ราชาซากศพบทที่ 353 การประลอง

บทที่ 353 การประลอง

    บทที่ 353

    การประลอง

    

    ”ไม่มีอะไร! ข้าเพียงคิดว่าชายชุดคลุมดำตรงนั้น ทำให้ข้ารู้สึกแปลก ๆ หลินเว่ยส่ายหัวและขมวดคิ้ว

    

    ”โอ้! งั้นหรือ!” ซางกวนฮ่าวหยางพยักหน้า จากนั้นจ้องมองไปยังทิศทางที่หลินเว่ยมองไปก่อนหน้านี้ เขามองเห็นชายในชุดคลุมที่หลินเว่ยเอ่ยถึง อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายถูกห่อร่างด้วยเสื้อคลุมสีดำ และมีหน้ากากสีดำปกปิดใบหน้าของเขา

    

    ตามธรรมชาติแล้ว ซางกวนฮ่ายหยางไม่ได้สนใจอะไร และคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีฐานะพิเศษและไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้

    

    ท้ายที่สุดแล้ว มีคนแบบนี้ไม่กี่คน ในสนามประลองแต่เขาเป็นเพียงคนเดียว ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของผู้คนจากสี่อาณาจักรใหญ่ ในความคิดของหลินเว่ย การแข่งขันตรงหน้าได้เริ่มขึ้นแล้ว หลินเว่ยจึงปล่อยวางเรื่องของชายในชุดคลุมและหันมาดูการแข่งขันอย่างจริงจัง

    

    ในความเป็นจริงสำหรับเมิ่งหูลู่ หลินเว่ยเองไม่มีความคาดหวังอะไรไว้อยู่แล้ว ท้ายที่สุดแล้วด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา จัดได้ว่าอยู่ในระดับกลางเท่านั้น

    

    ”เอ๋! ซูว่าน คนคนนั้นไม่ใช่เย่เหิงหรือ? ไม่คาดคิดว่าตนเองจะได้พบกับสหายเก่าทั้งสองคน หลินเว่ยมองเห็นซูว่านและเย่เหิงบนเวทีการท้าทาย และทั้งสองก็พยักหน้าให้หลินเว่ย

    

    ท้ายที่สุด พวกเขาสองคนเป็นลูกน้องของเขา และเย่เหิงเองก็เป็นคนรู้จักเก่าของเขา หลินเว่ยยินดีที่ได้เห็นว่า พวกเขาสบายดี

    

    บนสนามประลองการท้าทาย มีการต่อสู้นับร้อยคู่ บางครั้งมีบางคนหลุดออกจากสนามประลอง ผู้ที่มีความแข็งแกร่งจะสามารถยืนอยู่บนสนามประลองได้นานกว่า ผู้ที่อ่อนแอ ล้วนถูกกำจัดในออกจากการแข่งขัน และผู้อ่อนแอบางคนก็เลือกที่จะร่วมมือกันเพื่อ จัดการผู้ที่แข็งแกร่งออกไปก่อน จากนั้นพวกเขาค่อยมาต่อสู้กันอีกครั้ง ดังนั้นในช่วงเริ่มต้น มีนักรบส่วนใหญ่ที่หลุดออกจากเวทีท้าทายคือ นักรบขั้นราชาแห่งการต่อสู้ และมีนักรบขั้นจักรพรรดิเป็นส่วนน้อย

    

    หลังจากนั้น มีผู้คนหลุดออกจากการแข่งขันมากขึ้น เรื่อย ๆ หลินเว่ยก็มองเห็นนักรบขั้นจักรพรรดิคนหนึ่ง

    

    เขาเป็นชายผู้น่าสงสารในรอบนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยนักรบขั้นจักรพรรดิทั้งเก้าคน แม้ว่าเขาจะสามารถต่อสู้ได้อย่างสูสีกับหลายๆคน ในตอนแรก แต่เขาก็ถูกชายคนหนึ่งที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นจักรวรรดิทำให้พ่ายแพ้

    

    แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่กฎของการแข่งขันคือ หากตกลงไปจากสนามประลอง จะถือว่าพ่ายแพ้ แม้ว่าจะหลุดออกจากสนามประลองเพียงเท้าเดียวเขาก็ถือได้ว่าพ่ายแพ้เช่นกัน

    

    “ ไอ้สารเลว!” ใบหน้าของชายคนนั้นดูไม่เต็มใจ เขากัดฟันจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า การแสดงออกบนใบหน้าของเขา ปรากฏสีเขียวและแดงก่ำ ออกมาผสมปนเป รู้สึกราวกับว่าถูกคนจำนวนมากกำลังหัวเราะเยาะ

    

    ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครให้ความสนใจกับผู้ที่พลาดตกลงจากสนามประลอง แม้ว่าจะมี แต่ก็เป็นการจ้องมองแบบผ่านๆ เพราะสายตาของคนส่วนใหญ่ ล้วนจับจ้องไปที่สนามประลองและนักสู้ที่ยังคงต่อสู้ในสนาม

    

    สนามประลองลำดับที่ 21 ยังมีนักสู้อีกห้าคน ที่เหลืออยู่บนสนามประลอง ได้แก่ เฉินเฉินและ เสวี่ยมู่ อีกสามคน มีความแข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิช่วงปลาย

    

    ”เห็นแก่ความเป็นสตรี…ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า โปรดลงไปด้วยตนเองเถิด” เฉินเฉินมองไปที่เสวี่ยมู่ และพูดโดยหันหลังให้

    

    ”นี่มัน … ” เสวี่ยมู่ได้ยินคำพูดของเฉินเฉิน นางขมวดคิ้วและมองยังอีกฝ่าย จากนั้นหันไปมองที่นักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามคน ใบหน้าของนางปรากฏสีหน้ายุ่งเหยิง

    

    

    “ อะไรนะ…เจ้าจะร่วมมือกับพวกเขา เพื่อต่อสู้กับข้า? ข้าแนะนำว่าอย่าทำเช่นนี้ อย่าลืมว่าเจ้าเป็นสมาชิกของอาณาจักรเฟิงหยู แม้ว่าเจ้าจะไม่เก่งเรื่องพละกำลัง แต่เจ้าก็ยังพอถูไถไปได้

    

    ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของข้า แม้ว่าเจ้าจะร่วมมือกับทั้งสามคนนั้น แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้าขบคิดให้ชัดเจน ” เฉินเฉินมองดูเสวี่ยมู่ พลางขมวดคิ้วและพูดเสียงเข้ม ใบหน้าขึงขัง

    

    ”เอาล่ะ! ข้ายอมแพ้!” เสวี่ยมู่ รู้ตัวว่า ด้วยความแข็งแกร่งของนาง แม้ว่าจะร่วมมือกับทั้งสามคน ก็โชคดีพอที่จะแก้ปัญหาเรื่องเฉินเฉินได้ แต่นางเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสามคน . หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้

    

    เมื่อเห็น เสวี่ยมู่ กระโดดลงจากเวทีท้าทาย คนที่เหลืออีกสามคน จ้องมองเฉินเฉินอย่างประหม่า เพราะการฝึกฝนของ เฉินเฉินได้มาถึงระดับมหาจักรพรรดิ ระดับสอง และทั้งสามคนต่างก็เป็น จักรพรรดิระดับเจ็ด จักรพรรดิระดับสอง และจักรพรรดิระดับแปด

    ความแข็งแกร่งเช่นนี้ โอกาสที่จะเอาชนะเฉินเฉินได้นั้นมีน้อยมาก

    

    “ อะไรนะตอนนี้ พวกเจ้าทั้งสามคนอยากจะยอมแพ้งั้นหรือ ข้าปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป เพราะนางเป็นสมาชิกในอาณาจักรของข้า แต่สำหรับพวกเจ้า ข้าไม่ได้ใจดีนัก แม้ว่าจะไม่สามารถสังหารคนได้ , แต่ไม่มีข้อบังคับในการทุบตีและทำให้พิการ?” เฉินเฉินพูดและมองหน้าไปยังชายทั้งสามคน

    

    ”ฮึ่ม! ทำเป็นพูดดี…ข้าคิดว่าเจ้าหวาดกลัวหญิง ระดับราชาแห่งการต่อสู้เสียอีก จักรพรรดิระดับแปดเหยียดริมฝีปากของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    

    ”ข้าคิดเช่นเดียวกับเจ้า กลัวว่าหลังจากที่เจ้าทำร้ายผู้หญิงแล้ว อาจถูกคนวิจารณ์เกี่ยวกับศีลธรรมในใจของเจ้า?” นักรบจักรพรรดิระดับเจ็ด กล่าวสมทบ

    

    อย่างไรก็ตาม มีอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่คิดเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะยืนอยู่กับทั้งสองคน แต่เมื่อเขามองเห็นท่าทางของทั้งสองคน เขาก็จงใจขยับหนี

    เมื่อเห็นเช่นนั้นชายทั้งสองคนก็ไม่ใส่ใจ แต่ในสายตาของเฉินเฉินนั้น สามารถรับรู้ได้

    

    เฉินเฉินเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย นั่นคือ เรื่องของพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า หลังจากเข้าใจแล้ว เฉินเฉินก็พูดกับชายคนนั้นว่า “เจ้าลงไปซะ! หากไม่ต้องการทำให้ข้าขุ่นเคือง … ”

    

    ”ฮึ่ม! หากทำให้เจ้าขุ่นเคืองแล้วอย่างไร แค่อาณาจักร เฟิงหยูที่อยู่เบื้องหลังเจ้าและเป็นอาณาจักรระดับล่างมาโดยตลอด เจ้าไม่กลัวที่ขัดแย้งกับอาณาจักรมืดโบราณ และอาณาจักรกังหลันหรือ?” นักรบจักรพรรดิระดับแปด เมื่อเห็นผู้คนรอบตัว เขาก็จงใจพูดยั่วยุ ภายใต้การคุกคามของเฉินเฉิน เขาเอ่ยพูดอย่างรีบร้อน .

    

    ”นี่ … ” เมื่อได้ยินคำพูดของคนคน นั้น ชายคนที่ไม่ต้องการต่อสู้ฝืนยิ้มทันที ด้วยรอยยิ้มเหยเก เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี

    

    ”สารเลว! ข้าจะจัดการเจ้าคนแรก ในเวลานี้ จู่ ๆเฉินเฉินก็ลุกลี้ลุกลน เขาโบกดาบสามครั้งติดต่อกัน ปรากฏดาบสามเล่ม และสับไปที่อีกสามคนตามลำดับ

    

    จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไป ไปยังจักรพรรดิระดับแปด แห่งอาณาจักรมืดโบราณทันที

    

    ”เข้ามา!” ชายแห่งอาณาจักรมืดโบราณ หลังจากได้เห็น ดาบทั้งสามเล่มของเฉินเฉิน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปและใช้พลังหมัดเหวี่ยงออกไปเพื่อป้องกันและลดการปะทะ

    

    “ หมัดภูผาทลาย” ปรากฏผนึกสีส้มทั้งสาม มีขนาดเล็กกว่ากัน แต่มีความกระชับและคล่องตัวกว่ามากกว่า

    

    ”ปัง!” หลังจากนั้น ผนึกรูปร่างคล้ายกำปั้น ขนาดเท่าอ่างล้างหน้า ชนเข้ากับมีดรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ยาวสองเมตรของเฉินเฉิน มันต่อต้านได้เพียงชั่วครู่ จากนั้นก็พ่ายแพ้ต่อดาบ และสลายหายไปในอากาศ

    ในตอนนี้ ดาบของเฉินเฉินได้ปะทะกับผนึก เป็นครั้งที่สอง จากนั้นเริ่มไม่เสถียรและสลายหลังจากปะทะเข้ากลับไปโดยผนึกรูปกำปั้นในครั้งที่สาม

    

    ชายทั้งสองคนที่เหลือรู้สึกร้อนรน แม้ว่านี่จะดูเหมือนเป็นการโจมตีแบบสุ่มของเฉินเฉิน แต่พลังของมันก็แข็งแกร่งกว่านักรบจักรพรรดิทั่วไปมาก

    

    ในตอนนี้ร่างของเฉินเฉินได้พุ่งไปที่ด้านหน้าของทั้งสามคนแล้ว และเตรียมพร้อมจะหักแขนของพวกเขาตามที่พูด

    

    ”สายไปแล้ว! วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้า หักแขนขาของเจ้า และดูว่าเจ้ายังจะสามารถใช้พลังหมัดบ้าบอของเจ้าได้อีกหรือไม่” มองไปที่ชายที่อยู่ใกล้ ๆ ดวงตาของเฉินเฉินเต็มไปด้วยสีเลือด ใบหน้าของเขาดุร้าย และเขาก็กรีดร้องดังลั่น

    

    ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปเหนือศีรษะของอีกฝ่ายแล้ว จากนั้นเขาก็ถือมีดไว้ในมือทั้งสองข้าง และยกขึ้นเหนือศีรษะ เมื่อร่างของเขาร่อนลง ดาบในมือก็โบกลงพร้อมๆกัน

    

    อย่างไรก็ตามเป้าหมายในการโจมตีของเขาคือ แขนขวาของฝ่ายตรงข้าม เห็นได้ชัดว่าเฉินเฉินไม่ได้ถูกกระตุ้น จนถึงขั้นเสียสติไปตามคำพูดของอีกฝ่าย ท้ายที่สุดแล้วหลงฉีก็พูดเพียงกฎก่อนหน้านี้ และบทลงโทษสำหรับการสังหารคนนั้นหนักมาก

    

    เมื่อดาบของเฉินเฉินตัดจากด้านบนลงด้านล่าง ชายแห่งอาณาจักรมืดโบราณ ก็ปรากฏรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา ดวงตาของเขากลับกลายเป็นสีดำทันที หลังจากดวงตาของเฉินเฉินเผลอสบตาไปโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ทำให้อีกฝ่ายสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

    

    หลังจากที่เฉินเฉินร่อนลงมา เขากลับกระแทกลงไปที่พื้น ทั้งร่างหยุดนิ่ง และสายตาของเขาก็ไม่ได้ปรากฏร่องรอยของความมีชีวิตชีวา มันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความว่างเปล่าเมื่อยามสบตาเขา

    

    ”นี่เขากำลังทำอะไรอยู่?” นักรบอาณาจักรโบราณกังหลันตกใจมาก กับท่าทีของเฉินเฉิน เขาถอยกลับครั้งแล้วครั้งเล่า เขาดูและยืนอยู่ที่นั่น แต่เฉินเฉินก็ยังไม่ขยับตัว เขาเอ่ยถามด้วยความตกใจ

    อีกคนหนึ่งมองไปที่ชายตรงหน้าเฉินเฉิน ด้วยใบหน้าที่ตื่นตัว เขาก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่า ชายอีกคนใช้วิธีการแปลก ๆ อะไร ในการทำให้เฉินเฉินไร้ซึ่งการต่อต้าน

    

    “ พลังวิญญาณ?” หลินเว่ยรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาฉุกคิดได้

    

    เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่าง เสวี่ยมู่และหลินเว่ย หลินเว่ยจึงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด กับสถานการณ์ของเวทีการประลอง เดิมทีเขาคิดว่าเฉินเฉินจะยุติการต่อสู้ ในเวลาอันสั้น แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นฉากประหลาดนั้น

    

    ”ปรมาจารย์! ข้าไม่รู้ว่า ท่านสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนหรือไม่ว่า ผู้ชายคนนั้นใช้พลังแบบใด มันคือพลังจิตหรือไม่?” หลินเว่ยไม่เข้าใจ แต่โชคดีที่ในร่างกายของเขานั้น จินหยูที่ไม่จำเป็นต้องหลับลึก ดังนั้นหลินเว่ยสามารถสอบถามจากเขาได้ตลอดเวลา

    

    “ มันคือพลังจิต… แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากเขา?” จินหยูพยักหน้าและขมวดคิ้ว

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset