในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์เอ้อเมิ่งพลันยินดีปรีดา

ต้นหลิวในยามนี้เต็มไปด้วยความพิศวง มันไม่กล้าปะทะซึ่งหน้า ใครเล่าจะคิด ต้นหลิวกลับโอหังเกินควร ริอ่านบุกเข้ามาในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์เช่นนี้!

มันดีใจมาก

“กล้าเข้ามาในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ ข้าก็กล้าทำให้เจ้าไม่ได้กลับไปอีก!”

มันลงมืออย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล ควบคุมค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์จู่โจมต้นหลิว

จากชื่อของค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ก็พอรู้ได้ว่าไม่ใช่ค่ายกลประสงค์ดีแต่อย่างใด ใช่แล้ว นี่คือมหาค่ายกลพิฆาต น่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด แฝงไว้ด้วยพลังสังหารเกินจินตนาการ!

ตู้ม!

เอ้อเมิ่งควบคุมค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์จู่โจมยกแรก ชั่วขณะนั้น มหาสมุทรอสนีบาตไร้ที่สิ้นสุดปรากฏ สายฟ้ามหึมาขนาดเท่ามังกรยักษ์ฟาดผ่าออกไปมหาศาล สายฟ้าทุกสายสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตล้ำขีดขั้นสิบได้ง่ายดาย

ต้นหลิวไม่นึกเกรงกลัว ส่องแสงทั่วร่างเจิดจ้าแยงตา ฝ่าออกมาจากอัสนีอันนับไม่ถ้วนนั่น

มันผู้ประสานเป็นหนึ่งกับก้านหลิวชะล้างแล้วแกร่งกล้าน่าครั่นคร้ามตั้งไม่รู้เท่าใด แม้แต่มันเองยังไม่ทราบ

โฮกกก!

การโจมตียกที่สองตามมาติด ๆ อสูรโบราณโผล่ออกมานับคณา บุกไปสังหารต้นหลิว

สีหน้าต้นหลิวเย็นชา ดุดันองอาจ ปล่อยออกไปหมัดแล้วหมัดเล่า อสูรโบราณถูกมันเล่นงานจนแหลกเละตัวแล้วตัวเล่า จวบจนหายไปอย่างสิ้นเชิง!

“วิถีสลาย!”

เอ้อเมิ่งแผดเสียงเย็น จู่โจมอีกครั้ง

นี่คือการโจมตียกที่สามของค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ แฝงไว้ซึ่งพลังวิถีสลาย สามารถสลายพลังที่สิ่งมีชีวิตบำเพ็ญจนได้มา

ชั่วขณะนั้น พลังอันมองไม่เห็นครอบคลุมไปทางต้นหลิวอย่างรวดเร็ว กฎระเบียบพิเศษโลดแล่นพวยพุ่ง พลังกฎระเบียบกล้าแกร่งไหลเวียนหมายจะสลายการบำเพ็ญของต้นหลิว

ฟึ่บ!

ม่านแสงเจิดจ้าซัดสาดออกจากตัวต้นหลิว ลบล้างพลังจากวิถีสลายทันที พลังในตัวมันยังคงพลุ่งพล่าน ไม่ได้ถูกสลายไปแต่อย่างใด

“คุกจองจำ!”

เอ้อเมิ่งคำรามอีกครั้ง เริ่มการโจมตียกที่สี่ พลังมหาศาลร่วงหล่นลงมาในพริบตา กลายเป็นคุกกฎระเบียบ จองจำต้นหลิวไว้ภายใน

ทว่าใต้ปรมัตถ์ของต้นหลิว คุกกฎระเบียบนี้ถูกต้นหลิวอัดจนระเบิดในทันใด ไม่อาจกักขังต้นหลิวไว้ได้เลย

“ผิดธรรมชาติ…ยิ่งนัก!”

เอ้อเมิ่งสบถ หน้าเป็นสีขาวไม่สู้ดี

มันแทบไม่อาจเชื่อได้เลย เต็มไปด้วยความตะลึง

มันเคยประจักษ์ถึงพลังของต้นหลิวมาก่อน ขอบเขตล้ำขีดขั้นสิบเอ็ดนับว่าสุด ๆ แล้ว ไม่มีทางถึงล้ำขีดขั้นสิบสอง

แต่ตอนนี้ พลังที่ต้นหลิวสำแดงออกมาเหนือกว่าล้ำขีดขั้นสิบสองไปไกล!

มันไม่เชื่อว่านี่คือพลังอันแท้จริงของต้นหลิว ที่ต้นหลิวมีพลังขนาดนี้ย่อมได้รับมาจากหลี่จิ่วเต้าแน่นอน

มันสำนึกเสียใจเหลือแสน หากรู้อย่างนี้ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ควรไปยุ่งกับหลี่จิ่วเต้า บัดนี้สิดี มันอยากหนียังหนีไม่พ้น!

“ฆ่า!”

มันไม่คิดลังเล จู่โจมยกที่ห้า

บัดนี้ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์คือไพ่ตายสุดท้ายของมัน มันจำต้องหวังพึ่งค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ เพราะหากมันออกจากค่ายกลนี้ก็จะยิ่งไม่ใช่คู่มือของต้นหลิว

ทว่าต้นหลิวแข็งแกร่งจนพิสดาร แข็งแกร่งจนเกินควร จู่โจมยกที่ห้าแล้วต้นหลิวยังไม่เป็นอันใด ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงน้อย

มันอยากร่ำไห้นัก เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?

ต้นหลิวใกล้มันเข้ามาเรื่อย ๆ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อมันต้องตายในมือต้นหลิวแน่

“ไม่!”

มันส่งเสียงคำราม ไม่เต็มใจถูกต้นหลิวสังหารทั้งอย่างนี้ มันระเบิดพลังอย่างบ้าคลั่งก่อนจะถ่ายทอดเข้าไปในค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ อีกทั้งปลุกพลังของศาสตราระดับล้ำขีดทั้งหมด!

แต่เดิมการจู่โจมยกที่ห้าถือเป็นขีดจำกัดของมันแล้ว มันไม่อาจเริ่มการโจมตียกที่หกได้

แต่มันเจ็บใจนัก ไม่อยากถูกต้นหลิวปลิดชีพง่าย ๆ จึงเริ่มเร่งกำลังเอาเป็นเอาตาย ฝืนจู่โจมยกที่หก

คราวนี้ สถานการณ์พิเศษอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับการจู่โจมห้ายกก่อนแม้แต่น้อย

การจู่โจมยกที่หกสงบเหลือคณา หาได้มีคลื่นพลังสยดสยองแต่อย่างใด และมิได้มีภาพการณ์น่าสะพรึงปรากฏ ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น

ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ต้นหลิวกลับยิ่งให้ความสำคัญ

มันรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความเงียบงันก่อนพายุโหมเท่านั้น ทันทีที่ความสงบผ่านพ้น ต่อไปจะต้องมีการโจมตีสยดสยองน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งยวดปรากฏแน่นอน

ตามคาด ผ่านไปไม่นาน ภาพร่างหนึ่งค่อย ๆ ก่อร่างปรากฏในลมหายใจต่อมา

ภาพร่างนี้ดูไม่มีสิ่งใดพิเศษ ธรรมดาดาษดื่น และปราศจากพลังปราณน่าครั่นคร้าม ทว่าภาพร่างอันแสนสามัญนี้กลับสร้างความรู้สึกคุกคามแก่ต้นหลิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

มันรับรู้ถึงภยันตรายใหญ่หลวง!

เสียงดังฟึ่บ มันไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ภาพร่างอันธรรมดานี้ก็ปรี่เข้ามาประชิดตัว ต่อยกระแทกตัวมัน!

มันกระเด็นออกไปทันที มีรอยร้าวคืบคลานทั่วร่างอย่างรวดเร็วประดุจใยแมงมุม!

ตึง!

ต่อมา อีกครั้งที่มันตั้งตัวไม่ทันสักนิด ภาพร่างนั้นก็ปรี่เข้ามาเบื้องหน้ามันอีกครา ก่อนจะถีบเข้าที่ตัวมัน!

ชั่วพริบตานั้น ครึ่งร่างของมันแหลกลาญ!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ภาพร่างนั้นลงมือเฉียบขาดไม่ยืดเยื้อ ไม่เปิดโอกาสให้ต้นหลิวหายใจ บุกมาประชิดตัวต้นหลิวอีกครั้ง

อีกฝ่ายนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง ทุกหมัดและลูกเตะแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล ต้นหลิวปัดป้องไม่หวาดไม่ไหว ถูกเล่นงานจนร่างกายแหลกเหลวอย่างสิ้นเชิง!

เอ้อเมิ่งเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งอก

จู่โจมยกที่หกต่างหากคือการโจมตีอันน่ากลัวที่สุดของค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์ สามารถสะท้อนภาพร่างของร่างนั้นออกมา!

และนี่เห็นหนึ่งในสาเหตุที่ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์เป็นหนึ่งในสิบค่ายกลแข็งแกร่งที่สุด!

สิบค่ายกลใหญ่ล้วนสะท้อนภาพร่างท่านผู้นั้นออกมาต่อสู้ได้ เพียงแต่ภาพร่างที่สะท้อนออกมาทรงพลังไม่เท่ากัน

ค่ายกลขุนพลฮุ่นหยวนสรรพเคราะห์อยู่ในอันดับสิบ และเป็นหนึ่งในสิบค่ายกลใหญ่เพียงอย่างเดียวที่มันกางได้ ภาพร่างสะท้อนของท่านผู้นั้นจึงอ่อนพลังที่สุด

ทว่าแม้จะอ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นภาพร่างของท่านผู้นั้น แฝงไว้ด้วยพลังเกินจินตนาการ!

ต้นหลิวถูกทำร้ายจนแหลกลาญไปทั้งร่าง กลายเป็นหมอกเลือดมวลหนึ่ง ร่างนั้นยังไม่ยอมหยุดมือ ต่อยกระแทกหมอกเลือดอีกครั้งหมายจะสังหารต้นหลิวลงอย่างสิ้นเชิง ลบล้างร่องรอยทุกอย่างของต้นหลิว

ทว่าเวลานั้นเอง หมัดที่ภาพร่างนั้นที่ต่อยกระแทกหมอกเลือดถูกหยุดยั้ง!

ท่ามกลางหมอกเลือด มือข้างหนึ่งปรากฏฉับพลัน กำหมัดของภาพร่างนั้นไว้

หมอกเลือดที่แผ่กระจายรวมตัวอย่างรวดเร็ว ต้นหลิวปรากฏกายอีกครั้ง!

เสียงดังตึง มันเตะด้านข้างใส่ภาพร่างนั้นจนกระเด็น!

ก้านหลิวชะล้างมอบพลังที่แกร่งกล้ายิ่งขึ้นแก่ต้นหลิว!

ตู้ม!

ภาพร่างนั้นไม่สู้ประชิดตัวอีก สำแดงวิชาลับออกมานานัปการ น่ากลัวชวนให้หวาดหวั่นเหลือคณา ทุกสิ่งทุกอย่างแหลกเหลวจนสิ้น!

“ฆ่า!”

ต้นหลิว ‘ตู้ม!’ ได้เกรงกลัว บุกไปข้างหน้าทันที

มันสำแดงมวยไทเก๊ก ทลายสรรพางค์วิชาด้วยหนึ่งหมัด ดุดันมหัศจรรย์ถึงขีดสุด!

ภาพร่างนั้นถอยกรูดด้วยสู้ต้นหลิวไม่ได้ ลงท้ายก็ระเบิดเสียงดังตู้มอย่างไม่เหลือซากด้วยมวยไทเก๊กของต้นหลิว!

“สิ่งใดหรือคือมายา สิ่งใดหรือคือความจริง ข้าหาได้สนใจในความจริงเท็จ ข้าสนใจเพียงท่านผู้นั้น…ที่ข้าเฝ้าพิสูจน์ความจริงเท็จเพียงเพราะต้องการยืนยันว่าท่านผู้นั้นดำรงตนอยู่จริง ข้าต้องการตามหาท่านผู้นั้น!”

ร่างนั้นถูกอัดจนแหลกสลาย แต่กลับมีเสียงดังออกมา นี่คือความคิดความอ่านของผู้เบิกทางท่านนั้นหรือ

เสียงดังพรวด เอ้อเมิ่งกระอักเลือดคำใหญ่ ได้รับแรงกระเทือนมหาศาล ร่างของมันแทบระเบิด การที่ภาพร่างนั้นแหลกเหลวส่งผลกระทบต่อมันอย่างแสนสาหัส

“ข้าไม่ได้พิสมัยให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านพ่อ ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่ต้องการลูกเนรคุณเช่นเจ้า!”

ต้นหลิวก้าวเข้าไปปลิดชีพเอ้อเมิ่งอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดไปมากกว่านั้น

นี่คือผู้ที่คุณชายต้องการฆ่า ไม่มีทางรอดออกไปแน่!

พลันก้านหลิวชะล้างพุ่งออกจากตัวมันก่อนจะโรยตัวอยู่ในฝ่ามือ

“กลับไปรายงานคุณชาย”

มันไปจากที่นี่

คราวนี้ มันไม่ต้องกังวลว่าจะมีสำนึกแห่งโรคติดตามมาอีก มีก้านหลิวชะล้างอยู่ ย่อมไม่มีสำนึกแห่งโรคใดสามารถติดตามมันมาได้อีก

จะว่าไป เอ้อเมิ่งผู้นี้ก็สมควรตายแล้ว

คุณชายเคยให้โอกาสเอ้อเมิ่ง อนิจจา เอ้อเมิ่งไม่รู้จักถนอม

“คุณชายเก่งกาจปานใด ไฉนเลยจะไม่รู้ภูมิหลังของเอ้อเมิ่ง แต่ที่คุณชายพาเอ้อเมิ่งกลับมาทั้งที่รู้ภูมิหลังของมันบ่งบอกว่าคุณชายอยากให้โอกาสเอ้อเมิ่งสักครา”

ต้นหลิวกล่าว “ประโยคคุณชายที่ว่า ‘ข้าหวังให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ยากเช่นนั้นเลยหรือ’ เป็นข้อบ่งชี้ที่ดีที่สุด”

ซ้ำคุณชายยังให้เอ้อเมิ่งเข้าไปในรถลาก สรรพสิ่งในรถลากมหัศจรรย์เพียงใด เห็นได้ชัดว่าคุณชายต้องการให้เอ้อเมิ่งยอมถอดใจหลังตระหนักถึงความยากเย็น

หารู้ไม่ เอ้อเมิ่งไม่เพียงแต่ไม่ถอดใจ ซ้ำร้ายยังลงมือต่อ นับว่าทำตัวเองสมควรตายโดยแท้

ไม่นานนักมันก็กลับไปถึงด้านคุณชาย กล่าวรายงานคุณชาย “โชคดีที่ทำตามบัญชาได้ ข้าจัดการเจ้านั่นเรียบร้อยแล้ว”

“อืม จัดการไปแล้วก็ดี”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “การแก่งแย่งชิงดีในใต้หล้านี้น้อยลงหน่อยไม่ดีหรือ ทำไมจะต้องช่วงชิงกันไปมาด้วย…”

ยังดีที่เขามีวาสนาผูกบุญไว้กับบรรพจารย์ฝู มียอดศาสตราจำนวนหนึ่งในมือ มิฉะนั้น มันคงยากจะมีที่ยืนในโลกแห่งการฝึกตน

‘จะว่าไป ไม่รู้ว่าช่วงนี้บรรพจารย์ฝูทำอะไรอยู่’

เขานึกถึงบรรพจารย์ฝูขึ้นมา ท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น บัดนี้พำนักอยู่ที่ใด ทำอะไรอยู่ บำเพ็ญเพียรในแดนฝึกตนอยู่หรือ

ดินแดนฮวง

ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตา บนเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

ที่นี่มีหลุมศพอยู่หนึ่งหลุม ดูแล้วไม่ได้อยู่มานานเท่าใด กระนั้นก็น่าจะมีมาหลายปีแล้ว และมีป้ายหลุมศพไร้อักษรอยู่ป้ายหนึ่ง

แคร่ก!

เวลานั้นเอง เสียงแตกหักดังออกมาจากหลุมศพ โลงศพด้านในถูกทำลาย ใครบางคนคลานออกมาจากหลุมศพ

“ฝังตัวเองไว้ตั้งนาน บ่วงกรรมเหล่านั้นคงผ่านพ้นไปแล้วกระมัง”

คนผู้นั้นชะโงกหัว สอดส่ายสายตาไปซ้ายทีขวาทีอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่ารอบข้างสงบปราศจากอันตรายก็โล่งอก ก้าวออกมาจากหลุมศพ

ใช่แล้ว เขาก็คือบรรพจารย์ฝู เนื่องจากมีพลังบ่วงกรรมยิ่งใหญ่ไม่ทราบที่มาจุติลงบนตัวเขา เขาหวาดหวั่นจนต้องฝังตัวเองไว้ภายในหลุมศพ

“ไม่เป็นไรแล้วจริงด้วย ไม่รู้สึกถึงบ่วงกรรมอันใด คิดแล้วบ่วงกรรมนั้นคงดำรงอยู่เพียงวูบเดียว จุติบนตัวข้าเป็นครั้งคราวเท่านั้น!”

เขาปีติยินดี เตะหลุมศพที่เขาตั้งขึ้นเองจนกระจาย

“สิ่งแวดล้อมในปฐพีนี้พลิกผัน สสารระดับสูงมากมายพวยพุ่งไม่หยุด ข้าซ่อนตัวอยู่ตั้งนาน ได้เวลาออกไปผจญภัยแล้ว!”

เขาหัวเราะร่วนเอ่ยอย่างเบิกบานใจ “มหาสมุทรกว้างใหญ่ตามแต่ปลาจะว่ายวน ผืนนภาไพศาลตามแต่วิหคจะโบยบิน โลกอันหฤหรรษ์ข้างนอกนั่น ต้อนรับการมาเยือนของข้าเสียเถิด!”

ทว่าเวลานั้นเอง เสียงกัมปนาทดังกระหึ่มอยู่บนท้องฟ้า

บรรพจารย์ฝูเห็นลำแสงมากมายจุติลงมาใส่เขา

“นี่มัน…ไม่จบไม่สิ้นเลยหรือ!”

เดิมเขาคิดว่าบ่วงกรรมที่จุติลงตัวเขาปรากฏเพียงวูบเดียว เป็นสภาพการณ์บังเอิญ ทว่าความจริงหาใช่เช่นนั้น

เขามีเอี่ยวกับบ่วงกรรมใหญ่จริง ๆ ซ้ำยังไม่ใช่การปรากฏเพียงวูบเดียวโดยบังเอิญ!

บ่วงกรรมนั้นมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ทว่าเวลานี้ บ่วงกรรมเหล่านี้กลับกำเนิดรูปร่าง กลายเป็นสิ่งมีลักษณาการ ฟาดผ่าตัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

นั่นบ่งบอกว่าเป็นบ่วงกรรมที่ว่าสยดสยองเหลือแสน!

“จบเห่แล้ว! ข้าตายแน่!”

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ไม่เหลือความหวังในใจ เขาคืนสภาพหลุมศพที่ถูกเตะกระจาย แล้วมุดเข้าไปในโลงศพ ฝังร่างตนเองอีกครั้ง

“อยู่รอความตายต่อไปเถิด…”

เขาไม่เหลือความหวังใดอีก เตรียมตัวรอความตายอยู่ในโลงศพ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Score 10
Status: Completed
‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน! ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

Options

not work with dark mode
Reset